Guy Girl Gay แผนรักยุกยิกกุ๊กกิ๊กหัวใจวาย
ประหยัด: 69.65 บาท ( 35.00% )
มีสินค้ามือสองอยู่จำนวน : 1 รายการราคา 89.00 บาท ซื้อสินค้ามือสอง
Quick View
เนื้อหาบางส่วน
ธรรมชาติสร้างให้มนุษย์เกิดมามีความรู้สึกนึกคิดที่คล้ายกัน
...แต่ก็ไม่เหมือนกันเสียทีเดียว...
ผู้หญิงสนใจผู้ชาย ในขณะที่ผู้ชายส่วนใหญ่ก็สนใจผู้หญิง
แต่มีผู้ชายบางส่วนที่หันมาสนใจผู้ชายด้วยกันเอง
‘ชายรักชาย’ จึงกลายเป็นประเด็นที่ถูกคนกลุ่มหนึ่งจับตามอง
ซึ่งเราเรียกพวกเธอว่า ‘สาวาย’
ว่ากันว่าเลือดของพวกเธอไม่ใช่สีแดงเหมือนคนปกติทั่วไป
แต่เป็นสีที่แสดงถึงความมีเสน่ห์ น่าค้นหา และลึกลับในบางอารมณ์
....และสีที่ว่านั่นก็คือ...
สีม่วง!
Prologue
ถุงเท้าเป็นเหตุ
Arshane’s part
“ไอ้เช!!!” เสียงแหบห้าวเจืออารมณ์หงุดหงิดตะโกนดังลั่นมาแต่ไกล “แกเอาถุงเท้าของฉันไปขายอีกแล้วใช่มั้ย”
“งืมมมม เปล่า” ผมตอบเสียงงัวเงียพลางพลิกตัวหนีเจ้าของถุงเท้าที่หายไปอย่างลึกลับ
“แล้วถุงเท้าลายโดโมะคุงที่ฉันอุตส่าห์ถ่อสังขารไปประมูลถึงญี่ปุ่นมันหายไปไหน!”
แม้ผมจะพยายามจมดิ่งสู่ห้วงนิทรากี่พันล้านรอบ เพื่อนเก่าดึกดำบรรพ์ตั้งแต่สมัยอนุบาลของผมก็ไม่มีท่าว่าจะหยุดยัดเยียดข้อหาลักพาตัวถุงเท้าสุดที่รักให้กับที่นอนไม่รู้อีโหน่อีเหน่อยู่บนโซฟาเสียที
“ห้ามหลับนะเว้ย แกต้องตื่นมาคุยกับฉันให้รู้เรื่อง ไอ้เช!”
สองมือเล็กๆ แต่แรงมโหฬารของมันเขย่าหัวผมไปซ้ายทีขวาทีจนซีรีบรัมแทบจะไหลออกมาเรียงเป็นประโยคบอกมันว่า ‘ฉันไม่ได้เอาไป’ อยู่แล้ว
“ขอฉันอนก่อน”
“ไม่ๆๆๆ แกต้องตอบมาก่อนว่าแกเอาโดโมะคุงของฉันไปขายให้ใคร!”
เพื่อนรักหักเหลี่ยมโหดตะครุบหนังหน้าของผมแล้วยืดออกราวกับมันเป็นแป้งปาท่องโก๋ที่หาซื้อได้ง่ายตามท้อตลาด จากนั้นจึงตะโกนใส่หูผมดังกว่าเดิมร้อยล้านเท่า
“ตื่นนนน! โว้ยยยย!”
“โอ๊ยยยย! ตื่นๆ ตื่นแล้วโว้ย!” ผมขมวดคิ้วมุ่นแล้วดีดตัวลุกขึ้นทันที ก่อนที่แก้มผมจะย้วยเหมือนตูดช้าง ตอนนี้ยังไม่อยากให้แก้วหูของผมถูกทะลวงด้วยคลื่นเสียงทำลายล้างของมันด้วย
“เออ ดี” มันลดเสียงลงแต่ยังไม่ยอมถอยห่างจากตัวผมง่ายๆ นี่มันคิดว่าผมเอาถุงเท้าเน่าๆ ของมันไปขายจริงเหรอเนี่ย
“ทำไมไม่แต่งตัวให้เรียบร้อยวะ” ผมไล่มองตั้งแต่หัวจรดพุงน้อยๆ ของมันที่ไร้ซึ่งเสื้อผ้าอาภรณ์ใดๆ ปกปิด
ให้ตายสิ รุ่มร่ามชะมัด
“แกไม่ต้องมาเบี่ยงประเด็น บอกมาว่าแกเอาโดโมะคุงของฉันไป...แอ่ก!”
ทันทีที่มันสะเออะยื่นหน้าเข้ามาใกล้เกินควร ผมก็รีบใช้ฝ่ามือดันหน้าเล็กๆ ของมันไว้ ถ้าเป็นตอนปกติที่มันใส่เสื้อกางเกงเรียบร้อยผมก็ไม่ว่าหรอก แต่นี่มันเล่นใส่บ็อกเซอร์ตัวเดียวโดดเดี่ยวมาปลุกผมบนโซฟาแบบนี้ เป็นใครใครก็...อึ๋ย...ขยะแขยง! ถึงผมจะเป็นเพื่อนกับมันอย่างบริสุทธิ์ใจก็เถอะ ยังไงซะผมก็รับสภาพเนื้อแนบเนื้อแบบนี้ไม่ได้จริงๆ!
“ไอ้บ้าซีนเอ๊ย! แกไปใส่เสื้อก่อนไป๊!” ผมใช้ขาจันตัวมันไว้อีกแรง หมอนี่ตัวเล็กแต่แรงเยอะชิบเป๋ง
“อำไอ แออั่นไอ๋เอ๋อ ไอ้อื่นนนน!” มันตะโกนอู้อี้ผ่านฝ่ามืออรหันต์ของผม และภาษาต่างด้าวของมันก็แปลเป็นซับมนุษย์ได้ว่า
‘ทำไม แกหวั่นไหวเหรอ ไอ้หื่นนน!’
เหอะ มันใช้สมองส่วนที่อยู่ปลายเท้าคิดรึไงวะ แมนๆ แบบผมเนี่ยนะจะมีอารมณ์หวั่นไหวไปกับผู้ชายหุ่นแห้งๆ แบบมัน ถึงมันจะเป็นหนุ่มนักกีฬาที่มีซิกซ์แพ็กส์จางๆ ชวนให้สาวๆ หลงใหล แต่นั่นก็ไม่ช่วยให้ผมสนใจอนุรักษ์ไม้ป่าเดียวกันหรอก! นอกจากมันจะโง่ขั้นเทพแล้วยังจะเสื่อมขั้นสุดได้อีกนะ!
“ฉันไม่หวั่นไหวกับหัวนมสีชมพูเน่าๆ ของแกหรอกเว้ย!” ผมตะโกนแล้วเตะก้นมันลงมาจากโซฟา จากนั้นก็ลุกขึ้นยืนบิดขี้เกียจก่อนจะก้าวเท้าเดินไปยังห้องครัว
ผมเห็นมันก้มลงมองหน้าอกของตัวเองก่อนจะเงยหน้าขึ้นมาแยกเขี้ยวใส่ เหอะ คิดว่าทำแบบนั้นแล้วผมจะกลัวมันเหรอ ท่าทางอย่างกับเด็กอนุบาลโมโหหิวแบบนั้นไม่สามารถกระตุกต่อมกลัวของผมได้หรอกน่า มีแต่จะทำให้อารมณ์ผมขุ่นมัวยิ่งกว่าเดิมด้วยซิ ชิ...บ้าจริง! นอนก็นอนไม่เต็มที่ แถมยังต้องตื่นมาทำศึกไร้สาระแต่เช้า ใช้พลังมากเกินไปจนท้องไส้แห้งโกรกรากแบบนี้ สงสัยคงต้องหาอะไรรองเท้าซะแล้วสิ
“แกเอาโดโมะคุงของฉันคืนมาน้า!” แต่ไม่ทันเอื้อมมือไปแตะตู้เย็น คนขี้ตื๊อก็เข้าจู่โจมผมจากข้างหลังเสียก่อน (อย่าคิดมากนะครับ ก็แค่กระโดดขี่คอ) ให้ตายเถอะพ่อคุณ! นี่มันยังไม่เลิกประเด็นถุงเท้าง้องแง้งนั่นที่หายสาบสูญอีกเหรอเนี่ย!
“โว้ย บอกว่าไม่ได้เอาไปไงวะ!” ตะโกนพลางหมุนตัวไปมาหวังจะเหวี่ยงปลิงเกือบเปลือยตัวนี้ให้หลุดออกจากแผ่นหลังงามๆ ของผม แต่คุณเตี้ยจอมตื๊อก็ยังอุตส่าห์กอดคอผมไว้แน่น ต่อด้วยการจิกทึ้งหัวผมอย่างแรงจนหนังหัวแทบจะหลุดติดไปกับมือมันอยู่แล้ว อ๊าก! เจ็บชิบเป๋งเลยเว้ย!
“ฉันไม่เชื่อ!” มันคะคอกแล้วดึงแรงขึ้นอีก
“โอ๊ย! แกนี่ตื๊อไม่เลิกจริงๆ โอ๊ย! ถึงฉันจะเคยเอากางเกงในแกไปขาย แต่ถุงเท้าโคโดโมะอายุใช้งานเท่าอาม่าแก จ้างให้ก็ไม่มีใครอยากได้หรอก! ลงไปจากหลังฉันเว้ย!”
“โดโมะคุงต่างหากโว้ย! และฉันก็ไม่เชื่อคนขี้ขโมยโรคจิตอย่างแกด้วย!”
“จะโคโดโมะ โคโมโระ หรือโรโตโนะก็ช่าง ฉันไม่สน แต่ตอนนี้กรุณาลงไปจากหลังฉันซะ ก่อนที่ฉันจะหมดความอดทน!”
“โด-โมะ-คุง เว้ย!”
“อ๊ากกก!” ผมแผดเสียงลั่นห้องเพราะมันเปลี่ยนจากทึ้งหัวมาเป็นกระตุกหูทั้งสองข้างของผมอย่างแรง โทษฐานที่เรียกชื่อถุงเท้าของมันผิด “ไอ้เตี้ยซีน! แกลงมาเดี๋ยวนี้นะเว้ยยย!”
ขออธิบาย ณ จุดนี้ว่าผม ‘ชเวอาเชน’ หรือ ‘เช’ กับเจ้าเตี้ย ‘เซบาสเตียน ลอว์เรนซ์’ หรือ ‘ซีน’ เป็นเพื่อนที่สนิทกันมากถึงมากที่สุด นั่นจึงเป็นสาเหตุที่บทสนทนาระหว่างเราแฝงไปด้วยความโหด ดิบ เถื่อน และเป็นกันเองสุดๆ หวังว่ามันจะช่วยให้คนอ่านรับรู้ได้ในทันทีว่าพวกเรารักกันแนบแน่นมากขนาดไหนนะครับ (นี่ผมกำลังประชดนะครับทุกท่าน!) พวกคุณอาจจะสงสัยว่าทำไมผมถึงเรียกมันว่า ‘ซีน’ (แทนที่จะเป็น ‘เซบ’ ที่ย่อมาจากเซบาสเตียน) แล้วทำไมมันถึงต้องเรียกผมว่า ‘เช’ อืม...คำถามนี้ผมเองก็ตอบไม่ได้เหมือนกันแฮะ เอาเป็นว่ามันคือชื่อที่เราสองคนใช้เรียกกันเองก็แล้วกัน หเมือนโค้ดของเพื่อนซี้อะไรทำนองนั้นล่ะมั้ง เหอะๆ
เนื่องจากซีนเป็นหนุ่มหล่อลูกครึ่งอังกฤษ-ไทย (ที่เตี้ยที่สุดเท่าที่ผมเคยเจอ) แถมเป็นคนดังควบดีกรีหนุ่มสุดฮอตของคณะวิศวกรรมศาสตร์ เพื่อนรักลูกเสี้ยวเกาหลี-อังกฤษ-ไทย หน้าตาธรรมดาค่อนไปทางหล่ออย่างผมจึงชอบหารายได้พิเศษจากการเอาของใช้ส่วนตัวของมันไปขายให้กับเหล่าแม่ยกพ่อยกที่ทุ่มทุนประมูลกันอย่างเมามัน ซึ่งของแต่ละชิ้นก็ได้เงินมากพอจะจ่ายค่าเทอมมหาวิทยาลัยนานาชาติได้เลยทีเดียว อย่างคราวก่อนผมก็เอากางเกงในสีขาวขาดตรงเป้าที่มันไม่ใส่แล้ว ไปประมูลเล่นๆ ได้ราคาสูงถึงหกหลักแน่ะ เจ๋งใช่มั้ยล่ะ! โชคร้ายที่มันจับได้ระหว่างส่งมอบของให้ผู้ชนะการประมูล นอกจากจะไม่ได้เงินแล้ว ผมยังโดนสวดไปหลายอาทิตย์จนหูเหอชาไปหมดอีกต่างหาก
แต่ครั้งนี้ไม่เหมือนกันนะ ผมสาบานได้ว่าไม่โขโมยถุงเท้าลายการ์ตูนติงต๊องที่มันคลั่งไคล้ไปขายจริงๆ ก็ผมรู้ว่ามันหวงนี่นา ถึงผมจะอยากแกล้งมันแต่ก็ไม่คิดทำเรื่องที่ทำร้ายจิตใจมันแบบนั้นหรอกน่า
ทั้งที่เมื่อคืนผมอุตส่าห์ถ่อสังขารมาดูบอลเป็นเพื่อนมันที่คอนโดฯ สุดหรู แต่ดูมันตอบแทนกับผมสิ นอกจากจะไม่ให้ผมนอนในห้องนอนสุดอลังการของมัน (เพราะกลัวผมจะขโมยของใช้ส่วนตัวไปขาย) แล้ว มันยังมากล่าวหาว่าผมโจรกรรมถุงเท้าไปประมูลอีกแน่ะ! แบบนี้มันไม่ยุติธรรมเลยนะ!
“โอ๊ย แกจะทึ้งหารังแครึไง!” ผมพยายามเดินออกจากห้องครัวอย่างยากลำบาก
“เอาโดโมะคุงคืนมานะ!”
“ไม่ได้เอาไปโว้ยยย!”
และในวินาทีที่ความอดทนสิ้นสุดลง สมองก็สั่งการให้ผมตรงไปยังประตูระเบียงอย่างรวดเร็ว ทำไมน่ะเหรอ...
ก็เพราะเจ้าเตี้ยซีนมันกลัวความสูงน่ะสิ!
“แกจะลงไปดีๆ หรือให้ฉันบันจี้จัมพ์ลงไปข้างล่าง” ผมเปิดประตูระเบียงแล้วเดินออกไปราวกับคนขาดสติ เชื่อเถอะว่าถ้าคุณโดนทึ้งหนังหัวด้วยแรงช้างสาร คุณก็คงทำแบบเดียวกันกับผมนี่แหละ
“กะ...แกจะทำบ้าอะไร!” มือของมันหยุดการกระทำทุกอย่างแล้วเปลี่ยนมากอดคอผมแน่น
“ก็แกอยากเล่นที่สูงๆ ไม่ใช่รึไง กำลังจะจัดให้อยู่นี่ไงล่ะ”
ผมรับรู้ได้ถึงแรงสั่นสะเทือนเก้าจุดหกริกเตอร์จากร่างกายของมันต้องบอกก่อนว่าคุณเตี้ยซีนเป็นศาสดาของลัทธิกลัวความสูง กลัวชนิดที่ว่าถ้าให้เลือกระหว่างไฟคลอกตายเป็นเนื้อย่างบนตึกกับกระโดดลงมาจากระเบียงเพื่อเอาชีวิตรอด มันคงจะเลือกแบบแรกมากกว่า หึๆ แค่ออกไปยืนที่ระเบียงมันยังกล้าๆ กลัวๆ นับประสาอะไรกับนั่งบนขอบระเบียงแบบที่ผมกำลังจะบังคับให้มันทำล่ะ
“แกอย่าเล่นบ้าๆ นะเว้ย นี่มันชั้นหกนะไอ้@$*@_%*!”
ซีนพ่นคำหยาบใส่หน้าผมก่อนจะกระโดดลงจากหลังแล้วตั้งท่าจะวิ่งหนีกลับเข้าห้องนอนของมัน แต่มีเหรอที่คนเจ้าคิดเจ้าแค้นอย่างผมจะยอมง่ายๆ
‘บุญคุณค่อยทดแทน ความแค้นเร่งชำระ’ นี่แหละคติประจำใจของผมล่ะ
“แอ๊กกก!”
ผมคว้าเอวเปลือยเปล่าไว้แล้วจับตัวมันเหวี่ยงขึ้นไปนั่งบนของระเบียงที่มีความกว้างอยู่ไม่ถึงหนึ่งในสี่ของพื้นที่ก้นย้วยๆ ของมัน หึ! เสร็จฉันแน่เจ้าเตี้ยติงต๊อง!
“ฮะฮ่า แกตายแน่!”
“ชะ...ชะ...ชะ...เช ฉันไม่ขำนะเว้ย อะ...เอาฉันลงไป!” จากที่เคยดิ้นเร่าๆ ตอนนี้เจ้าเตี้ยซีนทำได้แค่นั่งนิ่งแล้วจับแขนผมไว้แน่นมาก
“แต่ฉันขำ หน้าแกตอนนี้โคตรฮาเลยว่ะ”
“เช! ฉันกลัวจริงๆ นะเว้ย!” มันเปลี่ยนมือข้างหนึ่งมาดึงเสื้อของผม “เอาฉันลงไปที ฉันขอร้อง”
“ว่าไงนะ...ไม่ค่อยได้ยินเลยแฮะ”
“ฉันขอร้อง!” มันทำหน้าเหมือนหลินปิงกำลังร้องไห้ขอต้นไผ่จากช่วงช่วง
“บอกรักด้วยสิ” ผมเริ่มกวนประสาทในฐานะที่ถือไพ่เหนือกว่า สถานการณ์แบบนี้ทำให้ผมรู้สึกดีจริงๆ เลยแฮะ
“ฉะ...ฉัน...”
“ฉันอะไร”
“ฉะ...ฉันรักแกนะเช แกอย่าทำแบบนี้กับฉันเลย!” เสียงคนเสียเปรียบเริ่มดังและสั่นขึ้นเรื่อยๆ มันคงไม่รู้ว่าสีหน้าอาการแบบนั้นยิ่งทำให้ผมอยากแกล้งมันมากขึ้นกว่าเดิมร้อยเท่า
“บอกรักผมอีกสิคะที่รัก” เสียงของผมหวานเลี่ยนจนเหมือนเกย์หื่นอายุหกสิบกำลังจะขืนใจเด็กชายวัยประถม ถึงจะขนลุกตัวเองที่กล้าพูดออกไป แต่ผมก็ยังสนุกกับการแกล้งเจ้าเตี้ยซีนอยู่ดี
“ไอ้%#*)!”
“อ๊ะๆ อย่าหยาบคายสิ”
“...!!!” มันขมวดคิ้วแล้วจ้องผมอย่างอาฆาตแค้น ผมเห็นน้ำตาของมันคลอเบ้าด้วยล่ะ ฮ่าๆๆ
“ไหนบอกรักผมอีกทีสิครับ”
“ฉันรักแกมากกกก!”
“ขอแบบน่ารักๆ สิครับ” ผมฉีกยิ้มแล้วทำเสียงกวนประสาท
“ซีนรักเช!” เพราะถูกต้อนจนมุมไม่เหลือทางเลือกอื่น มันจึงจำใจหลับตาปี๋แล้วตะโกนเสียงดังลั่น
“หืม?”
“เซบาสเตียนรักอาเชนที่สุดในโลก!!!”
“โอเค ปล่อยก็ได้”
“…!!!”
ผมตัดสินใจใช้ไม้เด็ดปิดฉากการแกล้งเจ้าเตี้ยซีนโดยการดันตัวมันจนเกือบตกขอบระเบียง แล้วดึงกลับมาอย่างรวดเร็ว ฟังดูเสี่ยงและอันตรายมาก แต่ผู้เชี่ยวชาญด้านการแกล้งอย่างผมก็ไม่ได้พลาดท่าปล่อยมันตกลงไป (แหงล่ะ นี่มันนิยายรักนะครับ ไม่ใช่ฆาตกรรม) ดูเหมือนภารกิจการแกล้งเกือบจะสำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดี ทว่า...
หมับ!
ฟึ่บ!
ตุบ!!!
ในจังหวะที่ผมจะดึงตัวซีนกลับมา คนตัวเตี้ยกลับพุ่งเข้าหาแล้วกอดคอผมไว้แน่นทำให้ผมเสียการทรงตัว ขาพัน ตาตุ่มพลิก ลื่นหงายหลังก้นกระแทกพื้นอย่างแรงจนผมได้ยินเสียงกระดูกร้าวเป็นเพลงคลาสสิกของเบโธเฟน แย่ยิ่งกว่าคือน้ำหนักทั้งหมดของซีนยังถูกทิ้งบนตัวผมอีกต่างหาก!
“อ่อก!”
“แอ่ก!”
“โอ๊ะ!/โอ๊ะ!/โอ๊ะ!”
เสียงอุทานดังขึ้นพร้อมกันสามเสียง...เอ๊ะ!?...สามเสียงงั้นเหรอ
เสียงแรกคือเสียงโอดครวญของผมซึ่งอยู่ภายใต้ร่างของซีนที่สวมแค่กางเกงลิงตัวจ้อย เสียงที่สองคือเสียงของซีนที่หน้าคะมำอยู่เหนือสะดือของผมเพียงเล็กน้อย
แล้วเสียงอุทานแอ๊บแบ๊วเสียงที่สามมันเป็นของใครกันล่ะ!!
(ติดตามอ่านต่อได้ในฉบับเต็ม)
รายละเอียด
เขียนโดย "Hameii"
288 หน้า
รีวิว (1)

28/06/2014
Guy Girl Gay แผนรักยุดยิกกุ๊กกิ๊กหัวใจวาย นิยายเรื่องนี้เป็นของนักเขียนใหม่ที่ได้รางวัลจากนักเขียนหน้าใสจะบอกว่านิยายเรื่องนี้เพิ่งอ่านจบไปสดๆร้อนๆเลย สนุกมากๆค่ะพล็อตเรื่องแปลกนี้อ่านของแจ่มใสมาไม่เคยเจอแนวนี้อ่ะค่ะแนวแบบว่าชาวบ้านคิดว่าพระเอกเป็นเกย์ เราว่าพล็อตเรื่องนี้มีความน่าสนใจอย่างเดียวไม่พอนะ คือมันแปลกใหม่ด้วยอันที่จริงต้องชมคนเขียนว่าคิดพล็อตได้แตกต่างดีอ่ะมันไม่ซ้ำซากคืออ่านไปก็ลุ้นไปอ่านเรื่องนี้ตอนแรกคิดไปและว่าพระเอกมันต้องเป็นเกย์แน่ๆแต่พอคิดอีกทีคงไม่ใช่เพราะถ้าเป็นเกย์จริงคงเลิกอ่านฮ่าๆไม่ใช่แนวทางจริงๆ แต่เรื่องนี้มีความคิดเห็นว่านักเขียนบรรยายถึงตัวละครเด่นๆในเรื่องได้สนุกดี คือเรื่องนี้จะเป็นประมาณว่าผู้ชายสองคนหนึ่งในนั้นคือพระเอกของเรื่องนี้คือเขาเป็นเพื่อนที่สนิทกันมากๆถึงมากที่สุดจนคนอื่นต่างคิดว่าเขาเป็นเกย์อีกนัยที่คิดว่าสองคนนี้เป็นเกย์ก็มาจากปมของเรื่องนี้ด้วย อ่านเรื่องนี้แล้วน่าติดตามค่ะเพราะพระเอกนิสัยขี้อ้อนอย่างกับผู้หญิงถึงแม้ว่าจะเล่นๆก็เถอะแต่พอลองมาเล่นอ้อนกับเพื่อนชายตัวเองตอนแรกเขาก็สงสัยนะว่ามันเป็นเกย์ไหมฮ่าๆ เราว่านักเขียนที่แต่งเรื่องนี้เขาบรรยายตัวละครได้น่าติดตามนะค่ะเพราะขนาดเราเป็นคนอ่านเรายังคิดในแง่ลบก่อนเลยแสดงว่านักเขียนก็อาจจะตั้งแต่งแต่งให้เป็นปมเล่นๆสนุกๆไว้ให้คนอ่านรอลุ้นรอติดตามก็ได้ ซึ่งมันเป็นอะไรที่ทำให้เรื่องนี้น่าติดตามแล้วก็น่าสนใจมากขึ้นไปอีก เนื้อเรื่องสนุกอ่านแล้วไม่เบื่อค่ะมีฉากที่แบบมาทุกอารมณ์จริงๆ ตื่นเต้นตามไปด้วย นางเอกเรื่องนี้ก็น่าสงสัยไปในเวลาเดียวกันเพราะดันโดนลากเข้ามาเกี่ยวข้องกับเรื่องของคนอื่นอย่างไม่มีทางหลีกเลี่ยง เราอ่านแล้วชอบปมของเรื่องนี้นะเพราะตอนแรกที่อ่านคือคิดไว้ก่อนแล้วว่าปมมันคืออะไรแล้วบทเฉลยมันจะเป็นยังไงแต่พออ่านถึงตอนจบเข้าจริงๆมันผิดคาดมากๆคือเป็นปมที่แบบว่าผิดคาดแล้วก็ไม่เคยคิดว่ามันจะเฉลยออกมาแบบนี้เพราะตอนแรกๆปมมันค่อนข้างชัดเจนอ่ะว่าคนที่ดำเนินแผนการทั้งหมดคือใครแต่พอเอาเข้าจริงแปลว่าเราคิดผิดมาตลอด คือเรื่องนี้ต้องลองอ่านจริงๆได้อะไรเยอะมากปมพลิกไปพลิกมาสนุกสนานแถมตัวละครเด่นๆของพระเช่นพระเอกกับเพื่อนก็สร้างสีสันมากๆทำให้เรื่อสนุกมากขึ้นนักเขียนมีการวางความสำคัญของตัวละครดีนะค่ะคืออ่านแล้วเรารู้เลยว่าตัวละครในเรื่องนักเขียนจงใจที่จะเขียนให้ใครเด่นบ้างคือเรื่องนี้ตัวละครไม่เยอะมากแต่เขียนได้มีความน่าสนใจมากๆเช่นกันค่ะ