Balance องค์กรลับ ไล่จับหัวใจนายตัวร้าย

Balance องค์กรลับ ไล่จับหัวใจนายตัวร้าย

0 รีวิว  0 รีวิว    
รหัสสินค้า: 9786160601868
ผู้แต่ง: กุ๊กกาโร่ว
ของหมด (ต้องการสินค้า)
ราคา: 139.00 บาท 34.75 บาท
ประหยัด: 104.25 บาท ( 75.00% )

เนื้อหาบางส่วน

บทนำ

 

‘ซื้อดอกกุหลาบให้ฉัน 100 ดอก จะใช้’

 

ฉันมองข้อความฉบับใหม่ที่เพิ่งส่งเข้ามาอย่างแปลกใจ ตัวอักษรที่ปรากฏบนหน้าจอมือถือทำให้ฉันเลิกคิ้วน้อยๆ เป็นเมสเสจจากเวย์ แฟนของฉันเอง

ไม่ชอบถูกใช้แบบนี้เลย! แต่ก็ช่วยไม่ได้ นานๆ ทีเขาจะขออะไรจากฉัน จะยอมทำให้ก็ได้

หลังจากนั้นฉันก็โทรไปสั่งดอกกุหลาบตามจำนวนที่เวย์บอก ทางร้านห่อมาให้อย่างดีเลยล่ะ คงคิดว่าฉันจะเอาไปบอกรักใคร แต่ใช่ที่ไหนกัน

ตอนนี้ฉันมาถึงโรงเรียนแล้ว เวย์ไม่ได้บอกว่าจะรอฉันที่ไหน น่าแปลกที่วันนี้ในสนามคนหนาตามากๆ ฉันกวาดสายตามองไปทั่วและก็เห็นเขาแล้ว ร่างสูงโปร่งที่คุ้นเคยยืนอยู่ข้างๆ เวทีหน้าเสาธง ฉันวิ่งเข้าไปหาเขาทันทีพร้อมกับยื่นดอกไม้ช่อใหญ่ให้เขาด้วยรอยยิ้ม

เวย์หันมามองหน้าฉันพร้อมกับแสยะยิ้ม ฉันเริ่มขมวดคิ้วยุ่ง เขาดึงช่อดอกไม้ไปจากมือฉันทั้งๆ ที่ยังมีรอยยิ้มร้ายกาจอยู่บนใบหน้า และเขาก็ชูช่อดอกไม้นั่นขึ้นก่อนจะตะโกนใส่ไมโครโฟนตรงโพเดียมหน้าเสาธง

“ทุกคนครับ! ผู้หญิงคนนี้ตามตื๊อผม มันน่ารำคาญนะว่ามั้ย!”

คำพูดของเวย์ทำให้ฉันจ้องมองใบหน้าหล่อๆ นั่นอย่างไม่เชื่อสายตา แต่เขาทำได้มากกว่านั้น ดอกกุหลาบร้อยดอกที่ฉันไปหามาประเคนให้ถูกเหวี่ยงลงกับพื้น ตามด้วยรองเท้าหนังของเวย์ที่เหยียบย่ำมันอย่างไม่ไยดี

“เวย์...!!”

ฉันเริ่มขึ้นเสียง ขณะที่คนทั้งโรงเรียนเริ่มฮือฮา

“ใครก็ได้...ช่วยเอาผู้หญิงคนนี้ไปให้พ้นๆ หน้าฉันที”

สิ้นเสียงของเขา ผู้หญิงอีกหลายคนที่เป็นแฟนคลับของเวย์ก็เริ่มหัวเราะ พวกเธอช่วยกันดึงตัวฉันออกไปจากหน้าเวที ริมฝีปากสวยๆ ของเวย์กำลังแสยะยิ้ม และนั่นเป็นรอยยิ้มสุดท้าย...

รอยยิ้มที่น่ารังเกียจที่สุด!

 

“ดีแล้วเหรอที่ทำแบบนี้น่ะ...”

ปรากถามขึ้นกลางโต๊ะน้ำชาที่พวกเขานั่งคุยกัน คนถูกถามเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่างด้วยสีหน้าเรียบนิ่งโดยไม่ตอบอะไร ออสโลเพิ่งย้ายมารับตำแหน่งสำคัญในโรงเรียนนี้เป็นวันแรก ที่นี่จะทำให้จุดมุ่งหมายของเขาประสบความสำเร็จ

“ปราก...นายอย่าทำเป็นพูดดีหน่อยเลยน่ะ ออสโลเป็นหัวหน้าองค์กรการตัดสินใจของเขาถือเป็นที่สิ้นสุด ฉันนับถือในความเด็ดเดี่ยวของเขา”

คิวพูดใส่หน้าปรากและกระตุกยิ้มอย่างร้ายกาจ เขาได้แต่มองกลับไปอย่างไม่พอใจ

“คิว อย่างนายน่ะมีสิทธิ์จะพูดอะไรที่ไหน รหัสของตัวเองยังไมมีเลย อย่าเพิ่งมานับว่าตัวเองเป็นหนึ่งในองค์กร ฐานะนายอย่างมากก็เป็นได้แค่ลูกน้องระดับซี ก็แค่ไอ้กระจอกที่บ้านไม่มีจะกิน อย่าคิดจะมาเทียบกับระดับเออย่างเพื่อนฉัน”

เบิร์นพูดแทรกขึ้นมาอย่างเจ็บแสบ

“อย่าดูถูกกันนักเลย เบิร์น...”

คิวแสยะยิ้มให้ราวกับว่าเขากำลังพูดเรื่องตลก

“พอแล้ว! เลิกทะเลาะกันสักที...”

ออสโลพูดพร้อมกับหันมาจ้องคิว ปราก และเบิร์นเขม็ง หัวหน้าองค์กรอย่างเขาเป็นเหมือนเพื่อนและนายเหนือหัวของคนพวกนี้

“แกอย่าลดตัวไปทะเลาะกับคนต่ำๆ อย่างไอ้คิวเลย...ก็แค่พวก ‘คนธรรมดา’ ”

เบิร์นพูดปิดท้าย เห็นหน้าหล่อๆ ราวกับเทพบุตรแบบนี้แล้ว แต่เอาเข้าจริงนิสัยเขากลับไม่หล่ออย่างหน้าตา เขาชอบดูถูกคนที่ต่ำต้อยกว่าตัวเองและเหยียบย่ำซ้ำ

“ออสโล...เดี๋ยวตอนเที่ยงมีประชุมเรื่องเกมเทศกาลมืดนะ เกมจะเริ่มในอีกสองปีข้างหน้านี้ เราต้องวางแผนล่วงหน้ากันแล้ว อ้อ...คนที่ไม่มีรหัสน่ะ อย่าเสนอหน้ามาเข้าประชุมล่ะ”

ปรากทิ้งท้ายไว้แค่นั้นก่อนจะเดินหายออกไปจากห้อง

 

1

ผู้ชายที่ชื่อออสโล

(His name is Oslo.)

 

สองปีต่อมา..

“เมื่อวานเด็กโรงเรียนเราหายตัวไปอีกหนึ่งคน”

ผู้อำนวยการเปิดประเด็นด้วยเรื่องเครียดๆ พวกฉันที่ถูกขุดออกมาจากเตียงกลางดึกนั่งตบยุงและมองหน้ากันตาละห้อย มีปัญหาแล้วมาบอกฉันทำไม เป็นถึงผู้อำนวยการก็จัดการเองสิ!

“นี่เป็นเรื่องสำคัญมากๆ ครูถึงต้องเรียกพวกเธอออกมาแจ้งให้ทราบ เพราะมันอาจส่งผลกระทบต่อชื่อเสียงของโรงเรียนเราที่มีอายุถึงห้าร้อยปีได้ นักเรียนรุ่นเก่าๆ สร้างชื่อกันมากมาย ครูจะไม่ยอมให้โรงเรียนเราเสียชื่อด้วยเรื่องแค่นี้ ตอนนี้ข่าวเรื่องเด็กหายก็มีแค่พวกเธอ นักเรียนฝั่งกลางคืนหรือก็คือนักเรียนที่ค้างคืนเท่านั้นที่รู้ ฉะนั้นห้ามให้พวกฝั่งกลางวันรู้เรื่องนี้เด็ดขาด ครูจะรีบจัดการตามหานักเรียนที่หายตัวไปทั้งหมดกลับมาให้ได้”

พูดจบผู้อำนวยการก็เดินนวยนาดลงจากเวทีไป รู้สึกว่าพูดแบบนี้มานานแล้วนะ ตั้งแต่ที่นักเรียนคนแรกหายตัวไปจนวันนี้เป็นรายที่สาม สุดท้ายก็แก้ปัญหาไม่ได้สักที แล้วที่แย่ไปกว่านั้น ปลุกฉันมานั่งฟังคำพูดไร้สาระหาความเชื่อมั่นไม่ได้แบบี้ทำไม!

“ส่วนนักเรียนที่เหลืออยู่ในสนามสามสิบคน ครูขอให้พวกเธอนั่งอยู่ที่นี่ก่อน รอพวกครูปรึกษากันเสร็จค่อยกลับหอนะ อยู่รวมๆ กันดีกว่ากลับไปอยู่คนเดียว”

ครูอีกคนที่ยืนอยู่ด้านล่างเวทีช่วยพูดต่อ

บ้าชะมัด ไม่ยอมปล่อยกลับหอ แถมยังเอาเชือกฟางมาล้อมสนามเอาไว้อีก เห็นฉันเป็นตัวอะไรเนี่ย

“ไอชา...ฟังแล้วฉันขนลุกเลยอ่ะ”

ยัยจีนเพื่อนที่นั่งข้างๆ หันมาสะกิดฉันและชูแขนที่ขนตั้งชันให้ดูเป็นหลักฐาน

“เธอยังไม่ชินอีกเหรอ”

“จะให้ชินได้ยังไงล่ะ รายที่สี่อาจจะเป็นฉันหรือเธอก็ได้นะ”

“คิดมากน่า...กลับหอกันเถอะ!”

ฉันลุกขึ้นยืนทันที นักเรียนอีกยี่สิบเก้าคนในสนามหันมามองฉันเป็นตาเดียว

“ไอชา! ไม่ได้นะ อาจารย์บอกให้พวกเรารอก่อน”

“กว่าอาจารย์จะเลิกปรึกษาหารือกันก็ได้เช้าพอดีน่ะสิ”

“แต่ว่า...พวกเราเป็นแค่นักเรียนทุนนะ ถ้าทำผิดกฏล่ะก็...”

“เธอควรจะพูดให้จบ พวกเราเป็นนักเรียนทุนที่คัดมาจากอันดับหนึ่งของโรงเรียนเก่าเชียวนะ ถึงจะเพิ่งเข้าเรียนที่นี่เป็นปีแรกก็เถอะ”

ฉันพูดพร้อมกับมองหน้ายัยจีนนิ่ง พวกเราเป็นเด็ก ม.5 จากโรงเรียนอื่นที่ถูกคัดเลือกให้มารับทุนเรียนต่อชั้น ม.6 ที่โรงเรียนแห่งนี้ซึ่งต้องการแต่หัวกระทิ

“เลิกปอดแหกแล้วตามฉันมา หรือไม่งั้นก็นั่งอยู่นี่แล้วรอให้ไอ้พวกตัวปริศนามาลากคอไปฆ่าหมกป่า”

สุดท้ายยัยจีนก็จำใจเดินตามฉันมาต้อยๆ ฉันรู้ดีว่าคนแบบยัยนี่ไม่ยอมอยู่คนแบบยัยนี่ไม่ยอมอยู่คนเดียวหรอก

“แล้วถ้าระหว่างทางพวกเราเจอพวกโจรหรือพวกผีขึ้นมาล่ะ”

“ยัยบ้า! ยิ่งคิดคนที่กลัวก็คือเธอเองนะ”

“ไม่คิดฉันก็กลัวอยู่ดีอ่ะ”

ฉันเดินเร็วๆ ผ่านทางมืดๆ เพื่อกลับหอ มีหลอดไฟสีส้มสลัวๆ ติดอยู่สองข้างทางช่วยให้มองเห็น ยับจีนเกาะแขนฉันแน่นไม่ยอมปล่อย แถมยังทำหน้าเหมือนจะเป็นลมอีก

“เดี๋ยว! จีน”

ฉันกระตุกแขนยัยจีนเอาไว้ ยัยนี่ทำท่าจะกรี๊ด แต่ฉันก็รีบเอามืออุดปากไว้ก่อน ปล่อยให้แหกปากก็เสียเรื่องกันพอดี จากนั้นก็ลากยัยนี่เข้าไปหลบหลังต้นไม้ที่อยู่ข้างทางและเริ่มมองลอดช่องเล็กๆ ระหว่างใบไม้

“มีอะไรเหรอๆๆ”

ยัยจีนเขย่าแขนถามฉันเป็นการใหญ่อย่างหวาดกลัว

“เงียบเถอะ ถ้าเธอไม่อยากตาย!”

ฉันมองไปที่ต้นไม้ต้นใหญ่ซึ่งตั้งตระหง่านอยู่กลางป่าอย่างสงสัย คนชุดดำที่ใส่เสื้อคลุมหลายสิบคนกำลังชุมนุมกันโดยมีผู้ชายคนหนึ่งยืนอยู่ตรงกลาง พวกเขาใส่ฮู้ดปิดหน้าปิดตาทั้งหมดทำให้ไม่รู้ว่าใครเป็นใครลางสังหรณ์ของฉันบอกว่านี่ต้องไม่ใช่เรื่องดีแน่

“พวกนั้นเป็นใครน่ะ”

“จะไปรู้เหรอ เธอก็เงียบแล้วฟังสิ”

ถึงยัยจีนจะกลัวจนขาสั่นพั่บๆ แต่ยัยนี่ก็เงียบกริบลงอย่างมหัศจรรย์ มือของเธอบีบแขนฉันแน่นจนเลือดจะไม่ไปเลี้ยงข้อมืออยู่แล้ว

“อือ...วันนี้มีเรื่องเท่านี้แหละครับ”

เสียงทุ้มๆ ของผู้ชายคนหนึ่งดังขึ้น คนชุดดำซึ่งยืนอยู่ตรงกลางวงและดูเหมือนจะเป็นหัวหน้าก็ชูมือขวาขึ้นสูงเหมือนส่งสัญญาณอะไรบางอย่าง และทันใดนั้น...พวกลูกน้องที่รายล้อมเขาก็อยู่กระจัดกระจายหายไปคนละทิศอย่างรวดเร็ว ส่วนตัวเขาเองก็วิ่งหายไปอีกทางด้วยเช่นกัน...คล้ายกับว่านี่เป็นสัญญาณแยกย้าย

“เร็วมากอ่ะ”

ฉันหันไปบอกยัยจีนอย่างทึ่งๆ ยัยนี่ไม่พูดอะไร แต่ทำท่าเหมือนกำลังมีความทุกข์ใหญ่หลวง

“เฮ้ย! นี่เธอเป็นอะไรน่ะ”

“ฉันปวดฉี่...ขอร้อง กลับหอด่วน ฉันกลัว”

“โอเค ใจเย็นนะ ถ้าเธอฉี่ตรงนี้ สาบานได้ฉันจะทิ้งเธอ”

 

วันต่อมา...

“Buoyant force แรงลอยตัว คือแรงที่ช่วยพยุงไม่ให้วัตถุจมลงไปในของเหลว โดยมีขนาดขึ้นอยู่กับความหนาแน่นของของเหลวนั้นและปริมาตรของวัตถุที่จมลงไปใน บลาๆๆๆ”

ฉันนั่งเปื่อยอยู่ในห้องเรียนฟิสิกส์ หลังจากพวกอาจารย์แก่ๆ เอ๊ย เก่าๆ ประชุมกันเสร็จก็ได้มติว่าการเรียนของนักเรียนเป็นเรื่องสำคัญที่สุด หากขาดเรียนไปแค่สัปดาห์เดียวอาจจะเหมือนทำให้นักเรียนขาดใจตอนสอบเอ็นท์ ดังนั้นเรียนตามปกติค่ะ

“นี่ เธอไม่กลัวคนพวกนั้นรู้บ้างเลยเหรอว่าเราไปเห็นพวกมัน”

สิ่งที่ฉันเห็นเมื่อคืนเหมือนฝันเลย แต่ฉันก็ยังมั่นใจว่ามันเป็นเรื่องจริง เพราะยัยจีนยังมีท่าทีผวาไม่หายแบบตอนนี้

“พวกมันจะรู้ก็เพราะเธอพูดถึงมันอยู่ทุกสิบนาทีนี่แหละ”

“ขอร้องไว้ก่อนเลยนะไอชา...”

“จะขอให้ฉันอย่าเข้าไปยุ่งกับเรื่องนี้ล่ะสิ”

“ใช่...อย่าเข้าไปยุ่งเลยนะ”

“คิดว่าฉันเป็นใครล่ะ ฉันเป็นถึงประธานชมรมหนังสือพิมพ์เชียวนะ! ถ้าเรื่องนี้ถูกตีแผ่ล่ะก็ หึๆ! ฉันจะเป็นประธานที่ถูกจารึกชื่อว่าเป็นผู้ยิ่งใหญ่ตลอดกาล

“ยัยบ้าอำนาจ”

“กล้าว่าฉันเหรอ ยัยไร้อำนาจ!”

“ฉันไม่ได้ว่านะ...แต่ฉันไม่อยากให้เธอเข้าไปพัวพันจริงๆ”

“รู้น่า...ฉันไม่โง่เอาเรื่องยุ่งๆ มาแบกไว้บนหัวหรอก”

ฉันพูดพร้อมกับหันไปมองกระดานต่อ ยัยจีนหันมายิ้มแก้มปริให้อย่างพอใจที่ฉันไม่มีความคิดจะเอาตัวไปพัวพันกับเรื่องพวกนี้

และมันคงจะดี...ถ้าทุกอย่างยังคงเป็นแบบวันนี้...

 

ตกกลางวันฉันก็ลงมากินข้าวที่โรงอาหารกับยัยจีน แต่ยัยนี่กลับทำเหมือนฉันไม่มีตัวตนอยู่บนโต๊ะอาหาร เธอนั่งสอดส่องผู้ชายโต๊ะข้างๆ ที่เป็นพวกนักร้องจนฉันเริ่มหมั่นไส้ เห็นบอกว่าชื่อวงซิงโครไนซ์อะไรนี่แหละ สมาชิกในวงมีด้วยกันสามคนคือคีนิน วินเทอร์ และคีบัส

“เธอนั่งกินข้าวกับฉันนะ หันกลับมาเดี๋ยวนี้เลย!”

“แหม...ฉันก็ขอมองนิดมองหน่อยน่า อาหารตา”

“หันมาเดี๋ยวนี้!”

ยัยจีนหันกลับมาสนใจฉันก่อนจะเริ่มนั่งเขี่ยๆ ข้าวในจาน ฉันเลยเริ่มตักข้าวเข้าปากบ้าง และระหว่างที่ช้อนยังคงค้างอยู่ในปากนั้น ฉันก็สังเกตเห็นผู้หญิงคนหนึ่งที่เดินผ่านไป ยัยนั่นจ้องหน้าฉันไม่วางตาราวกับฉันเป็นลิงกอริลล่าบินได้ ฉันเลยจ้องเธอกลับไปเช่นกัน

“ไอชา...มีอะไรหรือเปล่า ทำไมอมช้อนแบบนั้นล่ะ”

“ยัยนั่นมองหน้าฉันทำไม”

ฉันพูดทั้งๆ ที่ช้อนยังคงอยู่ในปาก

“ไหน”

“ผู้หญิงที่เพิ่งเดินผ่านไปน่ะ”

ฉันเหลียวหลังกลับไปมองเธอ ยัยนั่นยังคงมองตรงมาที่ฉันไม่วางตา เฮ้ย! ที่หน้าฉันมีอะไรติดเหรอ หรือใครแกล้งเอาอะไรมาแปะหลังฉัน ทำไมต้องทำตาโตเหมือนตกใจอะไรแบบนั้นด้วย

“เออ...นั่นสิ เค้ามองเธออยู่จริงๆ ด้วยอ่ะ”

 

(ติดตามอ่านต่อได้ในฉบับเต็ม)


รีวิว (0)


สินค้าที่ใกล้เคียง (67 รายการ)

www.batorastore.com © 2024