กาลกระซิบ (กนกวลี พจนปกรณ์)

กาลกระซิบ (กนกวลี พจนปกรณ์)

0 รีวิว  0 รีวิว    
รหัสสินค้า: 9789742533960
ของหมด (ต้องการสินค้า)
ราคา: 295.00 บาท 73.75 บาท
ประหยัด: 221.25 บาท ( 75.00% )

เนื้อหาบางส่วน

            แก้วกรพินธุ์ยืนแหงนเงยมองภาพจอตรกรรมฝาผนังของวัดอย่างเพ่ง-

พินิจ ภาพนี้คือชายหญิงคู่หนึ่ง สุภาพสตรีในนั้น ยิ้มละไมด้วยใบหน้ากลมมน

คิ้วโก่งเหมือนวงพระจันทร์ ผมยกเกล้าเป็นมวยสูงแต่เอียงเฉียงไปข้างหนึ่ง

เธอแต่งกายด้วยเสื้อแขนยาวเข้ารูป นุ่งผ้าถุงกรอมเท้าลายขวางสีสดแดง

น้ำเงินแถมยังมีชายผ้านุ่งยาวย้วยออกไปด้านข้างและมีรอยแหวกเห็นเรียวชา

อีกต่างตาก

                ขณะที่ฝ่ายชายในภาพ จิตรกรวาดให้รูปร่างสูงสมส่วน ผมมวยเหมือน

กันแต่เป็นมวยตั้งตรงขึ้นไปรัดมัดไว้ด้วยผ้า และเขามิสวมเสื้อ ปล่อยกล้ามเนื้อ

อวดรอยสัก ท่อนล่างเป็นกางเกงเขาสั้นมองดูเห็นเป็นลายแปลกตา

                แก้วกรพินธุ์นึกถึงข้อมูลที่รู้มา ลายแปลกตาสีเข้มคล้ำที่แลดูเหมือน

ขากางเกงอยู่เหมือนเข่านั้น แท้ที่จริงคือรอยสัก อันเป็นค่านิยมของผู้คนถิ่นนี้

แสดงถึงความกล้าหาญ เพราะการสักนั้นใคร ๆ ก็รู้ว่าจะเจ็บเหลือแสน

                ดังนั้น หนุ่มคนไหนเมื่อสักท่อนล่างไว้สวยงามขนาดนี้ เมื่อนุ่งผ้า จึง

ยกรั้งขึ้นไปเหนือรอยสัก เพื่ออวดความอดทนเข้มแข็งนั้นให้ได้รับรู้กัน

                นี่ไง...นี่ไง ภาพกระซิกรัก” เสียงพูดดังมาจากคนที่อยู่ด้านหลังของ

แก้วกรพันธุ์ “ตายแล้ว...ปลื้มน่ะ ปลื้ม เรามาเห็นรูปนี้แล้ว...”

                แก้วกรพินธุ์นิ่ง ไม่ได้หันไปมองต้นทางของเสียง แต่รู้สึกได้ถึงกระแส

แห่งความตื่นเต้นของผู้พูด

                ถัดจากนั้น หูเธอได้ยินกล้องถ่ายรูปทำงาน มันดังระรัวติดกัน และหญิง

คนเดิมยังคงพร่ำพูดถึงภาพกระซิบรักอย่างตื่นเต้น “สวยเนอะ...สวยว่ะแก....

อย่างงี้ต้องเอาไปลงเฟซบุ๊ค เร็ว ๆ ถ่ายไว้เลยนะแก ถ่าย ๆ ๆ ๆ ๆ”

                แต่ดูเหมือนว่าความตื่นเต้นเต้นนั้น เมื่อมาเร็ว ก็จากไปอย่างเร็วเช่นกัน

เพราะเพียงไม่กี่อึดใจ เสียงพูดแง้ว ๆ เมื่อครู่ ก็ห่างและหายไป

                แก้วกรพินธุ์ยังยืนอยู่ที่เดิม เธอยังแหงนมองภาพนี้นิ่ง ๆ หญิงสาว

ทิ้งสายตาจับไปที่มือของฝ่ายชายในภาพ

                เธอเพ่งพิจารณา มือข้างหนึ่งของชายหนุ่มเกาะไหล่หญิงสาว ส่วนอีก

ข้างยกขึ้นมาป้องปาก ใบหน้าอยู่ไม่ไกลจากใบหน้าของหญิงสาว

                กิริยาเช่นนี้ มองดูเหมือนเขากำลังพูดบางอย่างกับหญิงสาว

                ด้วยท่าทางอย่างนี้กระมัง จึงมีคนเรียกขานภาพนี้ว่า ภาพกระซิบรัก

                แก้วกรพินธุ์เริ่มยิ้ม...ยิ้มไปกับหญิงสาวในภาพ เพราะสีหน้าของเธอ

ผู้นั้นเหมือนกำลังยิ้มรับกับวาจาของชายหนุ่ม

                “ยิ้มอะไรแก้ว...” เสียงถามดังมาจากคนข้าง ๆ

                เธอหันไปหาคนถาม สไบทิพย์เพื่อนชาวน่านผู้พาเธอมา ณ ที่แห่งนี้

ขยับร่างมาจากริมฐานพระประธาน

                “ชอบใช่มั้ย” เพื่อนยังถามต่อ

                แก้วกรพินธุ์ยิ้มรับ ชอบ เธอขอบแน่ มีรู้สินะ ยิ่งมองยิ่งจับใจ ภาพ

หายไปหลายส่วน

                “นี่...เธอมาดูรูปนี้” สไบทิพย์คว้าแขนให้เดินย้อนกลับ ภาพอีกภาพข้าง

ประตู ต้องแหงนเงยมอง

                “เจ้าเมืองนาน” เพื่อนเจ้าของถิ่นบอก

                แก้วกรพินธุ์จ้องจับสายตาไปที่ภาพและพบความแตกต่างจากภาพแรก

เมื่อครู่ ภาพนี้เป็นชายสวมเสื้อกางเกงแลดูงามสง่า

                “เจ้าองค์ไหน” เธอถามเพื่อน

                หากแต่คนตอบกลับไม่รู้ สไบทิพย์ยิ้มแห้ง ๆ “ฉันจำชื่อไม่ได้แล้ว ไว้

กลับไปจะถามคนที่รู้เรื่องให้”

                “ผมตอบให้” มีเสียงแทรกเข้ามา

                แก้วกรพินธุ์หันขวับไปยังที่มาของเสียง หันไปพร้อม ๆ กับสไบทิพย์

                เธอสบตากับชายหนุ่มหน้าขาว ๆ ตาเล็กเรียว หากแต่คิ้วเข้ม ที่

กำลังยิ้มให้

                “แสง...” เสียงสไบทิพย์ทักทายอย่างคุ้นเคย “นึกว่าใคร” ว่าแล้วเพื่อน

แก้วกรพินธุ์ถาม “แสงว่ารูปนี้ชื่ออะไร รูปเจ้าอะไร ฉันจำไม่ได้”

                “เจ้าอนันตวรฤทธิเดช”  ชายหนุ่มผิวขาว สูงโปร่งเอ่ยตอบ ตอบด้วย

สายตาที่จับจ้องมาที่แก้วกรพินธุ์ “ท่านเป็นเจ้าผู้ครองเมืองน่าน และเป็นผู้

บูรณะวัดนี้ รูปภาพฝาผนังเหล่านี้ก็วาดขึ้นมาสมัยท่านครับ”

                แก้วกรพินธุ์พยักหน้ารับ และคลับคล้ายคลับคลาเหมือนเคยหรือเคย

เห็นชายหนุ่มคนนี้มาก่อน แต่เธอนึกไม่ออกว่าเคยเจอที่ไหน

                “อ้อ...เดี๋ยวแนะนำให้รู้จักก่อน” เพื่อนข้างกายเอ่ยขึ้นมาง่าย ๆ สั้น ๆ

ตามแบบฉบับของสไบทิพย์ “นี่แสง” เป็นเพื่อนกันตั้งแต่สมัยเรียนแล้ว

                ชายหนุ่มเจ้าของชื่อก้มศีรษะพร้อมส่งยิ้มให้

                แก้วกรพินธุ์ยิ่งรู้สึกคุ้น เธอเคยพบเขาที่ไหนมาก่อนรึเปล่านะ เมื่อคิด

อย่างนี้หญิงสาวเอ่ยปากถามทันที

                ไม่ได้คำตอบ นอกจากรอยยิ้มอย่างเดิม แต่เขาทวงถามกับเพื่อนเธอ

“ทิพย์ไม่ยุติธรรม ทำไมแนะนำชื่อเราอยู่ข้างเดียวล่ะ เพื่อนทิพย์ไม่เห็นบอก

ชื่อ”

                “อ๋อ...แก้ว แก้วกรพินธุ์ เพื่อนเรียนมหาลัยด้วยกัน”

                “ยินดีที่ได้รู้จักครับ คุณแก้วกรพินธุ์” เขาหันมาสบตาเธออีกครั้งด้วย

ประกายตาเจิดจ้า

                ในประกายตานั้นแก้วกรพินธุ์มองเห็นเหมือนแอ่งน้ำใส ๆ อยู่ภายใน

หากแต่ใสลึกแลหมุนวนจนเธอสับสน

                นาทีนั้น แก้วกรพินธุ์ค่อย ๆ ถอยห่างออกมา เธอเดินระเรื่อยวนไปตาย

ผนังโบสถ์เพื่อดูภาพ และในความรับรู้ แก้วกรพินธุ์รู้สึกถึงการติดตาม เป็น

การติดตามด้วยสายตาคู่หนึ่ง ทั้ง ๆ ที่จากหางตา เธอยังเห็นพันแสงยืนสนทนา

อยู่กับสไบทิพย์ ณ ที่เดิม

                สายลมยามสาย พัดผ่านเข้ามาทางหน้าต่าง หอบเอาความเย็นชื่นแสน

ระรื่นสบาย ๆ มากำนัล แก้วกรพินธุ์ยิ้มกับตัวเองเมื่อใช้มือข้างหนึ่งปัดพวงผม

ยาวหยิกสีน้ำตาลเข้มให้ไปอยู่เบื้องหลัง

                และขณะนี้รอบ ๆ ตัวมีผู้คนเข้ามาไหว้พระและชมภาพจิตรกรรมฝาผนัง

มากขึ้น

                วัตภูมินทร์คือวัดสำคัญ ตั้งอยู่ใจกลางเมือง ว่ากันว่า ใครมาเที่ยว

จังหวัดน่านจะต้องแวะมากรอบพระแล้วชมภาพจิตรกรรมฝาผนัง

                แต่แก้วกรพินธุ์มิใช่คนมาเที่ยว เธอกำลังจะมาทำงานที่จังหวัดนี้

                และนี่คือการมาจังหวัดน่านเป็นครั้งแรกในชีวิต

                มาโดยมิรู้ว่าจะพบจะเจอกับสิ่งใดบ้าง มาเพราะผู้ที่ครอบครัวนับถือคน

หนึ่งทาบทามให้มาทำงานให้

                งานนั้นคือบริหารโรงแรมขนาดยี่สิบห้าห้อง เป็นโรงเรียนสร้างใหม่อยู่

บนถนนสายเดียวกับโรงแรมคู่เมือง โรงแรมแห่งใหม่นี้มีจุดประสงค์ชัดเจน

ที่จะรองรับผู้มาเที่ยวด้วยบริการดีที่สุด หรูที่สุดและสะดวกสบายที่สุด

                เหตุที่คุณพิเศษซึ่งรู้จักกันมาเนิ่นนานกับครองครัวของแก้วกรพินธุ์เลือก

ให้เธอมาดูแล เพราะแก้วกรพินธุ์เคยทำงานโรงแรม ประสบการณ์ที่เคยอยู่

โรงแรมใหญ่ทำให้ชายวัยหกสิบเศษมาพบและพูดคุยกับเธอที่บ้านด้วยตัวท่าน

เองในวันหนึ่ง

                ‘ลุงจะให้เงินเดือนมากกว่าที่แก้วได้ในตอนนี้ แถมมีที่พักให้ อาหาร

การกินก็มีคนจัดการทุกอย่าง ที่พักของหนูจะอยู่ในโรงแรม ไม่ต้องห่วงอะไร

เลย คิดถึงแม่ คิดถึงบ้านเมื่อไหร่ นั่งเครื่องบินมาเลย การเดินทางสะดวก

สบาย หรือพ่อแม่อยากไปเยี่ยมก็ไปหาได้ง่าย หนูไปดูแลโรงแรมลุงหน่อย

ลุงให้สิทธิ์หนูทำงานได้อย่างเต็มที่ทุกอย่าง ทำให้มันเป็นเหมือนของของหนู

ทำให้มันสวยงามน่าพัก แขกคนไหนเคยไปแล้ว จะต้องกลับมาบอกกันต่อ ๆ

และกลับไปพักที่โรงแรมของเราอีก...’

                หลังจากคุณพิเศษกลับไปแล้ว พ่อกับแม่ถึงปรารภอย่างไม่เข้าใจว่า

ทำไมชายสูงวัยผู้มีความพร้อมทุกอย่าง จึงต้องหาภาระความยุ่งยากในการ

ลงทุนให้กับตัวเอง ทั้ง ๆ ที่ทุกวันนี้คุณพิเศษและภรรยาก็มีเงินทองไว้เก็บและ

ไว้ใช้อย่างสุขสบายแล้ว

                เมื่อไม่ได้คำตอบ พ่อและแม่ถึงกับหัวเราะแล้วว่า ‘เหตุผลของคนมี

เงิน ช่างเขาเถอะนะ บางทีคนทำงานรับจ้างคนอื่นทำงานอย่างเรา ๆ ก็ไม่เข้าใจ

....ว่าแต่แก้วเถอะจะไปทำมั้ย แม่หันมาถาม

แก้วกรพินธุ์พยักรับก่อนจะบอกพ่อและแม่ว่า หนูขอไปดูก่อน

เธอนึกถึงเพื่อนที่เคยเรียนด้วยกัน สไบทิพย์เป็นคนจังหวัดน่าน เพื่อน

เคยชวนให้เธอมาเที่ยวน่านหลายต่อหลายครั้ง แต่แก้วกรพินธุ์ไม่เคยไปตาม

คำชวนนั้นเลย

หนนี้เธอโทรศัพท์หา เพื่อนตอบกลับด้วยน้ำเสียงยินดี แถมยังวางแผน

ให้เสร็จสรรพ’

                ‘มาเลย จังหวัดน่านยินดีต้อนรับ มาพักที่บ้านฉันเลยนะแก้ว เชื่อเถอะ

มาแล้วจังหวัดน่านจะทำให้เธอติดใจ ตอนนี้ใคร ๆ ก็อยากมาน่าน’

                แก้วกรพินธุ์หิ้วกระเป๋าเดินทางมาดูลาดเลาในทันที

                สิ่งที่ได้พบได้เห็น สร้างความพอใจให้อย่างยิ่ง

                จังหวัดเล็ก ๆ สงบ เคร่งขรึม และที่สำคัญโรงแรมของคุณพิเศษเปิด

บริการแล้ว หากแต่ยังมีความขาด ๆ เกิน ๆ อยู่หลายสิ่งหลายอย่าง

                แก้วกรพินธุ์โทรศัพท์กลับไปหาคุณพิเศษ ท่านยินดีและสั่งการให้เธอเข้า

ไปพักเพื่อดูการทำงานของผู้คนพนักงานทั้งหมดทันที

                ดังนั้น แผนที่จะไปพักบ้านสไบทิพย์จึงพับไป แก้วกรพินธุ์เริ่มต้นทำ

งานกับคุณพิเศษผ่านทางการติดต่อสื่อสารทุกชนิดที่มี และที่สำคัญเธอกลาย

เป็นคนไม่มีเวลาให้เพื่อนเจ้าของถิ่น จนกระทั่งเมื่อวานนี้ งานที่รับผิดชอบมา

จากคุณพิเศษเริ่มคลี่คลาย เธอจึงโทร.หาสไบทิพย์ และเป็นที่มาของการมา

เที่ยวชมวัดภูมินทร์ในสายของวันนี้

                แก้ว... สไบทิพย์เดินมายืนข้าง ๆ ไม่มีร่างของเพื่อนชายตามมาด้วย

                สไบทิพย์บอก โดยไม่ต้องถาม “ไปละ แสงพาคนมาไหว้พระแล้วก็

ดูรูป เห็นว่าเดี๋ยวจะไปพิพิธภัณฑ์ต่อ”

                “เป็นไกด์รึ” แก้วกรพินธุ์วัดเสียงเป็นคำถาม ขณะภาพชายหนุ่ม

ผิวขาวสูง ตาเรียวแต่คิ้วคมยังแจ่มชัดอยู่ในใจ

                “เปล่า ไม่ใช่ แสงเป็น ศน.”

                คิ้วเธอขมวดมุ่น “อะไร ศน. คืออะไร”

                “ศึกษานิเทศก์ อยู่สพป. แถวหลังศาลากลาง ที่โรงเรียนราชานุบาล

เก่านั่นไง”

                “โอย...ไม่รู้เรื่อง ศาลากลางอยู่ไหน โรงเรียนเก่าราชาอะไรนั่นอยู่ไหน

และตัวย่อนั่นอะไร” แก้วกรพินธุ์หัวเราะ

                “ก็สำนักงานเขตพื้นที่ประถมไง”

                แก้วกรพินธุ์พยักหน้า ยิ่งไม่รู้ว่าที่เพื่อนพูดมาคืออะไร แต่ไม่ซัก ไม่

ถามต่อดีกว่า เธอจึงเดินเข้าไปหาภาพกระซิบรักข้างประตูบานสีแดงใหญ่นั้น

อีกครั้ง

                ยืนนิ่งดูอยู่ครู่หนึ่ง เพื่อนตามมาถาม ชอบหรือ

                แก้วกรพินธุ์พยักหน้ารับหันกลับไปอธิบาย “ฉันชอบสีหน้าคน แลดู

มีชีวิตชีวานะ”

                สไบทิพย์สั่นหน้าอย่างไม่เห็นด้วย “ฉันไม่เห็นรู้สึกอย่างเธอเลยแก้ว

เฉย ๆ”

 

                “เธออาจจะชินก็ได้ ดูอยู่บ่อย ๆ นี่ นี่ถามจริงมากี่ครั้งแล้ว”

                “นับไม่ถ้วน”

                “นั่นไง มาดูบ่อยจนชิน จนเฉย แต่นี่ครั้งแรกของฉันนะ เป็นครั้งแรก

ที่ประทับใจ เป็นครั้งแรกที่ชอบด้วย”

                “นี่ถ้าชอบนะ ไปคุยกับแสงได้เลย รายนั้นรู้เรื่องพวกนี้มาก ประวัติ

อะไรต่าง ๆ เพื่อนฉันคนรู้หมด ว่าแต่วันนี้พอก่อนมั้ย เดี๋ยวกลับไปก่อน ไป

บ้านฉัน แม่นัดไว้จะทำขนมจีนน้ำเงี้ยวให้ทานกัน ทานกลางวันเสร็จ นั่งเล่น

นอนเล่นที่บ้าน พอเย็น ๆ แดดลับลงบ้างแล้วจะพาไปไหว้พระธาตุแช่แห้ง อะไร

ไม่รู้ เธอมาน่านตั้งหลายวันไม่ไปเยี่ยมไปชมอะไรเลย อยู่แต่ในโรงแรม”

                “ก็ฉันมาทำงาน...”

                “อย่ามาอ้าง กับเพื่อนไม่ไปพักด้วยไม่ว่า แต่ไม่โทร.หาเลยนี่สิ ผิด

มาก”

                “ก็โทร.แล้ว...เมื่อคืนไง น่า อย่าเคืองกันเลยนะ” เธอยิ้มหวานให้เพื่อน

“งานฉันยุ่งมาก ต้องดูแลและปรึกษาหารือกับคุณพิเศษทางโทรศัพท์ทางอี-

เมล ทางเฟซบุ๊คตลอดเวลา เพิ่งจะว่างวันนี้นี่แหละ” เธอพูดพลางเดินพลาง

ผ่านออกมายังประตูด้านหน้า

                พลันนั้น แก้วกรพินธุ์รู้สึกเหมือนมีมือมาวางที่ไหล่ เธอหันขวับ แต่

กลับไม่พบใครหรือสิ่งใด

                แก้วกรพินธุ์เดินต่อ แต่หูกลับยินเสียงกระซิบ...ซุบ ๆ ซิบ ๆ ที่ยังจับความ

ใด ๆ ไม่ได้

                “หึ” เธออุทาน หันกลับไปมองข้างหลัง สรรพเสียงดังว่ากลับเงียบ

กริบ เหมือนกดปุ่มปิด

                แต่ครั้นเดินต่อ เสียงกระซิบเป็นเสียงผู้ชายดังมาที่ข้างหูอีกแล้ว เธอ

เอียงฟังอย่างตั้งใจเพื่อจับคำความ หากกลับไม่ชัด เพราะมีเสียงเหมือน

เครื่องสายคล้ายทำนองเพลงพื้นเมืองวะแว่วเข้ามา

                “ทิพย์...” สองขาตรึงชะงักค้าง เธอก้าวต่อไม่ออก ได้แต่ร้องถาม

เพื่อนเสียงตื่น “ทิพย์ได้ยินเสียงอะไรมั้ย”

                “เสียงอะไร” สไบทิพย์ย่นหิวคิ้วมาชนกันเมื่อหันมามองหน้า

                “ไม่รู้ แต่เป็นเสียงกระซิบ กระซิบ ๆ แทรกมากับเสียงดนตรีทำนอง

แปลก...”

                “ไม่ได้ยิน ไม่เห็นจะได้ยินเสียงอะไรเลย” เพื่อนสั่นหน้าปฎิเสธแข็นขัน...

 

            (โปรดติดตามต่อในฉบับเต็ม)

 


รีวิว (0)


สินค้าที่ใกล้เคียง (96 รายการ)

www.batorastore.com © 2024