Library Guardian เสกรักใสใส่หัวใจคุณผู้พิทักษ์

Library Guardian เสกรักใสใส่หัวใจคุณผู้พิทักษ์

1 รีวิว  1 รีวิว    
รหัสสินค้า: 9786160609536
ผู้แต่ง: TheLittleFinger
ของหมดถาวร (ต้องการสินค้า)
ราคา: 219.00 บาท 54.75 บาท
ประหยัด: 164.25 บาท ( 75.00% )

เนื้อหาบางส่วน

บทนำ

 

‘ปุจฉา...

เมื่อกล่าวถึงคำว่า ‘ห้องสมุด’ แล้ว...อะไรคือสิ่งที่ผุดขึ้นมาในหัวของคุณ’

 

สถานที่ซึ่งบรรยากาศดูทึมๆ อับๆ และเต็มไปด้วยชั้นหนังสือ มีการจัดวางหนังสือบนชั้นแยกกันไปตามหมวดหมู่ บางทีก็ค้นหายาก บางทีก็พอจะค้นหาง่าย...

สถานที่ซึ่งมีโต๊ะและชุดเก้าอี้วางเรียงรายให้ได้นั่งค้นคว้าหาความรู้จากในหนังสือเล่มที่หยิบมาอ่าน...

สถานที่ซึ่งเต็มไปด้วยโคมไฟ อาจจะเป็นไฟสว่างจากหลอดนีออนสีขาว โคมไฟประดับให้ดูเก๋ไก๋ หรือแม้กระทั่งแชนเดอเลียทองเหลืองดูคลาสสิกและเปี่ยมไปด้วยมนตร์ขลัง...

สถานที่ซึ่งถูกปกปักและดูแลความเป็นระเบียบเรียบร้อยด้วยมือของบรรณารักษ์ผู้มีความรอบรู้เกี่ยวกับเหล่าหนังสือนับพันนับหมื่นเล่มที่อยู่ภายในห้องสมุดนี้ทั้งหมด

แต่จะมีกี่คนกัน...ที่คิดได้ว่านอกจากสิ่งเหล่านี้แล้ว มันอาจจะมี ‘อะไรบางอย่าง’ อยู่ภายในห้องสมุดด้วย...

‘อะไรบางอย่าง’ ที่อาจจะยังไม่มีคำจำกัดความที่แน่นอน...

ความลึกลับ ความพิศวง ความมหัศจรรย์ ความอัศจรรย์ ความแปลกประหลาด สิ่งที่อยู่นอกเหนือธรรมชาติ หรือทั้งหมดทั้งสิ้นที่กล่าวมา มันอาจจะรวมอยู่ในตัวตนหรือสิ่งของอะไรบางอย่างที่ซุกซ่อนอยู่ในห้องสมุด...

‘อะไรบางอย่าง’ ที่น้อยคนนักจะได้รับรู้...

หรือถ้ามีโอกาสได้รับรู้...ก็อาจจะพยายามทำเหมือนว่าไม่ได้พบเห็นเพื่อความสบายใจของตัวเอง...

แต่หากใครยังไม่รับรู้ และอยากจะลองรับรู้ดูสักครั้งล่ะก็...

ลองเข้าไปในห้องสมุดสิ

เปิดตาสองข้าง เปิดใจออกกว้าง แล้วลองมองไปโดยรอบดูให้ดีสักหน...

บางที... ‘อะไรบางอย่าง’ ที่ว่านั่น...มันอาจจะอยู่ใกล้คุณมากกว่าที่คิดก็เป็นได้...คิดแบบนั้นมั้ยล่ะ

 

1

เพื่อนดีเป็นศรีแก่ตัว แต่ถ้าเพื่อนชั่ว...

 

“แซนด์วิชทูน่ากับมอคค่าร้อนได้แล้วค่ะ”

“ค่า” ฉันยกมือขานรับเสียงเรียกของพนักงานในร้านคาเฟ่ ปิดหนังสือในมือแล้วยัดเก็บลงในถุง ก่อนจะลุกจากโต๊ะและเดินไปยังเคาน์เตอร์ เพื่อรับเอาแซนด์วิชทูน่าที่อยู่ในถุงกระดาษรีไซเคิลสีขาวตีตราชื่อร้านเล็กๆ และแก้วกาแฟร้อนที่สั่งเอาไว้ตั้งแต่เมื่อเกือบยี่สิบนาทีก่อนมาอย่างทะนุถนอม

อา...ให้ตายสิ วันนี้ที่ร้านคาเฟ่เจ้าประจำของฉันมีลูกค้ามาใช้บริการกันอย่างล้นหลามจริงๆ ฉันไม่เคยต้องรอกาแฟนานขนาดนี้มาก่อนเลยนะ มันต้องเป็นเพราะไอ้โปรโมชั่นซื้อกาแฟแก้วแรกรับส่วนลดห้าสิบเปอร์เซ็นต์สำหรับซื้อแก้วที่สองตลอดช่วงเช้าอะไรนั่นแหงๆ ร้านแห่งนี้อยู่ไม่ไกลจากอพาร์ตเมนต์ที่ฉันพักอยู่สักเท่าไหร่นัก แถมราคาเครื่องดื่มยังไม่แพงมาก มันเลยเป็นแหล่งฝากท้องประจำให้ฉันได้เสมอ โดยเฉพาะในยามเช้าตรู่ที่ต้องการกาเฟอีนและน้ำตาลให้สมองแบบนี้

“ฮ้าววว”

ฉันใช้สองมือหอบแซนด์วิชกับแก้วกาแฟร้อน พร้อมทั้งหิ้วถุงหนังสือเดินออกมาจากร้าน ก่อนจะอ้าปากหาวกว้างๆ แบบไม่เกรงใจใครหน้าไหน หลังจากที่เดินมาจนถึงสวนสาธารณะขนาดใหญ่ซึ่งเป็นทางผ่านเวลากลับที่พัก เฮ้อออ ฉันง่วงสุดๆ เลยนะ เมื่อคืนฉันกับเพื่อนๆ พากันไปค้างห้องเพื่อนที่เก่งวิชาเศรษฐศาสตร์ที่สุดในคณะเพื่อให้ช่วยติวหนังสือเตรียมสอบในวันอาทิตย์ที่จะถึงนี้ นอกจากต้องนอนต่างที่ คนที่มาติวด้วยกันยังมีเยอะเป็นสิบกว่าคน มันเลยทำให้ฉันนอนไม่ค่อยหลับสักเท่าไหร่ ตอนนี้เริ่มง่วงมากขึ้นกว่าเดิมแล้วด้วย...หวังว่ากาแฟจะช่วยให้ฉันตาสว่างได้บ้างนะ ฉันยังมีรายงานที่ทำค้างไว้อยู่เลยอ่ะ

“เฮ้ เธอน่ะ?”

เสียงเรียกที่ไม่คุ้นหูดังขึ้น หือ? ฉันหยุดกระดกแก้วดื่มกาแฟแล้วปิดฝามันไว้ตามเดิม ก่อนจะรีบหันซ้ายหันขวาเพื่อมองหาที่มาของเสียง

อะไร ยังไง แถวนี้มีคนทะเลาะวิวาทกันแต่เช้างั้นเหรอ

“เฮ้ เธอน่ะ ทางนี้!”

เสียงนั้นดังขึ้นอีกหน และคราวนี้ฉันก็เข้าใจกระจ่างว่ามันไม่ได้ดังมาจากทางซ้ายหรือทางขวาของฉัน แต่มันมาจากทางด้านหลัง...เสียงจากผู้ชายวัยฉกรรจ์จำนวนสี่คนที่หน้าตาดูไม่น่าไว้วางใจสักเท่าไหร่

“เอ่อ...” ฉันมองซ้ายมองขวาก่อนจะชี้นิ้วเข้าหาตัวเอง เมื่อพบว่าสองข้างทางที่ยืนอยู่มันไร้ซึ่งใครคนอื่นอีกแล้วนอกจากฉัน “พวกคุณ...เรียกฉันเหรอ”

ฉันถามไปแบบนั้น ในใจภาวนาให้อีกฝ่ายตอบมาว่าไม่ใช่ หรือถ้าใช่ก็ขอให้ตอบกลับมาประมาณว่าพวกเขากำลังหลงทางเลยมาถามทางอะไรทำนองนั้น

แต่ทว่า...

“ก็ใช่น่ะสิ” หนึ่งในสี่คนนั้นเอ่ยขึ้น ก่อนจะก้าวเข้ามาใกล้ฉันมากขึ้น

“เอ่อ...แล้วเรียกฉันทำไมกัน” ฉันถามพลางกลืนน้ำลายลงคอด้วยความยากลำบาก รู้สึกว่าภายในลำคอตอนนี้มันหนืดสุดๆ นี่ฉันกำลังจะถูกกลุ่มอันธพาลรีดไถเหรอ พวกมันต้องการอะไร จับไปเรียกค่าไถ่ เอาไปซ้อมเล่น หรือว่าอะไรกันแน่ ละ...แล้วทำไมต้องเป็นฉันด้วยเล่า!

“เจ๊ให้เรามาถามว่าตกลงเงินที่เธอติดอยู่จะใช้คืนได้เมื่อไหร่หา!?” ผู้ชายคนเดิมเอ่ยพลางบีบมือตัวเองดังกร๊อบๆ ในขณะที่ฉันกะพริบตาปริบด้วยท่าทางงงเต้กอย่างไม่เข้าใจแบบสุดๆ

“หา? เงิน? เงินอะไร”

“ยังมีหน้ามาถามอีกนะว่าเงินอะไร” อีกคนหนึ่งเอ่ยขึ้นบ้าง แถมยังถลกแขนเสื้อขึ้นหมายข่มขู่ “เธอยืมเงินจากเจ๊ของเราไปตั้งเป็นหมื่นๆ ยังมีหน้ามาบอกว่าเงินอะไรอีกเรอะ”

“เป็นหมื่น ฉันเนี่ยนะ”

อ๊ากกก จะบ้าเหรอ ฉันเนี่ยนะจะไปยืมเงินใครมาตั้งเป็นหมื่นๆ แล้วแกล้งลืมเสียดื้อๆ ว่าเคยไปยืมมา ฉันไม่ได้ป่วยเป็นอัลไซเมอร์ หรือเป็นโรคละเมอลุกขึ้นมาเดินตอนกลางคืนสักหน่อย ฉันจะเป็นหนี้เจ๊อะไรนั่นได้ไงโดยไม่รู้ตัวเนี่ย!

“ก็ใช่น่ะสิ เธอติดเงินเจ๊อยู่สี่หมื่น แล้วนี่ก็เลยกำหนดวันชำระหนี้มาตั้งเกือบเดือนแล้วด้วย เจ๊ถึงได้ให้พวกเรามาตักเตือนนี่ไงเล่าสาวน้อย!”

“ดะ...เดี๋ยวสิ!” ฉันรีบยกสองมือที่ถือแซนด์วิชกับแก้วกาแฟขึ้นห้ามทันที เมื่อกลุ่มมนุษยหุ่นล่ำน่ากลัวพวกนี้ขยับเดินเข้ามาใกล้กว่าเดิมอีกนิด เหมือนจะบอกว่านี่ไม่ใช่แค่ขู่ “ฉะ...ฉันไม่ได้เป็นหนี้จริงๆ นะ! ฉันไม่เคยยืมเงินใครสักหน่อย แล้วฉันจะไปติดเงิน เอ่อ...เงินเจ๊ของพวกพี่ได้ไงกันเล่า”

“หา? นี่เธอหาว่าเจ๊เราขี้ตู่รึไง”

“กะ...ก็ฉันไม่เคยไปยืมเงินจำนวนนั้นจริงๆ นี่” ฉันครวญคราง “จะมาหาว่าฉันเอาเงินไปจ่ายค่าเทอมก็ไม่ได้นะ เพราะฉันเป็นเด็กนักเรียนทุน ค่ากินค่าอยู่กับพ่อแม่ก็เป็นคนส่งมาให้เดือนละหน ถึงจะได้ไม่เยอะ แต่ก็ใช้กินอยู่แถมยังจ่ายค่าห้องพักได้น่ะนะ แล้วแบบนี้ฉันจะไปยืมเงินใครทำไมกันเล่า”

“แต่เธอยืมเงินเจ๊!” หนึ่งในสี่คนนั้นเอ่ยเสียงดังลั่น ก่อนจะควักเอากระดาษเอสี่แผ่นหนึ่งซึ่งเป็นสำเนาบัตรประชาชนของฉันขึ้นโชว์ “นี่ไง หลักฐาน! เธอเอานี่มาใช้เป็นหลักฐานตอนยืมเงินเจ๊ชัดๆ แถมยังให้ที่อยู่ไว้เสร็จสรรพอีก!”

“หา?” ฉันเริ่มงงเต้กมากกว่าเดิมอีกเป็นห้าหมื่นเท่า...หรือว่าฉันจะเป็นโรคอัลไซเมอร์จริง ไม่ก็ละเมอลุกขึ้นมาเดินตอนกลางคืนได้เป็นเรื่องเป็นราว แต่ว่า...ถ้าฉันไปยืมเงินมาจริง มันก็ต้องมีซากเงินติดกระเป๋าฉันบ้างสิ! ฉันไม่เห็นรู้เลยว่าเคยมีเงินสดสี่หมื่นอยู่ในมือน่ะ!

“เฮอะ ถ้าไม่เชื่อก็ดูซะให้เต็มตา” ผู้ชายที่ดูเหมือนจะเป็นหัวหน้าแก๊งทวงหนี้แอ่ยขึ้น ก่อนจะกระดิกนิ้วส่งสัญญาณให้คนถือหลักฐานที่ว่านั่นเดินเข้ามาใกล้ จากนั้นจึงยื่นกระดาษเอสี่แผ่นนั้นมาตรงหน้าฉันเพื่อให้เห็นชัดๆ

เวรกรรม! นี่มันสำเนาบัตรประชาชนของฉันจริงๆ ด้วย! และไอ้ที่อยู่ซึ่งเขียนกำกับอยู่ด้านล่างเพื่อให้ตามตัวได้สะดวกก็เป็นที่อยู่ปัจจุบันของฉัน...อพาร์ตเมนท์ที่ฉันใช้เวลาเดินจากบริเวณนี้ไปถึงที่นั่นโดยใช้เวลาแค่สิบห้านาที...

แต่ว่า...ไอ้ลายเซ็นที่ตวัดรับรองสำเนาถูกต้องกับลายมือที่เขียนที่อยู่ปัจจุบันนี่มัน...

ไม่ใช่ลายเซ็นกับลายมือฉันสักหน่อย!

มันไม่ใช่ลายเซ็นฉัน...ไม่ใช่ลายมือฉัน...แต่เป็น...

อะ...อีตาเบ็น!!!

อ๊ากกกก (ใช่เลย! นี่มันลายเซ็นกับลายมือของหมอนั่นชัดๆ ไอ้เพื่อนบ้า ไอ้เพื่อนเฮงซวย! หมอนั่นทำกับฉันแบบนี้ได้ยังไงเนี่ย! แอบเอาสำเนาบัตรประชาชนของฉันไปปลอมลายเซ็นปลอมลายมือเขียนที่อยู่เอาไปใช้เป็นหลักฐานในการยืมเงินจากเจ้าหนี้เถื่อนเนี่ยนะ อะ...อะ...ไอ้เพื่อนบ้า!!!

“เดี๋ยวก่อน นี่มันไม่ใช่ลายเซ็นกับลายมือฉันนะ!” ฉันชี้ไปที่สำเนาบัตรประชาชนในมือของหนึ่งในแก๊งทวงหนี้พร้อมกับร้องลั่น “นี่มันลายเซ็นกับลายมือเพื่อนฉันต่างหากล่ะ หมอนั่นเอาสำเนาบัตรประชาชนฉันไปใช้เป็นหลักฐานในการยืมเงินเจ้านายพวกพี่อ่ะ ไม่ใช่ฉันสักหน่อย!"

“หือ? หมายความว่าไงที่ว่าไม่ใช่เธอ?” หัวหน้าแก๊งทวงหนี้ขมวดคิ้วถามฉันอย่างสงสัย

“คนที่เซ็นเอกสารแผ่นนี้คือเพื่อนฉันต่างหาก เขาเอาสำเนาบัตรประชาชนฉันไปใช้เป็นหลักฐานในการยืมเงินตั้งแต่ตอนไหนก็ไม่รู้ จริงๆ ฉันไม่ได้ยืมเองสักหน่อย!”

“เพื่อนเธอ?”

“ใช่! เขาเป็นเพื่อนฉันตั้งแต่สมัยที่อยู่อเมริกาด้วยกันก่อนที่เราจะย้ายกลับมาที่นี่แหละ คนยืมเงินไม่ใช่ฉันสักหน่อย ถ้าจะทวงหนี้จริงๆ ก็ไปทวงให้ถูกคนเซ่!”

ฮืออออ...อีตาเบ็น ไอ้เพื่อนบ้า ทำไมทำกันแบบนี้ได้ลงคอนะ! มิน่าล่ะ ฉันโทรหาหมอนั่นเมื่ออาทิตย์ก่อนตั้งไม่รู้กี่หนแต่ก็ไม่ยอมรับสาย แถมยังไม่โทรกลับมาด้วย มันแปลกสุดๆ ผิดปกติสุดๆ และปกติเขามักจะมาหาฉันที่ห้องอย่างน้อยก็อาทิตย์ละครั้งเพื่อขออะไรกินแก้หิว แต่นี่เขาไม่โผล่หน้ามาเลยร่วมสองเดือนได้แล้ว

...ที่แท้ก็เป็นเพราะสาเหตุนี้นี่เอง ไอ้เพื่อนบ้าเล่นฉันแล้วววว!!!

“เธอบอกว่าเพื่อนเธอปลอมลายเซ็นปลอมลายมือ?”

“ใช่!”

“ถ้างั้นก็ช่วยไม่ได้...”

คำพูดจากหัวหน้าแก๊งทวงหนี้ทำให้ฉันถอนหายใจอย่างโล่งอก นึกขอบคุณ แม้จะแปลกใจที่เขายอมเข้าใจง่ายๆ

แต่ว่า...มันใช่ซะที่ไหน

“ในเมื่อเธอเป็นเพื่อน แล้วสำเนาบัตรประชาชนที่ใช้เป็นหลักฐานในการยืมเงินก็เป็นของเธอ เพราะงั้นเธอก็ต้องก้มหน้าใช้หนี้แทนเพื่อนเธอแล้วล่ะสาวน้อย”

“หา!? ไหงงี้ล่ะ ฉันไม่ได้เป็นคนยืมนะ”

“แต่นี่มันสำเนาบัตรประชาชนเธอ และคนที่ยืมก็เป็นเพื่อนเธอด้วย”

“ตะ...แต่ว่า...แล้วฉันจะเอาเงินที่ไหนมาคืนให้เล่า เงินตั้งสี่หมื่นไม่ใช่น้อยๆ เลยนะ!”

...ที่สำคัญคือฉันไม่ได้เป็นคนยืมด้วย จะบ้าเหรอ จะให้ไปหาเงินมาใช้หนี้ที่ตัวเองไม่ได้ก่อเนี่ยนะ ไหวมั้ยเนี่ยยย

“เอาล่ะ ตรงนั้นมีตู้เอทีเอ็มอยู่ ไปกดเงินมาให้พวกเราซะดีๆ ไม่งั้นอย่าหาว่าเราไม่เตือน”

“กะ...ก็บอกว่าไม่มีเงินขนาดนั้นไงเล่า”

“ไปกดเงินมาคืน!”

“กรี๊ดดด!” ก่อนที่มือหนาๆ หยาบๆ นั่นจะคว้าตัวฉันไว้ และฉันอาจจะถูกพวกมันรุมทำร้ายจนสะบักสะบอมตรงหน้าสวนสาธารณะที่ร้างผู้คนในยามเช้าตรู่แบบนี้ ระบบป้องกันตัวอันดีเยี่ยมก็สั่งให้ฉันเปิดฝาปิดแก้วร้อนออก ก่อนจะราดกาแฟที่ยังร้อนอยู่ใส่มือที่ยื่นเข้ามาหาแบบเต็มๆ ซู่!!!

“โอ๊ย ร้อนๆๆๆ!!!” คนทวงหนี้หุ่นล่ำโวยลั่น

“เฮ้ย นี่เธอกล้าทำร้ายพวกเราเหรอเนี่ย!”

วะ...เวรแล้วววว แทนที่จะช่วยให้ตัวเองรอด ดูเหมือนจะยิ่งกลายเป็นเติมน้ำมันลงไปในกองเพลิงใช่มั้ยเนี่ยยย!

“ฉะ...ฉันไม่ได้ตั้งใจ”
ฉันร้องเสียงสั่นขอโทษขอโพยก่อนจะโกยแน่บทันที ในเมื่อเรื่องไม่มีเค้าจะจบง่ายๆ การตัดสินใจเผ่นหนีไปซะน่าจะเป็นทางออกที่ดียิ่งกว่าการอยู่เพื่อเจรจา

“หน็อยยย ยัยเด็กบ้า กลับมานะเว้ยยยย!”

อ๊ากกก พวกนั้นวิ่งตามมาติดๆ เลย ฉันจะหนีไปทางไหนได้เนี่ยยย ฉันเป็นแค่นักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมดาๆ นะ ไม่ได้เป็นนักวิ่งลมกรดระดับทีมชาติสักหน่อย โฮ...ตายแหงๆ ตายแหงๆ คอยดูนะ ไอ้บ้าเบ็น ไอ้เพื่อนบ้า ฉันขอสาบานว่าจะตามไปหลอกหลอนนายไม่ให้ได้อดหลับอดนอนเลย

ฉันรีบวิ่งเข้าไปในสวนสาธารณะ ก่อนจะไปแอบอยู่หลังต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่ง จากนั้นก็สูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆ เพราะการวิ่งมาในนี้มันทำให้ฉันแทบลมจับ ให้ตายสิ...อยู่แถวนี้มาเป็นปี ฉันยังไม่เคยบุกสำรวจภายใน

(ติดตามอ่านต่อได้ในฉบับเต็ม)

รายละเอียด

อะไรคือการที่ ‘โฮลี่’ คนนี้ต้องมาวิ่งหนีแก๊งทวงหนี้อยู่แบบเน้ T^T แฮกๆ เป็นเพราะเพื่อนตัวดีแท้ๆ แอบเอาสำเนาบัตรประชาชนของฉันไปใช้เป็นหลักฐานยืมเงินคนอื่น แล้วเงินตั้งสี่หมื่นฉันจะไปหาจากที่ไหนมาใช้คืนแทนฮะ
 
แต่เหมือนโชคจะเข้าข้างคนจิตใจดีอย่างฉันอยู่บ้างนะเนี่ยยย ^3^เพราะในขณะที่กำลังวิ่งหนีตายอยู่นั้น ฉันก็ได้เจอกับ ‘นาธาเนียล’หนุ่มผมยาวสีเงินสวมสูทประหลาดที่อยู่ๆ ก็เสนอตัวจะช่วยใช้หนี้แทนให้แบบเล่นเอาฉันงง และด้วยความอยากรู้ว่าหมอนี่เป็นใครมาจากไหน พอฉันแอบสะกดรอยตามเขาไป เลยทำให้ได้รู้ว่าเขาอาศัยอยู่ที่ห้องสมุดเก่าๆ แห่งหนึ่งซึ่งดูท่าทางจะขลังไม่ใช่เล่น นอกจากนี้ฉันยังได้เจอกับ ‘ฮาคิ’ชายหนุ่มหน้าตาดีที่ดูเป็นคนอ่อนโยนสุดๆ ด้วยอีกต่างหาก เอิ่ม ฉันชักสังหรณ์ใจแปลกๆ แล้วล่ะว่าในไม่ช้าจะต้องมีเหตุให้ฉันได้กลับมาที่นี่อีกแน่ -*-

รีวิว (1)

เขียนรีวิว

phattaraporn | 1 รีวิว
30/08/2014

Library Guardian เสกรักใสใส่หัวใจคุณผู้พิทักษ์ กริ๊ดร้องเบาๆค่ะกับนิยายเรื่องนี้เป็นผลงานของพี่ก้อยอีกเรื่องที่เราชื่นชอบสุดๆ อยากบอกว่าติดตามผลงานของพี่ก้อยมาตั้งแต่เรื่องแรกๆเลยอ่านผลงานของพี่ก้อยมาตั้งแต่มัธยมค่ะตอนนี้เรียนจบแล้วอยากบอกว่าชอบผลงานของพี่ก้อยแทบทุกเรื่องที่เคยอ่านมาแล้วก็ซื้อเก็บตลอดค่ะ Library Guardian เสกรักใสใส่หัวใจคุณผู้พิทักษ์เป็นนิยายที่แปลกใหม่สำหรับเรานะสำหรับคนเขียนคนนี้เพราะนิยายของพี่ก้อยที่ผ่านมาเราจะอ่านแต่แนวแบบรักกุ๊กกิ๊กอ่ะเป็นเรื่องเด็กมากกว่ามาเรื่องนี้มันเป้นผลงานที่แตกต่างกันออกไปค่ะเป้นแนวแฟนตาซีน่ารักอ่ะอ่านเรื่องนี้แล้วหลงรักสุดๆชอบคุณนาธาเนียลค่ะพ่อมดจอมก่อกวนนางเอกของเรื่องก็น่ารักรู้แล้วเหมือนนิยายเรื่องอะไรผลงานของพี่ก้อยเรื่องนี้มาแนวซาตานตัวร้ายกับยัยสุดโก๊ะแล้วก็เรื่องอลวนแม่มดจอมป่วนหรืออะไรเนี่ยแหละจำชื่อเรื่องไม่ได้ฮ่าๆๆๆแต่ชอบค่ะนิ้ยครั้งพี่ก้อยจะออกผลงานแนวนี้ออกมานะส่วนใหญ่จะเป็นแนวรักกุ๊กกิ๊กไม่ประสมแฟนตาซีมากกว่าเรื่องนี้นอกจากเป็นแฟนตาซีแล้วยังมีเรื่องราวของความรักปะปนอยู่ในนั้นค่ะบอกเลยว่าชอบมากๆเนื้อเรื่องน่ารักจริงๆแต่ว่าเราไม่ค่อยชอบหน้าปกเท่าไหร่ถ้าถามว่าหน้าปกตรงกับคาแร็กเตอร์ตัวละครในหนังสือไหมก็ตรงค่ะวงสีสวยดีสีสดดีแต่ว่าเรายังไม่ค่อยชอบเท่าไหร่ฮ่าๆๆๆอันนี้ความคิดเห็นส่วนตัวนะค่ะอย่าถือสาเราชอบลายเส้นวาดหน้าปกของพี่kappaมากกว่าค่ะเราคิดว่าน่าจะตรงแนวกับเรื่องนี้มากกว่าฮ่าๆๆๆๆสำหรับนิยายเรื่องนี้ถ้าถามความคิดเห็นเราคิดว่าสนุกมากค่ะเนื้อเรื่องโดดเด่นแตกต่างออกไปจากเดิมดีทำให้ไม่เบื่อในการอ่านค่ะเพราะปกติอ่านผลงานของพี่ก้อยจะเป็นแนวแบบรักกุ๊กกิ๊กเฉยๆแล้วก็เป็นแนวนี้หลายเล่มด้วยก็เลยทำให้เบื่อแต่สำหรับเรื่องนี้เมื่อได้มาอ่านรู้สึกว่าแตกต่างกับเรื่องอื่นๆมากกว่าค่ะเนื้อเรื่องดูมีสีสันน่าอ่านเยอะเลยตัวละครแต่ละตัวก็มีคาแร็กเตอร์ที่โดเด่นน่าติดตามบอกเลยว่าสนุกมากอ่านแล้วติดค่ะแล้วเรื่องนี้ก็มีภาคต่อด้วยฮ่าๆๆๆอ่านมานานแล้วค่ะเรื่องนี้เพิ่มีโอกาสได้มารีวิวสนุกตั้งแต่เล่มนี้แล้วก็อีกเล่มด้วยค่ะอยากให้พี่ก้อยออกนิยายแนวพ่อมดแม่มดออกมาอีกร็สึกว่าพี่ก้อยในสำนวนในการบรรยายน่ารักดีค่ะอ่านแล้วไม่เบื่อเลยเนื้อเรื่องสนุกตั้งแต่ต้นจนจบตัดเรื่องหน้าปกไปค่ะฮ่าๆๆๆยังไงเราก็ชอบอยู่แล้วแค่อยากแสดงความคิดเห็นเรื่องหน้าปกเฉยๆ ประทับใจค่ะ

สินค้าที่ใกล้เคียง (71 รายการ)

www.batorastore.com © 2024