Extroverted Humanist ปรับรักให้ถูกล็อกหนุ่มหน้าใสกับยัยตัวดี (ชุด U prince) (Mimoza)

I would be a clown for you,

a jerk without any pride

I would give up everything for you

I wouldn't need anything

If you just loved me

ผมยอมเป็นแค่ตัวตลกให้เธอ
เป็นไอ้บ้าไร้ศักดิ์ศรี
เป็นทุกๆ อย่างที่เธอต้องการ
ผมไม่ต้องการอะไร
ขอเพียงแค่เธอรักผมก็พอ

Prologue

Hottest Faculty Ambassador : หนุ่มฮอตคณะมนุษยศาสตร์

By IUCA Student Council

About : Kiryu Weller

"ฮ่าๆๆ"

เสียงหัวเราะอย่างเฮฮาดังขึ้นที่มุมหนึ่งของร้านกาแฟเล็กๆ สไตล์มินิมอล ทุกคนในร้านต่างก็ให้ความสนใจไปยังที่มาของเสียงหัวเราะนั้น บ้างก็เพราะรำคาญ (จะหัวเราะอะไรกันนักกันหนา) บ้างก็เพราะสนใจผู้ชายที่กำลังนั่งอยู่ตรงกลางกลุ่มคนเหล่านั้น

คิริว เวลเลอร์ หนุ่มหล่อผู้สดใสแห่งคณะมนุษยศาสตร์กำลังนั่งให้สัมภาษณ์อย่างร่าเริงและเป็นกันเอง

"คุณคิดยังไงกับตำแหน่งแอมบาสซาเดอร์ที่ได้รับเลือกคะ" MC สาวเริ่มเข้าบทสัมภาษณ์อีกครั้งหลังจากที่โดนขอเบอร์แบบไม่ได้ตั้งตัวเมื่อกี้ แก้มของเธอยังแดงระเรื่อ งานสัมภาษณ์แอมบาสซาเดอร์นี่มันไม่ง่ายเลยจริงๆ ยิ่งผู้ชายขี้ล่นแบบคิริวแล้ว เขาทำเหมือนกับสนใจเธอ แต่แล้วก็ทำเป็นล้อเล่น น่าปวดเศียรเวียนเกล้าจริงๆ

"ก็ไม่รู้จะคิดอะไรดีนะครับ ตอนแรกที่รู้ว่าโหวตชนะผมก็ดีใจ รู้สึกเหมือนได้รับมงกุฎนางงาม...ราวกับว่าผมงามเลิศที่สุดในปฐพี..."

คุณเป็นผู้ชายนะ

ทีมงานกับ MC สาวคิดพร้อมกันโดยไม่ต้องนัดหมาย

"...แต่พอได้รู้รายละเอียดและหน้าที่ของแอมบาสซาเดอร์ผมก็ โว้ว... นี่พวกเราต้องช่วยโลกขนาดนี้เลยเหรอ นี่มันยิ่งกว่างานของซูเปอร์แมน ซะอีก!! แต่ผมก็ชอบนะ ได้ทำนู่นทำนี่ ได้มีโอกาสรู้จักกับผู้คนอีกเยอะแยะ ผมจะยอมแบกมันไว้...ด้วยกางเกงในสีแดงของผม"

"คิกๆ" MC สาวหลุดหัวเราะออกมานิดหน่อย คิริวยังทำหน้าไร้เดียงสา เหมือนกับว่าที่เขาพูดมันถูกต้องที่สุดแล้ว เขาขยิบตาให้กล้องนิดหนึ่งอย่างขี้เล่น

"เอาล่ะค่ะ คุณซูเปอร์แมนผู้งามเลิศในปฐพี...เราอยากให้คุณนึกถึงคำศัพท์ที่ขึ้นต้นด้วยตัวอักษรที่รวมเป็นชื่อคณะของคุณ H-U-M-A-N-I- S-T และเหตุผลที่คุณเลือกคำแต่ละคำด้วยค่ะ"

"ไม่มีปัญหาเลยครับ อืม...ถ้าพูดถึง H แล้ว ผมคงนึกถึงคำว่า Hentai! "

"หา? -O-///"

"ฮ่าๆๆ ล้อเล่นครับ H นี่ต้องเป็น Hi หรือ Hello ครับ เพราะผมชอบทักทายทุกคน จะพูดสองคำนี้บ่อยมาก เป็นคำทักทายง่ายๆ เพื่อเปิดมิตรภาพใหม่เวลาผมทักใครหรือใครทักผม จากนั้นผมก็จะรู้สึกว่าเราเป็นคนรู้จักกันโดยไม่รู้ตัวเลยครับ"

"ว้าว...เป็นคำธรรมดาที่ดูมีความหมายทันทีเลยค่ะ...แล้วตัวต่อไปล่ะคะ”

“U คงเป็น Understanding”

"ความเข้าใจ"

"ใช่ครับ ผมรู้จักคนเยอะ แล้วแต่ละคนก็นิสัยไม่เหมือนกัน หลังจากที่ได้รู้จักกันแล้วผมก็ต้องมาทำความเข้าใจอีกว่าทำไมคนนี้ถึงทำแบบนี้ ทำไมคนนี้ถึงคุยแบบนี้ บางทีนั่งคิดไปเล่นๆ ก็เพลินดีเหมือนกันนะครับ"

"ว้าว...เห็นคุณเป็นคนขี้เล่น นึกไม่ถึงเลยนะคะว่าคุณจะมีความคิดแบบนี้^,,

"ครับ บางทีผมก็อยากมีใครที่เข้าใจผมบ้าง เพราะฉะนั้นผมจึงพยายามเข้าใจคนอื่นด้วยครับ"

"ค่ะ แล้ว M ล่ะคะ"

"Mixed ครับ"

"การผสมผสาน"

"ครับ ผมมืเลือดผสมสามเชื้อชาติ ไทย อังกฤษ ญี่ป่น"

"ว้าว เจ๋งไปเลยค่ะ"

"ใช่ครับ เจ๋ง...คำต่อไปคือ Awesome!! เป็นคำที่ผมชอบคำหนึ่งเลย ถ้ามีใครบอกกับผมว่าเจ๋ง!! มันทำให้ผมรู้สึก Cool มากๆ เหมือนได้เหยียบเมฆเลย ฮ่าๆ ผมก็เหมือนคนทั่วไปนั่นแหละ ชอบให้คนมาชม You are awesome man!! อะไรประมาณนั้น ฮ่ะๆ^,,

"ฮ่ะๆ ค่ะ พอเข้าใจได้ แล้ว N ล่ะคะ"

"N เหรอ...คงเป็น Noisy มั้งครับ"

"เสียงดัง...ทำไมต้องเป็นเสียงดังล่ะคะ"

"เพราะไม่ว่าผมจะไปที่ไหนก็มักจะมีเสียงดังเสมอไงครับ ฮ่าๆๆ ผมเป็นคนพูดมาก ไม่ว่าอยู่ที่ไหนก็พูดเยอะตลอด และชอบชวนคนอื่นคุยด้วย คุณไม่สังเกตเหรอว่าตั้งแต่เริ่มสัมภาษณ์พวกเราก็หัวเราะกันเสียงดัง จนตอนนึกลายเป็นจุดเด่นในร้านนี้แล้ว^,,

"จริงเหรอคะ ดิฉันไม่ได้สังเกตเลยค่ะ" MC สาวร้องอย่างตกใจก่อนจะมองไปรอบๆ และก็พบว่าจริงอย่างที่คิริวบอก ตอนนี้ทุกคนต่างก็มองมาทางโต๊ะพวกเธอ

"ไม่ต้องสนใจหรอกครับ มันเป็นแบบนี้เสมอ”

"ค่ะ ต่อไปค่ะ"

"Intelligent"

"ไหวพริบเหรอคะ"

"ครับ ผมว่ามันจำเป็นสำหรับทุกคนนะครับ โดยเฉพาะคนที่ชอบอยู่ท่ามกลางคนหมู่มากอย่างผม อ๊ะ พูดถึงคนหมู่มากก็คิดคำต่อไปได้พอดี... Social"

"สังคม"

"ใช่ครับ มนุษย์เป็นสัตว์สังคม ผมคิดไม่ออกเลยว่ามนุษย์คนหนึ่งจะมีชีวิตอยู่ได้ยังไงคนเดียว มันดูเป็นเรื่องผิดธรรมชาติมากๆ ใครก็อยากจะมีคนที่เข้าใจเราใช่มั้ยครับ สังคมที่ผมพูดถึงคือการอยู่รวมกันเป็นกลุ่ม น่ะครับ"

"แล้วคำสุดท้ายล่ะคะ"

"Talkative (ช่างคุย) ผมคงไม่ต้องอธิบายแล้วมั้งครับว่าทำไม ตั้งแต่สัมภาษณ์มาผมพูดเยอะกว่าคุณ MC ประมาณสามเท่าได้เลยล่ะมั้ง ฮ่าๆ^,,

ทีมงานหัวเราะพรืด MC สาวเองก็แอบหัวเราะด้วยเหมือนกัน นั่นสินะ โดนคิริวแย่งพูดหมดเลย ปกติไปสัมภาษณ์แอมบาสซาเดอร์คนอื่น พวกเขาจะไม่ค่อยพูดกัน เพียงแค่ตอบคำถามที่ถามไปเท่านั้น แถมบางคนยังทำหน้าเบื่อหน่ายที่โดนสัมภาษณ์อีก เธอเลยไม่ค่อยกล้าพูดมากเท่าไหร่

"โอเคค่ะ ครบทุกตัวอักษรแล้วนะคะ ไหนๆ คุณก็เป็นคน Talkative แล้ว งั้นขอถามต่อสักสองสามข้อนะคะ"

"โอ๊ย เป็นร้อยข้อก็ยังไหว"

แต่พวกเราคงไม่ไหว =_=

ทีมงานกับ MC สาวพากันคิดพร้อมกันอีกแล้ว

"ถ้างั้นขอถามเช็กเรตติ้งอีกนิดหน่อยนะคะ ไม่ทราบว่าผู้หญิงในสเป็กของคุณคิริวเป็นแบบไหนคะ สาวๆ ในมหา^,ลัยมีโอกาสกันบ้างรึเปล่า"

"เป็นคำถามที่ค่อนข้างตอบยากนะครับ ผมเองไม่มีสเป็กที่ตายตัว จะให้บอกว่าชอบคนสวยแบบนู้นแบบนี้ก็คงไม่ใช่ เพราะผู้หญิงก็สวยทุกคน Every flower is a perfect one. ผมชอบใครก็ไปกับคนนั้นแหละ ฮ่าๆๆ ผมว่าคงเป็นใครสักคนที่ยอมรับตัวผมได้ เห็นว่าผมเป็นคนสำคัญสำหรับเค้า แค่นี้ก็คงเพียงพอแล้วล่ะครับ"

"แล้วตอนนี้คุณคิริวมีแฟนรึยังคะ"

"ยังครับ"

"เหลือเชื่อจริงๆ เลยนะคะ" MC สาวอุทานเสียงสูง "แล้วผู้หญิงแบบไหนที่คุณคิดว่าเข้ากับคุณได้คะ"

"ผมก็เข้าได้กับทุกคนอยู่แล้วล่ะครับ ไม่ว่าจะแบบไหน"

"มันก็จริงนะคะ แล้วถ้าเกิดว่าคุณเจอกับคนที่เข้ากับคุณไม่ได้ล่ะคะ คนที่ต่างกับคุณสุดขั้ว"

"ผมว่าคงไม่มีนะครับ ผมมีเพื่อนที่ต่างกับผมสุดขั้วแต่พวกเราก็เข้ากันได้ดี...จนน่าเหลือเชื่อ"

"แล้วถ้าเจอแบบไม่ใช่เพื่อนล่ะคะ สมมตินะคะ ถ้าเจอผู้หญิงที่เข้ากับคุณไม่ได้เลย แถมยังต่างกับคุณสุดขั้ว คุณจะทำยังไงคะ"

คิริวนิ่งไปสักครู่พลางนิ่วหน้าคิด นี่เป็นครั้งแรกที่เขานิ่งคิดอะไร ตั้งแต่สัมภาษณ์มาเขาตอบคำถามอย่างฉะฉาน ไม่ชะงักหรือหยุดคิดอะไรเลย

"อืม...ผมไม่รู้เหมือนกันว่าถ้าเจอจริงๆ จะทำยังไง"

"คงเป็นอะไรที่ท้าทายคุณมากเลยนะคะ"

"ครับ ท้าทายมาก"

"สุดท้ายแล้วค่ะ มีอะไรอยากจะฝากถึงชาว IUCA บ้างมั้ยคะ^,

 "อ้าว เสร็จแล้วเหรอ กำลังคุยกันสนุกเลยเชียว แต่ผมก็หิวขึ้นมาพอดี ยังไงผมก็ขอฝากตัวในฐานะตัวแทนของมหา^,ลัยคนหนึ่งด้วยนะครับ ถึงจะเป็นคนขี้เกียจ แต่ก็จะพยายามทำหน้าที่นี้ให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ ขอบคุณทุกๆ คนที่ช่วยโหวตให้ผม

ด้วยนะครับ ถ้าเจอผมที่ไหนก็เข้ามา ทักทายกันได้นะครับ บ๊ายบาย"

1

เคยมีคนพูดไว้ว่าความเงียบคือคำตอบที่ดีที่สุด ในความเงียบมักมีคำตอบอยู่เสมอ เวลาที่เราสับสนในความคิดก็มัก จะอยากอยู่เงียบๆ คนเดียวเพื่อหาคำตอบ เวลาที่เราเศร้าใจเราก็มักจะอยากอยู่เงียบๆ เช่นกัน ไม่อยากคิดอะไร ไม่อยากได้ยินหรือรับรู้อะไร ต้องการเวลาทำใจ หรือแม้แต่เวลาที่เราสุขใจเอง บางทีการอยู่เงียบๆ เพียงลำพัง หรืออาจจะอยู่กันสองคนกับคนรู้ใจ แค่นั่งเฉยๆ อยู่ในความเงียบมันก็รู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูก

ความเงียบทำให้เรามีสมาธิในการไตร่ตรองปัญหาและทำให้มีสติปัญญาเพิ่มขึ้น

แล้วทำไม...มนุษย์พวกนี้ถึงคิดแบบนั้นไม่ได้ (วะ)

ฉันกำลังนั่งอยู่ในห้องเลกเชอร์ที่ม่แต่เสียงพูดคุยจ้อกแจ้กๆ เหมือนนกกระจอกแตกรัง หรืออะไรที่น่ารำคาญที่สุดเท่าที่คุณจะจินตนาการได้นั่นแหละ

"เฮ้ยแก ฉันว่าจะไปเปลี่ยนสีผม...เอาสีอะไรดี^,,

"เอาสีผมออโรรสิแก ทำแล้วหน้าคงไบรต์เหมือนยัยนั่น >_<"

"โห ไม่เอาอ่ะ ฉันหมั่นไส้ยัยนั่นอยู่ คนอะไรหยิ่งชะมัด"

"เออจริง”

ฉันได้แต่นั่งนิ่งอย่างอดทน ดูเหมือนว่าทุกคนในห้องนี้ต่างก็มีปัญหากันมากมาย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องสีผม เรื่องระบบอินเตอร์เน็ตในมือถือช้า เรื่องกาวขนตาปลอมที่ติดไม่ทน ฯลฯ เฉลี่ยแล้วแต่ละคนในห้องนี้มีปัญหากันคนละสิบเรื่องพอดีเป๊ะ

"ว่าแต่...นี่ใครอ่ะ เห็นนั่งนิ่งมานานแล้ว ในคณะเรามีคนแบบนี้ด้วยเหรอ"

"เออ นั่นสิ ไม่เคยเห็นหน้ามาก่อนเลย"

"หรือว่าจะย้ายมาใหม่"

"หน้าตาแอบดูดีเลยนะเนี่ย^,,

(ติดตามต่อได้ในฉบับเต็ม)