Love me do... รักเจ้าเอย (ปกใหม่)

Love me do... รักเจ้าเอย (ปกใหม่)

0 รีวิว  0 รีวิว    
รหัสสินค้า: 9786160605255
ผู้แต่ง: วีสาม
ของหมด (ต้องการสินค้า)
ราคา: 229.00 บาท 180.91 บาท
ประหยัด: 48.09 บาท ( 21.00% )

เนื้อหาบางส่วน

บทนำ

 

...ชายในฝัน...

นิยามนี้ผู้คนมอบให้ผม มันเป็นโซ่ซึ่งตรวนให้ต้องยิ้มรับ เมื่อความอยากรู้อยากเห็นในจิตใจของพวกเขาตั้งคำถามผ่านทางสายตา...ทำไมเจ้าบ่าวของเธอจึงไม่ใช่ผม...

...ไม่ใช่ผู้ชายเพอร์เฟ็กต์ที่ใครต่างฝันถึง...

แอ๊น...ผู้หญิงที่ผมรักและหวังจะได้สร้างครอบครัวร่วมกัน คงอยู่บนเวทีในงานเลี้ยงฉลองแต่งงานคืนนี้กับเจ้าบ่าวของเธอ ผู้ชายแสนโชคดีคนนั้น

การยิ้มช่างยากนัก หากผมกลับทำสำเร็จ ผมยิ้ม ยิ้ม และ...ยิ้ม เพื่อบอกลาผู้หญิงซึ่งกว่าผมจะค้นเจอ เธอก็ไม่รักผมแล้ว...ไม่รักอีกแล้ว...

 

บทที่ 1

 

เจ้าของแววตาพราวระยับวับวาวไม่ต่างจากดาวนับล้านทอแสงสุกสกาว บัดนี้กำลังจ้องมองเค้กหน้าสับปะรดชิ้นเล็กพอดีคำพูดลำเลียงออกไปยังงานเลี้ยงด้านนอก ผมยาวสลวยที่ทิ้งน้ำหนักอยู่กลางหลับถูกรวบเป็นหางม้า ติดกิ๊บสีสวยเพิ่มความทะมัดทะแมง อวดพวงแก้มสีชมพูมันวาวยามรับจับแสงไฟ

ญาตาวัเท้าเอวจ้องมองผลงานของตน ก่อนจะหันกลับไปยังถาดน้ำพั้นช์สับปะรดซึ่งถูกจัดวางเรียบร้อยอยู่อีกด้านหนึ่ง

นับเป็นงานชิ้นที่สองของเธอสำหรับการรับจัดขนมและเครื่องดื่มในงานเลี้ยงฉลองแต่งงาน แถมคราวนี้ยังต่างจากคราวแรกตรงที่ว่า ลูกค้านั้นหาได้จากใช้เส้นสายของพี่ชายเธอไม่ ตรงกันข้าม มันเป็นการติดต่อมาจากลูกค้าของเธอเอง

“นี่จ้ะ ค่าขนมทั้งหมด”

ญาตาวีรับเงินมานับ หญิงสาวส่งยิ้มแทนคำขอบคุณก่อนยื่นกล่องสีขาวเล็กๆ ให้คนตรงหน้า

“พิเศษจากทางร้านค่ะ เลิฟเวอร์วาฟเฟิลสับปะรด ที่ระลึกให้เจ้าบ่าวเจ้าสาว”

พอเห็นของในกล่อง มารดาของเจ้าสาวก็อุทานอย่างชอบใจ “ต๊าย น่ารักจริงเชียว ทำเป็นรูปหัวใจสองดวงซะด้วย”

“เมนูคู่รายการใหม่น่ะค่ะ แต่ให้เจ้าบ่าวเจ้าสาวคืนนี้เป็นคนประเดิมก่อน” ญาตาวีอธิบายก่อนจะกล่าวลา “ถ้าไม่มีอะไรแล้ว มิ้มกลับก่อนนะคะ หวังว่าคราวหน้าจะได้รับใช้อีก ยินดีอีกครั้งค่ะ”

“ขอบใจจ้ะ ถ้าเพื่อนๆ ป้าคนไหนจะจัดงานเลี้ยง ป้าจะแนะนำร้าน หนูเป็นเจ้าแรกนะ”

“ขอบพระคุณมาๆ เลยค่ะ” ญาตาวีพนมมือไหว้ เจ้าของเรียวปากอิ่มสวยรีบปฏิเสธเมื่อมารดาของเจ้าสาวจะเดินออกไปส่งเธอ “ไม่เป็นไรค่ะ ในนี้คงจะวุ่นอีกมาก มิ้มออกไปเองได้ ขอบคุณอีกทีนะคะ”

 

กว่าเธอจะออกจากโรงแรม เมฆฝนซึ่งตั้งเค้ามาเนิ่นนานก็โปรยปรายหยดน้ำลงมาเสียแล้ว แม้ฝนจะตกไม่หนัก แต่ระยะเวลาของมันคงนานพอที่จะทำให้พื้นถนนเจิ่งนองและไอดินระเหยออกมา

“อยู่ข้างในไม่รู้เลยนะเนี่ยว่าฝนตก” เสียงหวานใสบ่นเบาๆ พร้อมกับยกมือทั้งสองข้างปิดกระหม่อมวิ่งตรงไปยังรถของตน

กว่าจะถึงที่หมาย เสื้อของเธอจึงชื้นไปพอสมควร หญิงสาวตรวจดูแม่กุญแจที่ประตูหลังคาคลุมกระบะ มือบางกระชากแรงๆ เพื่อย้ำให้แน่ใจว่าประตูด้านนั้นจะไม่เปิดออกมาระหว่างทาง จากนั้นจึงเดินกลับไปไขประตูด้านคนขับและสตาร์ทเครื่อง

แสงไฟสีเหลืองนวลสว่างไสวตลอดเส้นทาง ญาตาวีแวะร้านบ้านสับปะรดเพื่อใช้เป็นที่พักค้างคืนก่อนจะเดินทางกลับบ้านไร่ในรุ่งเช้า

สำหรับเธอแล้ว ร้านบ้านสับปะรดคือร้านขนมที่เธอรักมาก มันเป็นความฝันซึ่งกลายเป็นจริงเมื่อจู่ๆ...ญาณากร...พี่ชายชาวไร่เพียงคนเดียวยอมอนุมัติงบประมาณให้เธอเปิดร้านขนมแถบชานเมืองหลวง แม้จะมีข้อแม้ว่าเธอจะเข้ามาดูร้านนี้ได้ก็ต่อเมื่อมาส่งขนมเค้ก พร้อมกับตรวจบัญชีร้านอาทิตย์ละสองวันเท่านั้น แน่นอน การคัดเลือดผู้จัดการร้านเพื่อควบควบคุมดูแลแทนตัวเธอ ซึ่งไม่สามารถอยู่ที่นี่ได้ทุกวันนั้น ย่อมอยู่ภายใต้ความเห็นชอบของพี่ชายเธอด้วย

แต่นั่นไม่ใช่ประเด็น เพราะประเด็นของมันอยู่ที่ว่า...

 

‘โหย พี่เสือจะให้มิ้มเข้ากรุงเทพฯ วันเว้นสองวันอย่างนั้นเหรอ’ หญิงสาวนับนิ้วมือก่อนจะทำตาโต ‘อาทิตย์นึงก็เฉลี่ยสามวันน่ะสิ’

‘ผิด สองวันต่างหาก ส่วนอีกวันที่เหลือพี่จะเข้ามาเอง ปล่อยเราทำคนเดียวเดี๋ยวเจ๊งซะเปล่าๆ’ เสียงห้าวตอบเรียบเรื่อยพลางจิ้มมะม่วงกับน้ำปลาหวานก่อนจะเคี้ยวกร๊วบๆ ‘ที่สำคัญ พี่จะได้รู้ด้วยว่ากำไรน่ะมันดีหรือไม่ดี ให้เราบินเดี่ยวคนเดียวพี่ล่ะเสียวไส้’

‘พี่เสือ มิ้มโตแล้วนะ อีกอย่าง น้ำมันแพงจะตายไป พี่เสือให้มิ้มไปอยู่ร้านเลยเถอะนะ’ น้ำเสียงออดอ้อนดังแว่วมาจากความทรงจำขณะที่ภาพของพี่ชายเธอค่อยๆ แจ่มชัด

‘มันจะสักเท่าไหร่เชียว พี่เปิดร้านให้เราแก้เหงา เห็นอุตส่าห์ไปเรียนทำขนม ไม่ใช่มาทำเอารวยนะมิ้ม อยู่บ้านนี้น่ะแหละดีแล้ว ทำไร่สับปะรดเหมือนพ่อแม่เรา แล้วบ้านนอกอย่างนี้อากาศก็ดี ใกล้ตาพี่ด้วย’

‘โธ่ พี่เสือ ของมันต้องสดใหม่’ ญาตาวีหน้ามุ่ย ‘ต้องทำทุกวัน แล้ว...’

‘ถ้าอันไหนมันค้างเข้าวันที่สามก็เอามาขายลดราคา’ คนรู้ตัวดีว่าอย่างไรเสียผู้ชนะย่อมเป็นเขามิใช่เธอเลิกคิ้ว ‘หรือจะไม่เอา ไม่เปิดร้านก็ดี ตัวเลขในสมุดบัญชีพี่จะได้ไม่หาย’

‘โธ่ มิ้มก็แค่อยากดูแลเอง เงินทองไม่เข้าใครออกใครนะจริงม้า’ ด้วยรู้ว่าพี่ชายเป็นพวกไม่ชอบเห็นตัวเลขขาดทุน เธอจึงยิ่มทำหน้าเคร่งก่อนจะประจบเอาใจ ‘เห็นไหมล่ะ คำสอนพี่เสือ มิ้มไม่เคยลืม ดังนั้นให้มิ้มไปอยู่ที่ร้านเลยนะ ทำขนมในร้าน อ๊า...กลิ่นหอมๆ ดึงดูดลูกค้าอีกต่างหาก’

‘ประเด็นนี้สำคัญ เงินทองมันของนอกกายก็จริง แต่มันมีอิทธิพลต่อจิตใจพี่’ พี่ชายจอมเผด็จการรวบอำนาจแต่รักเธอเป็นที่สุดพยักหน้าเห็นด้วย

‘มิ้มจำส้มโอลูกสาวตาสุขได้ไหม หน่วยก้านไม่เลว ตั้งแต่ปู่จนถึงลูก เรื่องคดโกงไม่เคยมี เสียอย่างเดียวเล่นหวยกันทั้งบ้าน แต่ช่างเถอะ พี่คิดว่าพี่มองคนไม่ผิด เดี๋ยวพรุ่งนี้เช้าพี่จะไปถามบ้านนั้นดูว่าจะยอมปล่อยลูกสาวเขาไปเฝ้าร้านให้เราที่กรุงเทพฯ ได้ไหม เป็นไง ความคิดพี่เฉียบไปเลยล่ะสิ’

‘สุดๆ เลยพี่เสือ’ ญาตาวีแทบจะกัดฟันตอบ หากต้องรีบฉีกยิ้มเอาใจเมื่อใบหน้ากร้านแดดและลมเริ่มจะงอนๆ ‘โอ๋ๆ พี่เสือของมิ้มดีที่สุดในโลกเลย ตกลงตามนี้ก็ได้’

‘เฮ้อ ไม่ใช่ว่าพี่วุ่นวายอะไรนักหรอกนะ แต่เราเหลือกันแค่สองคนพี่น้องเท่านั้น แล้วย่าก็ไม่มีใคร มิ้มเข้าใจที่พี่พูดไหม’

คราวนี้เธอจึงได้แต่สบตาพี่ชายก่อนจะหันไปมองรูปพ่อกับแม่ซึ่งเสียชีวิตไปเมื่อหลายปีก่อน และสุดท้ายจ้องมองย่าจันทร์ที่นั่งดูละครหลังข่าวอยู่ไม่ห่างนัก

‘เข้าใจสิ ทำไมมิ้มจะไม่เข้าใจ’

 

ความทรงจำของเธอหยุดลงพร้อมกับแสงไฟภายในห้องนอนชั้นสองของร้านบ้านสับปะรดถูกเปิดให้สว่างจ้า ญาตาวียกมือขึ้นปิดปากซึ่งหาวกว้างยิ่งกว่าเคยก่อนจะเหยียยบอะไรบางอย่างบนพื้นเข้าไปเต็มๆ

ตาที่เมื่อครู่ยังสะลึมสะลือเบิ่งกว้าง หญิงสาวก้มมองเจ้าสิ่งเปื่อยยุ่ยที่เธอเพิ่งจะเหยียบลงไปก่อนจะกระโดดหนี

“อี๋ ทำไมอุบาว์อย่างนี้นะพี่เสือ หยะแหยงไม่มีที่สิ้นสุดเลย” ร่างบางก้าวกลับเข้าไปหาเจ้าสิ่งนั้นใหม่แล้วใช้นิ้วเท้าคีบกางเกงชั้นในเก่าๆ ของพี่ชายขึ้นมาและเขย่งไปใส่ไว้ในตะกร้าเสื้อผ้าตรงมุมห้อง

“ซกมกไม่มีใครเกิน หนอย ไม่แวะเข้ามาแค่หนสองหน ทิ้งเสื้อผ้ากางเกงในไว้ซะเกลื่อนห้อง แถมเหม็นหืนอีกต่างหาก” เสียงหวานใสบ่นกระปอดกระแปดพลางทำมุมปากขมุบขมิบนับจำนวนทั้งหมด “กางเกงยีนสอง เสื้อยืดห้า เสื้อเชิ้ตสอง กางเกงในสี่”

คนนับจำนวนชะงักกึกแทบจะทันทีที่นึกได้

“อ๊าย! ไอ้พี่บ้านี่ใส่กางเกงลิงซ้ำวันด้วยเหรอ ทุเรศจริงๆ สงสัยต้องอบรมซะหน่อยแล้วมั้ง” ญาตาวีนิ่วหน้า หญิงสาวรีบเปิดหน้าต่างห้องนอนตนเองก่อนจะหอบแฮกเพราะกลั้นหายใจมาได้สักพักแล้ว

“อุบาทว์ที่สุดในปฐพีจริงๆ”

 

เมื่อคืนกว่าเธอจะได้นอน เข็มนาฬิกาก็เดินไปจนเกือบจะถึงหนึ่งนาฬิกาของวันใหม่ ญาตาวีจับชายเสื้อและกางเกงของพี่ชายซึ่งตนซักตากไว้ตั้งแต่เมื่อคืน จากนั้นร่างโปรงบางจึงเดินกลับไปยังเคาน์เตอร์หน้าร้าน เขียนโน้ตถึงส้มโอผู้จัดการร้านซึ่งใช้ชั้นสามของที่นี่เป็นที่พักเพื่อฝากเก็บเสื้อผ้าพี่ชายให้เธอด้วย

ติดกระดาษโน้ตบนกระดานหลังเคาน์เตอร์เป็นที่เรียบร้อย ทว่ายังไม่ทันจะได้หยิบกุญแจรถและข้าวของทั้งหมด โทรศัพท์เครื่องเล็กในกระเป๋าสะพายกลับดังขึ้นมาเสียก่อน แน่นอน จะเป็นใครเล่าถ้าไม่ใช่...

“พี่นะมิ้ม” เสียงห้าวๆ ของญาณากรดังมาตามสาย ตามด้วยคำถามยอดฮิตซึ่งไม่มีวันเปลี่ยนแปลง “อยู่ที่ไหนน่ะเรา”

“อยู่ที่ร้านน่ะสิ มัวแต่ซักผ้ากับเก็บห้องเพราะคนซกมกบางคน” ญาตาวีบ่นอุบ หญิงสาวก้มลงไขกุญแจร้านพร้อมกับดึงประตูม้วนให้เลื่อนขึ้น  “แล้วไม่ต้องมาแก้ตัวด้วย แค่มิ้มไม่มาร้านสองสามครั้ง ห้องรกเป็นรังหนู มิ้มใช้ห้องนั้นด้วยนะ อย่าลืมสิ”

“โธ่ ชายโสดก็อย่างนี้แหละ” คราวนี้เสียงเข้มเริ่มงอดๆ อุบอิบแต่ไม่ขัดเขิน “คิดดู เลิกงานจากไร่ พี่ก็ขับรถมาตรวจบัญชี เหนื่อยสายตัวแทบขาด อีกอย่าง รู้อยู่หรอกว่าน้องมิ้มสุดที่รักจะต้องซักกางเกงในให้พี่”

“เฮอะ ไม่ซักก็เน่าแล้ว” ร่างบางเอียงศีรษะแนบโทรศัพท์ไว้กับไหล่ตอนที่ดึงประตูร้านให้ปิดลงอีกครั้ง “ถ้าไม่มีอะไรแล้ว มิ้มวางหูนะ”

“รีบกลับก็ดี อยู่ไกลตาพี่ล่ะกลัวหนุ่มๆ มันจะมายุ่งกับเรา แล้วอย่าลืมเอากล่องเอาลังกลับมาให้หมดล่ะ ไม่ใช่ไปทิ้งไว้ที่ร้านอีก ที่โทรมานี่ก็จะมาเตือนเรื่องนี้ด้วย”

“เก็บมาหมดแล้วล่ะน่า” หญิงสาวพูดพลางไขแม่กุญแจซึ่งคล้องปิดประตูหลังคาคลุมกระบะไฟเบอร์ไว้ “ถ้าไม่เชื่อเดี๋ยวจะร่ายให้ฟังเลยว่าเอาอะไรกลับมาบ้าง ก็มี...”

มือถือเครื่องเล็กราคาแพงซึ่งเจ้าตัวกำลังใช้สนทนากับพี่ชายหลุดร่วงกระทบพื้นถนนแตกกระจายเป็นสองส่วน ดวงตากลมโตมีแพขนตายาวงอนเบิ่งกว้างพร้อมกับที่เธอรีบปิดประตูซึ่งเพิ่งจะเปิดออกนั้นอย่างรวดเร็ว

ปัง!

มะ...ไม่จริงน่า

หญิงสาวค่อยๆ แง้มประตูหลังคาคลุมกระบะรถเธออีกครั้ง ลืมตาขึ้นทีละข้างอย่างช้าๆ เพื่อให้มั่นใจว่าสิ่งที่เธอเห็นเป็นเพียงแค่...ภาพลวง...

อี๋...

ญาตาวีรีบก้มลงเก็บชิ้นส่วนของโทรศัพท์มือถือและแบตเตอรี่ที่กระเด็นออกมานอนแอ้งแม้งอยู่บนถนนด้วยมืออันสั่นเทา ใบหน้าหวานรีบส่งยิ้มให้หนุ่มๆ วินมอเตอร์ไซค์รับจ้างที่ต่างหันมามองเธอด้วยความแปลกใจ

“มีอะไรรึเปล่าจ๊ะน้องสาว” ใครคนหนึ่งในกลุ่มนั้นตะโกนถาม

“เปล่าค่ะ” แม้ปากจะบอกอย่างนั้น แต่มันต้องมีแน่ มีแน่ๆ เลยเชียว

ระหว่างรอให้พี่ชายชาวไร่ของเธอรับโทรศัพท์ ญาตาวีก็แง้มประตูหลังคาคลุมกระบะช้าๆ อีกครั้งพร้อมกับน้ำลายที่เหนียวข้นอยู่ในลำคอ

รับซะทีสิพี่เสือ

“ว่าไงเรา” เสียงพี่ชายของเธออู้อี้ด้วยคงกำลังแปรงฟันอยู่เป็นแน่ “เมื่อกี้เสียงอะไรน่ะ หูพี่แทบดับ”

(ติดตามอ่านต่อได้ในฉบับเต็ม)


รีวิว (0)


สินค้าที่ใกล้เคียง (70 รายการ)

www.batorastore.com © 2024