รักหวานๆ ของมันแกว (cookie)
ประหยัด: 20.79 บาท ( 21.00% )
มีสินค้ามือสองอยู่จำนวน : 5 รายการราคา 49.00 บาท - 66.00 บาท ซื้อสินค้ามือสอง
Quick View
เนื้อหาบางส่วน
บทนำ
ป้าด้วงละอายที่จะพูดถึงความงามของมันแกว... ถ้ามีใครถาม แกจะบอกเลี่ยงๆ ว่า...
“สะ...สะ...สวย...พอจะพาไปวัดไปวาได้หรอก”
ยีราฟสมุนเอกแปลความหมายทันที
“ป้าเขาหมายความว่า เขาไม่ได้ติดอ่าง จะ...จะ...เจ๊...เจ๊มันแกวแกสวยแบบ...สะ...สะ...สะใจ และสามารถพาไปวัดได้ แต่ไม่ควรไปวันที่เมรุว่าง”
ป้าด้วงแยกเขี้ยว
“ไอ้ยีราฟ ข้าเปล่าพูด แกไม่ต้องแปลไทยเป็นเขมร เดี๋ยวเจอตื้บ”
ป้าด้วงหันมายิ้มแห้งๆ พยายามขูดวิญญาณนักประพันธ์ออกมาบรรยายความงามของ ‘มันแกว’ อย่างสุดความสามารถ
“มันแกวไม่ได้เป็นคนสวย...”
แล้วแกก็เงียบ...ก็มันบรรยายไม่ออก...มีแต่ความในใจไหลพรั่งพรู... มันแกวมัน...ร่าเริง (มั้ง) สด (เหมือนปลาแห้ง) ใส (เหมือนกระจกฝ้า) บ้าบอ (โคตรๆ) วีนแหลก เวลาดีเหมือนนางงามที่รักเด็กและสังคม ส่วนเวลาวีนเหมือนดอกตำแยหุบ หากใครไปแหย่พร้อมจะบานเผยอความคัน... และไม่แหย่ก็คันได้...
แต่สรุปว่าเธอเป็นคนดี...
มันแกวจึงเป็นสาวห้าประจำตลาด ด้วยฉายา ‘ด่าสลบตบสะบัด’ (เว่อร์ไปไหมเนี่ย) จึงไม่มีใครกล้าหาญผ่านร้านขนมของเธอโดยไม่อุดหนุน แม่ของมันแกวเปิดเบเกอรี่เล็กๆ มีขนมอบ-ขนมไทยสารพัด พร้อมทั้งอินเตอร์เน็ตคาเฟ่สามเครื่อง (จริงๆ มีสี่แต่โดนลูกยึดไว้หนึ่ง) กลิ่นกาแฟหอมกรุ่นออกจากร้านปนกลิ่นขนมโชยฉุย กลบกลิ่นตุๆ จากเนื้อลูกสาวเจ้าของร้าน
มันแกวใช้ชีวิตที่นี่มานานหลายปีแล้ว ผ่านร้อนผ่านหนาวผ่านชื้นผ่านแฉะมาจนครบ แต่ไม่มีใครกล้าหาญมาจีบสาวมั่นเลยแม้แต่คนเดียว
จะว่าไปก็มีเหมือนกัน แต่พ่อหนุ่มคนนั้นคงบุญน้อยที่เลือกเอ่ยปากยามเป็นมันแกวภาคตำแยหุบ จึงจำต้องล่าถอยไปตามระเบียบ และไม่เคยกลับมาอีกเลย (แม้ตลาดก็ไม่เหยียบนะนั่น...)
มันแกวจึงเป็นมันแกวยังไม่ปอก ผิวเปลือกดำๆ มอมๆ อยู่นั่นเอง... ไม่มีใครมาชำแหละเห็นความขาว...สวยงามข้างใน
แล้ววันหนึ่ง ชีวิตของเธอก็เปลี่ยนไป...
บทที่ 1
“อะไรนะแม่...พูดใหม่ดิ๊”
“แม่จะให้แนนไปเป็นพยาบาล”
แนนคือชื่อเล่นจริงๆ ของมันแกว ซึ่งไม่รับกับตัวตนเลยแม้แต่น้อย (จริงๆ แม่เรียกน้องแนนนะ หุๆ)
ลูกบังเกิดเกล้าปราดเข้ามาแตะหน้าผากและเนื้อตัวแม่ เมื่อเห็นว่าไม่ร้อนก็สบายใจขึ้น
“แม่คิดยังไงน่ะ ถึงจะให้แนนไปเป็นพยาบานพยาตูมอะไรเนี่ย หนูจบพยาบาลมาที่ไหนกัน ให้ไปอยู่โรงฆ่าสัตว์ยังจะเวิร์กกว่า”
“มันจำเป็น หนูจำคุณภูมิได้ไหม คุณภูมิคนที่ให้เรายืมเงินมาทำร้านแต่ก่อนไงลูก เขาป่วย แต่ไม่มีคนพยาบาล”
“แล้วไง นี่หนูต้องไปทดแทนบุญคุญหรือนี่ โห...หนังไทยชัดๆ”
แม่ตีแขนลูกสาวดังเพียะ หัวเราะร่วน
“ลูกคนนี้นี่ ให้ไปเป็นชั่วคราว มันมีเหตุฉุกเฉินจ้ะ”
คุณภูมิเป็นเศรษฐีใหญ่ ย้ายบ้านไปอยู่อเมริกานานมากแล้ว เขากลับมาจัดการเกี่ยวกับทรัพย์สมบัติที่เหลือให้เรียบร้อย ก่อนจะย้ายไปอยู่บอสตันเป็นการถาวร
แต่เมื่อกลับมาก็พบว่า สมบัติหลายอย่างโดยเฉพาะที่ดินถูกเปลี่ยนถ่ายมือไปเป็นชื่อคนอื่น ผืนใหญ่ที่สุดสามพันไร่กลายเป็นสนามกอล์ฟของอดีตนักการเมืองชื่อดัง การติดตามฟ้องร้องมีผลทำให้บ้านพักของเขาถูกเผาจากมือลึกลับ คุณภูมิติดในกองไฟแต่รอดมาได้เพราะฝนตกและดับเพลงเข้ามาทัน ตำรวจสันนิษฐานว่าวางเพลิง และยังจับคนทำไม่ได้
ดังนั้นทางตำรวจจึงแนะนำให้เป้าหมายไปซ่อนตัว เพียงแต่มีปัญหาเล็กน้อยตรงที่คุณภูมิไม่อาจไปคนเดียวได้ จากการวางเพลิงครั้งนั้นทำให้เขา...ตาบอด
อิทธิพลของคู่คดีที่ต้องสงสัยทำให้คนในจังหวัดไม่มีใครยอมรับเป็นคนดูแลให้
“คุณภูมิไม่มีใครเลยจริงๆ ไม่มีใครกล้าช่วยเขา พรุ่งนี้ต้องออกจากโรงพยาบาลแล้ว แม่แอบเช่ารถตู้มาจากกรุงเทพฯ ให้พาคุณภูมิไป”
“ไปไหนล่ะแม่”
“ไปไหนก็ได้ ไปซ่อนตัวซะ แล้วค่อยโทรมาหาแม่ทีหลัง จนกว่าคุณภูมิจะหายดี หมอบอกว่าเป็นอาการตาบอดชั่วคราว ไม่เกินเดือนคงพอมองเห็นได้รางๆ”
“อ้าว แล้วหาหมอล่ะ”
“หมอทางนี้จะเอาชาร์ตของเธอให้ไปเผื่อมีอะไรเกิดขึ้น แต่นอกจากหยอดยาวันละสี่หนกับกินยาแล้ว ก็ไม่มีอะไรอีก”
“แล้วเมียเค้าล่ะ ทำไมไม่มา”
“คุณภูมิเคยแต่งงาน แต่หย่าแล้ว จะว่าไปงานแบบนี้ใครจะมาทำ แนนก็รู้ว่าคุณ... มีอิทธิพลขนาดไหน รถตู้แม่ยังให้ญาติของเราที่นครปฐมเช่ามาเลย”
แม่เอ่ยชื่ออดีตนักการเมืองชื่อดังที่ตอนนี้หันมาเล่นการเมืองท้องถิ่น ความร้ายกาจของเขาขนาดมันแกวที่ว่าร้ายกาจยังสั่นหัว
“แล้วถ้าหนูถูกฆ่าล่ะ ใครๆ เห็นหนูหายไปไม่ถามเหรอ ตอนกลับมาอีก ใครถามจะว่าไงแม่จ๋า”
คุณลูกล่อเป็นชุด แต่ผู้เป็นแม่ตอบอย่างใจเย็น
“ลูกไปกรุงเทพฯ เที่ยวกับเพื่อนออกบ่อย”
คนเป็นแม่หัวเราะเล็กน้อย ก่อนจะแหย่ลูกเล่น
“จะว่าไป ถึงลูกแม่หายไปก็ไม่มีใครสนใจ ไม่มีใครถามหรอก...ใครจะกล้า...”
(ติดตามอ่านต่อได้ในฉบับเต็ม)