Guilty Eden รักเร้นร้าย...หัวใจซ่อนกล (ชุด Love curse...คำสาปนี้มีรัก)

Guilty Eden รักเร้นร้าย...หัวใจซ่อนกล (ชุด Love curse...คำสาปนี้มีรัก)

1 รีวิว  1 รีวิว    
รหัสสินค้า: 9786160605026
ผู้แต่ง: Hideko_Sunshine
ของหมด (ต้องการสินค้า)
ราคา: 169.00 บาท 42.25 บาท
ประหยัด: 126.75 บาท ( 75.00% )

เนื้อหาบางส่วน

เขาเปรียบเสมือนอดัม...เธอเปรียบเสมือนเอวา

ความรักอันผิดบาปเริ่มต้นขึ้นที่ ‘สวนอีเดน’ แห่งนี้

ที่นี่มี ‘ความลับ’ และที่นี่มี ‘ความเจ็บปวด’

แต่ไม่มีใครสักคนที่รู้หรอกว่า...ที่นี่มี ‘ความรัก’ หรือไม่

 

บทนำ

 

@ โรงพยาบาล M

เวลา 23.59 น. วันที่ 13.02.20XX

‘แพร...อย่าเป็นอะไรไปนะ ได้โปรดเถอะ’

เสียงทุ้มต่ำที่สั่นสะท้านด้วยความเจ็บปวดและกังวลของร่างสูงที่วิ่งอยู่ข้างๆ รถเข็นซึ่งกำลังมุ่งไปสู่ประตูของห้องฉุกเฉินไม่อาจดังเข้าไปสู่ห้วงความคิดของคนเจ็บที่นอนหมดสติในขณะนี้ อย่าว่าแต่จะมีสติรับฟังใครเลย แม้จะหายใจด้วยตัวเอง ‘แพรพลอย’ ยังทำไม่ได้เลย

ภาพนั้นยังความสะเทือนใจให้กับบุคลทั้งสามผู้เป็นคนนำแพรพลอยมาส่งโรงพยาบาลได้ไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน โดยเฉพาะเขา...ผู้ชายที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็น ‘คนรัก’ ของเธอ

‘ขอโทษนะคะ ญาติเข้าไปไม่ได้ค่ะ’

พยาบาลสาวบอกก่อนจะกันร่างสูงที่ร่างกายเลอะไปด้วยเลือดให้รออยู่ด้านนอก ไม่นานประตูห้องฉุกเฉินจึงปิดลง ภายในห้องฉุกเฉิน...ทั้งคุณหมอและพยาบาลต่างช่วยกันยื้อลมหายใจของแพรพลอยด้วยการปั๊มหัวใจ แต่ดูเหมือนว่าความพยายามของพวกเขาจะไม่มีประโยชน์ใดเมื่อชีพจรของเธอค่อยๆ อ่อนลง

ความเจ็บปวดต่างๆ ที่รุมเร้าเลือนหายเมื่อแพรพลอยเดินไปบนเส้นทางที่เต็มไปด้วยสีขาวโพลน และในนั้นมีเธอปรากฏอยู่เพียงคนเดียวแต่หัวใจที่ ‘บอบช้ำ’ ยังเจ็บปวดแสนสาหัสยิ่งกว่าร่างกายในยามนี้

‘เธอกำลังเดินทางมาสู่ดินแดนแห่งความตาย...’

ขณะที่หญิงสาวกำลังยืนมองสำรวจบรรยากาศรอยกายซึ่งมีเพียงแสงสีขาวส่องสว่างจนแสบตา...เสียงทุ้มต่ำที่เปี่ยมไปด้วยอำนาจและความน่ากลัวก็ดังขึ้น

‘ดินแดนแห่งความตายงั้นเหรอ’ ร่างบางเอ่ยทบทวนกับตนเองขณะที่นัยน์ตาโตและยาวรีกำลังมองหาต้นเสียง แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่พบเขา ‘คุณเป็นใครน่ะ’

‘ไม่จำเป็นที่เธอต้องรู้ว่าฉันเป็นใคร รู้แค่เพียงว่าฉันมีอำนาจมากพอที่จะทำให้เธอกลับไปมีชีวิตได้อีกครั้งก็พอแล้ว...’

คำพูดนั้นทำให้หญิงสาวหยุดนิ่งและนึกย้อนกลับไปถึงเหตุการณ์เมื่อหนึ่งชั่วโมงที่แล้ว เธอจึงตระหนักได้ว่าตนเองคงกำลังเผชิญหน้าอยู่กับความเป็นความตายอย่างที่เขาพูดจริงๆ

‘ฉันจะให้เธอกลับไปมีชีวิตอีกครั้ง แลกกับการถูกสาปให้เป็นคนที่ถูกลบเลือนไปจากความทรงจำของบุคคลที่อยู่ในเหตุการณ์ที่ทำให้เธอต้องตายในวันนี้’

‘ถูกสาป?’

แพรพลอยทวนคำอย่างไม่เชื่อหูว่าเธอจะได้ยินและได้ฟังเรื่องน่าเหลือเชื่อ เธอไม่แน่ใจว่าทุกคนที่เผชิญหน้ากับความตายจะเจอเหตุการณ์เช่นนี้หรือไม่ เธอยอมรับ...เธอสับสนไปหมดแล้ว

แต่มีสิ่งหนึ่งที่เธอแน่ใจคือ...เธอยังไม่อยากตาย

และจะไม่มีวันตายจนกว่า...จะได้ทำในสิ่งที่ค้างคาใจ!

‘เธอต้องอยู่ห่างจากคนพวกนั้น เพื่อไม่ให้พวกเขาจำเธอได้’

หญิงสาวดึงความสนใจกลับมาที่เสียงปริศนาอีกครั้ง และเธอไม่ต้องการค้นหาว่าเขาเป็นใคร ถ้าหากว่าเขาจะทำให้เธอกลับไปมีชีวิตได้อีก...เท่านั้นก็พอแล้ว

‘ความใกล้ชิดจะทำให้ความทรงจำกลับมา ถ้าพวกเขาจำได้เมื่อไหร่...เธอก็จะตายทันที’

‘ทำไมกัน...’

‘เพราะทุกคนมีส่วนรู้เห็นในการตายของเธอ ความเป็นความตายของมนุษย์ถือเป็นความลับ การที่ฉันให้เธอกลับไปมีชีวิตอีกครั้งนั้นไม่ต่างจากการฝืนชะตากรรม’

‘ถ้าอย่างนั้นการมีชีวิตอยู่ของฉันจะมีประโยชน์อะไร’ เธออยากต่อรอง ‘ในเมื่อ...สิ่งที่ฉันต้องการก็คือให้พวกเขารับรู้ในสิ่งที่ทำกับฉันไว้ หรือไม่ก็...เจ็บให้เท่ากับสิ่งที่พวกเขาทำกับฉัน’

‘ถ้าเช่นนั้น...เธอก็ต้องทำให้ใครสักคนที่อยู่ใน ‘เหตุการณ์นั้น’ ตายแทนเธอโดยที่เธอไม่ต้องลงมือฆ่า’

‘ตายแทนงั้นเหรอ’

แพรพลอยทบทวนคำพูดนั้นและใช้ความคิดอย่างหนัก จริงอยู่ว่าเธอไม่มีทางเลือก...แต่หญิงสาวก็อยากจะมั่นใจได้ว่าการต้องอยู่กับ ‘คำสาป’ หลังจากนี้...เธอจะต้องใช้ชีวิตอย่างไร

หากทุกอย่างเป็นอย่างที่เขาพูดนั่นหมายความว่า...เธอจะได้กลับไปมีชีวิตและเธอจะต้องอยู่ห่างจากคนพวกนั้นเพื่อไม่ให้ความทรงจำของพวกเขากลับคืนมา เพราะถ้าหากพวกเขาจำได้เมื่อไหร่ เธอก็จะตายทันที และถ้าหากเธออยากมีชีวิตอยู่ต่อไปโดยที่เธอยังเป็นคนที่มีตัวตนในความทรงจำของพวกเขา เธอก็จะต้องทำให้คนใดคนหนึ่งซึ่งอยู่ในเหตุการณ์ที่ทำให้เธอต้องตายในวันนี้ ‘ตายแทน’ เธอโดยที่เธอไม่ต้องลงมือฆ่า

อาจจะเป็นด้วยโรคร้าย ตรอมใจตาย หรืออุบัติเหตุ...ทำนองนั้น

หากกลับไปมีชีวิตอีกครั้ง แพรพลอยต้องเลือกว่าเธอจะยอมอยู่อย่างสงบหรือจะกลับไปทวงถามในสิ่งที่ค้างคาใจ หากเป็นก่อนหน้านี้...เธอตอบได้เลยว่าคนอย่างเธอจะยอมหยุดนิ่งและอยู่อย่างสงบปากสงบคำ

ทว่าในเวลาที่หัวใจเต็มไปด้วยความเจ็บปวดและโกรธแค้นเช่นตอนนี้...เธอไม่แน่ใจ!

แต่แพรพลอยไม่สามารถกำหนดได้ว่าเมื่อเธอกลับเข้าไปในชีวิตของคนพวกนั้นอีกครั้ง เธอจะมีเวลา ‘จัดการ’ กับพวกเขาในระยะเวลานานเท่าไหร่ เพราะไม่มีใครสามารถควบคุมได้ว่าความจำเกี่ยวกับตัวเธอที่ฝังลึกลงไปในจิตสำนึกของพวกเขาจะกลับมาเมื่อไหร่หลังจากที่พวกเขาได้พบเธอ...อีกครั้ง

‘คุณทำแบบนี้ทำไม ให้โอกาสฉัน...เพื่ออะไร’

‘เธอไม่จำเป็นต้องรู้คำตอบ...เพราะสิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับมนุษย์เมื่อเผชิญหน้ากับความตายคืออยากกลับไปมีชีวิตอีกครั้งไม่ใช่เหรอ หรือว่าเธอไม่ได้คิดเช่นนั้น’

‘…’

‘ชีวิตต้องแลกด้วยชีวิต’ เสียงนั้นกล่าวย้ำอีกครั้งขณะที่ร่างบางกำลังใช้ความคิดอย่างหนัก ‘และฉันรู้ดี...ว่าเธอจะไม่มีทางปฏิเสธการทำพันธสัญญาครั้งนี้’

แพรพลอยไม่ได้พูดอะไรออกไป...แต่ ‘คำตอบ’ แน่ชัดอยู่ในใจเธอตั้งแต่วินาทีที่ได้ยินข้อเสนอ

ใช่...ก็ในเมื่อวันนี้พวกเขาทำร้ายเธอให้เจ็บปวดเจียนตายอย่างไร้ความปรานีเช่นนี้...มันก็ไม่มีเหตุผลที่คนอย่างเธอจะต้องตายและยอมรามือ!

 

1

Eden Garden

 

@ กรุงเทพฯ เกือบสี่ปีต่อมา...

ทันทีที่รถยนต์ราคาแพงระยับสีขาวดีไซน์โฉบเฉี่ยวและเท่ไม่น้อยไปกว่าใครจอดลง ณ ที่หมาย...ฉันทอดสายตามองลอดกระจกรถออกไป เห็นบ้านสองชั้นหลังใหญ่ตั้งอยู่ในบริเวณกว้างขวางโอบล้อมไปด้วยต้นไม้น้อยใหญ่ มีสนามหญ้าสีเขียว สวนสวยๆ ที่หน้าบ้าน ดูสะอาดสะอ้าน ร่มรื่น และเป็นบ้านที่น่าอยู่มากจนไม่น่าเชื่อเลยว่าที่นี่...เคยถูกจัดอันดับให้เป็นสถานที่ ‘น่ากลัว’ แห่งหนึ่งในย่านนี้

“แน่ใจเหรอว่าจะอยู่ที่นี่จริงๆ น่ะ”

‘แฟร์เวลล์’ ซึ่งทำหน้าที่เป็นพลขับให้ฉันเอ่ยคำถามนี้เป็นครั้งที่สามร้อยได้แล้วกระมัง

“ถ้าไม่แน่ใจจะลงทุนให้นายออกแบบและตกแต่งใหม่จนหมดเงินไปเป็นแสนๆ ทำไมกันล่ะ”

ฉันกดรีโมตเปิดประตูหน้าบ้านให้เลื่อนออก ร่างสูงข้างกายจึงขับรถเข้าไปด้านใน ผ่านสวนที่ตกแต่งอย่างร่มรื่นไปจนถึงโรงจอดรถ

อันที่จริง...ฉันเคยอยู่บ้านหลังนี้ตั้งแต่เมื่อครั้งที่เข้ามาเรียนมัธยมปลายในกรุงเทพฯ ใหม่ๆ อ้อ...แต่มันไม่ใช่บ้านของฉันหรอกนะ นี่เป็นบ้านของคุณลุงกับคุณป้าต่างหาก ท่านสองคนไม่มีลูกเลยให้ฉันมาอยู่ด้วย คุณพ่อกับคุณแม่ที่อยู่เชียงใหม่จะได้ไม่เป็นห่วงฉันน่ะ

แต่ตอนที่ฉันขึ้น ม.6 คุณลุงกับคุณป้าก็จะย้ายไปอยู่ที่ฝรั่งเศสซึ่งเป็นบ้านเกิดของคุณลุงเป็นการถาวร (พ่อของคุณลุงที่อยู่ทางนู้นไม่สบาย คุณลุงเลยอยากจะกลับไปอยู่กับท่าน) ฉันเสียดายบ้านหลังนี้จึงรบเร้าให้คุณพ่อกับคุณแม่ซื้อต่อจากท่านทั้งสอง เพราะยังไงฉันก็ต้องอยู่กรุงเทพฯ ต่ออีกหลายปี เรียนมัธยมปลายจบก็ต้องเรียนต่อมหาวิทยาลัย และหลังจากเรียนจบก็อาจจะอยู่ต่อไปแบบไม่มีกำหนดกลับเลยก็ได้

คุณพ่อกับคุณแม่ซึ่งมีฐานะอยู่ในเกณฑ์ดีถึงดีมาก (ที่บ้านเราทำธุรกิจผ้าทอส่งออกต่างประเทศและยังทำธุรกิจเกี่ยวกับการท่องเที่ยวและรีสอร์ตอีกด้วย) เข้าใจในเหตุผลและเสียดายบ้านหลังนี้เช่นกัน พวกท่านจึงไม่ลังเลที่จะซื้อเก็บไว้ แต่จริงๆ พวกท่านก็เป็นห่วงฉันนะที่ต้องอยู่บ้านคนเดียว ทว่าฉันสัญญากับพวกท่านไว้แล้วว่าจะไม่ทำตัวเหลวไหล ที่ผ่านมาฉันเป็นเด็กดีและยึดมั่นในคำสัญญาเสมอ...พวกท่านจึงไว้ใจมาก ส่วนในเรื่องของความปลอดภัย...หมู่บ้านนี้ดูแลเรื่องนี้ได้ดีมากทีเดียว เพราะไม่เคยมีข่าวอาชญากรรมใดๆ เกิดขึ้นเลย

ฉันใช้ชีวิตอยู่ที่นี่อย่างสงบ แต่แล้ว...ในตอนที่เรียนจบมัธยมปลายและกำลังจะขึ้นมหาวิทยาลัยก็ ‘เกิดเรื่อง’ กับฉันขึ้นจนได้ ฉันตัดสินใจที่จะกลับไปอยู่เชียงใหม่และทิ้งอดีตไว้ที่นี่ คุณพ่อกับคุณแม่จึงเปิดให้คนมาเช่าบ้านหลังนี้ แต่ก็แปลกดีนะ...ที่หลังจากนั้นที่นี่ก็มีแต่เรื่องร้ายๆ เกิดขึ้นตลอดเลย

เพียงปีเดียวเท่านั้น...เกิดโศกนาฏกรรมที่นี่จนเป็นข่าวใหญ่โต

ถ้าทุกคนพอจะจำข่าว ‘ชิงรักหักสวาท…สามีกระหน่ำยิงภรรยากับชู้รักในสวนหลังบ้านจนถึงแก่ความตาย จากนั้นก็ฝังศพของทั้งคู่ไว้ที่นั่น ก่อนจะถูกวิญญาณตามหลอกหลอน (ในข่าวเขียนว่าอย่างนั้น) จนต้องเขียนจดหมายสารภาพความผิดทุกอย่างทิ้งไว้แล้วยิงตัวตายตาม...’ ได้ล่ะก็...นั่นล่ะ! สถานที่เกิดเหตุดังกล่าวก็คือบ้านหลังนี้ สวนหลังบ้านของฉันจึงเป็นที่โจษขานกันว่า...เฮี้ยนเสียยิ่งกว่าเฮี้ยน!

เวลาต่อมามันจึงถูกเรียกว่า...สวนแห่งความผิดบาปคือ ‘Eden Garden’

เชื่อมั้ย...มีผู้เช่า (ที่กล้า) เข้ามาอยู่ต่ออีกสามสี่ราย แต่ทุกคนก็อยู่ได้ไม่ถึงเดือนและจำต้องย้ายออกไปเพราะทนความเฮี้ยนไม่ไหว สุดท้าย..ประวัติความน่ากลัวก็ถูกเล่าขานกันต่อไปเรื่อยๆ จนไม่มีใครกล้ามาเช่าอีก

บ้านหลังนี้จึงถูกทิ้งร้างเอาไว้ จนกระทั่งวันนี้...วันที่ฉันตัดสินใจย้ายกลับมากรุงเทพฯ อีกครั้ง และไม่มีที่ไหนที่ฉันอยากจะอยู่มากไปกว่าบ้านที่ฉันคุ้นเคยอย่างบ้านหลังนี้อีกแล้ว

“ให้ฉันมาอยู่เป็นเพื่อนสักพักดีมั้ย บอกตรงๆ ว่าไม่อยากให้เธออยู่คนเดียวเลย” แฟร์เวลล์ยกกระเป๋าเสื้อผ้าฉันลงจากท้ายรถและพุดย้ำในสิ่งที่เขาเคยพูดมาแล้ว...หลายครั้ง...

เฮ้อ! ความจริงแล้วผู้ชายคนนี้ดูนิ่งๆ และมีเสน่ห์แบบลึกลับมากนะ การที่เขาพูดย้ำและพูดซ้ำถึงเรื่องใดเรื่องหนึ่งมากๆ แสดงให้เห็นว่าเขากำลัง ‘คิดมากเข้าขั้นวิตกจริต’ จริงๆ

“ห่วงอะไรกันเล่า ระบบรักษาความปลอดภัยของที่นี่ดีจะตาย” ฉันพูดขำๆ ขณะกำลังเปิดประตูเข้าบ้าน ไม่รู้ว่าทำไม แต่...เห็นเขาเป็นห่วงแล้วฉันยิ่งอารมณ์ดี “อีกอย่างนะเวลล์...เพื่อนบ้านฉันแต่ละคนก็มีแต่คนดีๆ และมีฐานะทั้งนั้น นายเองก็รู้ดีตั้งแต่ตอนที่เข้ามาตกแต่งที่นี่ใหม่แล้วนี่นา”

ฉันเคยคุยเรื่องทั่วไปเกี่ยวกับบ้านนี้กับแฟร์เวลล์และเตรียมการที่จะย้ายเข้ามาอยู่ที่นี่ได้สักพักแล้ว แฟร์เวลล์...ผู้เป็นเจ้าของบริษัทรับออกแบบและตกแต่งภายในที่ประสบความสำเร็จอย่างมากคนหนึ่ง (ทั้งๆ ที่เขาเพิ่งจะอายุยี่สิบหกปีเท่านั้น) เขานี่แหละที่ทำหน้าที่ควบคุมดูแลการบูรณะบ้านหลังนี้ให้กลับมามีสภาพน่าอยู่ที่สุดในสามโลก

“มันก็จริง แต่ที่ฉันเป็นห่วงคือความรู้สึกของแพรต่างหาก” เขายังรบเร้าพลางยกกระเป๋าเสื้อผ้าขึ้นมาส่งฉันถึงห้องนอน “ถามจริงๆ นะ...ไม่กลัวบ้างเลยเหรอเรา”

“กลัวอะไรล่ะ บ้านฉันสวยออกขนาดนี้ สวนหลังบ้านก็ตกแต่งใหม่ซะสวยยิ่งกว่าสวนในละครอีก ส่วนเรื่องคดีนั่นน่ะเหรอ มันหลายปีมาแล้วนะ คงไม่มีอะไรหรอก”

ฉันมองสำรวจห้องนอนกว้างขวางและน่าอยู่มากๆ แฟร์เวลล์รู้ใจฉันทุกอย่าง เขาตกแต่งมันอย่างเรียบง่าย แต่มีสไตล์และดูเรียบหรูถูกใจจริงๆ

“ฉันรู้ว่าแพรไม่เชื่อเรื่องพวกนี้ แต่ว่า...”

“ฉันเป็นเจ้าของบ้านหลังนี้นะ” ฉันพูดขัดขึ้นก่อนจะคว้ามือเขาและพาเดินลงบันไดมาที่ชั้นล่าง “ถ้าพวกเขาจะอยู่ที่นี่จริงๆ ก็ควรเกรงใจฉันบ้าง และพวกเขาต้องช่วยคุ้มครองฉันสิถึงจะถูก”

“ถ้าเป็นวิญญาณร้าย เขาจะมาคิดถึงเรื่องบุญคุณอะไรกันเล่า”

ใบหน้าหล่อเหลาที่กำลังมองฉันอย่างเอือมระอาทำให้ฉันต้องหัวเราะด้วยความขบขัน น้อยครั้งมากนะที่จะได้เห็นผู้ชายอย่างเขาทำสีหน้าแบบนี้น่ะ

“คนอย่างแฟร์เวลล์ไม่เคยเชื่อเรื่องพวกนี้นี่นา” ฉันหยุดยืนตรงประตูบ้านหลังบ้านที่เชื่อมไปสู่สวนขนาดใหญ่ซึ่งมันเคยเป็นจุดเกิดเหตุของการสังหารโหดครั้งนั้น “ถามตรงๆ นะว่านายห่วงเรื่องอะไรกันแน่”

“เพื่อนบ้านเธอน่ะ” เขารับสารภาพในที่สุด “ร้ายไม่หยอกเลยนะ”

“แน่ะ” ฉันทำเสียงสูงต่อว่าเขาอย่างไม่จริงจัง “แสดงว่าไปสืบมาแล้วล่ะสิ”

“แถมหน้าตาน่าหมั่นไส้ไม่ใช่เล่นเลย”

ใบหน้าคมคายแสยะยิ้มร้ายกาจบอกว่าเขารู้สึกแย่แค่ไหนกับเพื่อนบ้าน

(ติดตามอ่านต่อได้ในฉบับเต็ม)

รายละเอียด

เรื่องราวที่เกิดขึ้นเมื่อเกือบสี่ปีก่อน ฉันยอมรับว่าลืมไม่เคยได้ ในเมื่อความแค้นยังฝังแน่นอยู่ คนรักและเพื่อนอีกสองคนคือต้นเหตุที่ทำให้ฉันเกือบไม่มีชีวิตอยู่บนโลกใบนี้ ถ้าเพียงแต่ว่าฉันไม่ได้พบกับซาตานที่ยื่นข้อเสนอให้ฉันมีชีวิตอยู่ต่อไป โดยมีข้อแม้ว่าฉันต้องถูกสาปให้หายไปจากความทรงจำของพวกเขาทั้งสาม...
 
หากวันใดวันหนึ่งฉันกลับไปทำให้พวกเขาจำได้ขึ้นมา ฉันนี่แหละจะได้ตายของจริง ทว่าหนทางแก้คำสาปที่ซาตานบอกไว้ว่าต้องทำให้พวกเขาตายแทน ทำให้ฉันตัดสินใจกลับมาหาพวกเขาอีกครั้ง และเฝ้ารอเวลาเหมาะๆ เพื่อจะปิดบัญชีแค้นให้สาสมกับสิ่งที่พวกเขาเคยทำไว้กับฉัน!

รีวิว (1)

เขียนรีวิว

phattaraporn | 1 รีวิว
16/08/2014

Guilty Eden รักเร้นร้าย...หัวใจซ่อนกล สำหรับนิยายเรื่องนี้เป็นนิยายแนวเลิฟซีรี่ของพี่โอ๋ค่ะเป็นเรื่องราวของนางเอกที่มีความแค้นในอดีตซึ่งเกิดจากคนรักแล้วก็เพื่อนอีกสองคนที่ทำให้เธอแทบไม่อยากมีชีวิตอยู่บนโลกต่อไป แต่ซาตานก็มายื่นข้อเสนอให้เธอมีชีวิตอยู่ต่อไปทว่ามีข้อแม้คือเธอต้องหายไปจากความทรงจำของบุคคลทั้งสามถ้าเกิดวันใดวันหนึ่งที่เธอเกิดไปทำให้พวกเขาจำเธอได้ขึ้นมาเธอจะได้ตายจริงๆแต่ว่ามีทางแก้อีกอย่างคือพวกเขาทั้งสามจะต้องตายแทนเธอนั่นจึงทำให้เธอหวนกลับมามีชีวิตอยู่ต่อไปอีกครั้งเพื่อแก้แค้นค่ะ สำหรับนิยายเรื่องนี้บอกเลยว่าเป็นพล็อตเรื่องที่ดราม่ามากค่ะอ่านเรื่องนี้เชื่อว่าหลายคนคงสะเทือนใจเพราะว่าจุดจบมันไม่ได้แฮ็ปปี้แอนดิ้งอย่างนิยายทั่วไปนะค่ะนั่นก็คือว่านางเอกตายไม่อยากสปอยหรอกอ่ะฮ่าๆๆๆแต่เอาเป็นว่าเรื่องนี้ดราม่าก็พอไม่ใช่ว่าเนื้อเรื่องไม่สนุกนะค่ะบอกเลยว่าสนุกมากในความรู้สึกเราทุกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่พี่โอ๋เป็นคนแต่งในเรื่องนี้อ่ะมันสะท้อนมุมมองอะไรหลายๆอย่างค่ะถ้าอ่านดีๆคือเนื้อเรื่องมันสมเหตุสมผลมากบอกเลยว่าพอรู้ว่านางเอกตายเป็นอะไรที่ไม่อยากอ่านเลยแต่ด้วยความที่ว่านานๆทีจะเห็นพี่โอ๋เขียนนิยายแนวนี้ก็เลยทำให้อยากอ่านบอกเลยค่ะว่านิยายเรื่องนี้อ่านไปแล้วน้ำตาไหลไปที่อ่านแล้วรู้สึกอยู่อย่างหนึ่งคือเรื่องราวของความรักแม้ว่าจะเป็นในนิยายแต่ทำให้รู้ว่าบางครั้งความรักก็ไม่ได้ลงเอยที่ว่าพระเอกนางเอกคู่กันมันก็เหมือนชีวิตจริงๆนั่นแหละทุกวันนี้มีคู่รักหลายคู่ต้องตายจากกันอาจจะเพราะโรคหรืออุบัติเหตุทั้งที่ยังรักกันสำหรับเรื่องนี้ก็เหมือนกันเพราะสุดท้ายแล้วพระเอกก็ไม่ได้ลืมนางเอกบอกไม่ถูกอ่ะอ่านเรื่องนี้แล้วมันสะเทือนใจใจจริงก็ไม่ได้อยากให้จบแบบนี้เลยเพราะมันบีบคั้นหัวใจคนอ่านมากเลยแถมยังเศร้าด้วยยิ่งพอพี่โอ๋เป็นคนแต่งเรื่องนี้บอกเลยว่ายิ่งอินไปกับตัวละครเข้าไปใหญ่เพราะพี่โอ๋เป็นคนแต่งนิยายที่ชอบใช้สำนวนแนวผู้ใหญ่ภาษาสละสลวยแล้วก็สมจริงนั่นยิ่งทำให้เราอินไปกับเนื้อเรื่องมากๆราวกับมันเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นจริงค่ะ แล้วก็ไม่อยาออ่านนิยายแนวดราม่าแบบนี้อีกแล้วเพราะว่ามันเศร้าจริงไม่ใช่ไม่ชอบแต่ร้องไห้ไม่หยุดเลยรู้สึกสงสารแล้วก็ทำให้ค้างคากับเนื้อเรื่องเพราะอยากให้จบแบบแฮ็ปปี้มากกว่าอ่ะค่ะแหะๆ แต่เราชอบเรื่องนี้มากกว่าทำให้รู้สึกว่าความรักเป็นสิ่งที่ดีอ่ะเห็นมุมมองความรักมากขึ้น

สินค้าที่ใกล้เคียง (74 รายการ)

www.batorastore.com © 2024