พันธสัญญาหัวใจ (เตชิตา)

พันธสัญญาหัวใจ (เตชิตา)

0 รีวิว  0 รีวิว    
รหัสสินค้า: 9786160016723
ของหมด (ต้องการสินค้า)
ราคา: 260.00 บาท 65.00 บาท
ประหยัด: 195.00 บาท ( 75.00% )

เนื้อหาบางส่วน

                                 จุดเริ่มต้นความสัมพันธ์

 

                   นัยน์ตาคมดุของชายหนุ่มฉายชัดถึงความกังวล ขณะมอง

เพื่อนร่วมอาชีพผ่านกระจกบานเล็กหน้าประตูห้องคนไข้ รูปร่างผึ่งผายใน

ชุดลายพรางสีเขียวขี้ม้า ซึ่งเป็นเครื่องแบบทหารช่วยอำพรางอารมณ์เขา

ได้พอสมควร ใจที่หนักอึ้งส่งผลให้ใบหน้าหล่อเหลาเต็มไปด้วยความเครียด

                   แต่นั่นไม่ทำให้กรัณย์ลดความน่ามองลงเลย ไม่ว่าทหารหนุ่มผู้นี้

จะอยู่ในสภาพหรือสถานการณ์เช่นไร เขาก็ยังคงดึงดูดสายตาสาวๆ ได้...

เช่นในเวลานี้

                   บรรดาพยาบาลสาวๆ หรือแม้แต่ญาติผู้ป่วยทั้งสาวและไม่สาวที่

เดินผ่านชายร่างกำยำ อดชม้ายตาให้ชายหนุ่มอย่างสนใจไม่ได้ ต่างกับ

คนถูกมอง เพราะไม่มีดวงตาคู่ใดดึงความสนใจเขาได้เลยจริงๆ

                   กรัณย์กำลังครุ่นคิดด้วยความรู้สึกหนักอึ้งในอก

                   เขาถอนหายใจพรืดเพื่อระบายความอัดอั้น ทบทวนสิ่งที่ได้รับฟัง

จากแพทย์ แผลจากคมกระสุนทำให้จ่าวสันต์เสียเลือดมาก ประกอบกับ

สภาพร่างกายที่ทรุดโทรมตามวัยเป็นอุปสรรคต่อการรักษาครั้งนี้

                   ผู้มีพระคุณของเขามีโอกาสรอดเพียงน้อยนิด นั่นคือสาเหตุที่ทำให้

ชายหนุ่มหม่นหมองและรู้สึกผิดต่อลูกสาวของจ่าวสันต์ เพราะเขาคือ

ต้นเหตุทำให้เธออาจจะต้องใช้ชีวิตต่อจากนี้ตามลำพัง

                   ชายหนุ่มสงสาร จุกเจ็บจนพูดไม่ออกเมื่อเห็นคราบน้ำตา และ

ได้ยินเสียงสะอึกสะอื้นปิ่มว่าจะขาดใจของเด็กสาวที่นั่งกุมมือบิดาไว้ คอย

จูบหลังมือเหี่ยวย่นนั้นราวกับต้องการจะถ่ายทอดพลังชีวิตผ่านสัมผัสแห่ง

ความรักให้แก่ร่างไร้สติ

                   เด็กสาวร่างบอบบางนั่งนิ่งอยู่ข้างเตียงของบิดา เขาเห็นร่างเธอ

สะท้าน ได้ยินเสียงสะอื้นไห้เบาๆ ดังประสานไปกับเสียงอุปกรณ์ทางการ

แพทย์ที่ทำหน้าที่ต่อลมหายใจให้จ่าวสันต์ ดวงตาฉ่ำหยาดน้ำใสเฝ้ามอง

คนเป็นพ่อหายใจรวยริน โดยมีสายระโยงระยางด้วยท่าทางเป็นทุกข์

                   เขาถอนหายใจเฮือกพร้อมกับตัดสินใจผลักประตูเข้าไป...

                   กรัณย์ก้าวเข้าไปหยุดยืนข้างเด็กสาว เธอยังคงสวมชุดนักเรียน

ดวงตาบวมเป่งเพราะผ่านการร้องไห้มานานคู่นั้นไม่แม้แต่จะชำเลืองแล

เขา เธอคงจมอยู่แต่กับการเฝ้าวิงวอนต่อโชคชะตาให้บิดาปลอดภัย เขา

ถอนหายใจยาวอีกครั้งขณะมองเพื่อนทหารต่างวัยนอนไร้สติอยู่บนเตียง

ผู้ป่วยด้วยความกังวล

                   ชายหนุ่มเหลือบมองเด็กสาวที่เป็นดวงใจของคนเจ็บด้วยความ

เสียใจอย่างสุดซึ้ง สำนึกผิดที่ตนเป็นต้นเหตุให้เธอต้องเจ็บช้ำ จ่าวสันต์

ฝากหัวใจดวงนี้ให้เขาช่วยดูแลราวกับรู้ชะตาของตนเอง และหากเกิดอะไร

ขึ้นกับชายผู้มีพระคุณจริง เขาคงไม่สามารถปฏิเสธจ่าวสันต์ได้

                   แก้วกิริยาเงยหน้าชุ่มน้ำตาขึ้นมองทหารหนุ่มด้วยแววตาแสดงชัด

ถึงความกังวลใจ

                   “พ่อแก้วจะหายไหมคะ หมวดกรัณย์ หมอบอกอะไรกับหมวดบ้าง”

                    แก้วกิริยาคงไม่รู้ว่าคำถามกับแววตาคาดหวังของเธอบีบคั้นหัวใจ

คนฟังแค่ไหน เจ้าของดวงตาคมกล้าไม่อยากสบตาเศร้าๆ คู่นั้นตรงๆ

เพราะเกรงจะพลั้งสารภาพความจริง และยอมรับผิดเพื่อลดความละอาย

ที่เกาะกินใจเขาอยู่ เพราะเขาคือต้นเหตุทำให้ผู้ใต้บังคับบัญชาได้รับ

บาดเจ็บ หากจ่าวสันต์ไม่เข้ามาบังวิถีกระสุนแทนเขา วันนี้แก้วกิริยาคง

ไม่ต้องอยู่ในสภาพเช่นนี้

                   “จ่าเข้มเสียเลือดมาก หมอพยายามช่วยสุดความสามารถแล้วแก้ว

พี่ว่าเรากลับไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าที่บ้านก่อนดีกว่าแล้วค่อยมา เดี๋ยวพี่

จะดูแลจ่าแทนเราเอง” กรัณย์เอ่ยปลอบใจเด็กสาวด้วยความอึดอัดใจ

                   “แก้วยังไม่อยากไปไหนทั้งนั้น กลัวว่าตอนแก้วไม่อยู่พ่อจะทิ้งแก้ว

ไป” เด็กสาวเอ่ยด้วยเสียงสั่นเพราะแรงสะอื้น

                   เขาปวดแปลบหัวใจคล้ายถูกบีบแรงๆ มองภาพสองพ่อลูกด้วย

ความหดหู่ ตั้งใจจะเอ่ยปลอบโยนเด็กสาว แต่ยังไม่ทันจะกล่าวคำใด เสียง

แหลมของผู้หญิงที่เขาไม่รู้จักก็ดังขึ้น

                   “ตายแล้ว นังแก้ว ท่าทางพ่อแกอาการเพียบซะขนาดนี้ สงสัยคง

รอดยากซะละมั้ง ฮะ!”

                   ยุพินชะโงกหน้าข้ามไหล่หลานสาวมองคนที่ยังไม่ได้สติ พลางเอ่ย

ถามเสียงหยันพร้อมกับแบะปาก

                   เสียงที่ดังขึ้นดึงความสนใจจนชายหนุ่มเหลียวไปมองด้วยความ

ไม่พอใจ การเอ็ดตะโรไร้กาลเทศะของผู้มาเยือนทำให้เขาหงุดหงิด จึงตวัด

สายตามองหญิงวัยสี่สิบเศษ แต่งตัวมอซอ ผมเผ้ารุงรัง แต่ใบหน้ามีเค้า

ความงาม ถ้าหล่อนรู้จักแต่งเนื้อแต่งตัวคงดูดีสมวัยกว่าที่เป็น

                   เขาชำเลืองมองเด็กสาวที่เดินตามหล่อนเข้ามา ใบหน้าอ่อนเยาว์

ส่อเค้าความก๋ากั่นเกินวัย ดวงตาวับวาวยามมองเขาดูกะลิ้มกะเหลี่ย

แก่แดด ขัดกับใบหน้าอ่อนเยาว์เหลือเกิน ชายหนุ่มกะด้วยสายตาแล้วคิด

ว่าเจ้าหล่อนคงอายุรุ่นราวคราวเดียวกับแก้วกิริยา อ่อนแก่กว่ากันไม่เกิน

หนึ่งหรือสองปีแน่ๆ แต่กิริยามารยาทที่ดูเกินเด็กทำให้กรัณย์ถอนหายใจ

ยาวด้วยความอิดหนาระอาใจ

                   กรัณย์ขมวดคิ้ว มองผู้หญิงที่เพิ่งเดินผ่านประตูห้องผู้ป่วยเข้ามา

พร้อมเด็กสาวท่าทางแก่แดด ประโยคไร้สำนึกที่หล่อนเอ่ยกับแก้วกิริยา

ทำให้เขาไม่พอใจ แต่พยายามข่มโทสะและตัดสินใจไม่เข้าไปก้าวก่าย จึง

ถอยออกมายืนฟังบทสนทนาที่ปลายเตียง

                   ชายหนุ่มมองหญิงวัยสี่สิบเศษตรงหน้า และได้ข้อสรุปในใจว่า

ผู้หญิงหน้าตาดีใช่จะมีนิสัยดีน่าสมาคมด้วยเสมอไป อย่างเช่นผู้หญิง

ตรงหน้าที่มีกิริยาวาจาขัดกับรูปร่างหน้าตาชัดเจนจนน่าเสียดาย

                   “นี่ถ้าพ่อแกเป็นอะไรไป แกต้องไปอยู่กับน้านะแก้ว น้าจะเป็นคน

ดูแลแกเอง ไปอยู่กับนังชิดชมัย อย่างน้อยแกจะได้ไม่เหงา ยังไงก็เป็นลูกพี่

ลูกน้องกัน มีอะไรจะได้พึ่งพาอาศัยกันได้ไง”

                   หล่อนปรับน้ำเสียงให้อ่อนลงขณะโน้มน้าวใจหลานสาวให้ไปอยู่กับ

ตน หลังจากเห็นสภาพพี่เขยที่นอนเจ็บอยู่บนเตียง อาการย่ำแย่ของจ่า

วสันต์ทำให้ยุพินผู้เป็นน้องสาวเพียงคนเดียวของมารดาแก้วกิริยารู้สึก

ลิงโลด เมื่อคำนวณถึงราคาที่ดินจำนวนมากที่พี่สาวทิ้งไว้ให้เป็นสมบัติ

ของแก้วกิริยา

                   “หรือจะให้ฉันไปอยู่เป็นเพื่อนแก้วที่บ้านก็ได้นะ เอาไหม”

                   ชิดชมัยดัดเสียงให้อ่อนหวานอย่างมีน้ำใจ แต่ไม่ละสายตาจาก

ใบหน้าคมเข้มของทหารหนุ่มรูปงามแม้แต่น้อย

                   “ไม่ต้องหรอกจ้ะ พ่อแก้วจะต้องไม่เป็นไร แก้วจะอยู่กับพ่อ”

เด็กสาวตอบน้ำเสียงระโหยแต่เด็ดเดี่ยว ไร้ความอ่อนแอ

                   “น้าก็พูดเผื่อเอาไว้ อาการพ่อแกดูหนักซะขนาดนี้ ถ้าเขาเป็นอะไร

ไป แกเป็นสาวเป็นนางจะอยู่คนเดียวได้ยังไง” ยุพินกล่าวต่ออย่างไม่ยอม

แพ้

                   “นั่นสิแก้ว แม่กับพ่อฉันเป็นห่วงเธอมากนะ แม่บ่นให้ฉันฟังเสมอ

ว่าอยากให้เธอไปอยู่ด้วยกัน ฉันเองก็จะได้มีเพื่อน” ชิดชมัยจีบปากจีบคอ

เอ่ยสนับสนุนมารดา

                   “ห่วงฉันเหรอ...แม่เธอเป็นห่วงฉันหรือห่วงที่ดินที่เป็นของฉันกันแน่

ชิดชมัย”

                   เธอเงยหน้าขึ้นตวัดสายตามองสองแม่ลูกอย่างไม่หวั่นเกรง สบตา

เจ้าเล่ห์ของน้าพลางเอ่ยอย่างรู้เท่าทันความคิดของอีกฝ่าย

                   ประโยคฉะฉานทันคนและแววตาจับพิรุธของหลานสาวทำให้ยุพิน

เกิดโทสะ เท้าเอวฉับพร้อมกับพ่นคำหยาบตอกกลับตามแรงอารมณ์

                   “เอ๊ะ อีนี่! กูเป็นน้ามึงนะอีแก้ว กูก็ต้องเป็นห่วงมึงน่ะสิ ถ้าพ่อมึง

ตาย มึงมันก็หัวเดียวกระเทียมลีบ อายุก็ยังน้อย จะมีปัญญาอะไรมาดูแล

ทรัพย์สมบัติของพี่สาวกูฮะ” สรรพนามเรียกขานหลานเปลี่ยนไปตาม

อารมณ์ของคนเป็นน้า

                   วาจาไม่ถนอมน้ำใจของยุพินทำให้แก้วกิริยาเม้มริมฝีปากแน่น เธอ

เงยหน้าเปียกน้ำตาขึ้นสบตาน้าอย่างไม่พอใจ พ่อเธอยังนอนหายใจรวยริน

อยู่บนเตียง แต่น้ากลับทำเหมือนมาแช่งมากกว่ามาเยี่ยม เสียงโต้กลับ

จึงห้วนและประชดประชันโดยไม่เกรงใจวัยวุฒิที่มากกว่าของอีกฝ่าย

                   “อีกไม่กี่เดือนแก้วก็จะอายุจะครบสิบแปดแล้ว ไม่ใช่เด็กสามขวบ

ที่ต้องพึ่งน้า น้าไม่ต้องเป็นห่วง ถ้าพ่อแก้วเป็นอะไรไปจริงๆ แก้วก็ดูแล

ตัวเองได้”

                   เธอพูดอย่างถือดี เย่อหยิ่ง และหันไปมองญาติผู้น้องพร้อมออกปาก

ไล่ทั้งคู่อย่างไม่ไว้หน้า

                   “น้ากับชิดกลับไปเถอะ ถ้าจะมาดูว่าพ่อแก้วเป็นยังไงบ้าง ก็เห็น

แล้วว่าพ่อยังอยู่กับแก้ว ยังไม่ได้กลายเป็นศพอย่างที่ทุกคนอยากเห็นหรอก

จ้ะ”

                   “อีแก้ว! อีหลานอัปรีย์ กูรึอุตส่าห์เป็นห่วงว่ามึงไม่เหลือใคร มึงยัง

ไม่เห็นความหวังดีของกู”

                   ยุพินเต้นผางด้วยความโมโห อารมณ์พุ่งพรวดจนไม่สามารถ

ควบคุมโทสะได้ สบถคำหยาบอย่างไม่เกรงใจผู้หมวดหนุ่มที่ยืนทำหน้านิ่ว

อยู่ที่ปลายเตียง และแสดงกิริยาตามสันดานอย่างเกรี้ยวกราด

                   “ถุย...ถ้าพ่อมึงตายเมื่อไหร่ อย่าซมซานมากราบตีนง้อกูก็แล้วกัน

อีขยะ”

                   “ใจเย็นสิจ๊ะแม่ แก้วมันกำลังเครียด แม่ต้องให้เวลาแก้วมันหน่อย

นะจ๊ะ”

                   ชิดชมัยแสร้งเอ่ยอย่างรอมชอม ทั้งที่ความจริงอยากโผไปกระชาก

ลูกพี่ลูกน้องมาจิกตบ โทษฐานที่ไร้สัมมาคารวะกับมารดาตน แต่เพราะ

ไม่อยากแสดงกิริยาไม่งามต่อหน้าทหารรูปงาม และเห็นเขาทำตาขุ่น มอง

มารดาเธอด้วยความไม่พอใจ จึงต้องเสแสร้งทำเป็นช่วยไกล่เกลี่ย

                   “ไม่ต้องไปเข้าข้างมันนังชิด ดูมันพูดกับแม่เอ็งสิ ไม่มีสัมมาคารวะ

มันเคยคิดว่าข้าเป็นน้องสาวของแม่มันหรือก็เปล่า”

                   ยุพินยังคงแสดงกิริยาเกรี้ยวกราด ไม่ยอมอ่อนให้ขณะเอ่ยเสียงขุ่น

อย่างมีโทสะ

                   “ฉันว่าเรากลับกันก่อนดีกว่านะจ๊ะแม่ เอาไว้วันหลังเราค่อยมา

เยี่ยมลุงเข้มใหม่ รอให้แก้วมันสบายใจกว่านี้ค่อยคุยกัน”

                   ชิดชมัยเป็นคนฉลาดแกมโกงทีเดียว จึงยังพอมีสติ ไม่แสดงอารมณ์

เพื่อคงภาพพจน์ของตนในสายตาญาติ โดยพยายามไกล่เกลี่ยสุดความ

สามารถเพื่อให้มารดาใจเย็น จะเด็ดบัวก็ควรเหลือใยไว้สานสัมพันธ์กันใน

อนาคตบ้าง

                   “หึ...กูไม่มาแล้ว ในเมื่อมันอวดดีก็ปล่อยให้มันดูแลพ่อตามลำพัง

อย่าซมซานมาขอความช่วยเหลือจากกูก็แล้วกัน กลับโว้ยนังชิด”

                   ยุพินเอ่ยเสียงหยัน ตวัดสายตามองหลานสาวอย่างดูถูก และ

แบะปากใส่ก่อนจะหันไปดึงมือลูกสาวเบาๆ

                   “เดี๋ยวสิจ๊ะแม่ ให้ฉันไหว้ลาคุณทหารท่านก่อน”

                   ชิดชมัยสะบัดข้อมือออกจากมือมารดา รีบกระพุ่มมือไหว้ทหาร

หนุ่มรูปงาม โดยไม่ลืมทิ้งหางตาให้ท่าพร้อมกับโปรยยิ้มยั่วยวนด้วยกิริยา

ที่จำมาจากในละครอย่างไม่ผิดเพี้ยน

                   “ฉันกลับก่อนนะจ๊ะ คุณทหาร สวัสดีจ้ะ”

                   ยุพินคว้ามือบุตรสาวแล้วกระตุกเบาๆ หมุนตัวและพากันเดินออก

จากห้องคนไข้ด้วยกิริยากระแทกกระทั้น ทำให้คนที่มองอยู่นานอย่าง

กรัณย์ถอนหายใจแรง อิดหนาระอาใจ และเห็นใจเด็กสาวข้างกายมากยิ่ง

ขึ้น มิน่าจ่าวสันต์ถึงเป็นห่วงเป็นใยบุตรสาว สองแม่ลูกนั่นร้ายกาจจนไม่

น่าไว้วางใจ

                   “เข้มแข็งนะแก้ว” กรัณย์ทำได้แค่ปลอบใจเด็กสาว สงสารแก้ว-

กิริยาที่ต้องแบกรับปัญหามากมายในชีวิตตามลำพังทั้งที่อายุเพียงเท่านี้

                   “ขอบคุณค่ะพี่หมวด แก้วเป็นลูกทหาร แก้วจะต้องเข้มแข็ง แก้ว

ไม่มีวันทำตัวอ่อนแอให้ใครเหยียบย่ำได้ง่ายๆ หรอกค่ะ”

                   เธอเงยหน้าเปื้อนน้ำตาขึ้นสบตาคมกล้าขณะเอ่ยตอบ และยก

หลังมือปาดน้ำตาที่ไหลไม่หยุด ก่อนจะจับมือข้างหนึ่งของบิดาขึ้นแตะ

ริมฝีปากตนเบาๆ ราวกับตั้งใจจะถ่ายทอดความรักและเป็นห่วงผ่านการ

จูบหลังมือเหี่ยวย่นไร้สีเลือดของท่าน

                   “พ่อต้องหาย พ่อจะต้องกลับมาอยู่กับแก้วนะจ๊ะ ถ้าพ่อไม่อยู่

น้ายุพินไม่ปล่อยให้แก้วอยู่อย่างมีความสุขแน่ๆ เข้มแข็งไว้นะจ๊ะพ่อ”

แก้วกิริยากระซิบบอกบิดาทั้งน้ำตา

                   กรัณย์มองภาพบีบคั้นหัวใจตรงหน้าด้วยความเจ็บหนึบในอก

“จ่าเข้มไม่มีวันปล่อยให้ใครทำร้ายเธอแน่ๆ ความรักของเขาจะเป็น

เกราะคุ้มครองเธอตลอดไป”

                   เขาเอ่ยเสียงหนักแน่น ก่อนผ่อนลมหายใจเพื่อลดความอัดอั้นลง

บ้าง คำสัญญาที่เคยให้ไว้แก่บิดาของเด็กสาวยังคงฝังแน่นอยู่ในความ

ทรงจำมิรู้ลืม

 

              ผ่านมาสองวันแล้วที่จ่าวสันต์เข้ารับการรักษาตัวที่โรงพยาบาล

แม้ว่ากรัณย์จะเป็นห่วงอาการของอีกฝ่ายเพียงใด แต่เขาก็ไม่สามารถ

ละทิ้งหน้าที่ได้ ชายหนุ่มจึงกลับมาทำงานตามปกติ แต่ทุกวันหลังเลิกงาน

เขาไม่เคยละเลยการแวะไปเยี่ยมจ่าวสันต์ เขานึกถึงภาพเด็กสาวที่สวม

 

(โปรดติดตามต่อในฉบับเต็ม)


รีวิว (0)


สินค้าที่ใกล้เคียง (96 รายการ)

www.batorastore.com © 2024