ซ้อนแผนรัก (ธราญา เลขาพัฒน์)

ซ้อนแผนรัก (ธราญา เลขาพัฒน์)

0 รีวิว  0 รีวิว    
รหัสสินค้า: 9786160008223
มีสินค้าในสต็อค
ราคา: 220.00 บาท 55.00 บาท
ประหยัด: 165.00 บาท ( 75.00% )

เนื้อหาบางส่วน

 

 เสียงเพลงจังหวะเนิบช้า ดังออกมาจากลำโพงรถยนต์ซึ่งกำลัง

จอดติดไฟแดงอยู่กลางสี่แยก ชายหนุ่มเคาะนิ้วลงบนพวงมาลัยรถ แต่

หาใช่จังหวะเดียวกับเสียงเพลงไม่ เพราะมันดูเร่งรีบราวกับผู้เคาะมีเรื่อง

ร้อนใจ

ภพศรัณย์หันไปมองหญิงสาวที่นั่งนิ่งอยู่ข้างเขาหลายครั้งจน

 หญิงสาวเริ่มรู้ตัว หล่อนยิ้มให้เขา เขาจึงยิ้มตอบโดยไม่พูดอะไร หล่อน

 ยิ้มให้เขาอีกครั้งพร้อมทำตาหวานฉ่ำ คราวนี้ไม่หลบเห็นจะไม่ได้แล้ว

ชายหนุ่มรีบหันกลับ และมองตรงไปยังถนนเบื้องหน้าก่อนจะบอกหล่อน

“อ้วน หยิบแว่นกันแดดในลิ้นชักเก็บของด้านหน้าให้หน่อยครับ”

พิณรภัส คือหญิงสาวที่นั่งอยู่ข้างๆ เขา เขามักเรียกหล่อนว่า

‘อ้วน’ ทั้งที่คำนี้ไม่เกี่ยวกับรูปร่างแต่อย่างใด แต่เป็นเพียงสรรพนามที่

ทั้งคู่ใช้เรียกแทนชื่อของอีกคน จนบางครั้งก็เกือบลืมชื่อเล่นของอีกฝ่าย

เหมือนกัน

“อ้วนไม่ได้เก็บไว้ที่คอนโซลหน้าเหรอ” พิณรภัสถามอย่างไม่ใคร่

สนใจคำตอบนัก

หล่อนเปิดช่องเก็บของหน้ารถออก ภาพที่ปรากฏตรงหน้าคือ

แหวนเพชรในกล่องกำมะหยี่ที่ถูกเปิดไว้อย่างจงใจ เพชรสองกะรัตอยู่

บนแหวนทองคำขาวสุกสว่างแวววาวด้วยเพชรเม็ดงามที่ผ่านการเจียระไน

จนเหลี่ยมมุมภายในแข่งกันสะท้อนแสงออกมา

หญิงสาวตกตะลึง หล่อนไม่คาดคิดว่าวันที่รอคอยจะมาถึงเร็ว

อย่างนี้ เพราะภพศรัณย์เพิ่งเปิดคลินิกทำฟันได้ไม่นานนัก เรียกว่ายัง

ไม่ได้ทุนคืนด้วยซ้ำ แล้วเขาจะเอาเงินที่ไหนมาแต่งงาน หรือนี่จะไม่ใช่

ของหล่อน

ชายหนุ่มเห็นหล่อนอึ้งไปนานก็อมยิ้มให้กับแผนที่ตัวเองคิดไว้

 เขายอมรับว่าในบรรดาผู้หญิงที่ผ่านเข้ามาในชีวิต มีเพียงเธอคนนี้ที่เขา

พร้อมจะเปิดเผยต่อใครๆ ด้วยความภาคภูมิใจว่า นี่แหละว่าที่ศรีภรรยา

ในอนาคตของเขา

พิณรภัสอาจไม่สวยเลิศเหมือนนางแบบ ไม่สง่างามราวกับเจ้าหญิง

 แถมบางครั้งยังออกจะติงต๊อง งอแง และขี้บ่นตามประสาผู้หญิง แต่

สิ่งที่หล่อนแตกต่างกับผู้หญิงคนอื่นคือเป็นคนจิตใจดีและมองโลกในแง่ดี

เสมอ แม้หลายครั้งหล่อนจะแสดงอาการขี้หลงขี้ลืม และทำตัวแบบเด็กๆ

กระนั้นเขาก็ยินดีที่จะดูแล

‘ภพจะจัดการกับชีวิตพิณเอง’

คำพูดในทำนองนี้ไม่ได้ทำให้หญิงสาวรู้สึกว่าเขาเข้ามาก้าวก่าย

ในชีวิตหล่อนเลย กลับขอบคุณเขาเสียด้วยซ้ำที่ไม่ทิ้งไปเพียงเพราะ

นิสัยแย่ๆ เหล่านั้น แถมยังพยายามช่วยแก้ไขอีกต่างหาก แสดงให้เห็นว่า

เขาไม่เพียงรักหล่อนในฐานะแฟน แต่ยังดูแลหล่อนราวกับเป็นสมาชิก

คนหนึ่งในครอบครัว จึงเป็นเหตุผลที่ทำให้หล่อนตัดสินใจฝากชีวิตไว้กับเขา

รอแค่ว่าเมื่อไรเขาจะเอ่ยปากขอสักที

“อ้วน!”

เสียงของชายหนุ่มปลุกให้พิณรภัสตื่นจากภวังค์ หล่อนหันตาม

เสียงเรียกทันที

“หือ ว่าไง”

“หยิบแหวนออกมาสิ” ชายหนุ่มบอก

หญิงสาวทำตามอย่างว่าง่าย หยิบแหวนออกมาจากช่องเก็บของ

หน้ารถอย่างเบามือ ราวกับกลัวว่ามันจะบุบสลาย แล้วบรรจงวางลง

บนตักโดยไม่ทำอะไรนอกจากจ้องเฉยๆ

ภพศรัณย์มองแฟนสาวด้วยความหงุดหงิด หล่อนไม่รู้หรือแกล้ง

ไม่รู้กันแน่ ต้องให้เขาคอยบอกบทตลอดเลยหรือ

“ลองสวมดูซิ”

พิณรภัสเริ่มแน่ใจว่าวันนี้หนุ่มคนรักต้องขอหล่อนแต่งงานเป็นแน่

 ติดอยู่แค่ว่าเมื่อไรเขาจะพูดสักที ตอนจีบกันใหม่ๆ ภพศรัณย์ดูเป็นคน

ขี้เก๊กในสายตาหล่อนอยู่แล้ว เมื่อคบกันก็ยิ่งตอกย้ำว่าชายหนุ่มฟอร์มจัด

ขนาดไหน กระทั่งตอนนี้ก็ยังไม่เลิก อยากรู้นักว่าจะฟอร์มไปถึงไหน

“สวมได้ไงล่ะ ของใครก็ไม่รู้”

เจอมุกนี้เข้าไป ทำเอาชายหนุ่มหันไปทำหน้าเซ็งใส่รถคันข้างๆ

‘แล้วจะพูดยังไงต่อดีล่ะทีนี้ ยายนี่ถึงจะรู้สักที เขินจะแย่อยู่แล้ว

นะ’

ระหว่างคิดบทพูดใหม่อยู่นั้น หญิงสาวก็แกล้งอาละวาด เหวี่ยง

กำปั้นทุบไหล่เขาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย

“อ้วนพาใครมานั่งรถ บอกมาเดี๋ยวนี้นะ แล้วยังมาทำแหวนตกไว้

เป็นหลักฐานอีก กล้ามากนะ นี่แน่ะๆ”

พิณรภัสแกล้งรัวหมัดใส่ไม่ยั้ง ชายหนุ่มทนไม่ไหวจึงตัดสินใจ

บอกความจริง

“โอ๊ย...ก็ให้อ้วนนั่นแหละ”

พิณรภัสแกล้งทำเป็นไม่ได้ยินแล้วถามย้ำ เขาจึงต้องพูดอย่าง

ชัดถ้อยชัดคำอีกรอบ

   “แหวนนั่น ภพให้พิณคร้าบ”

“ก็แค่นี้แหละ ต้องให้ลงไม้ลงมือถึงจะพูดได้”

“โหดจริง แม่คุณ”

“แน่นอนอยู่แล้ว”

พิณรภัสกระหยิ่มยิ้มย่องก่อนจะหยิบแหวนขึ้นมาดู และกำลังจะ

จดลงไปที่ปลายนิ้วนางข้างซ้าย

“อ๊ะๆ อย่าเพิ่งสวมสิ”

“ทำไมล่ะ อ๋อ...อ้วนจะสวมให้เค้าเหรอ เอาซิ”

หญิงสาวส่งแหวนให้ แล้วยื่นมือซ้ายให้ชายหนุ่ม ภพศรัณย์

รับแหวนและตั้งท่าจะสวมให้ แต่แล้วก็เปลี่ยนใจ...

“แต่อ้วนยังไม่ได้ตอบภพเลย...”

ชายหนุ่มยิ้มให้หล่อน สายตาเว้าวอน รอคอยคำตอบจากปาก

หญิงสาว

“อ้วนถามอะไรเค้า อย่ามา...ยังไม่ได้ถามสักหน่อย” พิณรภัส

รีบแย้ง

“อ้าว ยังไม่ได้ถามเหรอ ถ้าอย่างนั้นถามเลยก็ได้...แต่งงาน

กับภพนะ”

หล่อนคิดไว้อยู่แล้วว่าสุดท้ายก็ต้องลงเอยด้วยประโยคนี้ แต่ก็ยัง

อดตื่นเต้นไม่ได้ หล่อนใจเต้นตึกตักจนแทบระเบิดออกมาเมื่อได้ยิน

คำถามนี้จากเขาจริงๆ

ชายหนุ่มก็เช่นกัน เมื่อตัดสินใจเอ่ยประโยคนั้นออกไปใจเขาก็เต้น

ไม่เป็นส่ำ เพียงเสี้ยววินาทีที่รอคอยคำตอบมันช่างดูยาวนานเหลือเกิน

“เค้าว่านะ...” หล่อนยังพูดไม่จบประโยค รถคันหลังก็บีบแตรไล่

เสียงดังลั่น

ภพศรัณย์หันไปมองสัญญาณไฟจราจรซึ่งบัดนี้เปลี่ยนเป็นสีเขียว

เขาจำใจเข้าเกียร์แล้วออกรถ ทั้งที่ในใจยังร้อนรน ใจจดจ่อรอฟังคำตอบ

จากหล่อน แถมพิณรภัสก็ไม่ยอมพูดอะไรต่อ เขาจึงตัดสินใจจอดรถ

ข้างทาง

    “อ้วน จอดรถทำไมล่ะ”

“ก็อ้วนไม่พูดอะไร ภพรอฟังอยู่นะ แล้วเมื่อกี้อ้วนจะพูดอะไร”

ชายหนุ่มทนไม่ไหว จึงรัวคำถามใส่หล่อนเป็นชุด

“ใจเย็นๆ ก็ได้ เค้าจะบอกว่า จะขอแต่งงานทั้งทีน่าจะไปขอใน

ที่ดีๆ หน่อย พวกร้านอาหารหรือสวนสาธารณะที่เงียบๆ โรแมนติกๆ น่ะ

รู้จักมั้ย คิดได้ยังไงมาขอแต่งงานบนรถ” หล่อนสาธยายอย่างอ่อนใจ

“อ้าว ก็เราไม่ค่อยมีเวลาว่างตรงกันเลยนี่ จะมีเวลาได้อยู่ด้วยกัน

ก็แค่ตอนขับรถนี่แหละ”

เขาพูดด้วยความน้อยอกน้อยใจ จริงอย่างที่เขาพูด ช่วงนี้หล่อน

ทำงานยุ่งจนไม่ค่อยมีเวลาให้แฟนหนุ่มเหมือนเช่นเคย

“โอ๋ๆ ไม่เป็นไรน้า แล้วเค้าจะแวะไปหาที่คลินิกบ่อยๆ นะ”

หล่อนพูดพลางเอามือลูบหัวเขาราวกับผู้ใหญ่ปลอบใจเด็ก

“อย่าเพิ่งเปลี่ยนเรื่องสิ อ้วนยังไม่ได้ตอบคำถามภพเลยนะ”

ชายหนุ่มดึงมือที่ลูบหัวมากุมไว้ “ว่าไงครับ พิณพร้อมจะเดินไปกับภพมั้ย”

พิณรภัสทำท่าคิด หล่อนเอียงคอไปมาคล้ายจะยั่วให้เขารอเล่นๆ

แต่เมื่อเห็นชายหนุ่มเริ่มขมวดคิ้วและทำท่าขึงขังใส่ เจ้าหล่อนจึงยอมพูด

ออกมาแต่โดยดี

“พร้อมตั้งนานแล้ว ตั้งแต่ก่อนที่รถคันเมื่อกี้จะบีบแตรไล่ซะอีก”

หญิงสาวยิ้มแบบอายๆ หล่อนเองก็เขินที่จะต้องพูดคำหวานๆ

พอได้ยินคำตอบ เขาก็โผเข้ากอดแฟนสาว หนุ่มสาวปล่อยให้อ้อมกอดนั้น

ถ่ายทอดความรักให้แก่กันและกันเนิ่นนาน กระทั่งพิณรภัสคิดอะไรขึ้น

มาได้

“อ้วน เย็นนี้ไปทานข้าวเย็นที่บ้านเค้านะ จะได้คุยเรื่องนี้กับ

พ่อแม่”

“วันนี้เลยเหรอ”

แค่ขอกับเจ้าตัวเขายังต้องเตรียมตัวล่วงหน้าอยู่นาน แล้วนี่จะ

ให้ไปขอกับพ่อแม่โดยไม่ได้เตรียมใจมาก่อน แค่คิดก็ใจฝ่อแล้ว

“วันนี้แหละ จะรอวันไหนอีก เอาน่า ไม่ต้องกลัวเดี๋ยวเค้าช่วย”

หญิงสาวยักคิ้วให้ ชายหนุ่มใจชื้นขึ้นมา...นิดหนึ่ง อย่างน้อยวันนี้

เขาก็เริ่มต้นได้ดี ต่อไปจะเป็นอย่างไรเขาก็พร้อมจะสู้ไปกับหล่อนอยู่แล้ว

 

อาหารค่ำวันนี้มีเมนูหลากหลายกว่าทุกวัน ทั้งที่มีสมาชิก

เพิ่มขึ้นมาแค่คนเดียว เมื่อทุกคนพร้อมแล้วจึงเริ่มรับประทานอาหารกัน

ตามปกติ แต่ที่ไม่ปกติคือพิณรภัสซึ่งมีท่าทีลุกลี้ลุกลนกว่าคนอื่นๆ และ

มักจะหันไปมองแฟนหนุ่มที่นั่งข้างๆ อยู่เป็นระยะ ชายหนุ่มรู้ตัวทีก็หันมา

มองหล่อนทีแต่ก็ไม่ยอมพูดอะไรต่อ พิณรภัสพยายามขยิบตาส่งสัญญาณ

หลายครั้งแต่ชายหนุ่มก็ยังนิ่ง อากัปกิริยาเหล่านั้นไม่อาจรอดสายตาผู้ใหญ่

ทั้งสองไปได้

“มีอะไรรึเปล่า ยายพิณ”

ผู้เป็นพ่อถาม เมื่อเห็นท่าทางแปลกๆ ของลูกสาว

“แล้วพี่นภาล่ะคะ”

พิณรภัสถามกลับด้วยเรื่องอื่นเพื่อกลบเกลื่อน

“วันนี้พี่เขาไปเลี้ยงรุ่นกับเพื่อนๆ น่ะ เห็นว่าจะกลับดึกหน่อย เรา

มีอะไรกับพี่เขารึเปล่า”

ผู้เป็นแม่ถามกลับ

“เปล่าค่ะ ก็เห็นไม่ลงมาทานข้าวด้วยกัน นึกว่าไดเอต”

“รายนั้นน่ะไม่ไดเอตก็ผอมอยู่แล้ว วันๆ เอาแต่ทำงาน ดีนะวันนี้

ออกไปเปิดหูเปิดตากับเพื่อนบ้าง”

ผู้เป็นแม่พูดพลางถอนใจ ตั้งแต่เนตรนภาเรียนจบปริญญาเอก

จากเมืองนอกแล้วกลับมาเป็นอาจารย์มหาวิทยาลัย หล่อนก็ทุ่มเทชีวิต

ให้แก่การสอนและงานวิจัยจนแทบไม่มีเวลาว่าง วันธรรมดาก็ตรวจงาน

 

นักศึกษา เสาร์อาทิตย์ก็อยู่แต่หน้าคอมพิวเตอร์ทั้งวัน แทบไม่ได้ออก

ไปไหน นี่ถ้าไม่มีการรวมตัวกันของบรรดาเพื่อนเก่า เย็นวันเสาร์แบบนี้

ก็คงอยู่ติดบ้านเหมือนเดิม

พิณรภัสพยักหน้ารับรู้แต่ไม่สนใจจะถามอะไรต่อ เพราะกำลัง

จดจ่ออยู่กับสิ่งที่ต้องการจะให้บุพการีรับทราบ แต่คนที่นั่งข้างๆ กลับ

ไม่ยอมเอ่ยปากเสียที

“อ้วน รออะไรอยู่”

เมื่อขยิบตาเท่าไหร่ก็ไม่เป็นผล จึงเปลี่ยนมากระซิบบอกที่ข้างหู

“หือ”

ชายหนุ่มที่กำลังจะตักข้าวเข้าปาก หันมาทางต้นเสียงที่โน้มตัว

มากระซิบใกล้ๆ

“ทำไมไม่บอกล่ะ”

“บอกอะไรครับ”

“ก็เรื่องนั้นไง”

“สองคนนี้เป็นอะไร ทำไมต้องกระซิบกระซาบกันด้วย”

ผู้เป็นพ่อถามอีกครั้งเมื่อเห็นท่าทางลุกลี้ลุกลนของลูกสาวซึ่ง

ผิดปกติตั้งแต่ก่อนจะเริ่มรับประทานอาหารด้วยซ้ำ เมื่อคนข้างๆ ไม่ยอม

พูดอะไร หล่อนจึงเป็นฝ่ายเปิดประเด็นเสียเอง

“คือ...ภพมีเรื่องจะบอกพ่อกับแม่ค่ะ”

...อยากไม่เริ่มดีนัก ก็รับลูกต่อไปแล้วกัน!

หล่อนโยนลูกให้แฟนหนุ่มเอาดื้อๆ บุพการีทั้งสองหันมองผู้ที่ถูก

เอ่ยชื่อเป็นตาเดียว ชายหนุ่มที่กำลังเคี้ยวอาหารอย่างเพลิดเพลินจำต้อง

กลืนลงไปอย่างรวดเร็วแล้วรีบดื่มน้ำตามทันที เขาวางช้อนส้อมลงอย่าง

สำรวม ท่าทีที่ดูเป็นการเป็นงานยิ่งทำให้ผู้ใหญ่ทั้งสองอยากรู้เรื่องราว

ที่เขากำลังจะพูด

“เอ่อ...คุณพ่อคุณแม่ครับ ผม...อยากจะขอพิณรภัสแต่งงานครับ”

 

                (โปรดติดตามต่อในฉบับเต็ม)


รีวิว (0)


สินค้าที่ใกล้เคียง (96 รายการ)

www.batorastore.com © 2024