Alfa Section เติมหัวใจพิสูจน์รัก (The Little Finger)
ประหยัด: 69.65 บาท ( 35.00% )
มีสินค้ามือสองอยู่จำนวน : 5 รายการราคา 89.00 บาท - 149.00 บาท ซื้อสินค้ามือสอง
Quick View
เนื้อหาบางส่วน
Just because something good ends
Doesn’t mean something better won’t begin.
เพียงเพราะสิ่งดีๆ มลายหาย
ก็ใช่ว่าสิ่งที่ดียิ่งกว่าจะไม่มีวันเกิดขึ้น
บทนำ
Question & Answer
Question : ถ้าให้เวลาสามนาทีในการเล่าเรื่องอะไรบางอย่าง อยากเล่าถึงเรื่องอะไร
Alfa’s answer : สามนาทีเองเหรอ จะเล่าหมดเหรอเนี่ย (ยิ้ม)
Question : เอิ่ม... งั้นเล่ามาสักเรื่องก็แล้วกัน
Alfa’s answer : สักเรื่อง... สองเรื่องแล้วกันนะ
ชื่อของผมคือแอลฟ่า ไม่ได้มีความหมายอะไรมากเป็นพิเศษ นอกจากว่ามันคือตัวอักษรลำดับแรกของกรีกโบราณ เป็นเพราะบรรดาแม่ๆ ในสามครอบครัวที่สนิทกันตั้งท้องในเวลาไล่เลี่ยและอยากตั้งชื่อลูกๆ ให้สอดคล้องกัน ผมซึ่งเป็นเด็กที่เกิดก่อนใครจึงได้ชื่อ ‘แอลฟ่า’ มาครอบครองก็เท่านั้นเอง
ในละแวกบ้านสามหลังใหญ่ที่อยู่โซนหน้า บ้านของผมตั้งอยู่หลังแรก ถัดไปคือบ้านของเบต้าและเดลต้า ฝาแฝดชายหญิงที่ไม่เหมือนกันเลยสักนิด ทั้งใบหน้าและนิสัย ถัดไปอีกหลังก็คือบ้านของแกมม่า เพื่อนสนิทอีกคนของผม และก็... เป็นเพื่อนที่ถูกผมทำร้าย (เรื่องอะไร... ขอเก็บเป็นความลับล่ะนะ) แต่หมอนั่นก็ยังให้อภัยผมได้
อืม... จะว่าไปแล้วคนพวกนี้ก็ถือเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของผมเลยล่ะมั้ง
ชีวิตของผมก็เหมือนคนทั่วๆ ไป ไม่ได้มีอะไรให้น่าสนใจเป็นพิเศษ ผมเรียนอยู่ที่คาเมล็อต หมาตัวโตพันธุ์ลาบราดอร์ที่เลี้ยงไว้ไม่เคยเบื่อมีชื่อว่าขุนศึก
ส่วนเรื่องของครอบครัว แม่ผมชอบบ่นว่าอยากมีลูกสาวนิสัยเรียบร้อยๆ อีกสักคนมาโดยตลอด แต่ตอนนี้ก็ยังคงมีแค่ลูกชายคนเดียวคือผมจนท่านตัดใจไปแล้ว
ดังนั้นแม่เลยหันเหไปหาหนทางอื่น ท่านเคยยุให้ผมจีบเบต้าอยู่หนสองหน เพื่อเป็นผลพลอยได้ให้แม่มีลูกสาวสมใจอยาก แม้ว่าความจริงแล้วเบต้าจะไม่ได้เป็นเด็กสาวประเภทเรียบร้อยคะขาอย่างที่แม่อยากได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ก็ตามที แต่ท่านก็เทใจรักเธอไปไม่น้อย
ทว่าการจะรักใครสักคนหรือให้ใครสักคนมารักเราตอบ มันใช่เรื่องที่จะทำกันได้ง่ายๆ ตามใจสั่งการเสียที่ไหน บางครั้ง... ควมรักก็ต้องขึ้นอยู่กับคนทั้งสองฝ่ายด้วย
แม้ว่าจะบังคบให้รักนั้นมาเป็นของเรา แต่ถ้ารักนั้นไม่ใช่ของเรา ยังไงซะมันก็ไม่มีวันมาเป็นของเราไปได้ ต่อให้เรารักมากเท่าไหร่ ต่อให้จะพยายามจนสุดแรง ใช้ทุกวิธีการที่ทำได้ ไม่ว่าจะดีเลิศหรือเลวร้ายแค่ไหน
ถ้ามันไม่ใช่ ยังไงซะมันก็ไม่มีวันที่จะใช่อยู่ดี
อืมมม... นี่ผมพูดจากำกวมเทศนาอะไรอยู่นะนี่
เอาเป็นว่าสิ่งที่ผมพูดมามันค่อนข้งจะตรงอยู่บ้างกับสิ่งที่เคยผ่านเข้ามาในชีวิตของผม แต่มันก็คือเรื่องที่เกิดขึ้นและจบไปแล้ว ไม่ใช่เรื่องที่สำคัญต่อไปในอนาคต เพราะผมไม่ควรจะคิดแบบนั้นอีก
ส่วนตอนต่อไปในชีวิตของผมน่ะเหรอ... ผมคงบอกไม่ได้ในตอนนี้หรอกว่ามันจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง ในเมื่อผมไม่ใช่พระเจ้าหรือหมอดูนี่นะ
หวังเพียงแต่ว่ามันคงมีสิ่งดีๆ และสวยงามเกิดขึ้นกับชีวิตผมสักทีได้แล้วล่ะมั้ง...
คุณเองก็คิดแบบผมใช่มั้ยล่ะ
1
คนแปลกหน้า
Found myself today
Oh, I found myself and ran away
Something pulled me back
The voice of reason I forgot I had
(ค้นพบตัวเองแล้วในวันนี้
โอ ฉันค้นพบแล้ว และฉันก็หันหลังวิ่งหนี
แต่บางอย่างฉุดดึงฉันให้หันกลับมา
มันคือเสียงของเหตุผลที่ฉันลืมไปแล้วว่าเคยมี...)
เฮ้อ... อากาศร้อนชะมัด
ฉันไม่ชอบอากาศแบบนี้เลยจริงๆ ให้ตายสิ นี่มันเป็นเวลาเช้าอยู่แท้ๆ แต่ทำไมอากาศกลับร้อนจัด ชนิดที่หันไปทางไหนก็ต้องเจอกับพระอาทิตย์ส่องแสงสว่างจ้าแบบตากผ้าแห้งได้ในสามนาที หรือตัวดำปี๋ได้ในห้านาที
และเพราะอากาศที่ร้อนเหลือคณานับแบบนี้ พอมาถึงโรงเรียนฉันเลยไม่มีอารมณ์ที่จะเดินไปให้ถึงห้องเรียนเลยสักนิด มีแต่อารมณ์อยากโดดเรียนอยู่เต็มสมอง เลยจรลีหนีผู้คนเข้ามาในสวนกว้างของโรงเรียน อาศัยมุมใต้ต้นไม้ใหญ่หลบแดด แถมยังได้แอบอิงสายลมธรรมชาติ
นึกแล้วก็ประหลาดตัวเอง... ทำไมถึงได้อยากหนีแอร์เย็นๆ ในห้องเรียนมานั่งอยู่ตรงนี้ได้ก็ไม่รู้ เชื่อเลย
ทิ้งก้นลงนั่งพิงต้นไม้ใหญ่ได้เกือบห้านาที เสียงโทรศัพท์มือถือในกระเป๋าก็ร้องลั่นจนฉันต้องรีบควานหามันออกมากดรับสาย
(แพง วันนี้มาเรียนรึเปล่าน่ะ?)
แล้วคนที่โทรมาก็ไม่ใช่ใครที่ไหนนอกจากเค้ก เพื่อนที่ถือว่าสนิทด้วยที่สุดในกลุ่มซึ่งนั่งอยู่โต๊ะข้างๆ กัน
“อือ ก็ต้องมาเรียนสิ”
(แล้วนี่อยู่ไหน โดดคาบเช้าอีกล่ะสิเนี่ย)
“อืม”
(ว่าแล้วเชียว เธอนี่นะคงจะได้โล่เด็กโดดร่มแห่งคาเมล็อตเข้าสักวัน)
เค้กบ่นอุบอิบเหมือนจะไม่พอใจนิดหน่อย แต่ฉันรู้ดีว่าจริงๆ เค้กชินแล้วล่ะ เพราะฉันมักโดดคาบแรกถึงค่อนคาบสองบ่อยเป็นกิจวัตรเลย
“แค่คาบแรกคาบเดียวเท่านั้นแหละน่า การนอนตื่นเช้ามากๆ มันไม่ค่อยดีกับสุขภาพหรอก”
ฉันเอ่ยตอบเค้กกลับไป เลยถูกอีกฝ่ายบ่นทำนองว่า ‘แบบนี้ทุกที’ กลับมาให้ ก่อนจะวางสายไป ปล่อยให้ฉันนั่งเอนอิงพิงต้นไม้ใหญ่อาศัยร่มเงาอีกรอบ
ก็อย่างที่ฉันบอกไป... คาบแรกของเกือบทุกวัน ถ้าอาจารย์เกิดนึกคึกเช็กชื่อขึ้นมา พวกอาจารย์ร้อยละแปดสิบก็จะพบว่าไม่มีฉันอยู่ในห้อง ฉันเคยถูกอาจารย์เรียกไปพบด้วยเรื่องนี้อยู่บ่อยๆ แต่สุดท้ายหลังจากคุยเสร็จ ฉันก็ยังคงโดดเรียนอยู่เหมือนเดิมจนอาจารย์ชินแล้วก็ขี้เกียจจะบ่นเรื่องนี้ไปเลย
You’ve got mail
เสียงจากโทรศัพท์มือถือซึ่งเปลี่ยนท่วางมาเป็นข้างตัวส่งเสียงดังขึ้นอีกหน คราวนี้ไม่ใช่เสียงเรียกเข้า แต่เป็นเสียงเตือนว่ามีอีเมลเข้าเครื่อง
ฉันควานหาโทรศัพท์มือถือที่วางข้างตัวมาถือตรงหน้า ก่อนจะลืมตาขึ้นมาดู ไม่ต้องกดเปิดอ่านก็พอจะเดาได้ว่ามันคืออีเมลที่ใครส่งมา และมันก็ใช่อย่างที่คิดจริงๆ
‘ตั้งใจเรียนนะแพง’
มันคืออีเมลจากแม่ฉันเอง...
เฮ้ออออ... ส่งมาทุกวัน เหมือนเดิมทุกวัน นี่ก๊อปปี้ประโยคมารึเปล่าน่ะ
ทุกๆ เช้าของทุกๆ วันที่ฉันต้องได้รับอีเมลประโยคแบบนี้จากแม่ซึ่งทำงานอยู่ที่ต่างประเทศ ฉันไม่แน่ใจว่าตอนนี้แม่ทำงานอยู่ที่ประเทศไหนกันแน่ เพราะแม่ทำงานเป็นผู้ประสานงานด้านธุรกิจให้กับบริษัทใหญ่ที่มีเครือข่ายทั่วโลก ทำให้ต้องเดินทางไปประเทศอื่นๆ บ่อยๆ ไม่ค่อยได้หยุดนิ่งอยู่ที่ไหนนานนัก
และนั่นหมายรวมถึง... ที่บ้านด้วย
ฉันวางโทรศัพท์มือถือลงข้างตัว หลับตาลงไปใหม่อีกหน ปล่อยใจให้สบายๆ ไปกับกระแสลมเย็น
แกรบ...
เสียงประหลาดเหมือนใบไม้เคลื่อนไหวดังขึ้นแถวไม่ไกลไปจากตัวฉัน
หือ... มีคนมาแถวนี้ด้วยเหรอ ฉันว่าที่แถวนี้มันเงียบสงัดปราศจากผู้คนที่สุดแล้วนะ ใครมันจะมาเดินในสวนใกล้ๆ ตึกเก่ากัน
แกรบ...
อีกแล้วแฮะ... คงไม่ใช่ผีหรอกน่า ผีที่ไหนออกมาหลอกแต่เช้ากัน ไม่หลับไม่นอนรึไง
แต่ด้วยความสงสัย ต้องหาคำตอบ ฉันเลยลืมตาออกไปมองหา หันซ้าย หันขวา
ไม่เจออะไรสักอย่าง นอกจาก... กระต่าย
กระต่ายตัวอ้วนๆ กลมๆ ขาวๆ และกระต่ายที่ว่านี้ฉันก็ดันรู้จักมันดีซะด้วยสิ
“เฮ้ออออ”
สุดท้าย จากที่คิดว่าจะนอนเล่นเฉยๆ พักเหนื่อยหลังจากเดินทางมาเรียน ฉันเลยต้องขยับตัวลุกขึ้นจากใต้ต้นไม้ เดินดอดไปตะปบจับกระต่ายตัวอ้วนขนสีขาวที่แอบมอบแมมนิดหน่อย
“มาได้ไงน่ะสโนว์แมน”
จับกระต่ายคุ้นหน้าขึ้นในอ้อมแขน ตั้งใจว่าจะเดินพามันกลับไปที่กรงของชมรมเกษตร... ทำไมฉันรู้ว่ามันอยู่ที่นั่น แล้วฉันคุ้นหน้ามันน่ะเหรอ
ก็เพราะฉันนี่ไงล่ะ... หนึ่งในสมาชิกของชมรมเกษตร ชมรมที่แทบจะไหว้ให้เด็กมาสมัครเข้าทุกๆ ปี เพราะใครๆ ต่างก็ชอบมองว่ามันเป็นชมรมคลุกดิน สกปรก ซึ่งความจริงมันก็ต้องเป็นแบบนั้นจริงๆ แหละ ขนาดเพื่อนกลุ่มเดียวกันกับฉัน ยังไม่มีใครอยากตามมาอยู่ด้วยสักคน
แต่สำหรับฉัน ฉันว่าการอยู่ชมรมเกษตรสบายกว่าที่คิดนะ อย่างน้อยก็ไม่มีใครขุดดินปลูกดอกไม้กันทุกอาทิตย์หรอกน่า อย่างมากก็แค่รดน้ำต้นไม้ด้วยสายยาง แล้วก็นอนพักใต้ต้นไม้... สบายสุดๆ
และเพราะว่าฉันอยู่ชมรมเกษตร ดังนั้นไม่มีทางที่จะจำหน้ากระต่ายในกรงที่ต้องเลี้ยงทุกอาทิตย์ไม่ได้อยู่แล้ว โดยเฉพาะเจ้าตัวนี้ ไอ้ตัวที่อ้วนมากที่สุด แล้วก็แสบที่สุดในบรรดาสมาชิกกระต่างในกรงน่ะ สโนว์แมนก็เป็นชื่อที่ฉันตั้งให้เองด้วยซ้ำ เพราะมันขนสีขาวปุยๆ แต่มอมแมมนิดหน่อย แถมยังตัวอ้วนๆ กลมๆ เหมือนตุ๊กตาหิมะ
You’ve got mail
เสียงเตือนจากโทรศัพท์มือถือที่ยังคงวางอยู่ใต้ต้นไม้ที่ฉันเคยนั่งพิงดังขึ้นอีกหน กะว่าจะไม่กลับไปดู แต่เพราะว่ามันเป็นเสียงเตือนอีเมลเข้าที่ผิดเวลาไปหน่อย ปกติแล้วแม่จะส่งมาแค่ตอนเช้าหนเดียว แต่นี่เป็นหนที่สอง... มันน่าแปลกใจอยู่นะ
“อยู่ตรงนี้ก่อนนะสโนว์แมน”
ฉันวางสโนว์แมนลงกับพื้นหญ้า เพราะมันอ้วนไปหน่อยเลยตัวหนักเป็นพิเศษ อุ้มนานแล้วเมื่อยมือเปล่าๆ ก่อนจะเดินไปหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมากดดูให้คลายข้อสงสัย
‘อย่าลืมดูแลตัวเองดีๆ ด้วยนะ’
จากแม่อีกหน... อ้อ ฉันรู้แล้วล่ะ อีเมลเมี่อกี้ประโยคแพตเทิร์นของแม่มาไม่ครบสินะ
“เฮ้อ จะได้นอนพักสบายๆ บ้างมั้ยนะ”
สุดท้ายฉันก็กดปิดโทรศัพท์มือถือแบบไม่มีเหตุผล ก่อนจะโยนมันลงไปในกระเป๋าหนังใบใหญ่ที่มีสมุดเลกเชอร์อยู่ในนั้นสามสี่เล่มอย่างไม่อยากจะใส่ใจนัก แล้วก้มลงมองเวลาที่นาฬิกาข้อมือ
แปดโมงสี่สิบแล้วนี่นา ดูท่าจะหมดเวลานอนพักผ่อนใต้ร่มไม้ประจำวันนี้แล้วล่ะมั้ง แค่เดินเอาสโนว์แมนกลับไปใส่กรงก็เสียเวลาพอแล้ว เฮ้อออ... เจ้ากระต่ายตัวนี้ทำเสียฤกษ์แท้ๆ นี่ถ้าไม่ใข่ว่าเป็นตัวโปรด ฉันจะปล่อยมันไปตามกรรมให้ออกเร่ร่อนเป็นกระต่ายป่าไปเลยเชียว
“อ้าว”
แต่พอคว้ากระเป๋าขึ้นสะพายกับไหล่แล้วหันกลับมาอีกที เจ้าสโนว์แมนกระต่ายตัวแสบก็กระโดดเข้าพุ่มไม้หายไปไหนแล้วก็ไม่รู้
ให้มันได้อย่างนี่สิ นี่ฉันยังเลตไม่พอเหรอเนี่ย
“สโนว์แมน อยู่ไหนน่ะ”
ฉันก้มหัวสุดๆ ลงแถวใต้ต้นไม้ ร้องประกาศหากระต่ายที่มันคงไม่รู้ตัวหรอกว่าฉันเรียก (แต่อยากเรียก... ใครจะทำไม)
“สโนว์...”
“นี่”
“...”
“หาเจ้านี่อยู่รึเปล่า”
น้ำเสียงนุ่มทุ้มฟังดูใจดีเอ่ยขึ้นขณะที่ฉันกำลังก้มๆ มุดอยู่เรี่ยพื้นหญ้า เรียกให้ฉันต้องเงยหน้ากลับขึ้นไปหาผู้ชายตัวสูงโปร่ง ใบหน้าเนียนใสพร่ามัวจากการมองย้อนแสงแดดที่ส่องลอดใบไม้ลงมา ฉันเห็นชัดเจนที่สุดก็แค่เพียงรอยยิ้มของเขาเท่านั้น
“ที่กำลังก้มหาน่ะ ใช่เจ้านี่รึเปล่า”
(ติดตามอ่านต่อได้ในฉบับเต็ม)
รายละเอียด
รีวิว (1)

17/08/2014
Alfa Section เติมหัวใจพิสูจน์รัก เรื่องนี้เป็นเรื่องราวของแอลฟ่าค่ะแต่อกหักจากความรักมาซึ่งก็คือเขาไปหลงรักเพื่อนสนิทน่ะเองแต่อย่างว่าแหละว่าเขาไม่ใช่พระเอกนี่หน่าแอลฟ่าเป็นพระเอกในเรื่องนี้ที่ต้องคู่กับพะแพงต่างหากปล่อยให้เบต้ากับแกมม่าเขาคู่กันไปเถอะถึงเวลาที่เธอต้องพบรักครั้งใหม่แล้วมาถึงเล่มนี้ก็ใช่ว่าแอลฟ่าเขาจะลืมรักครั้งเก่าซะทีเดียวมันก็ต้องมีอะไรมาเยียวยาหัวใจกันบ้างแต่ก็ไม่ใช่เพราะเขาผิดหวังจากรักครั้งเก่าจนไม่กล้ามีรักครั้งใหม่หรอกนะเพราะมาเล่มนี้นี่เขาได้เป็นพระเอกเต็มตัวซะทีเรื่องนี้เป็นผลงานของพี่ก้อยค่ะ (The Little Finger)ใครที่เคยได้อ่านเรื่องราวของแอลฟ่า แกมม่า แล้วก็เบต้าคงจะได้รู้จักกับพวกเขากันไปบ้างแล้วสำหรับเรื่องนี้ก็เป็นเรื่องราวของแอลฟ่ากับพะแพงค่ะคาแร็กเตอร์พระแพงเขาก็นิสัยเหมือนแอลฟ่านั่นแหละแต่เรื่องนี้เราว่าพะแพงน่ารักดีนะแต่แหมมมกว่าจะสมหวังนิยายเซตนี้ไม่ได้เรียกว่าเซตหรอกอันที่จริงเราว่าเป็นเรื่องต่อกันมากกว่าเป็นนิยายที่ออกมานานมากๆแล้วค่ะนานจนเกือบลืมไปแล้วว่าเคยได้อ่านอ่ะเพราะหลายปีแล้วแหละช่วงนั้นที่เราอ่านเรายังบ้าตัวละครสามตัวนี้อยู่เลยอ่ะยิ่งหน้าปกอีกเรื่องนี่พระเอกกินขาดมากตั้งแต่เราอ่านนิยายของพี่ก้อยมาเราชอบพระเอกนิยายของพี่ก้อยทุกเรื่องนะค่ะเราว่าพระเอกนิยายของพี่ก้อยมีคาแร็กเตอร์ที่ชัดเจนดียิ่งเรื่องก่อนนี่น่าสงสารมากเลยอารมณ์รักสามเศร้าแต่ก็ชอบสำหรับเรื่องนี้ก็ยิ่งชอบเข้าไปใหญ่เพราะเป็นเรื่องของแอลฟ่าอีกอย่างเลยคือหน้าปกเรื่องนี้แอลฟ่ากับพะแพงน่ารักมากๆใครที่เคยอ่านเรื่องนี้จะร็เลยอ่ะว่าพวกเขาฮิตฮ็อตขนาดไหนเล่มนี้ก็ยังคงสงสารแอลฟ่าอยู่นะถึงว่าจะนิสัยอาจจะดูร้ายนิดๆแต่ก็ยังคงความน่ารักมากเรื่องนี้กว่าจะสมหวังก็เล่นเอาลุ้นอยู่นานก็ไม่ใช่ว่าพะแพงเขาจะหลงรักแอลฟ่าจะเด๋วนั้นเมื่อไหร่ล่ะอ่านแล้วลุ้นสุดๆบอกเลยเรื่องนี้ฮ่าๆๆๆๆเราลุ้นพระเอกนิยายของพี่ก้อยแทบทุกเรื่องอ่ะค่ะชื่นชอบผลงานของพี่ก้อยทุกเรื่องแล้วก็ตามอ่านแทบทุกเรื่องไม่มีเรื่องไหนที่ไม่สนุกเลยนะแต่มาหลังๆนี่แหละที่เรารู้สึกว่าพล็อตนิยายแจ่มใสแนวเลิฟซีรี่เริ่มตันๆแต่เราก็ยังคงติดตามผลงานอยู่ห่างๆอย่างห่วงๆฮ่าๆๆๆๆช่วงนี้นักเขียนเยอะพล็อตนิยายซ้ำกันเยอะแยะมากๆไม่เหมือนเมื่อก่อนสำหรับเรื่องนี้ถึงแม้ว่าจะเป็นนิยายที่ออกมานานแล้วแต่ก็ควรอ่านเพื่อไม่ให้ตกเทรนนะค่ะ อิอิ