ปมร้อนซ่อนรัก (ทิวากุล)
ประหยัด: 77.00 บาท ( 35.00% )
มีสินค้ามือสองอยู่จำนวน : 2 รายการราคา 109.00 บาท - 150.00 บาท ซื้อสินค้ามือสอง
Quick View
เนื้อหาบางส่วน
แดดสีส้มยามบ่ายสาดส่องผ่านบานกระจกสีเข้มเข้ามาภายใน
ห้องทำงานขนาดใหญ่บนตึกสูงระฟ้าแห่งหนึ่งซึ่งเป็นศูนย์บัญชาการของ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ชายวัยกลางคนเจ้าของห้องนั่งอยู่ที1โต๊ะทำงาน ไม้สักเนื้อดีตัวเขื่อง ในตู้โชว์ไม้โอ๊กสีเข้มที่อยู่ด้านหลังมีถ้วยรางวัลและ เหรียญเกียรติยศมากมายเรียงรายอยู่แทบล้นตู้ ภาพถ่ายบุคคลในชุด ข้าราชการสีขาวประตับเครื่องราชอิสริยาภรณ์ระดับสูงที่แขวนติดผนัง บ่งบอกถึงตำแหน่งหน้าที่อันสูงของผู้เป็นเจ้าของห้องได้เป็นอย่างดี “ที่ฉันเรียกนายมาหาวันนี้ ก็เพื่อจะบอกเรื่องนี้ละ”
เสียงทรงพลังฟังดูมีอำนาจของพีรเดช ผู้ดำรงตำแหน่งผู้บังคับบัญชา สูงสุดในที่นั้น เอ่ยกับลูกน้องคนสำคัญที่ถูกเรียกตัวเข้ามาพบอย่างเร่งด่วน “หมายความว่ายังไงครับนี่ท่านจะให้ผมทิ้งคดีสำคัญที่ทำอยู่ในตอนนี้ เพื่อไปดูแลเด็กสาวที1เป็นลูกของนักการเมืองคนนั้น มันจะไม่เกินไปหน่อย หรือครับ”
วีรกัฏ ตำรวจหนุ่มวัยยี่สิบเถ้าปี ผิวขาว รูปร่างสูงโปร่ง ใบหน้าหล่อ
เหลา ในชุดเครื่องแบบสีกากีเต็มยศ ซึ่งถูกเรียกตัวกลับมาจากกรมสอบสวน
คดีพิเศษ เอ่ยถามอดีตผู้บังคับบัญชาของตนด้วยความรู้สึกไม1พอใจ จริงอยู่
ว่าคดีลอบลังหารบุคคลสำคัญของประเทศที่เขารับผิดชอบอยู่ยังไม่คืบหน้า
แต่ด้วยผิมือและความสามารถที่เขามีอยู่ ก็ไม่น่าจะทำให้เขาต้องถูกลด
หน้าที่ลงมาเหลือเพียงการอารักขาลูกสาวของนายธนวัชร อดีตสมาชิกสภา ผู้แทนราษฎรที่อยู่ในกลุ่มผู้ทรงอิทธิพลอันคับหนึ่งในประเทศอย่างนี้
ชายวัยกลางคนผู้มีตำแหน่งสูงกว่าเริ่มมีสีหน้าเคร่งเครียดเมื่อได้ยิน ลูกน้องย้อนถาม เขารู้ดีว่าชายหนุ่มตรงหน้าเป็นคนที่มีทิฐิสูงพอๆ กับมี
ฝีมือที่เก่งฉกาจ วัดได้จากการที่เขาเป็นหัวเรี่ยวหัวแรงสำคัญในการปราบ
ปรามเหล่าอาชญากรตัวเอในคดีใหญ่ๆ มาหลายคดี หากไม่ได้คนมีความ สามารถอย่างนี้มาร่วมงานด้วย ก็ไม่รู้ว่าคดีที่คาราคาชังมานานจนเกือบจะ หมดอายุความพวกนั้น จะประสบความสำเร็จในการตามหาตัวคนร้ายได้
เมื่อไร
พีรเดชเอื้อมมือไปคว้ากล่องซิการ์ที่วางอยู่บนโต๊ะ แล้วหยิบออกมา
จากกล่องหนึ่งมวน ก่อนจะค่อยๆ ตัดปลายของมันออกด้วยกรรไกรขนาด
เล็กอย่างใจเย็น โดยมีสายตาของลูกน้องมองตามทุกๆ การกระทำของ ผู้บังคับบัญชาด้วยความขุ่นข้องใจ
“นายอาจจะคิดว่านี้เป็นเพียงแค่งานเล็กๆ ที่ให้พวกตำรวจชั้นปลาย
แถวคนไหนมาทำก็ได้ แต่คำสั่งของเบื้องบนบอกมาว่าต้องการคนที่มีฝีมือ
จริงๆ ไปคอยสอดส่องและดูแลความปลอดภัยให้แก่ลูกสาวท่านอดีต ส.ส.
แล้วอันก็ไม่เห็นว่าจะมีใครเหมาะสมไปกว่านายอีกแล้วนะ วีรกัฏ”
ชายวัยกลางคนพยายามเอาน้ำเย็นเข้าลูบด้วยรู้ดีว่าอีกฝ่ายคงจะไม่
ค่อยพอใจนักกับงานที่เพิ่งได้รับมอบหมายนี้ ตัวเขาเองก็ใช่ว่าอยากจะทำ
เสียที่ไหน หากไม่ติดว่ายังมีบุคคลที่มีอำนาจเหนือกว่าคอยสั่งการอยู่ เขาก็
คงปล่อยให้ทุกอย่างเป็นไปอย่างที่มันควรจะเป็นโดยไม่ต้องยื่นมือเข้าไป
ยุ่งเกี่ยวกับเรื่องแบบนี้เป็นแน่
“ผมไม่เข้าใจครับ ในเมื่อท่านเองก็ทราบดีว่าคนในตระกูลชนาสินธุ
ไม่ใช่คนดี ทำไมเราถึงต้องยอมทำตามคำขอของเขาด้วย”
“ใช่ ฉันยอมรับ1ว่าฉันเองก็รู้ดีว่าเบื้องหลังของตระกูลนั้นเป็นยังไง
แต่ก็อย่างที่นายรู้ ตอนนี้คนกลุ่มนั้นกำลังแตกคอกัน ถ้าเราอยากจะขจัดผู้มี อิทธิพลพวกนั้นให้หมดไปจากเมืองไทย เราก็จำเป็นที่จะต้องยืมมือคนใน กลุ่มนั้นมาช่วยอีกแรงน่ะ”
พีรเดชจุดไฟที่ปลายซิการ์ที่เขาตัดไว้ด้วยไฟแช็กสีเงินเป็นเงาวาววับ
ก่อนจะสูบมันเข้าไปจนเต็มปอด แล้วพ่นลมหายใจออกมาเป็นควันสีขาว
ลอยล่องไปในอากาศเพื่อผ่อนคลายความตึงเครียดของตัวเอง
“แต่ว่า ท่านครับ...”
ตำรวจหนุ่มยศน้อยกว่าพยายามจะทักท้วงความเห็นของอีกฝ่าย
อย่างไม่เห็นด้วย แต่ก็ถูกผู้เป็นนายสวนขึ้นมาเสียก่อน พลางกล่าวตัดบท
อย่างรวดเร็วเพื่อไม่ให้อีกฝ่ายได้คัดค้านอะไรอีก
“เอาละ พอที ไม่มีตงไม่มีแต่อะไรทั้งนั้น เรื่องนี้เป็นคำสั่งมาจาก
เบื้องบนอีกที อีกอย่างฉันก็ได้ตัดสินใจไปแล้ว นายมีหน้าที่แค่ทำตามคำสั่ง
ของฉันที่เป็นผู้บังคับบัญชาเท่านั้น เข้าใจไหม”
สิ้นเสียงของพีรเดช ชายหนุ่มที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ฝังตรงข้ามทำได้เพียง
แค่ลุกขึ้นตบเท้ายืนตรง พร้อมทั้งกล่าวรับคำสั่งนั้นด้วยเสียงดังฟังชัด วีรกัฏ พยายามสะกดกลั้นความขุ่นเคืองด้วยการขบกรามแน่นจนเห็นเป็นลันนูน
เขาเป็นเพียงตำรวจชั้นผู้น้อย จึงทำอะไรไม่ได้นอกจากน้อมรับคำสั่งของ
ผู้เป็นนายอย่างไม่มีทางเลือก
“เข้าใจแล้วครับ แล้วท่านจะให้ผมเริ่มปฏิบัติการเมื่อไหร่ครับ”
วีรกัฏถามผู้เป็นนายอีกครั้ง ชายสูงวัยมองคนตรงหน้าอย่างเห็นใจ ก่อนจะอัดควันซิการ์เข้าปอดอีกครั้ง พลางเอ่ยขึ้น
“ทางหน่วยของเราจะทำข้อมูลแต่งประวัติของนายขึ้นมาใหม่ แล้ว
ส่งให้นายไปเป็นอาจารย์ประจำในมหาวิทยาลัยที่ลูกสาวของท่านธนวัชร
เข้าเรียนอยู่ตั้งแต่วันจันทร์หน้าเป็นด้นไป ส่วนเรื่องที1พักชั่วคราว ฉันคิดว่า
เหลือเวลาอีกตั้งสองวัน นายคงหาเองได้ไม1ยาก แต่อย่าลืมนะว่าหน้าที่ของ
นายคือคอยจับตาดูว่าใครที่น่าสงสัยว่าจะเป็นคนที่ลอบปองร้ายลูกสาว
ของเขา รวมทั้งคอยดูแลอารักขาอย่างใกล้ชิดที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะ
ฉะนั้นที่พักก็ควรจะใกล้กับบ้านของเป้าหมายให้มากที่สุด หวังว่าฉันคง
วางใจให้นายรับผิดชอบหน้าที่สำคัญนี้ได้ใช่ไหม”
“ครับท่าน ผมจะพยายามอย่างเต็มความสามารถครับ”
วีรกัฏทำความเคารพคนตรงหน้าด้วยการโค้งคำนับ ก่อนจะหลังหัน
เดินออกจากห้องโดยมีสายตาของพีรเดชมองตามลูกน้องไปอย่างเห็นใจ
ชายสูงวัยผู้ดำรงตำแหน่งสูงสุดในกลุ่มงานสอบสวน กองบังคับการปราบ-
ปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการค้ามนุษย์ หยิบเอาแฟ้มคดีเกี่ยวกับ
ขบวนการค้ามนุษย์ข้ามชาติกลุ่มใหญ่ที่สุดในแถบเอเชียที่วางอยู่บนโต๊ะ
ขึ้นมาเปิดอ่าน
เขาไล่สายตาไปตามรายชื่อผู้เกี่ยวข้องซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นบุคคลที่
มีชื่อเสียงในแวดวงต่างๆ ของเมืองไทยแทบทั้งสิ้น และหนึ่งในนั้นก็มีชื่อ
นายธนวัชร ชนาสินธุ ติดอยู่ในลำคับต้นๆ ของรายชื่อผู้เกี่ยวข้องทั้งหมด
พีรเดชเชื่อมั่นว่าด้วยความสามารถของตำรวจหนุ่มไฟแรงที่เขาเพิ่งมอบ
หมายภาระหน้าที่อันหนักอึ้งไปให้ จะทำให้เขาไค้รู้ว่าใครกันแน่ที่เป็น
ตัวการใหญ่ที่สุดของขบวนการนรกนี้
“ตายแล้วผู้กองภัฏ เป็นอะไรไปคะ ดูทำหน้าเข้าสิ อย่างกับไป
กินรังแตนที่ไหนมาแน่ะ”
มินตรา ตำรวจหญิงผู้มีตำแหน่งเป็นเลขานุการหน้าห้องของ
ผู้บัญชาการฝ่ายข่าวกรองเอ่ยทักชายหนุ่มที่เพิ่งเดินออกมาจากห้องเจ้านาย
คนที่ทำหน้าราวกับโกรธคนทั้งโลกหันมายิ้มเจื่อนๆ ให้อีกฝ่าย ก่อนจะเอ่ย
ทักทายอย่างเสียไม่ไค้
“ไม่ใช่อย่างนั้นหรอกครับ พอดีผมเพิ่งไค้รับมอบหมายให้ดูแลคดี
สำคัญ ก็เลยรู้สึกเครียดขึ้นมาน่ะครับ”
“ถ้าอย่างนั้นมิ้นท์ว่าผู้กองคงต้องเครียดหนักกว่าเดิมแน่เลยค่ะ ถ้า
ได้อ่านข้อมูลที่นายให้มิ้นทรีตรียมไว้ให้คุณทั้งหมดนี่”
ตำรวจสาวเอ่ย พลางหันไปยกแฟ้มตั้งสูงมาส่งให้วีรภัฏ ชายหนุ่ม
มองแฟ้มในมือมินตราอย่างเหนื่อยใจก่อนจะเอื้อมมือไปรับมาถือไว้
“ขอบคุณมากครับ ถ้าไม่มีอะไรแล้ว ผมขอตัวก่อนนะครับ”
“มีอะไรไม่เข้าใจตรงไหนก็โทร. มาถามมิ้นทำได้เลยนะคะ ขอให้สนุก
กับการทำงานค่ะผู้กอง”
เลขานุการสาวกล่าวพลางส่งยิ้มหวานให้ อีกฝ่ายเพียงแค่ผงกหัว
เล็กน้อย ก่อนจะหมุนตัวเดินออกจากตรงนั้นไป ตำรวจหนุ่มหอบแฟ้มสูง
เป็นตั้งเดินตุ่มๆ กลับมายังรถของตัวเอง เปิดประตูแล้ววางแฟ้มนั้นกองไว้
บนเบาะที่นั่งข้างคนขับ ก่อนจะขึ้นนั่งประจำที่แล้วขับรถออกจากศูนย์
บัญชาการกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ
มุ่งหน้าไปยังหน่วยงานที่ตัวเองประจำอยู่เพื่อสะสางงานที่กำลังทำให้เรียบร้อย ก่อนที่เขาจะต้องไปปฏิบัติงานที่เพิ่งได้รับมอบหมายในอีกสองวันข้างหน้า
ไม่นานนัก วีรกัฏก็กลับมาถึงแผนกวางแผนของกรมสอบสวนคดี
พิเศษ เขาหอบเอาแฟ้มที่มินตราให้มาขึ้นไปยังห้องทำงานด้วย ตำรวจหนุ่ม
เดินเข้ามาในแผนกของตนก่อนจะโยนกองแฟ้มหนักอึ้งลงไปบนโต๊ะเสียงตัง
แล้วกระแทกตัวนั่งลงบนเก้าอี้ ถอนหายใจยาวพลางมองแฟ้มกองโตด้วย
สีหน้าเหนื่อยหน่าย ทำเอาบรรดาลูกน้องทั้งแผนกถึงกับสะดุ้ง ต่างหันมา
มองหัวหน้าของตนเป็นตาเดียวกัน
“เกิดอะไรขึ้นคะหัวหน้า ทำไมถึงได้ทำหน้าเครียดขนาดนั่น มีเรื่อง
หนักใจอะไรหรือคะ”
นุชนาถลุกขึ้นมายืนเกาะแผงที่กั้นแบ่งส่วนโต๊ะทำงาน พลางเอ่ย
ถามชายหนุ่มที่กำลังหัวเสียกับงานใหม่ที่จะต้องเริ่มในอีกสองวันหลังจากนี้
อย่างอดเป็นห่วงไม่ได้ วีรกัฏเงยหน้าขึ้นมามองลูกน้องสาวหน้าตาสะสวย
เขาส่งยิ้มเนือยๆ ให้เธอก่อนจะระบายสิ่งที่อัดอั้นตันใจออกมาให้ฟัง
“ผมคงไม่ได้อยู่ที่นื่ลักพักนะทางหน่วยเก่าเขาเรียกตัวกลับไปช่วยน่ะ
ยังไงฝากนุชช่วยบอกคนอื่นๆ ทีนะ อีกสิบนาทีผมจะขอเรียกประชุมทุกคน
เพื่อคุยเรื่องงานที่พวกคุณจะต้องทำในระหว่างที่ผมไม่อยู่น่ะ”
“ถูกรียกตัวกลับเหรอครับ ทางหน่วยนั้นมีเรื่องด่วนอะไรถึงต้องมา
ขอให้หัวหน้าไปช่วยแบบนี้ครับเนี่ย”
กรวิชญ์ที่เพิ่งเดินไปชงกาแฟกลับมาทันไต้ยินที่วีรภัฏพูดกับเพื่อน
ร่วมงานพอดี เขาเดินมาหยุดยืนอยู่ข้างๆ นุชนาถอีกคนพลางทำหน้าสงสัย
ในสิ่งที่ไต้ยิน ผู้กองหนุ่มทำหน้าเหนื่อยใจก่อนจะเอ่ยกับลูกน้องสาวที่เดิน
เข้ามาหาเขาเป็นคนแรก
“นุช ผมเปลี่ยนใจแล้ว ไปเรียกทุกคนมาตอนนี้เลยแล้วกัน จะได้คุย
ทีเดียวให้มันจบๆ ไป”
นุชนาถหันไปทำหน้าหงิกใส่กรวิชญ์ ตำรวจหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่ ผิว
สีแทน หน้าตาคมเข้ม รุ่นเดียวกันกับเธอที่เข้ามาขัดจังหวะการสนทนานั้น
อย่างไม่ตั้งใจ เขาทำหน้าเหลอหลาอย่างไม่รู้เรื่อง หญิงสาวเพียงคนเดียว
ในที่นั้นจึงหันไปเรียกบรรดาเพื่อนร่วมงานของเธออีกสามถึงสี่คนให้ล้อมวง
เข้ามาใกล้ผู้กองหนุ่ม
“คืออย่างนี้นะครับทุกคนผมเพิ่งไต้รับคำสั่งจากผู้บังคับบัญชาคนก่อน ท่านไต้ขอตัวผมไปช่วยงานของทางกลุ่มงานสอบสวนเกี่ยวกับคดีลอบ ปองร้ายลูกสาวของนายธนวัชร...”
วีรกัฏกล่าวอย่างเสียงตังฟังชัดกับบรรดาลูกน้องของเขา แล้วบอก
ถึงหน้าที่ที่แต่ละคนจะต้องได้รับมอบหมายให้ปฏิบัติแทน ในระหว่างที่เขา
ไม่ได้ประจำการอยู่ที่นี่
หลังจากสั่งการกับทุกคนเรียบร้อย เขาจึงบอกให้ทุกคนแยกย้ายกัน
ไปทำงานของตน ส่วนตัวเองนั้นก็เริ่มศึกษาข้อมูลที่ได้รับมาโดยละเอียด
ชายหนุ่มพยายามจดจำทุกสิ่งทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับบุคคลที1เป็นเป้าหมาย
ไม่ว่าจะเป็นชื่อ ภาพก่ายในหลากหลายอิริยาบถ ความสนใจและงานอดิเรก
รวมไปถึงความสัมพันธ์กับบุคคลต่างๆ ที่มีความเกี่ยวข้องกับเด็กสาว
คนนั้น
‘เนี่ยเหรอ ชลธิชา ลูกสาวของคนคนนั้น น่าเสียดายนะ หน้าตา
ก็ออกจะน่ารัก ไม่น่ามีพ่อเป็นคนแบบนี้เลย’
ผู้กองหนุ่มหยิบรูปของบุคคลที่เป็นเป้าหมายขึ้นมาดู ภาพของ
หญิงสาว ผิวขาวอมชมพู ใบหน้ารูปหัวใจ ดวงตาเรียวเล็กสีน้ำตาล จมูก
เชิดรั้นเล็กน้อย ริมฝีปากบางสีแดงระเรื่อ รูปร่างอรชรอ้อนแอ้น ดูบอบบาง
และน่าทะนุถนอม เขาได้แต่ส่ายหน้าน้อยๆ ด้วยใจที่เวทนาเด็กสาวผู้ไม่รู้ อีโหน่อีเหน่แต่กลับต้องมารับกรรมที่บิดาของตนเป็นคนก่อไว้ เธอคนนี้
กำลังถูกปองร้ายจากใครบางคนที่เป็นสมาชิกร่วมอยู่ในขบวนการค้ามนุษย์
ข้ามชาติ ที่เรียกกันว่าแก๊งหมิง เพื่อนร่วมแก๊งเดียวกับบิดาของเธอ
(โปรดติดตามต่อในฉบับเต็ม)
รายละเอียด
"ปมร้อนซ่อนรัก (ทิวากุล)" นำเสนอเรื่องราวของ "วีรภัฏ" นายตำรวจหนุ่มที่ได้ปลอมตัวเป็นอาจารย์ เพื่ออารักขาทายาทนักการเมืองชื่อดังเพราะเหตุบังเอิญทำให้เขาต้องมาอยู่ร่วมชายคาเดียวกับ‘กานต์รวี’ นักศึกษาสาวผู้มีเบื้องหลังอันเป็นปริศนาแต่เหมือนฟ้าจงใจกลั่นแกล้ง เมื่อเขาเกิดตกหลุมรักเพื่อนร่วมบ้านขึ้นมาเช่นเดียวกับเธอที่ได้อยู่ใกล้ชิดเขาก็เริ่มรู้สึกหวั่นไหวแม้ภารกิจจะสำคัญ แต่เรื่องหัวใจก็ห้ามกันไม่ได้!! ปมอดีตที่ตราตรึงในหัวใจร้อน..แรงดั่งไฟปรารถนา ซ่อน..ความจริงทุกสิ่งไว้ในอุรารัก หรือเพียงเสน่หาเท่านั้น !!
แล้วเรื่องราวจะดำเนินต่อไป และมีบทสรุปอย่างไร !? ขอเชิญคุณผู้อ่านมาติดตามร่วมกันในนิยาย "ปมร้อนซ่อนรัก" เล่มนี้
เขียนโดย "ทิวากุล"
320 หน้า