ร้องไห้เถอะที่รัก (Cookie)

ร้องไห้เถอะที่รัก (Cookie)

1 รีวิว  1 รีวิว    
รหัสสินค้า: 9786160607563
ของหมด (ต้องการสินค้า)
ราคา: 139.00 บาท 34.75 บาท
ประหยัด: 104.25 บาท ( 75.00% )

เนื้อหาบางส่วน

บทนำ

 

ริชาร์ด หยวนรำคาญเด็กผู้หญิงที่ชอบร้องไห้งอแง และที่รำคาญยิ่งกว่าก็คือเจ้าเด็กบ้าที่ร้องไห้เป็นวรรคเป็นเวรอยู่ตอนนี้

ด้วยเหตุนี้เขาจึงกวาดตามองอย่างอัตโนมัติไปนยังเด็กน้อยในชุดนักเรียน โรงเรียนเอกชนแบบเดียวกันน้องสาวของเขาที่กำลังซุกตัวร้องไห้จ้าอยู่ตรงประตูบานใหญ่ของบ้านทาวน์โฮมหลังหนึ่ง

“แง...” เสียงร้องไห้น่าสงสารผสานกับเสียงเปียโนไพเราะที่ดังคลออยู่ ฟังแล้วกวนโสตประสาทเหลือเกิน

เขากอดอก เคาะเท้าอย่างเหลืออดพลางขมวดคิ้วมองนาฬิกาข้อมือ ในใจคิดว่าทำไมไม่เลิกเรียนเสียทีนะ พวกครูดังๆ นี่นาเบื่อชะมัด วิชาที่สอนสองชั่วโมงดันยืดเยื้อไปเป็นสองชั่วโมงครึ่ง จะนานไปไหนเนี่ย!

“แง...”

มันน่าฆ่านัก เขาทนไม่ไหวแล้ว

“หนวกหูโว้ย!’ เขาหันขวับอย่างฉุนจัดพลางว้ากใส่เด็กหญิงที่นั่งจุ้มปุ๊กร้องไห้อยู่หน้าประตูบ้านครูวิกกี้

เสียงที่แผดใส่ทำเอาเด็กหญิงตกใจจนหยุดร้องไห้ หันกลับมามองเขาอย่างหวาดๆ เธอกัดริมฝีปากพยายามห้ามไม่ให้เสียงสะอื้นลอดออกมา

ริชาร์ดรู้ดีว่าหน้าตาเขาเวลาไม่ยิ้มทำให้เด็กผวาได้เลยทีเดียว ก็คนมันหน้าโหดมาตั้งแต่เกิด ยิ่งตอนหมดความอดทนด้วยแล้ว แค่ขมวดคิ้ว...เด็กก็กลัวจนร้องไห้จ้า ขนาดน้องสาวหัวดื้อของเขาที่ถูกพะเน้าพะนอมากชนิดเกิดมาไม่เคยกลัวใครยังต้องกลัวเขาเลย

แต่คราวนี้เขาตวาดดุให้เด็กกลัวอย่างไม่แยแสอะไร ทำเอาเด็กร้องไม่ออกอีกเลย

“ขอโทษค่ะ...” ริมฝีปากซีดขาวของเด็กหญิงสั่นระริก หนูน้อยพยายามกัดปากกลั้นสะอื้น ใครเห็นก็ต้องนึกสงสารและอดเห็นใจเธอไม่ได้

แต่น่าเสียดาย ในพจนานุกรมของริชาร์ดไม่มีคำว่าปรานี

“หุบปาก! เงียบซะ” เขาสำทับใส่เด็กหญิงท่าทางน่าสงสารไปสั้นๆ แค่สี่คำ

รูปร่างเขาสูงใหญ่ ไม่ได้ผอมแห้งเก้งก้างเหมือนเพื่อนนักเรียนมัธยมรุ่นเดียวกัน มัดกล้ามแข็งแรงกำยำทั่วร่างเกิดจากการชอบไต่เขาปีนผา โครงหน้าคมคาย เรียกได้ว่าดูดีแต่กลับไม่อ่อนโยนเอาเสียเลย เขาดูไม่ใช่เจ้าชายผู้งามสง่า แต่เหมือนจอมโปรปล้นฆ่าเสียมากกว่า ถ้าสังเกตดีๆ จะเห็นแผลเป็นแดงคล้ำพาดอยู่บริเวณโหนกแก้มใกล้ขมับรอยหนึ่ง เขาได้แผลนี้มาไม่นานเมื่อตอนไปปีนเขา ตอนนั้นไม่ทันระวังถูกคมหินที่หล่นลงมาบาดเป็นแผล แต่นั่นกลับยิ่งทำให้เขาดูห้าวหาญดิบเถื่อนมากกว่าเดิม

ตอนนี้ใบหน้าเขาแสดงชัดว่าหงุดหงิดใจ พาให้ใครๆ ต่างก็ถอยห่าง ไม่อยากเข้าใกล้

ท่าทางเอาเรื่องแบบนั้นไม่เหมือนเด็กมัธยมเลย บอกว่าเป็นแก๊งอันธพาลยังจะมีคนเชื่อซะกว่า

“หนูทะเลาะกับลินดา ไม่รู้จะทำยังไง ก็เลยเสียใจ...” เด็กหญิงสูดน้ำมุก ลุกขึ้นยืนโอดให้เขาฟังอยู่ข้างๆ “หนูไม่ได้ตั้งใจไปสนิทกับจีโน่ หนูไม่ได้ชอบเขา จริงๆ นะ...”

ลินดาน้องสาวเขานั่นเอง งั้นก็หมายความว่าเด็กคนนี้รู้จักน้องสาวเขาน่ะสิ

เขาก้มลงมองเด็กหญิงแวบหนึ่ง ในใจคิดว่ายัยเด็กคนนี้เป็นใครกันนะ ทำไมรู้สึกคุ้นหน้าจัง

ช่างเถอะ ตัวป่วนที่ไหนก็คงหน้าตาอย่างนี้แหละ แต่งตัวเหมือนกันซะด้วย แล้วเธอก็ไม่ได้มีอะไรเกี่ยวข้องกับเขาสักหน่อย

แต่เอ๊ะ เธอทะเลาะกับน้องสาวเขานี่นา มิน่าล่ะ เดี๋ยวนี้ยัยน้องสาวตัวดีถึงได้ชอบกระฟัดกระเฟียด แถมยังพาหาเรื่องเขาบ่อยๆ แหม มันน่าจะด่าให้ร้องไห้นักเชียว!

“หนูจะไม่ได้เรียนเปียโน ไม่ได้อยู่ที่นี่ และก็จะไม่ได้เจอลินดาอีกแล้ว แง...”

เฮ่ย บอกให้หุบปาก ไหงร้องไห้ขึ้นมาอีกเนี่ย

“ร้องพอหรือยัง” ริชาร์ดแคะหูทำหน้าบูด “ร้องไห้เฮงซวยอยู่ได้!’ เขาเอ็ดอย่างเย็นชาไร้เยื่อใย ไม่คิดจะปลอบเธอเลยสักนิด

แต่ยัยเด็กโง่ดันเข้าใจผิดไป

“พี่ชายคะ ถ้าหนูเลิกร้อง จะเกิดเรื่องดีๆ ขึ้นหรือคะ”

ริชาร์ดพยักหน้าเออออไปอย่างนั้น “อืม...ใช่” ขอแค่ให้เธอหยุดร้องน่ารำคาญเสียที จะพูดอะไรก็พูดไปเถอะ

“พี่โกหก ไม่มีเรื่องดีๆ เกิดขึ้นสักหน่อย แง...” ไม่รู้ว่าเธอคิดเรื่องเศร้าอะไรขึ้นมา จู่ๆ ก็ปิดหน้าร้องไห้โฮออกมาซะอย่างนั้น

เฮ้อ ยิ่งรู้ว่าเขาหลอกก็ยิ่งร้องหนักกว่าเดิม เสียงดีดเปียโนเพี้ยนๆ ดังออกมาจากในบ้าน เล่นห่วยขนาดนี้ต้องเป็นน้องสาวเขาแน่ๆ บวกกับเสียงยัยเด็กนี่ร้องไห้อีก ปวดหูจะแย่แล้ว

น่ารำคาญจริง ขู่ให้กลัวก็ไม่ได้ผล อย่างนี้ไงเล่าเขาถึงได้เกลียดเด็ก โดยเฉพาะเด็กผู้หญิงวัยเดียวกับน้องสาวด้วยแล้ว น่าเบื่อสุดๆ เลย!

ริชาร์ดล้วงกระเป๋าไปเจอขนมทดลองชิมที่หยิบติดมือมาจากร้านดิวตี้ฟรีในสนามบินเมื่อวานซืนตอนกลับจากสเปนเข้าพอดี

เขายื่นขนมชิ้นนั้นส่งให้เด็กผู้หยิง คิดเพียงว่าอยากจะปิดปากเด็กก็เท่านั้น “นี่ไงล่ะ เรื่องดีๆ เลิกร้องซะแล้วก็เอาไป”

เมื่อเด็กหญิงเงยหน้าขึ้นเห็นลูกกวาดสีสันสดใส น้ำตาก็หยุดไหลทันใด เธอมองเขาด้วยสายตาอยากได้ระคนหวั่นๆ ว่าจะถูกหลอก

ริชาร์ดส่งลูกกวาดให้ถึงมือ

ในสายตาเด็กน้อยลูกกวาดสีสวยนี้ราวกับอัญมณีล้ำค่า เพราะมันเป็นของที่เขาให้มา

จริงด้วย พอเลิกร้องก็มีเรื่องดีๆ เกิดขึ้น เธอรีบปาดน้ำตาทิ้งไป ประคองลูกกวาดรูปทรงน่ารักนั้นอย่างทะนุถนอม แต่พอจะเผยยิ้มออกมาได้เท่านั้นก็มีเสียงตวาดแว้ดดังขึ้น

“มาคุยกับพี่เค้าได้ยังไง ออกไปเลยนะ”

เด็กหญิงหน้าตาจิ้มลิ้มเดินออกมาจากบ้านครูวิกกี้ เธอรวบผมครึ่งศีรษะเหมือนเจ้าหญิง สวมเสื้อสีขาวกับกระโปรงกลีบลายสก็อตสีเขียวเหมือนเด็กหญิงคนแรก

เด็กหญิงคนนี้หน้าตาจิ้มลิ้มงดงามแต่กลับเต็มไปด้วยแววโกรธขึ้ง เธอผลักเด็กหญิงอีกคนแล้วคว้าจับมือพี่ชายไว้พลางจ้องเพื่อนนักเรียนของตนตาขวาง

“ลินดา ฉัน...” เด็กหญิงที่รออยู่กุลีกุจอลุกขึ้น แต่เสียดายที่ยังไม่ทันพูดก็ถูกตัดบทเสียก่อน

“ฉันไม่อยากฟัง เราโป้งกันแล้ว ไปเลยไป! อ้อ ไม่ต้องมาหาฉันอีกเลยนะ ฉันเกลียดเธอ!” เจ้าหญิงตัวน้อยอาละวาด เธอลากพี่ชายขึ้น รถที่จอดรอยู่นานแล้วโดยไม่สนใจเพื่อนสนิทที่กำลังขอคืนดี

“ไม่ต้องมาจับน่า!’ ริชาร์ดไม่ได้สนใจเรื่องทะเลาะง้องแง้งของเด็กผู้หญิง แต่รำคาญที่น้องสาวเกาะเขาแจ มือใหญ่ดันหัวแม่น้องสาวให้ออกห่าง ไม่ว่าน้องจะพยายามเกาะเกี่ยวมือเขาอย่างไรก็คว้าไม่อยู่ “ไม่มีกระดูกหรือไงฮะ มาเกาะพี่ทำไม ยัยติงต๊อง...”

สองพี่น้องที่อายุห่างกันเจ็ดปีพากันเดินขึ้นรถพลางทะเลาะกันแบบเอาเป็นเอาตาย โดยไม่สนใจเด็กหญิงที่ยืนหน้าเสียจวนจะร้องไห้อยู่ข้างหลังเลยสักนิดเดียว

“ลินดา พี่คะ...” เด็กหญิงปากเบ้ ตามองเพื่อนที่ทิ้งเธอไว้ข้างหลังซึ่งเพิ่งจะพูดตอกใส่หน้าเธอว่า ‘ฉันเกลียดเธอ’

อยากร้องไห้จัง แต่พี่ชายบอกว่าถ้าร้องไห้แล้วเรื่องดีๆ จะไม่เกิดขึ้นน่ะสิก็เลยร้องไม่ได้

“จากนี้ไปจะไม่ร้องไห้แล้ว...จะไม่ร้องไห้สักแอะเลยล่ะ...”

เธอปาดหยาดน้ำตาที่เลอะหน้าทิ้งไป กะพริบไล่หยาดน้ำที่ยังคลอหน่วยแบมือออกก็เห็นลูกกวาดสีสดสวย...

จากนั้นก็แกะห่อออกกินจนหมด

เธอไม่ร้องไห้แล้ว พอทำอย่างนี้แล้ว ก่อนจะย้ายไปเรียนที่อื่นลินดาจะกลับมาคืนดีเป็นเพื่อนสนิทกันเหมือนเดิมมั้ยนะ

ต้องเป็นอย่างนั้นแน่ ก็พี่ชายบอกไว้แล้วว่าถ้าไม่ร้องไห้ เรื่องดีๆ ก็จะเกิดขึ้น พอไม่ร้องแล้วลินดาจะต้องหายโกรธแน่ แล้วก็จะได้กลับมาคืนดีกันไงล่ะ...

 

บทที่ 1

 

บริษัทเอลคาร์โร แลนด์สเคปดีไซน์ตั้งอยู่ในย่านเทียนหมู่ เป็นอาคารทรงตะวันตกสามชั้นซึ่งเป็นทรัพย์สินของนิติบุคคลรายเดียว ลานด้านหน้าเป็นสนามหญ้าเกาหลีสีเขียวสดใส เลี้ยงปลาให้แหวกว่ายอย่างเสรีอยู่ในบ่อน้ำเล็กๆ ใต้หลังตาทรงร่มของศาลาไม้สำหรับหลบแดดมีโต๊ะยาวทรงสี่เหลี่ยมตัวหนึ่งกับเก้าอี้ไม้อีกหลายตัววางไว้ สุนัขโกลเด้น รีทรีฟเวอร์ตัวใหญ่ท่าทางแข็งแรงกำลังวิ่งไล่ผีเสื้อขาวอยู่ในแปลงดอกไม้ แมวดำสวมสร้อยกระพรวนสีแดงนอนสี่ขาชี้ฟ้า ท่าทางง่วงเหงาอยู่ตรงหน้าประตูใหญ่

สภาพแวดล้อมการทำงานเช่นนี้น่าจะเรียกได้ว่าผ่อนคลายสบายใจเป็นอิสระ แต่ที่จริงแล้วไม่ใช่อย่างนั้นเลย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในวันนี้ ภายในบริษัทเอลคาร์โร แลนด์สเคปดีไซน์อยู่ในสภาพยุ่งวุ่นวายและเต็มไปด้วยความเครียดขึ้งอันน่าอึดอัด

การออกแบบภูมิสถาปัตย์ภายนอกอาคารที่ชวนให้สบายอกสบายใจนี้ นอกจากจะทำไว้เพื่อให้ลูกค้าที่มาเยี่ยมชมได้เห็นศักยภาพในการออกแบบ ภูมิสถาปัตย์ของเอลคาร์โรแล้ว ยังทำไว้เพื่อให้พนักงานที่ทำงานออกแบบหาเวลาปลีกตัวจากหนึ่งวันอันแสนยุ่งเหยิงออกมาเดินเล่นให้ผ่อนคลายสบายใจในสวนกว้างแห่งนี้ได้

แต่ที่น่าขันก็คือ คนที่ทำงานที่นี่เกินหนึ่งปีไม่ได้มีแค่คนเดียวที่ป่วยเป็นโรคกระเพาะ สนามที่ออกแบบมาอย่างล้ำเลิศจึงไม่ได้ใช้งานอย่างที่ควรจะเป็น

ส่วนด้านในห้องสี่เหลี่ยมเป็นลักษณะชั้นลอยยกเพดานสูง เพื่อให้ห้องโถงของสำนักงานดูสว่างและมีพื้นที่กว้าง บันไดเวียนทำจากเหล็กดูทันสมัยทอดนำขึ้นไปสู่ชั้นสองของอาคาร ซึ่งมีห้องประชุมและห้องทำงานผู้บริหาร

เจ้าของบริษัทแห่งนี้ก็คือริชาร์ด หนุ่มเสเพลเจ้าอารมณ์ที่มีชื่อเสียงไม่เบาในแวดวงสถาปนิก

ริชาร์ดในวัยสามสิบสองยังคงเกลียดผู้หญิงที่ชอบทำตัวโวยวายน่ารำคาญเหมือนเมื่อครั้งยังเป็นหนุ่มวัยกระเตาะไม่มีผิด เดี๋ยวนี้ยังเพิ่มผู้หญิงอีกประเภทหนึ่งที่เขาแสนเกลียดเข้าไปอีก นั่นก็คือพวกที่ชอบทำตัวสงบเสงี่ยมเรียบร้อยเสียจนไม่มีความคิดเป็นของตัวเอง รวมทั้งพวกเงอะงะซุ่มซ่ามด้วย

อย่างเช่นผู้หญิงคนนี้ที่อยู่ตรงหน้า ยัยจอมงั่งที่ทำกาแฟหกรดตัวเขาในที่ประชุมผู้บริหาร

“เธอ...ที่ชื่ออันอะไรนั่นใช่มั้ย เธอนั่นแหละ!” ไม่ต้องหันไปมองก็รู้ว่าใครที่ซุ่มซ่าม เสื้อกางเกงชุดใหม่ที่เพิ่งซื้อมาพินาศย่อยยับ เขาตะโกนออกไปอย่างสุดกลั้น

“ฉันชื่อโจลี่ค่ะ ขอโทษค่ะหัวหน้า!’ โจลี่ อันผู้มีเรือนร่างบอบบางวางเหยือกกาแฟลงด้วยท่าทางลนลาน แถมยังเผลอเอาผ้าขี้ริ้วไปเช็ดเสื้อเจ้านายโดยไม่ทันคิดเข้าอีก

“เธอนี่ปัญญาอ่อนหรือยังไงกันนะ” เส้นความมีเหตุผลที่เหลืออีกไม่มากของริชาร์ดขาดผึงลงทันที “เรื่องง่ายๆ แค่นี้ยังทำให้ดูไม่ได้ นี่ฉันจ้างเธอมาทำอะไรที่นี่กันแน่ ออกไปซะ!”

เจ้านายใหญ่เอ็ดด้วยอารมณ์เกรี้ยวกราดพลางปั้นหน้ายักษ์ใส่ ทำเอา

(ติดตามอ่านต่อได้ในฉบับเต็ม)


รีวิว (1)

เขียนรีวิว

kyomu | 1 รีวิว
28/01/2015

ร้องไห้เถอะที่รัก เขียนโดย หลีเชียน (Singing' in the rain แปล) เป็นเรื่องราวของ 'โจลี่' เด็กน้อยขี้แยที่แสนน่ารำคาญ จนพระเอกที่โคตรจะขี้รำคาญหลอกว่าถ้าไม่ร้องไห้ เรื่องดีๆ จะเกิดขึ้น แล้วก็ให้ลูกกวาดมาปลอบใจ (จากตอนเด็กยันโตนางเอกก็เชื่อแบบนั้นมาตลอด) โจลี่จะมีลูกกวาดประจำตัวที่เหมือนเป็นยากดอาการอยากร้องไห้ คือเวลาจะร้องไห้กินลูกอมจะเข้มแข็ง จะไม่ร้องออกมา อ่านแล้วทึ่งกับความอดทนของนางเอกมาก คือไม่ร้องแม้กระทั่งตอนพ่อเสีย พยายามนึกถึงเรื่องดีๆ มันสอนให้เรามองโลกในแง่บวกด้วย ในเรื่องเลวร้ายมีเรื่องดีซ่อนอยู่ แล้วแต่มุมที่เรามอง ในเรื่องพระเอกทำนางเอกเสียใจตลอดด!แต่นางเอกเป็นพวกใส่ใจรายละเอียด ห่วงคนรอบข้าง จนคู่ค้าของพระเอกอยากได้ไปเป็นหลานสะใภ้ พระเอกถึงรู้ตัวว่าหึง ตามชื่อเรื่องคือ 'ร้องไห้เถอะที่รัก' ไม่ใช่เป็นการร้องขอให้เสียใจอ่ะ เป็นอารมณ์อยากให้ระบายออก ร้องบ้างเถอะนะไรงี้ ยิ่งพออ่านก็เข้าใจ้เลย มันเก็บกดจริงๆ อินมากกเวลาที่นางเอกห้ามไม่ให้ตัวเองร้องไห้ ตอนแรกๆ เหมือนพระเอกชื่นชมว่าเข้มแข็งมากก แต่พอรู้เนื่องลูกกวาดก็พยายามให้โจลี่เลิกเก็บกด ให้ร้องไห้ออกมา จนนางมาร้องคือยายลื่นล้มแล้วพระเอกยึดลูกกวาด ได้เสียน้ำตาซะที♡ คือสงสารนางเอกมากที่ไม่อยากร้อง สงสารพระเอกด้วยที่ต้องมาเห็นน้ำตาของคนรัก ทำให้รู้เลยว่าไม่ร้องไห้ก็ไม่ได้แปลว่าเข้มแข็งเสมอไป T^T สุดท้ายตอนจบที่คู่นี้มีลูก สอนลูกได้น่ารักมากๆ คนนึงดุ คนนึงใจดี คนนึงตึง อีกคนยืดหยุ่นน คือความต่างทำให้อะไรๆ สมดุล ลงตัวสุดๆ เรื่องนี้อ่านได้เรื่อยๆ ชอบการดำเนินเรื่องเป็นขั้นๆ มีเหตุผลและความสอดคล้องของเรื่องในทุกตอน ในเรื่องไม่มีตัวร้าย ตัวอิจฉานะ แต่เพราะนิสัยนางเอก ทำให้รู้สึกว่านั่นคือตัวร้าย แต่แอบหักคะแนนเพราะหมั่นไส้พระเอกนะ 55 ถึงตอนหลังจะน่ารัก แต่ก็ทำร้ายนางเอกไปเยอะเกิ้นนน (ถึงจะรู้ตัวบ้าง ไม่รู้ตัวบ้างก็เถอะนะ) แต่รวมๆ ก็แนะนำแหละ อ่านเถอะ... แล้วคุณจะตกหลุมรักโจลี่ ><~♥

สินค้าที่ใกล้เคียง (77 รายการ)

www.batorastore.com © 2024