Danger Sign! สัญญาณอันตรายบอกหัวใจว่ารัก เล่ม 02 (เล่มจบ) (AoFFii)
ประหยัด: 104.25 บาท ( 75.00% )
เนื้อหาบางส่วน
Special – Paint in Germany 1
ณ สนามเด็กเล่นในกรุงเบอร์ลิน ประเทศเยอรมนี
แสงอาทิตย์ยามเย็นกำลังจะลาลับขอบฟ้าอยู่ไกลๆ หลายครอบครัว ผู้ปกครองพาลูกหลานของตัวเองมาเที่ยวกันที่นี่ทุกเย็น บ้างก็วิ่งเล่นและเล่นเครื่องเล่นในสวนอย่างสนุกสนาน หนึ่งในนั้นคือผู้ชายร่างสูงโย่งประมาณหนึ่งร้อยแปดสิบเซนติเมตร อายุราวๆ สิบแปดปี ผิวคล้ำเล็กน้อย ใบหน้าของเขาบ่งบอกชัดเจนว่าเป็นคนเอเชีย ในตอนนี้เขากำลังระเบิดเสียงหัวเราะกับกลุ่มเด็กชายหญิงสามสี่คน แล้วก็พากันวิ่งวนไปวนมาอยู่บนบันไดสไลเดอร์ ในมือองเขามีตุ๊กตายอดมนุษย์อุลตร้าแมนที่ดูรู้ว่าผ่านการใช้งานอย่างสมบุกสมบันถือไว้แนบอก
“เพนท์ อย่าเล่นแบบนี้นะ มันอันตราย”
“ไม่เป็นไรหรอก ผมไม่ใช่มนุษย์ธรรมดาสักหน่อย ฮูเร่ๆๆ”
เขาชูมือขึ้นสุดแขน โห่ร้องเรียกความฮึกเหิมได้ก็เกาะไหล่เด็กชายชาวเยอรมันผมทองปิดท้ายขบวนรถไฟของเด็กๆ เพื่อไปต่อแถวปีนต้นไม้ใหญ่ในสวน
พิริยาหรือแพทผู้เป็นพี่สาวที่ได้รับมอบหมายจากพ่อและแม่ให้คอยดูแลน้องชายที่ลดวัยลงไปถึงอายุเจ็ดขวบจากอุบัติเหตุรถชนเมื่อสามเดือนก่อนถึงกับถอนใจเฮือก ถึงจะจำอะไรไม่ได้ แต่ความดื้อนรั้นที่ติดเป็นนิสัยส่วนตัวของเขาก็ไม่เคยเปลี่ยนแปลงไปเลย
ถัดจากกลุ่มเด็กๆ พวกนั้น โรซาน่า เด็กสาววัยสิบเจ็ดปีคนหนึ่งยืนกินไอศกรีมอยู่ที่ชิงช้าไม่ใกล้ไม่ไกล เธอมักจะแวะมานั่งเล่นที่นี่หลังโรงเรียนเลิก ก่อนจะไปช่วยงานที่บ้านของเธอซึ่งเปิดเป็นซูเปอร์มาร์เก็ตใกล้ๆ แถวนี้ เด็กสาวลูกครึ่งอเมริกัน-เยอรมัน ผมสีทอง ดวงตาสีฟ้าสดใสกำลังหัวเราะ ขณะมองพวกเด็กๆ รวมทั้งเด็กโค่งปีนป่ายต้นไม้และกระโดดลงมาด้วยท่วงท่าที่สวยงามทีละคน จนกระทั่งถึงตาของผู้ชายคนนั้นที่น่าจะรุ่นราวคราวเดียวกับเธอ หนุ่มชาวเอเชียผมสีดำขลับ ตัวสูงและผอมบางกว่าหนุ่มเยอมันที่ตัวสูงและร่างกายบึกบึนทั่วไป
“ฮูเร่ ฮูเร่ จะกระโดดแล้วนะ พวกเจ้าทั้งหมดถอยไป”
“เร็วๆ สิ กระโดดลงมาเลย” พวกเด็กๆ ต่างร้องเรียก
“ข้าจะกระโดดไปหาพวกเจ้าเพื่อช่วยปราบเหล่าร้ายเดี๋ยวนี้แหละ” เพนท์ชูตุ๊กตาในมือ ทำท่าแปลงกายแบบเดียวกับที่จำมาจากแผ่นซีดียอดมนุษย์ที่เปิดดูมมาตลอดสองอาทิตย์
“เพนท์ มันอันตรายนะ” พิริยายังคงห้ามปรามน้องชายตัวเอง แม้จะรู้ว่าไม่เป็นผล
“ไม่เป็นไรหรอก ข้าแข็งแรง ไม่รู้หรือไงว่าข้าคือใคร พวกเจ้าบอกป้าคนนั้นซิว่าข้าคือใคร”
“เจ้าคือยอดมนุษย์!” ทุกคนประสานเสียงจนโรซาน่าถึงกับสำลักไอศกรีม ทำไมเขาถึงทำตัวเป็นเด็กนักนะ
“ใช่แล้ว เพราะข้าคือซูเปอร์เพนท์เรนเจอร์ เฟี้ยวววว”
ตุ้บ!
“โอ๊ย”
เป็นเพราะออกท่าทางปล่อยพลังมากเกินไป เพนท์จึงพลาดตกจาต้นไม้โดยไม่ได้เตรียมตัวก่อน ร่างสูงถึงกับกลิ้งโคโล่ลงมากระแทกพื้นดินอย่างแรงท่ามกลางสายตาตกอกตกใจของแพท โรซาน่าที่เห็นเหตุการณ์ทุกอย่างรีบทิ้งไอศกรีมแล้ววิ่งเข้าไปดูเขาทันที
“ไหนว่าเป็นยอดมนุษย์ไง ทำไมพลาดตกลงมาได้ล่ะ แล้วเจ็บตรงไหนบ้าง” เธอตรงเข้าไปจับเพนท์ที่นอนนิ่งกับพื้นและถูกล้อมรอบด้วยเด็กๆ ที่บางคนก็ระเบิดเสียงร้องไห้ บางคนก็มองด้วยความงุนงง เห็นแบบนี้โรซาน่าก็กึ่งขำกึ่งเห็นใจ
“เจ็บ... โอ๊ย ก้นฉัน อ๊ะ อุลตร้าแมน อุลตร้าแมนล่ะ”
“นี่ ตัวเองเจ็บจะตายอยู่แล้ว ยังห่วงตุ๊กตาอีกเหรอ”
“ฉันไม่เป็นไรสักหน่อย ฮ่าๆๆ บอกแล้วว่าฉันคือซูเปอร์เพนท์เรนเจอร์ ฮิๆ”
โรซาน่าขมวดคิ้วมองชายหนุ่มตรงหน้าด้วยความสับสน เขาดูเจ็บมากแต่ก็ยังหัวเราะได้ ไม่เข้าใจว่าทำไมเขาถึงชอบทำตัวหรือพูดจาเหมือนเด็กๆ ทั้งที่ดูๆ ไปแล้วเขาก็อายุรุ่นราวคราวเดียวกับเธอ ขณะนั้นเองแพทที่ได้สติก็รีบวิ่งเข้ามาประคองน้องชายตัวเองทันที
“เพนท์ พี่บอกแล้วใช่มั้ยว่ามันอันตราย ทำไมถึงไม่เชื่อกันบ้างเลย”
“ทำไมป้าต้องโวยวายด้วย ผมไม่ได้เป็นอะไรสักหน่อย แค่เจ็บขากับแขนนิดหน่อยเอง”
“นิดหน่อยเหรอ ตายแล้ว! เลือดออกด้วย”
แพทมองข้อศอกน้องชายที่มีเลือดไหลออกมา โรซาน่าเลยยื่นผ้าเช็ดหน้าให้แพทเพราะมันสะอดาพอจะใช้กดแผลห้ามเลือดได้ แพทขอบคุณก่อนจะหันมาตำหนิน้องชายตัวเองยกใหญ่
“วันนี้พอแล้วนะเพนท์ พี่ไม่ยอมให้เราเล่นอะไรแผลงๆ อีกแล้ว เกิดเป็นอะไรขึ้นมาแล้วมีผลกระทบต่อสมองตัวเองเข้าไปอีกจะเป็นยังไง จะให้พ่อแม่กับพี่ใจหายใจคว่ำไปถึงไหนกัน”
เพนท์ทำหน้าสลดที่โดนดุ พวกเด็กๆ ที่เป็นเพื่อนเล่นรีบพากันโบกมือลาเขาแล้วหายตัวไปอย่างรวดเร็ว
“กลับบ้านกันเถอะ นี่เย็นมากแล้ว บางทีแม่อาจจะกลับมาทานอาหารเย็นพร้อมกับเราก็ได้”
“ยัยป้าใจร้าย” เพนท์สบถลั่นเป็นภาษาไทย ทำให้พี่สาวถึงกับตวัดสายตามองอย่างขุ่นเคือง ก่อนจะเลยไปมองสาวน้อยที่ยืนอยู่ข้างๆ
“เอ่อ ขอบคุณมากนะจ๊ะ สำหรับผ้าเช็ดหน้า เอ๊ะ! เหมือนเราเคยเจอกันมาก่อนเลย ใช่โรซาน่า ลูกสาววิลเลี่ยมร้านซูเปอร์มาร์เก็ตหรือเปล่าจ๊ะ”
“ใช่ค่ะ เราอาจเคยเจอกันในร้าน ฉันจำได้ตอนคุณ...”
“แพทจ้ะ”
“ค่ะ ตอนคุณแพทไปที่ร้านแล้วซื้อผักเต็มตะกร้า ฉันยังเดินมาส่งที่รถเลย”
“จริงด้วย ฉันจำได้แล้ว พูดถึงตะกร้า... ฉันเอามันมาที่บ้านตั้งแต่คราวนั้นแล้วก็ลืมไปซะสนิทเลย ไม่รู้ว่าวิลเลี่ยมจะว่ายังไงบ้าง แย่จริงๆ”
“บ้านคุณอยู่แถวนี้หรือเปล่าคะ”
“แน่นอนจ้ะ ไม่ไกลจากนี่เลย” แพทบอกสาวน้อยตรงหน้า
“ฉันแวะไปเอาเองก่อนจะกลับไปหาพ่อก็ได้ค่ะ”
“ถ้าไงแวะไปทานขนมที่บ้านเราก่อนก็ได้นะ เราคงจะดีใจมากที่ได้รู้จักเพื่อนใหม่ที่อยู่ใกล้ๆ กัน”
โรซาน่ายิ้มแล้วหันไปมองชายหนุ่มที่ยืนไม่สนใจใครอยู่ข้างๆ เขากำลังใจจดใจจ่อสนใจอยู่กับอุลตร้าแมนแขนหักหัวหลุด หลังจากนั้นตลอดเวลาที่เดินกลับบ้านเขาก็เอาแต่พูดว่า
“ยัยป้า ซื้อตุ๊กตาให้ใหม่ด้วยนะ”
ในบ้านหลังใหญ่สองชั้นเนื้อที่กว้างขวาง ด้านหน้ามีสนามหญ้าและน้ำพุที่สร้างความร่มรื่น โรซาน่ายืนมองเพนท์ที่นั่งอยู่บนม้าหินอ่อนอย่างแปลกใจ ท่าทางและการพูดของเขาทำให้เธอคิดว่าผู้ชายคนนี้แปลกๆ มีนิสัยคล้ายเด็กเล็กๆ มากกว่านิสัยของชายหนุ่มอายุสิบแปดปี
แพทยกคุกกี้และน้ำหวาน รวมถึงตะกร้าซูเปอร์มาร์เก็ตที่ถือติดมือมาจากร้านพ่อของโรซาน่ามาวางไว้ให้เธอ
“น้องชายของฉันประสบอุบัติเหตุเมื่อสามเดือนก่อน” เธอพูดขึ้นมาเมื่อรู้ถึงความสงสัยที่เกิดขึ้นจากเด็กสาวตรงหน้า “ตอนนี้เขาสูญเสียความทรงจำไป นิสัยและท่าทางเลยกลับมาเป็นเหมือนเด็กอายุเจ็ดขวบอีกครั้ง เขาจำใครไม่ได้เลยนอกจากคนในครอบครัว”
“เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นด้วยเหรอคะ น่าสงสารเขาจังเลย แบบนี้เขาก็ต้องอยู่แต่ในบ้าน ไม่ได้ออกไปไหนเลยใช่มั้ยคะ”
“เพนท์มีเพื่อนเล่นเป็นเด็กเล็กๆ ที่เจอที่สนามเด็กเล่นจ้ะ เขาจะได้เล่นกับพวกนั้นก็หลังเลิกเรียน ตอนกลางวันเพนท์จะอยู่บ้าน เราพยายามฟื้นฟูความทรงจำของเขาให้กลับมามากขึ้น ตอนนี้เขารักษาอยู่กับคุณหมออย่างสม่ำเสมอ”
“อ้อ เป็นอย่างนี้เอง ถ้างั้นฉันจะมาเป็นเพื่อนเพนท์เองนะคะ” เธอยิ้มสดใส
“ขอบใจมากจ้ะ เพนท์คงจะดีใจที่รู้ว่ากำลังจะมีเพื่อนใหม่เพิ่มอีกหนึ่งคน”
“Hi! ขอนั่งด้วยได้มั้ย”
โรซาน่าเดินเข้าไปทักเพนท์หลังจากจัดการคุกกี้และน้ำหวานเกือบหมด เขาเงยหน้าขึ้นมาก็จริงแต่ไม่ยอมพูดอะไร โรซาน่าเลยวางกล่องใส่อุปกรณ์ทำแผล บอกว่าเธอจะทำแผลที่ข้อศอกให้ แต่เพนท์ก็ยังไม่ยอมพูดอีก
“ทำไมถึงเงียบตลอดล่ะ ไม่อยากคุยกับฉันหรือไง”
“เธอมายุ่งกับฉันทำไม ไปคุยกับยัยป้าสิ”
“ฉันจะมาทำแผลที่ข้อศอกให้นาย ถ้าปล่อยไว้แผลอาจติดเชื้อโรคได้นะ”
เพนท์กำลังนั่งแกะตุ๊กตาตัวเดิมจนมันกลายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย จนโรซาน่าเริ่มคิดว่าเธออาจจะเข้ามารบกวนช่วงเวลาแสนสุขของเพนท์ แต่ถ้าเธออยากมีเพื่อนใหม่เป็นผู้ชายที่กลายเป็นเด็กอีกครั้งแบบนี้ เธอก็ควรจะเข้าไปอยู่ในโลกของเขาไม่ใช่เหรอ ไม่ใช่ให้เขาเข้ามาอยู่ในโลกของเธอสักหน่อย
“นายชอบตุ๊กตาตัวนั้นมากเลยเหรอ”
“อืม มันเป็นเพื่อนเล่นของฉัน” เขาบอกแล้วเคาะๆ จนขาตุ๊กตาแตกกระจาย
“แต่ดูเหมือนว่ามันจะเล่นไม่ได้แล้ว”
“มันเล่นได้ อย่ามาพูดมั่วๆ นะ” เขาโวยวาย โรซาน่าเบิกตากว้างด้วยความตกใจ “เดี๋ยวต่อใหม่มันก็กลับมาเล่นได้เหมือนเดิม ยัยป้าใจร้าย ไม่ซื้อให้ใหม่ทั้งที่มันคอหัก”
“เอ่อ... นั่นสิ เดี๋ยวมันก็เล่นได้เหมือนเดิม” เธอยิ้มให้กับเขาเพื่อเป็นการผูกมิตร แต่ผู้ชายชาวเอเชียตรงหน้ากลับเงยหน้าขึ้นมามองแล้วไม่ยอมพูดอะไรอีกเลยเหมือนเดิม เธอมองเขานิ่ง ดวงตาสีดำสนิทของเขาแตกต่างจากเธอมาก จมูกโด่งเป็นสัน ริมฝีปากบางสีชมพู ที่ต้นคอมีสร้อยคอเส้นหนึ่งสีเงินสะดุดตา
“พรุ่งนี้เป็นวันหยุด นายอยากไปเที่ยวหรือเปล่า”
“เที่ยว!” ดวงตาของเพนท์เปล่งประกายอย่างตื่นเต้น “ไปเที่ยวเหรอ”
“ใช่แล้ว ที่นี่มีที่เที่ยวเยอะแยะ ตั้งแต่นายมาอยู่ได้ไปไหนมาบ้างหรือยังล่ะ ฉันพานายไปเที่ยวได้นะ”
เพนท์ทิ้งตุ๊กตาอุลตร้าแมนที่รักสุดชีวิตแล้วเริ่มกลอกตาครุ่นคิด ก่อนจะค่อยๆ หุบยิ้มที่ฉีกกว้างนั้นลงเหมือนคนหมดหวัง
“ยัยป้าไม่ยอมให้ฉันไปไหนนอกจากอยู่แต่ในบ้าน ใจร้ายจะตาย”
โรซาน่าหัวเราะขบขันกับสีหน้าของเพนท์เวลาพูดถึงพี่สาวของเขาเอง
“ถ้านายยอมให้ฉันทำแผลให้ รับรองว่าฉันจะขออนุญาตพี่นายเอง แล้วพรุ่งนี้ฉันจะพานายไปเที่ยวให้ทั่วเลย ไม่แน่เราอาจจะหาตุ๊กตาตัวใหม่มาแทนตัวนี้ก็ได้ นายไม่อยากได้เหรอ”
“เธอพูดจริงเหรอ”
“อืม” โรซาน่าพยักหน้าอย่างจริงจัง “คนอย่างโรซาน่าพูดจริงทำจริง”
“งั้นก็ได้ แต่เธอต้องทำให้ยัยป้าอนุญาตให้ได้นะ”
“โอเค รับรองว่าไม่มีปัญหา”
เพนท์ฉีกยิ้มกว้างแล้วยื่นแขนให้โรซาน่าใส่ยาล้างแผลให้แต่โดยดี เธอหัวเราะในลำคอกับท่าทางดีอกดีใจที่จะได้ไปเที่ยวของเพนท์ จากนั้นจึงบรรจงใส่ยาล้างแผล ยาแดง และปิดพลาสเตอร์ให้เขา ขณะที่เพนท์ร้องเพลงลั่นบ้านแทนการแหกปากโอดครวญเพราะแสบแผล
ไม่มีใครรู้ว่าเพลงที่เขาร้องคือเพลงอะไร เพราะไม่มีใครฟังรู้เรื่องจริงๆ
ทั้งสองมาหยุดยืนอยู่แถวถนน Under den linden ที่นี่เป็นถนนเก่าแก่และเป็นที่เชิดหน้าชูตาของเยอรมนีที่สุดเลยก็ว่าได้ สองข้างทางมีต้น linden ตลอดสายและยังเป็นที่ตั้งของพระราชวังเก่า โรงละคร หอสมุด และมหาวิทยาลัย เป็นต้น โรซาน่าจูงมือเพนท์ให้ออกเดินต่อไป
“ที่นี่คือประตูบรานเดนบวร์ก”
“สวยจัง”
“นายรู้มั้ยว่าที่นี่เป็นสัญลักษณ์ของกรุงเบอร์ลินเลยนะ เพราะว่าเก่าแก่มาก แล้วก็ถือว่าเป็นเครื่องหมายแห่งความสงบสุข นายดูนู่นสิ นั่นน่ะรูปปั้นชื่อ Quadriga”
เพนท์เงยหน้ามองรูปปั้นที่โรซาน่าบอกแล้วครางออกมาเบาๆ รูปปั้นเป็นรูปราชินีแห่งชัยชนะตามที่เขาเรียกกัน ควบรถเทียมม้าสี่ตัวหันหน้าไปทางฝั่งตะวันออกของเบอร์ลิน ทั้งคู่ถ่ายรูปกันสองสามรูป โรซาน่าจูงมือเพนท์ไปเที่ยวทั่วกรุงเบอร์ลินอีกตลอดทั้งวัน เพนท์ที่ไม่เคยได้มาที่แบบนี้แม้ว่าจะอยู่ที่นี่มานานถึงสามเดือนแล้วก็ตามทำตัวเป็นผู้ตามอย่างเชื่อฟัง หัวเราะสนุกสนาน ยิ้มแย้มทุกครั้งที่ได้เจอที่เที่ยวใหม่ๆ จนลืมเรื่องตุ๊กตาอุลตร้าแมนที่ถูกทิ้งไว้เลยทีเดียว
โรซาน่าพาเพนท์ไปที่ศาลาว่าการกรุงเบอร์ลิน อาคารรัฐสภา พิพิธภัณฑ์ เลยไปถึงช็อปปิ้งที่ถนน Tauentzienstrasse ซึ่งเป็นที่ตั้งของห้าง KaDeWe ที่เป็นแหล่งรวมสินค้าหลากหลายชนิด เดินกันจดเหนื่อย เพนท์ก็นั่งหอบอยู่ที่ม้านั่งริมถนน โรซาน่ายื่นขนมปังและเปิดกระป๋องน้ำอัดลมส่งให้เขา
“ถ้าจะใช้เวลาแค่วันเดียวยังไงก็เที่ยวที่นี่ไม่หมดแน่”
“ไม่ไหวแล้ว เหนื่อยมากๆ” เพนท์บ่น เริ่มเขย่าคอเสื้อตัวเองเพื่อไล่ความร้อน “ไม่เจอตุ๊กตาด้วย ไม่เห็นได้อะไรเลย”
“ก็ได้ความสนุกไง อย่างน้อยก็ดีกว่าต้องอุดอู้อยู่แต่ในบ้านไม่ใช่เหรอ
(ติดตามต่อได้ในฉบับเต็ม)