Flying Hearts เมื่อหัวใจออกเดินทาง

Flying Hearts เมื่อหัวใจออกเดินทาง

0 รีวิว  0 รีวิว    
รหัสสินค้า: 9789743781254
ของหมด (ต้องการสินค้า)
ราคา: 149.00 บาท 37.25 บาท
ประหยัด: 111.75 บาท ( 75.00% )

เนื้อหาบางส่วน

บทที่ 1

 

“อะไรนะ! จะเปิดเดือนหน้าแล้ว!”

เสียงอุทานดังลั่นกลางร้านอาหารอิตาเลียนไฮโซนั้นส่งผลให้บรรดาผู้ลากมากดีซึ่งนั่งอยู่บริเวณข้างเคียงหันกลับมามองที่โต๊ะของเจ้าของเสียงเป็นตาเดียว และคล้ายเจ้าหล่อนจะรู้สึกตัวว่าเผลอแสดงอาการตกใจจนเกินงามออกไป มือเรียวบางจึงถูกยกขึ้นป้องปากโดยอัตโนมัติ นัยน์ตาคู่สวยซึ่งมักจะเปล่งประกายสุกใสอยู่ตลอดเวลานั้นก็เสทำเป็นมองแก้วน้ำตรงหน้าตัวเองนิ่ง ไม่กล้าเงยขึ้นสบสายตากับใครที่ไหน ด้วยยางอายในตัวนั้นนับว่ายังพอมีอยู่บ้าง

“เขาหันมามองกันทั้งร้านแล้วแก” เพื่อนร่วมโต๊ะขึงตาดุใส่ บ่นเบาๆ ให้ได้ยินกันเพียงสองคน ก่อนจะหันไปยิ้มแบบเจื่อนๆ คล้ายจะขอโทษแทนคนหลงลืมกาลเทศะให้กับดงหน้าอันไม่คุ้นเคยของคนรอบข้างซึ่งเบนสายตามายังตำแหน่งโต๊ะของเธอโดยพร้อมเพรียง

“รู้แล้วน่า ก็มันตกใจจนลืมตัวนี่นา” น้ำเสียงอุบอิบในลำคอนั่นแฝงไว้ด้วยความรู้สึกผิดอยู่หน่อยๆ หากเพียงครู่เดียวความอยากรู้อยากเห็นในสายเลือดก็เป็นฝ่ายชนะ สามารถผลักดันความรู้สึกประการแรกให้ออกไปพ้นทาง พร้อมกับแทรกตัวเองเข้ามาแทนที่ได้อย่างรวดเร็วจนเจ้าหล่อนสามารถเอ่ยถามต่อไปได้หน้าตาเฉย “สรุปว่าแกจะเอาจริงเหรแอน เดือนหน้าเนี่ยนะ”

“หน้าตาฉันเหมือนเด็กเลี้ยงแกะมากเลยหรือไง” อนุตตรีย์มองอีกฝ่ายซึ่งยังคงเพ่งกสิณอยู่กับแก้วน้ำตรงหน้าด้วยนัยน์ตาขวางหนักกว่าเก่า พลางก็นึกแปลกใจว่าคำบอกเล่าของเธอเมื่อครู่มันฟังดูเป็นสิ่งประหลาดมหัศจรรย์ขนาดที่คนเป็นเพื่อนซึ่งคบกันมายาวนานเป็นสิบๆ ปี และรู้ถึงความฝันความตั้งใจของกันเป็นอย่างดีแล้วนั้นต้องทำท่าเหมือนหูฝาด ตาพร่า ย้ำคิดย้ำพูดถึงขนาดนั้นเลยเชียวหรือ

“แหม ฉันก็แค่ไม่เชื่อว่าแกจะเนรมิตความฝันของตัวเองให้เป็นความจริงได้เร็วขนาดนี้น่ะสิ มันไม่ใช่เรื่องเล็กๆ เลยนะ”

เร็วขนาดนี้

อนุตรรีย์ไม่เห็นจะเข้าใจเลยว่าระยะเวลานานสองสามปีที่เธอตั้งหน้าตั้งตาสืบเสาะหาข้อมูลและลู่ทางอย่างหนัก รวมไปจนถึงกระทั่งเจรจาพูดคุยกับตัวแทนของมหาวิทยาลัยที่ประเทศอังกฤษซึ่งเธออยู่ในฐานะศิษย์เก่าครั้งแล้วครั้งเล่ากว่าจะได้ข้อสรุปที่ลงตัวในที่สุดนั้นมันเรียกว่าเร็วตรงไหน

และที่ไม่เข้าใจหนักกว่านั้นก็คือสรัลดาเองก็รู้ความเคลื่อนไหวเหล่านี้มาโดยตลอดแม้จะไม่โดยละเอียด ฉะนั้นก็ไม่น่าที่จะต้องแสดงอาการตกอกตกใจออกมาถึงเพียงนี้

“แกทำอย่างกับว่าฉันไม่เคยเล่าอะไรให้ฟังเลยสักอย่าง แล้วอยู่มาวันหนึ่งก็มาเซอร์ไพรส์ด้วยการบอกว่า...ทราย ฉันจะเปิดเอเจนซี่ศึกษาต่อเดือนหน้าล้วนนะ...อย่างนั้นแหละ”

“มันก็ช่าย...” สาวสวยซึ่งเพิ่งทำเรื่องขายหน้าเพราะเผลอเสียจริตอย่างผิดที่ผิดทางไปเมื่อนาทีที่แล้วลากเสียงยาว เมื่อรับรุ้ได้ถึงสถานการณ์รอบข้างที่เข้าสู่ภาวะปกติอีกครั้งจึงกล้าพอจะเลื่อนระดับสายตาของตัวเองให้กลับไปอยู่ ณ ตำแหน่งของใบหน้าคู่สนทนาอย่างที่มันควรจะเป็นตามเดิม “แต่ฉันก็นึกว่าแกแค่คิดเล่นๆ ขำๆ ไปอย่างนั้น”

“เล่นๆ ขำๆ บ้านแกสิ ไม่ใช่เกมรับจ้างเป็นนักสืบอย่างที่แกเคยอุตริทำหรอกนะทราย ฉันจริงจังย่ะ”

คำว่า ‘เกมรักจ้างเป็นนักสืบ’ นั้นทำเอาคนฟังวางสีหน้าไม่ใคร่จะถูกขึ้นมาแบพลัน หลายครั้งที่สรัลดานึกย้อนไปถึงวีรกรรมของตัวเองสมัยศึกษาต่อในระดับปริญญาโทที่ประเทศอังกฤษ แล้วก็ยังนึกสงสัยว่าเธอทำสิ่งต่างๆ เหล่านั้นลงไปได้อย่างไร

แต่เมื่อมาลองคิดดูอีกที มันอาจจะเป็นเพราะโชคชะตาลิขิตมาอย่างนั้นก็ได้กระมัง ใครเล่าจะเชื่อว่าไอ้ความคิดอุตริเข้าข่ายสิ้นคิดของนักศึกษาปริญญาโทคนหนึ่งซึ่งอยู่ดีๆ ก็นึกแผลงอยากจะผันตัวเองไปเป็นนักสืบสมัครเล่นจะสามารถส่งผลทำให้ต้องไปพัวพันกับเป้าหมายของตนจนเกิดเรื่องเกิดราวบานปลายไปมากมาย แถมยังลงเอยด้วยการที่บุรุษผู้นั้นก้าวเข้ามามีบทบาทสำคัญในชีวิต และพัฒนาจะกลายมาเป็นคนรักที่คบกันยืดยาวชนิดที่พรมแดนหรือมหาสมุทรอันกว้างใหญ่ก็ไม่อาจขวางกั้นความสัมพัน์ของคนสองทวีปได้

หนำซ้ำไม่ใช่คนรักธรรมดาๆ เสียด้วย เพราะงานแต่งงานแสนหรูนั้นได้ถูกวางแผนเอาไว้อย่างเป็นเรื่องเป็นราว รอคอยก็แต่ฤกษ์ยามอันเหมาะสมซึ่งก็อยู่ในระยะเวลาอีกไม่ถึงหนึ่งปีเต็มเท่านั้น

“เอาล่ะ ฟังใหม่อีกครั้งนะ ฉันจะพูดครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้าย เอเจนซี่ของฉันจะเริ่มเปิดทำการเดือนหน้า ฉันเพิ่งตัดสินใจเซ็นสัญญาเช่าพื้นที่แบบปัจจุบันทันด่วนไปเมื่อสามสี่วันก่อน ระหว่างที่แกมัวแต่ไปหลงระเริงซ้อมพรีฮันนีมูนอยู่กับนิคที่บาหลีนั่นแหละ ส่วนเรื่องมหา’ลัยฉันก็ได้ข้อสรุปที่ลงตัวแล้ว ตกลงเรื่องเงื่อนไขและผลประโยชน์กันได้เรียบร้อย แฮปปี้มีความสุขทั้งสองฝ่าย แล้วก็คุยกับรุ่นน้องและเพื่อนๆ ที่รู้จักจำนวนหนึ่งให้เขาช่วยไปพีอาร์ต่อให้กับเด็กที่สนใจจะไปเรียนที่มหา’ลัยของเรากันหลายๆ ทาง สรุปว่าตั้งแต่ปีการศึกษาที่จะมาถึงนี้เป็นต้นไป ฉันจะได้เป็นตัวแทนอย่างเป็นทางการหมายเลขหนึ่งของมหา’ลัยเรา ส่วนปีหน้าเขาก็มีแผนจะยกเลิกข้อสัญญากับเอเจนซี่อื่นๆ ให้เหลือฉันเป็นตัวแทนแค่ที่เดียว ในขณะเดียวกันฉันเองก็จะไม่เป็นตัวแทนให้กับมหา’ลัยอื่นทั้งสิ้น จนกว่าจะมีการพูดคุยตกลงในส่วนของเงื่อนไขกันใหม่อีกครั้ง”

‘มหา’ลัยของเรา’ ในความหมายของอนุตตรีย์เป็นสิ่งที่เข้าใจได้ตรงกันทั้งคนพูดและคนฟังโดยไม่จำเป็นต้องมีคำอธิบายเพิ่มเติมด้วยมหาวิทยาลัยที่ว่านั้นก็คือสถาบันอันมีชื่อเสียงของสหราชอาณาจักรซึ่งทั้งสองจบการศึกษาในระดับปริญญาโทสาขาการตลาดมาเมื่อสามปีก่อนนั่นเอง

“แล้วมันจะเวิร์กเหรอแก สมัยนี้ส่วนมากใครๆ เขาก็ชอบสูตรสำเร็จ ไปเอเจนซี่เดียวสมัครมหา’ลัยได้หลายๆ แห่ง เผื่อพลาดที่หนึ่งก็ยังมีอีกที่หนึ่งเอาไว้รองรับ”

นั่นเป็นหนึ่งในปัญหาสำคัญที่ได้ผ่านการคิดวิเคราะห์อย่างเป็นระบบมาก่อนหน้านี้แล้ว ฉะนั้นอนุตตรีย์จึงมีคำตอบให้แก่เพื่อนได้ในทันทีด้วยน้ำเสียงหนักแน่น

“จำที่อาลิเซีย ซุป แกเคยสอนไม่ได้เหรอ”

ชื่อของบุรุษที่สามซึ่งอยู่ๆ ก็ผ่านเข้ามาในบทสนทนานั้นไม่ใช่ใครอื่นไกลที่ไหน หากแต่เป็นอดีตอาจารย์ที่ปรึกษาสุดเฮี้ยบในการทำวิทยานิพนธ์ของสรัลดานั่นเอง

“เขาสอนเป็นร้อยล้านอย่าง แกหมายถึงเรื่องอะไรล่ะยะ”

เสียงถอนหายใจคล้ายเจ้าตัวจะพยายามบอกตัวเองให้อดกลั้นกับถ้อยคำกวนโทสะของเพื่อนนั้นดังขึ้น ก่อนคำอธิบายยาวเหยียดจะตามมา

“ก็การจะทำธุรกิจน่ะ ถ้าหากเราไม่ได้เป็นผู้นำทางด้านราคา เราก็ต้องรู้จักสร้างความแตกต่างให้กับผลิตภัณฑ์หรือการให้บริการของเรา พื้นที่ในตลาดตอนนี้ไม่ได้เหลือว่างมากพอจะให้คนที่ยืนเก้ๆ กังๆ อยู่ตรงกลาง ไม่มีจุดเด่นจุดแข็งของตัวเอง ก้าวเข้ามาขอส่วนแบ่งจากชิ้นเค้กหรอกนะ”

หือ? คุ้นว่าไอ้ประโยคภาษาไทยที่ได้ยินได้ฟังนั่นมันจะมีชื่อเรียกเฉพาะในภาษาอักงฤษว่า ‘stuck in the middle’ คือพวกอยู่ตรงกลาง พยายามจะรักษาผลประโยชน์มันรอบด้าน แต่ทำให้ดีไม่ได้สักอย่างนั่นล่ะมั้ง

ว่าที่เจ้าของธุรกิจส่วนตัวผู้กำลังจะสานฝันของตัวเองให้เป็นจริงพยายามมองเมินคิ้วซึ่งเลิกขึ้นสูงของเพื่อนสนิท เอ่ยต่อไปโดยไม่เปิดโอกาสให้มีการตั้งคำถามหรือโต้แย้งใดๆ ทั้งสิ้น

“ตอนนี้ธุรกิจเอเจนซี่ศึกษาต่อรายเล็กรายน้อยมีกันให้เกลื่อนไปหมด ทุกคนต่างก็ให้บริการฟรี ไม่เก็บเงินจากนักเรียนด้วยกันทั้งนั้น ฉะนั้นฉันจะสร้างความแตกต่างเรื่องของราคาไม่ได้เลย แต่ถ้าลองมองอีกมุม ใครๆ ต่างก็พยายามเหวี่ยงแห อ้างตัวเองว่าเป็นตัวแทนของมหา’ลัยแทบจะทั่วราชอาณาจักรทั้งที่จริงๆ แล้วไม่ได้รู้จักที่ไหนดีพอ จะให้คำแนะนำในเชิงลึกได้เลย คิดแต่จะหากินง่ายๆ ด้วยกันทั้งนั้น”

“...”

“ฉันจึงตั้งใจแล้วว่าจะเป็นตัวแทนมหา’ลัยเพียงแห่งเดียว และก็จะทำให้ดีไปเลย ฉันต้องการช่วยเหลือ ให้คำแนะนำแก่คนที่เขามีใจจะมาเรียนที่นี่จริงๆ ไม่ใช่มองมันเป็นเพียงตัวเลือกสำรองอันดับที่สอง สาม สี่ ห้า แล้วฉันก็ตั้งใจไว้ว่าฉันจะทำให้นักเรียนทุกคนที่ผ่านมือฉันไปใช้ชีวิตอยู่ที่นั่นมีความสุข ฉันจะมองพวกเขาเสมือนรุ่นน้อง ไม่ใช่ลูกค้าที่มีแต่เรื่องของผลประโยชน์ทางธุรกิจมาเกี่ยวข้อง”

สิ่งที่อนุตตรีย์พูดมาก็ฟังดูมีเหตุผล ทำเอาคนตั้งใจจะสถาปนาตัวเองเป็นฝ่ายค้านในสภาต้องยอมยกธงขาวหุบปากเงียบไปชั่วขณะ อีกทั้งสรัลดาเองก็คิดว่าในเมื่อเหตุการณ์มันดำเนินมาจนถึงขั้นนี้แล้วย่อมเปล่าประโยชน์ที่จะชักใบให้เรือเสีย สู้ให้กำลังใจเพื่อนเสียยังจะดีกว่า

“เอาเถอะ ถ้าแกคิดอย่างนั้นก็ลองดูสักตั้ง ดีเหมือนกัน เผื่อวันหน้าวันหลังถ้าหากฉันมีลูก ลูกฉันโตจะได้ฝากฝังให้แกดูแล น่าจะไว้ใจได้”

ค้อนคมๆ ถูกเขวี้ยงมาอย่างรวดเร็วทันใจ พร้อมทั้งน้ำเสียงสะบัดเล็กๆ นั่นก็แสดงอาการหมั่นไส้ออกมาอย่างไม่ปิดบัง

“ลูกแกก็คงไม่พ้นต้องเป็นลูกของนิคด้วย อย่างด็อกเตอร์นิโคลัสเนี่ย เขาคงไม่ต้องมาพึ่งเอเจนซี่ต๊อกต๋อยอย่างของฉันในการจะสมัครเรียนให้ลูกหรอกย่ะ”

“แหม...” โหนกแก้มของคนที่ปากเก่งอยู่เสมอกลายเป็นสีจัดโดยไม่รู้ตัว เพราะปากตัวเองพาไปแท้ๆ เลยโดยเพื่อนรักแซวกลับเข้าให้อย่างนั้น “นิคเขาลาออกมาเป็นปีๆ แล้ว อีกอย่างกว่าจะถึงตอนนั้น ใครจะยังรู้จักชื่อเขาอยู่บ้างก็ไม่รู้”

“โธ่เอ๊ยยัยทราย” อนุตตรีย์หัวเราะเบาๆ รอยตานั้นพราวระยับอย่างตั้งใจจะทำให้เพื่อนได้อายหนักขึ้น “ตำนานความรักระหว่างอาจารย์กับลูกศิษย์อันมีจุดกำเนิดมาจากวีรกรรมแผลงๆ ของแกนั่นคงอยู่ในหัวใจใครแถวนั้นไปอีกเป็นสิบๆ ปีเลยล่ะย่ะ ฉันว่าดีไม่ดีเขาอาจจะติดรูปแกกับนิคหราบนบอร์ดที่คณะว่าเป็นคู่รักตัวอย่างของมหาวิทยาลัยก็ได้ ใครจะไปรู้”

 

“พี่ว่ารอปีหน้าไม่ดีกว่าเหรอ”

ชายหนุ่มในชุดเสื้อเชิ้ตสีขาวลายทางสีฟ้าอ่อน ปลดเนกไทและกระดุมออกเรียบร้อยรวมทั้งพับแขนเสื้อทั้งสองข้างขึ้น ให้ความรู้สึกผ่อนคลายสบายๆ มากกว่าลุค ‘นักธุรกิจผู้เคร่งขรึม’ อย่างในเวลางาน เอ่ยเสียงเรียบพลงหยุดสายตาอยู่ที่ดวงหน้ารูปหัวใจของน้องสาวเพียงคนเดียว อันเป็นกิริยาที่คนถูกมองมักจะนิ่งงันจนหาปากตัวเองไม่เจออยู่เสมอ

ทว่าหนนี้จะยอมให้เป็นเหมือนอย่างเคยไม่ได้ รชิตาจะไม่ปล่อยให้ความตั้งใจของตนต้องถูกพับเก็บเข้าตู้ชั่วคราว (หรืออาจจะตลอดไปถ้าหากยังไม่อาจดิ้นหลุดออกจากกำแพงความรักความห่วงใยจนเกินเหตุของผู้เป็นพี่) เพียงเพราะขลาดกลัวต่อน้ำเสียงเรียบๆ และนัยน์ตาทรงอำนาจคู่นั้น

เราเป็นน้องสาว ไม่ใช่ลูกน้องสักกะหน่อย จะกลัวอะไรกันนักหนาเล่า

หญิงสาวสูดลมหายใจเข้าปอดลึก ขยับตัวบนเก้าอี้โซฟาหนานุ่มตัวยาวที่นั่งอยู่เคียงข้างพี่ชายอย่างอึดอัดเล็กน้อย แต่ไม่ว่าจะทำอย่างไรหรือขยับไปทางไหน สายตาคู่ที่แฝงไว้ด้วยประกายคมกล้านั้นก็ยังมองตรงมาราวกับจะประกาศชัดว่าเธอไม่มีวันหนีพ้น

“คือ...” ไหนบอกว่าจะไม่กลัวแล้วไงเล่า “เบลตั้งใจแล้วค่ะว่าอยากจะไปปีนี้ เบลไม่อยากเลื่อน”

“ตั้งใจไว้แล้ว” พี่ชายมาดขรึมทวนคำ ดวงตาคู่เดิมยังคงทรงอำนาจในการสะกดคนถูกมองได้เป็นอย่างดี และราวกับเขารู้ว่าการใช้น้ำเสียงเช่นนั้นรวมไปถึงการมองกันนิ่งๆ ใช้ได้ผลกับอีกฝ่ายเสมอ “งั้นบอกพี่มาซิว่าเบลเตรียมตัวอะไรแล้วบ้างให้สมกับที่บอกว่าตั้งใจเอาไว้”

“เอ่อ...”

ก่อนที่จะให้คำตอบแก่รชตะ หญิงสาวก็นึกทบทวนขั้นตอนการสมัครเข้าศึกษาต่อในระดับปริญญาโทตั้งแต่ต้นจนจบอีกครั้งเพื่อ

(ติดตามอ่านต่อได้ในฉบับเต็ม)


รีวิว (0)


สินค้าที่ใกล้เคียง (73 รายการ)

www.batorastore.com © 2024