HAPPY TROUBLE สวัสดีฮะคุณเจ้านาย (ฟู)

HAPPY TROUBLE สวัสดีฮะคุณเจ้านาย (ฟู)

0 รีวิว  0 รีวิว    
รหัสสินค้า: 9786160608287
มีสินค้าในสต็อค
ราคา: 189.00 บาท 47.25 บาท
ประหยัด: 141.75 บาท ( 75.00% )

เนื้อหาบางส่วน

บทที่ 1

ท่ามกลางความวิตกกังวล

 

ดีจังเลยน้า~

ฮิเมโนะ โยโมงิมองทิวทัศน์กว้างไกลเบื้องหน้าแล้วสูดลมหายใจเข้าเต็มปอด

อากาศก็สดชื่น...ที่สุด...

“ฮะ...ฮะ...ฮัดชิ้ว”

อากาศเย็นยะเยือกวูบผ่านปลายจมูก โยโมงิจาม ยิ้มเขินกับตัวเองแล้วยื่นมือไปปิดหน้าต่าง

“โอ๊ะ อึ อึ๊บ อึ๊ยยย... อีกแล้ว จริงๆ เลยหน้าต่างบานนี้นี่!”

หน้าต่างเก่าคร่ำคร่าบานนี้ทำให้ต้องเปลืองแรงในการปิดมันทุกวันจริงๆ

ที่นี่เป็นเกสต์เฮ้าส์ที่พ่อกับแม่ของโยโมงิดำเนินการอยู่ เธอชอบอาคารตกแต่งสไตล์ยุโรปอย่างสวยงามหลังนี้มาก แต่ทว่า...

“โอ๊ะ!”

ยะ...แย่แล้ว~

หญิงสาวเบ้หน้า มองเศษโลหะที่หลุดออกมาเป็นชิ้นๆ

พ่อแม่ของโยโมงิย้ายเข้ามาอยู่ในเกสต์เฮ้าส์กลางเก่ากลางใหม่หลังนี้ตั้งแต่เมื่อสิบปีก่อน จนกระทั่งตอนนี้มันค่อนข้างจะทรุดโทรมไปมากแล้ว

คงได้เวลาปรับปรุงเสียทีล่ะมั้ง มีหวังต้องซ่อมแซมกันขนานใหญ่เลยล่ะแบบนี้

ด้วยความที่เป็นอาคารเก่าแก่จึงปฏิเสธไม่ได้ว่ามันช่างมีเสน่ห์มากมาย แต่ว่า...สภาพจะพังมิพังเเหล่นี่ล่ะที่เป็นปัญหา

ไม่ใช่แค่หน้าต่างเท่านั้น

...ดูท่าว่าอีกไม่นาน เพดานนี่ก็อาจจะถล่มลงมาด้วยก็ได้?

โยโมงิแหงนหน้าขึ้นมองเพดานที่สีสันเปลี่ยนไปเล็กน้อยด้วยสายตาเคลือบแคลง

เมษายนปีที่แล้ว โยโมงิเข้าเรียนในสาขาการท่องเที่ยวของมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง ห่างจากที่นี่ไปค่อนข้างไกล เธอจึงต้องไปอาศัยเช่าอพารต์เมนต์ใกล้ๆ มหาวิทยาลัยโดยหารค่าเช่ากับยามาโมโตะ มารุมิ เพื่อนสนิท เมื่อถึงช่วงวันหยุดฤดูใบไม้ผลิ โยโมงิก็กลับมาบ้านเพราะต้องการมาช่วยกิจการเกสต์เฮ้าส์ของครอบครัว เธอเข้าใจว่าพอถึงฤดูใบไม้ผลิแล้วจะมีลูกค้าจากที่ต่างๆ พากันเข้าพัก แต่จนถึงวันนี้ก็ยังไม่มีลูกค้าเข้ามาเลยแม้แต่คนเดียว

ทั้งที่ในปีก่อนๆ ช่วงฤดูใบไม้ผลิจะมีแขกเข้าพักกันอย่างเนืองแน่นแท้ๆ... คงถึงเวลาต้องปรับปรุงเปลี่ยนแปลงกันจริงๆ แล้วสินะ ทั้งนี้ทั้งนั้นพ่อกับแม่จะคิดเห็นยังไงกับเรื่องนี้บ้างก็ไม่รู้

เด็กสาวออกจากห้องพร้อมเศษโลหะในมือ เดินลงบันไดไปยังชั้นล่างแล้วออกไปตามหาพ่อที่ด้านนอกตัวอาคาร ดอกไม้แถวหนึ่งที่ปลูกไว้ชิดริมกำแพงอาคารกำลังชูช่อสวยงามน่ารักเหลือเกิน

“งี้ดๆ”

เธอหันขวับไปตามเสียง เจ้าฮายาเตะ สุนัขที่ที่บ้านเลี้ยงเอาไว้นั่นเอง ถึงชื่อจะฟังดูเท่ แต่แท้จริงแล้วมันเป็นหมาที่ไม่ได้ความสุดๆ ปกติแล้วมันจะจดจ่ออยู่กับสิ่งต่างๆ รอบตัว และไม่ค่อยส่งเสียงหนวกหูเท่าไรนัก เสียแต่...

มันมักจะตื่นเต้นตลอดเวลานี่สิ ฮายาเตะนิสัยเหมือนกับยามาโมโตะ มารุมิเพื่อนของเธอเปี๊ยบ พอโยโมงิตบหัวเจ้าสุนัขที่เข้ามาออดอ้อนแรงๆ แล้วลูบหัวมันหนักๆ ฮายาเตะก็หยีตาอย่างดีใจ

ฮึๆ เจ้าหมาน่ารัก

“นี่ ฮายาเตะ เห็นพ่อบ้างหรือเปล่า”

“ครื่อออ”

อาการวูบไหวในดวงตาของฮายาเตะบอกให้รู้ว่ามันไม่เห็น

“งั้นเหรอ งั้นก็คงอยู่ในบ้านล่ะมั้ง เดี๋ยวเข้าไปดูดีกว่า”

พอละมือจากหัวของเจ้าหมาแสนรักแล้วหันหลังกลับ เธอก็ได้ยินเสียง “งี้ด~” ดังขึ้นอย่างเหงาหงอย

ทั้งที่ตอนเช้าก็พาไปเดินเล่นแล้ว หลังข้าวเช้าก็เล่นด้วยพักใหญ่แล้วแท้ๆ...

เจ้าหนูขี้อ้อนเอ๊ย

เด็กสาวยิ้มอย่างอ่อนใจ หันกลับมาตบหัวฮายาเตะปุๆ แต่มันก็ยังทำหน้าเงื่องหงอยอยู่ดี

ฮุๆ น่ารัก!

“เดี๋ยวจะมาเล่นด้วยอีก แต่เอาไว้ทีหลังนะ”

โยโมงิกลับเข้าไปในบ้าน และเมื่อเห็นแผ่นหลังของมาซาชิผู้เป็นพ่อในห้องนั่งเล่น เธอก็คลี่ยิ้ม

“พ่อคะ”

เธอเดินเข้าไปหาพลางส่งเสียงทัก แต่ไม่มีปฏิกิริยาใดๆ ตอบกลับมาเลย โยโมงิจึงเรียก “พ่อ” ซ้ำอีกครั้งแล้วตบลงบนบ่าของพ่อเบาๆ

“หืม?”

พ่อหันมาหาด้วยสีหน้าที่ไม่ค่อยสดใสนัก ก็แหงล่ะนะ ในเมื่อลูกค้าไม่มีมาเลยแม้แต่คนเดียว

“นี่”

เศษโลหะในมือถูกยื่นออกไป ใบหน้าของพ่อยิ่งดูหม่นหมองลงไปอีก

“อะไรน่ะ หลุดออกมาจากตรงไหนอีกแล้ว”

“อื้ม กลอนหน้าต่างในห้องหนูเอง”

“งั้นเหรอ...” พ่อบ่นพึมพำรับคำ แล้วก็ถอนหายใจอย่างเหนื่อยล้า

“เอ่อ...บ้านหลังนี้ คงต้องปรับปรุงแล้วล่ะมังคะ”

“อืม...ก็นะ”

คำพูดแบ่งรับแบ่งสู้ของพ่อทำให้โยโมงิรู้สึกใจเต้นขึ้นมาด้วยความหวาดหวั่น หรือว่าแม้แต่เงินเก็บที่จะใช้ซ่อมบ้านก็ยังไม่มี?

ใบหน้าของโยโมงิหม่นลง ในอกรู้สึกปวดหนึบ ที่ที่บ้านไม่มีเงินเก็บเหลืออยู่เลยเป็นเพราะเธอนั่นเอง ตั้งแต่เธอเข้ามหาวิทยาลัยก็ต้องใช้จ่ายเงินไปกับค่าเล่าเรียนเป็นจำนวนมาก

กว่าจะเรียนจบก็ยังอีกตั้งสามปี... ไม่สิ เอาแค่ที่เรียนอยู่ตอนนี้ เกสต์เฮ้าส์หลังนี้ก็...

“ไม่เป็นไรนะ โยโมงิ ไม่ต้องกังวลไปหรอก”

คำพูดของพ่อทำให้โยโมงิที่ก้มหน้าลงโดยไม่รู้ตัวตกใจจนเงยหน้าขึ้นมองสบตา

ในอกรู้สึกอึดอัด พ่อช่างดูซูบซีดเหลือเกิน มีเรื่องอัดอั้นตันใจมากถึงขนาดนั้นเชียวเหรอ

“แต่...แต่ว่า...ลูกค้า ไม่มีจองเข้ามาเลยไม่ใช่เหรอคะ”

ถึงตรงนี้ โยริโกะผู้เป็นแม่ที่อยู่ในครัวมาตลอดคงได้ยินการสนทนาของสองพ่อลูก จึงเดินออกมาหาทั้งคู่

“อะ...เอ่อ โยโมงิ แม่มีเรื่องสำคัญจะพูดด้วยจ้ะ”

สีหน้าของแม่ดูเคร่งเครียด โยโมงิมองแล้วก็ได้แต่กลืนน้ำลายลงคอไปอย่างฝืดฝืน

 

บทที่ 2

ไม่ไหวจริงๆ

 

“ดะ...ดร็อปเรียน?”

มารุมิเบิกตากว้าง สองแขนยันอยู่บนโต๊ะเล็กตรงหน้า อุทานออกมาเสียงดัง

หลังจากคุยกับพ่อแม่เรียบร้อย ผลสรุปว่าโยโมงิจำเป็นต้องหยุดเรียนไปหนึ่งปี

จากที่พ่อกับแม่บอกมา บ้านเธอยังมีเงินเก็บพอซ่อมแซมเกสต์เฮ้าส์ได้ ทำให้โล่งใจไปได้เปลาะหนึ่ง แต่ก็ไม่มีเงินเหลือพอสำหรับค่าเทอมของโยโมงิในปีถัดไป ยิ่งไปกว่านั้นในระหว่างซ่อมแซมบ้าน เมื่อไม่มีรายได้เข้ามา ค่าใช้จ่ายต่อเดือนย่อมไม่เพียงพอ ดังนั้นระหว่างที่โยโมงิอาศัยอยู่ที่อพาร์ตเมนต์นี้เธอจะต้องทำงานพิเศษหาค่าใช้จ่ายเอง

พ่อกับแม่ของเธอรู้สึกเสียใจจริงๆ ที่จำเป็นต้องให้ลูกสาวหยุดเรียนกะทันหัน และโยโมงิเองเมื่อเห็นพ่อกับแม่ต้องทุกข์ใจอย่างนั้นก็รู้สึกเศร้าไม่แพ้กัน เธอจึงรีบกลับมาที่นี่ก่อนกำหนดที่เคยตั้งใจไว้

ถ้าซ่อมแซมเกสต์เฮ้าส์แล้วมีลูกค้าเข้ามาพัก ปีหน้าโยโมงิคงได้กลับไปเรียนต่อตามเดิม ซึ่งในระหว่างนี้ เธอตั้งใจจะหางานพิเศษทำเลี้ยงตัวเองเพื่อจะได้ไม่ต้องเป็นภาระให้ครอบครัวอีก

“อืม แต่ว่า...”

“ทะ...ทำไงดีล่ะ แย่แล้ว แย่จริงๆ เลย! แล้วฉันจะเป็นยังไงล่ะ แล้วอพาร์ตเมนต์นี้ล่ะ”

คิดเองเออเองเสร็จสรรพ...ยัยนี่

“มารุมิ... ก่อนอื่นเลยเธอควรปลอบใจฉันผู้น่าสงสารทีต้องดร็อปเรียนมากกว่านะ”

โยโมงิพูดอย่างระอา

มารุมิทำหน้าเหมือนกับฮายาเตะเปี๊ยบ เวลารู้สึกกลัวอะไรขึ้นมาจะต้องร้องงี้ดง้าด ลนลานแล้วก็วิ่งหนี

“กะ...ก็แหม เธอกับฉันเนี่ยแช่อะไรกันหลายๆ อย่างเลยนะ ถ้าโยโมงิโชคร้ายฉันก็คง...”

“แช่?”

รู้ทั้งรู้อยู่แล้วว่าที่โยโมงิทวนถามหมายถึงคำว่าแชร์ แต่มารุมิก็ยัง...

“แช่ก็คือแช่ไง...ใช่มั้ยล่ะ”

เห็นท่าทางยืนกรานอย่างนั้น โยโมงิก็ได้แต่อ่อนใจ ทวนคำกลับไปอีกครั้งอย่างเหนื่อยหน่าย

“...แชร์ต่างหากเล่า”

“อะ... อื้อ งั้นมั้ง ใช่แหละ แหม พอเลย โยโมงินี่ล่ะก็”

ยังจะมาหัวเราะเฮอะฮะกลบเกลื่อนอีก ช่างเป็นคนที่น่าเหนื่อยใจจริงๆ โยโมงิได้แต่ถอนใจพลางเหลียวมองไปรอบห้อง

ทั้งคู่ตกลงว่าจะมาคุยกันที่ห้องของโยโมงิ เพราะมารุมินั้นเป็นเด็กสาวที่ไร้สามัญสำนึกของคำว่ารักษาความสะอาดเรียบร้อยโดนสิ้นเชิง ห้องของมารุมิเพียงแค่มองก็ทำเอาปวดใจกับข้าวของที่กระจายเกลื่อนกลาดแล้ว ด้วยความเป็นคนรักความสะอาด ทำให้โยโมงิร่ำๆ อยากเข้าไปช่วยเก็บกวาดห้องให้แต่เธอก็ไม่ได้ทำ เนื่องจากว่ามันเป็นห้องส่วนตัวของมารุมิ ทว่าสำหรับพื้นที่ที่ทั้งคู่ต้องใช้ร่วมกันในอพาร์ตเมนต์หลังนี้ได้รับการจัดเก็บอย่างเรียบร้อยโดยคำสั่งเฉียบขาดของโยโมงินั่นเอง

“นี่ ทางบ้านจะไม่ส่งเงินมาให้แม้แต่เยนเดียวเลยเหรอ”

“อืม ถ้าแค่เล็กๆ น้อยๆ เขาก็บอกว่าให้ได้นะ แต่ค่าใช้จ่ายรายเดือนคงต้องลำบากทำงานพิเศษเอาเองแล้วล่ะ”

“แต่ก็ยังดีที่มีเงินเก็บพอซ่อมแซมบ้านได้”

โยโมงิคลี่ยิ้ม หากต้องปล่อยมือจากการทำเกสต์เฮ้าส์ที่พวกเธอทุ่มเทความรักให้ ทั้งพ่อแม่และตัวเธอคงทรมานใจน่าดู

“ทำกิจการเกสต์เฮ้าส์เนี่ยลำบากจังเลยเนอะ ทั้งที่มันเป็นเกสต์เฮ้าส์ที่ยอดเยี่ยมมากเลยแท้ๆ...”

“ต้องให้ดูโบราณๆ ด้วยนะ”

“นั่นสิ...ฉันก็ว่ามันค่อนข้างจะเก่าน่าดูอยู่เหมือนกันนา”

โยโมงิได้แต่ยิ้มเศร้ากับคำพูดตรงไปตรงมาของเพื่อนร่วมห้องที่เคยไปบ้านเธอมาแล้วสองครั้ง

“อืม ช่วงที่ฉันอยู่ ลูกค้ามีเข้ามาแค่ห้าคนเอง พอลูกค้าน้อย ค่าใช้จ่ายต่างๆ...ก็ไม่พอ”

“ตะ...แต่ว่าถ้าซ่อมแซมเสร็จแล้วต้องมีลูกค้าเข้ามาเต็มแน่ๆ ที่เกสต์เฮ้าส์ของเธอน่ะ วิวสวยที่สุด เรื่องความบันเทิงก็ครบครัน อาหารการกินก็อร่อย แถมยังใช้วัตถุดิบอย่างดีอีก”

“ขอบใจนะ”

เด็กสาวหันไปยิ้มให้เพื่อนรักอย่างรู้สึกตื้นตัน และมารุมิก็จับมือเธอไว้พลางบีบเบาๆ อย่างให้กำลังใจ เป็นเพราะมารุมินี่ล่ะที่ทำให้เธอรู้สึกสดใสขึ้นมาอีกครั้ง ถึงจะไม่ค่อยได้เรื่องได้ราว แต่โดยเนื้อแท้แล้วมารุมิเป็นเด็กสาวที่จิตใจดีมากจริงๆ

“นี่ โยโมงิ ไม่มีวิธีไหนดีๆ ที่ทำให้ไม่ต้องดร็อปเรียนมั่งเลยเหรอ ลองคิดหาวิธีกันดีมั้ย”

ถ้าไม่ต้องดร็อปเรียนได้ก็คงดี แต่ว่า...ท่าจะยาก

“มารุมิ ค่าเล่าเรียนในมหา’ลัยมันเท่าไหร่ เธอก็ใช่ว่าจะไม่รู้นี่นา”

(ติดตามต่อได้ในฉบับเต็ม)


รีวิว (0)


สินค้าที่ใกล้เคียง (66 รายการ)

www.batorastore.com © 2024