จีบอีกนิดจะผิดไหม (ชุด แผนรักพิชิตใจ) (อาเซียง)

จีบอีกนิดจะผิดไหม (ชุด แผนรักพิชิตใจ) (อาเซียง)

0 รีวิว  0 รีวิว    
รหัสสินค้า: 9786160609161
ของหมด (ต้องการสินค้า)
ราคา: 129.00 บาท 32.25 บาท
ประหยัด: 96.75 บาท ( 75.00% )

เนื้อหาบางส่วน

บทที่ 1

 

“ผิงอันไนต์บาซาร์ยังคงครึกครื้นและจอแจเหมือนเช่นทุกวันราวกับไม่เคยหลับใหล ทั้งยังเป็นเมืองแห่งอาหารเลิศรส ถ้าท่านผู้ชมมาที่นี่แล้วอย่าลืมแวะไปลองไก่ทอดที่คุณป้าทอดกันสดๆ เมนูปลาหมึกที่ลุงลี่ทาด้วยซอสสูตรพิเศษของตระกูล หรือไม่ก็ลองชิมเต้าหู้เหม็นของลุงจาง รับรองว่าชิมแล้วจะติดใจแน่นอนครับ...”

พิธีกรชายพร้อมด้วยช่างกล้องเดินย่ำเข้าไปตามทางเดินที่มีร้านค้าแผงลอยตั้งอยู่สองฟากฝั่งของตลาดกลางคืน ทำหน้าที่ดำเนินรายการพาชิมอาหารอร่อยอย่างขะมักเขม้น

นี่เป็นรูปแบบการทำรายการซึ่งกำลังเป็นที่นิยมและมีให้เห็นได้ทั่วไปในปัจจุบัน พิธีกรชายไม่เพียงดำเนินรายการได้อย่างชำนิชำนาญ รู้ลึกทะลุปรุโปร่ง ยังถึงขั้นเบื่อหน่ายและหมดมุกอย่างสิ้นเชิงแล้วด้วยซ้ำ

จะไม่ให้เขาเบื่อหน่ายได้ยังไงกันล่ะ! พิธีกรชายแก้ต่างให้ตัวเองในใจ ทั่วประเทศ ไม่สิ ลำพังแค่เมืองเมืองเดียวก็มีตลาดกลางคืนตั้งกี่แห่งแล้ว และแม้ว่าตลาดกลางคืนจะมีมากมายก็จริง แต่อาหารที่ขายกลับคล้ายๆ กัน แม้กระทั่งรสชาติก็ไม่แตกต่างกันเท่าไหร่ หรืออีกนัยหนึ่งก็คือปราศจากสิ่งใหม่ๆ อย่างสิ้นเชิง พูดถึงไก่ ไม่ทอดก็ย่าง แล้วปลาหมึกล่ะ อย่างมากก็แข่งกันแค่ระดับความเข้มข้นของซอสที่ทาเท่านั้น ส่วนเต้าหูเหม็น เขากินจนจะกลายเป็นมนุษย์เต้าหูอยู่แล้ว...

แฮ่ม! พิธีกรชายรีบดึงสติตัวเองกลับมา เขากำลังดำเนินรายการอยู่นะ ต้องรับผิดชอบหน้าที่ของตัวเองให้ดี ประเดี๋ยวจะถูกเจ้านายสวดยับ ร้ายกว่านั้นจะถูกไล่ออก ถ้าเป็นอย่างนั้นคงถึงคราวตัวเองต้องเป็นฝ่ายมาตั้งแผงขายของในตลาดกลางคืนแทนแน่...

จะยอมให้เป็นอย่างนั้นไม่ได้! เขารีบปั้นหน้ากระตือรือร้นและแสดงท่าทีชอบกินเป็นชีวิตจิตใจอันเป็นมาดของพิธีกรรายการชวนชิมมืออาชีพทันที แล้วหันไปดำเนินรายการกับช่างกล้องต่อ

“แม้ว่าคนต่างถิ่นอย่างเราจะไม่รู้ว่าอาหารที่อร่อยสุดยอดของผิงอันไนต์บาซาร์คืออะไร แต่เหล่าพ่อค้าแม่ค้าในตลาดต้องรู้ดีแน่นอน เราไปสอบถามพี่ป้าน้าอาเจ้าของร้านที่ใจดีกันดีกว่าครับ ให้พวกเขาช่วยแนะนำอาหารที่คิดว่าอร่อยที่สุดสำหรับพวกเขากัน!”

แน่นอน นี่เป็นรูปแบบการดำเนินรายการสุดเชยอย่างหนึ่ง พิธีกรชายไปสัมภาษณ์ป้าขายไก่ทอด ป้าก็จะแนะนำให้เขาไปลองเต้าหู้เหม็นของลุงจาง ส่วนลุงจางที่ขายเต้าหูเหม็นก็จะเชียร์ให้ชิมเมนูปลาหมึกสูตรพิเศษของลุงลี่ จากนั้นลุงขายปลาหมึกก็จะให้เขาไปหาป้าขายไก่ทอด..

เวลาผ่านไปไม่นานพิธีกรชายคิดว่าเขาได้แนะนำร้านยอดนิยมในผิงอันไนต์บาซาร์กับผู้ชมเรียบร้อยหมดแล้ว จึงตั้งใจจะให้ทีมงานเลิกกอง แต่หางตาพลันเหลือบไปเห็นร้านแผงลอยเล็กๆ ร้านหนึ่งเข้าอย่างไม่ตั้งใจ

“ขนมบัวลอย์?” เขาอ่านป้ายที่ติดอยู่หน้าร้านดังกล่าวด้วยความมึนงง “ทำไมมาขายขนมบัวลอยในช่วงนี้”

ไม่แปลกที่เขาจะประหลาดใจ ต้องเข้าใจว่าการถือโคมไฟสีสันลวดลายสวยงาม กินขนมบัวลอยในช่วงเทศกาลโคมไฟ เป็นธรรมเนียมปกติ แต่อีกสามร้อยหกสิบสี่วันที่เหลือนั้นไม่มีใครอยากกินขนมบัวลอยกันหรอก ไม่เข้ากับสถานการณ์เสียเลย!

แล้ว...ทำไมร้านขายขนมบัวลอยที่ไม่เข้าพวกจึงมาปรากฏตัวตามแผงลอยในเวลานี้

พิธีกรชายเกิดความสนใจในคำถามข้อนี้ เขาล้มเลิกความคิดที่จะออกจาผิงอันไนต์บาซาร์ พิธีกรชายส่งสายตาบอกใบ้กับช่างกล้อง อีกฝ่ายถือกล้องเดินตามหลังเขาไปอย่างรู้ใจ

ตำแหน่งของร้านขนมบัวลอยตั้งอยู่ในมุมอับท้ายตลอด หากไม่สังเกตก็จะถูกผู้คนมองข้ามได้โดยง่าย ถาดใส่ลูกบัวลอยดิบถูกวางเรียงรายอยู่บนโต๊ะพลาสติกข้างรถขายอาหาร เงาร่างแบบางเล็กๆ ยืนอยู่หน้าหม้อต้มที่มีน้ำเดือดปุดขึ้นมาเป็นไอ ง่วนอยู่กับงานจนมือเป็นระวิง

เจ้าของเงาร่างเล็กบางเป็น ‘เด็กผู้หญิง’ เธอไว้ผมสั้นสีดำ ผมหยักศกน้อยๆ เคลียแก้มเนียนละเอียดอมชมพู ใต้คิ้วดำดำเป็นดวงตากลมโตดำขลับสุกใสเป็นประกาย ดวงตาที่จับจ้องหม้อต้มหรี่ลงเล็กน้อยตามริมฝีปากที่ยกยิ้มขึ้น

ทันใดนั้นพิธีกรชายก็เผลอใจเต้นตึกตัก “นะ...น่ารักจังเลย..”

สติติกอยู่ในภวังค์ไปนหนึ่งวินาที ก่อนจะสะบัดศีรษะแรงๆ เรียกสติกลับคืนมา จากนั้นจึงรีบก้าวฉับๆ ไปยังร้านขนมบัวลอยทันที

“รออีกเดี๋ยวนะคะลุงจาง ขนมบัวลอยไส้งาของคุณลุงใกล้จะได้แล้วนะ” ร่างเล็กชิงเอ่ยปากก่อน น้ำเสียงของเธออ่อนหวานนุ่มนวลไม่ต่างจากรูปลักษณ์ภายนอก คำว่า ‘นะ’ ท้ายประโยคหวานหยดย้อยจนทำให้มดตายได้เลยทีเดียว

พิธีกรชายสติหลุดลอยอีกครั้ง ช่างกล้องที่อยู่ข้างๆ รู้หน้าที่รับผิดชอบมากกว่า เขายกเท้าแตะขาอีกฝ่ายไปสองสามทีจึงทำให้พิธีกรชายตื่นจากภวังค์

“แฮ่ม...” เขาแกล้งกระแอมหนึ่งที เมื่อเธอรู้สึกตัวแล้วเงยหน้าขึ้นมองเขา เขาก็บรรจงฉีกรอยยิ้มที่คิดเอาเองว่าหล่อเกินบรรยายออกมา “สวัสดี สาวน้อย”

ใช่แล้ว เด็กสาวน่ารักคนนี้อย่างมากก็น่าจะอายุเพียงสิบหกปี ก็ต้องเป็นสาวน้อยสิ

สาวน้อย? เธอเบิกตากลมโตด้วยความฉงน “สวัสดีค่ะ มีธุระอะไรหรือคะ”

“คืออย่างงี้ พี่เป็นพิธีกรรายการอาหารทางทีวี ฉายา Sipping brother อยากจะขอสัมภาษณ์ร้านบัวลอยหน่อย” เขากล่าวด้วยน้ำเสียงราวกับกำลังโอ๋เด็กเล็กๆ “พ่อกับแม่ล่ะจ๊ะ”

“คุณพ่อประสบอุบัติเหตุ ได้รับบาดเจ็บที่ขา คุณแม่อยู่ดูแลท่านที่บ้านน่ะค่ะ” เด็กสาวตัวน้อยตอบพลางใช้กระบวยคนหม้อต้มเบาๆ อย่างคล่องแคล่ว

“เพราะฉะนั้นก็เลยมีเธอเฝ้าร้านอยู่คนเดียว?” น่าสงสารจัง! ต่อมความสงสารเห็นใจของพิธีกรชายเริ่มทำงานทันที

“ค่ะ!” แม้ว่าคำถามของเขาจะค่อนข้างแปลก แต่เธอไม่มีเวลาคิดหยุมหยิม ตั้งหน้าตั้งตาควบคุมเวลาและไฟในการต้มขนมบัวลอยให้พอดี

“สาวน้อย ขนมบัวลอยร้านเธอขายไส้อะไรบ้าง” พิธีกรชายเดินอ้อมไปอีกฝั่งของร้านด้วยความสนใจใคร่รู้ พินิจสำรวจลูกบัวลอยดิบจำนวนนับไม่ถ้วน ขายหมดนี่เลยจริงๆ หรือ

“มีไส้ถั่วแดง งา ถั่วลิสง...แล้วก็ไส้ดอกกุ้ยหอมหมื่นลี้ค่ะ” ในที่สุดน้ำในหม้อต้มก็เดือดอีกครั้ง ขนมบัวลอยไส้งาลอยขึ้นด้านบน เธอตักมันขึ้นมาอย่างคล่องแคล่ว ใส่ลงในถ้วยกระดาษที่เตรียมไว้แต่แรกอย่างชำนาญ

“ขนมบัวลอยไส้ดอกกุ้ย? ฟังดูมีเอกลักษณ์ดี เอามาลองสักถ้วยก็แล้วกัน!” พิธีกรชายสั่งเมนูอย่างกระตือรือร้น

“คุณจะสั่งบัวลอยไส้ดอกกุ้ยหนึ่งที่ใช่ไหม งั้นต้องเข้าคิวรอก่อนนะคะ” เธอบอกโดยที่ไม่เงยหน้าขึ้นมา

“เข้าคิว? แต่ผมไม่เห็นมีใครเข้าแถวสักคนเลยนี่นา!” พิธีกรชายแสดงสีหน้าแปลกใจ หันไปมองซ้ายมองขวารอบทิศ

จริงสิ หน้าร้านแผงลอยทุกร้านในผิงอันไนต์บาซาร์คลาคล่ำไปด้วยผู้คน หรือไม่ก็เข้าคิวต่อแถวกันยาวเหยียด ยิ่งกว่านั้นบางร้านถึงขั้นลูกค้าเนืองแน่นล้นร้าน มีเพียงหน้าร้านขนมบัวลอยร้านนี้เท่านั้นที่ไม่เห็นแม้เงาคน

นั่นสิ! แปลกจริง เพราะอะไรล่ะ

พิธีกรชายเหลียวซ้ายแลขวาอีกครั้งจึงเพิ่งสังเกตเห็นเรื่องหนึ่ง “สาวน้อย ทำไมร้านของเธอถึงไม่มีโต๊ะกับเก้าอี้ให้ลูกค้านั่งเลยล่ะ”

เขี้ยวชะมัด มิน่า ถึงดึงลูกค้าเข้าร้านไม่ได้ ใครจะอยากยืนกินขนมบัวลอยล่ะ

“เพราะทุกคนยืนกินกันทั้งนั้นเลยน่ะค่ะ” เด็กสาวร้านขนมบัวลอยตอบได้เขี้ยวยิ่งกว่า

พิธีกรชายหลุดหัวเราะ “จะมีคนยืนกินขนมบัวลอยได้ยังไง...หืม?” เขาเห็นลุงจางเจ้าของร้านเต้าหู้เหม็นวิ่งกระหืดกระหอบเหงื่อท่วมมาทางนี้

“ซาซ่า ขนมบัวลอยไส้งาของลุงเสร็จหรือยัง” ลุงจางกระวีกระวาดมาถึงร้าน ไม่ได้สังเกตเห็นพิธีกรชายกับช่างกล้องที่ยืนอยู่ข้างๆ เลยด้วยซ้ำ

“เสร็จแล้วค่ะ” เธอยื่นขนมบัวลอยที่ห่อเสร็จแล้วให้คนสั่ง

ลุงจางจ่ายเงินทันที บอกด้วยอารมณ์เบิกบานว่า “ดีจริงๆ! ไม่ได้กินบัวลอยไส้งาตั้งนาน วันนี้ต้องกินให้หายอยากซะหน่อย”

“ลุงจาง รอเดี๋ยว หนูทอนเงินให้ค่ะ”

“ไม่ต้องหรอกน่า! ยังไงก็กินแทบทุกวัน หนึ่งพันเหรียญนั่นก็เอาไว้เป็นค่ามัดจำก็แล้วกัน” ลุงจางโบกมืออย่างอ่อนโยนและเป็นมิตร “จริงสิ ป้าฮัวอยากสั่งไส้ถั่วลิสงเพิ่มอีกสองที่ ฝากลุงมาถามว่าได้หรือเปล่า”

“อาจจะไม่ได้ค่ะ วันนี้ไส้ถั่วลิสงมีไม่เยอะ รบกวนลุงจางไปถามป้าฮัวว่าเปลี่ยนเป็นไส้ถั่วแดงได้ไหมคะ แต่ต้องรอแป๊บนึง หนูต้องต้มของลุงเจ้าก่อน”

“ลุงเจ้าสั่งไส้ดอกกุ้ยล่ะสิ”

“เอ๋! ลุงจางรู้ได้ยังไงคะ สุดยอดเลย”

“ฮ่าๆ...ลุงรู้ว่าเขากินแต่ไส้นี้เท่านั้น เอาล่ะ! ลุงไปก่อนนะ เดี๋ยวเจอกัน” ลุงจางรีบมาแล้วก็รีบไป พริบตาก็หายเข้าไปกลางฝูงชนในตลาดกลางคืน

ไม่นานนักลุงเจ้าเจ้าของร้านแป้งทอดต้นหอมก็เดินพรวดๆ มาอย่างรีบร้อน รับขนมบัวลอยไส้ดอกกุ้ยที่เพิ่งต้มเสร็จไปด้วยสีหน้าดีใจและแทบทนรอไม่ไหวเช่นเดียวกัน ก่อนจะลิงโลดกระโดดโลดเต้นไปจากร้านราวกับกระต่าย

พิธีกรชายเบิกตากว้าง มั่นใจว่าตัวเองไม่ได้ตาฝาด

หลังจากลุงเจ้าแล้วก็มีลูกค้าเข้าร้านเรื่อยๆ อย่างไม่ขาดสาย ในที่สุดพิธีกรชายก็เข้าใจแล้วว่าเพราะอะไรสาวน้อยร้านบัวลอยจึงบอกว่า ‘เพราะทุกคนยืนกันกินทั้งนั้น’ มันก็จริง พ่อค้าแม่ค้าร้านอาหารแผงลอยในตลาดกลางคืนจะมีเวลานั่งกินอาหารได้ยังไง หนำซ้ำร้านบัวลอยเรียบๆ ไม่สะดุดตาร้านนี้ใช่ว่าจะเงียบเหงาไร้ลูกค้า ตรงกันข้ามกลับขายดีเป็นเทน้ำเทท่า แต่ที่แปลกก็คือทำไมลูกค้าที่มาอุดหนุนต่างเป็นบรรดาพ่อค้าแม่ค้าในผิงอันไนต์บาซาร์ ไม่มีลูกค้าที่มาเที่ยวชมตลาดกลางคืนแห่งนี้เลย

อืมๆๆ...ด้วยพลังจินตนาการอันท่วมท้นของเขา สามารถเสกสรรปั้นแต่งเรื่องราวในใจได้ทันที...

ขนมบัวลอยของร้านนี้คงมีรสชาติงั้นๆ บางทีอาจกระเดือกไม่ลงเลยด้วยซ้ำ ทว่าเห็นแก่ที่สาวน้อยร้านบัวลอยยังเด็ก ทั้งยังน่ารักและน่าสงสาร คุณพ่อบาดเจ็บ ส่วนคุณแม่ต้องคอยดูแลคุณพ่อ บุตรสาวจึงต้องลำบากดูแลร้านอย่างขยันขันแข็งเพียงคนเดียวเพื่อหาเงินเลี้ยงดูครอบครัว...

โอ้! ช่างเป็นเรื่องราวชีวิตที่เรียกน้ำตาผู้คนเสียนี่กระไร ต้องทำให้รายการพาชิมอาหารอร่อยในเทปนี้ของเขามีสีสันขึ้นไม่น้อยแน่นอน

ขณะที่พิธีกรชายกำลังจินตนการอย่างเพ้อเจ้อ สติตกอยู่ในภวังค์ฝันอาการหนัก ไอร้อนพลันโชยมาแตะจมูกทำให้เขาตื่นจากภวังค์ เมื่อมองดูแล้วก็พบว่าสาวน้อยกำลังยื่นขนมบัวลอยให้เขากับช่างกล้องด้วยสีหน้ายิ้มแฉ่ง

“ขนมบัวลอยไส้ดอกกุ้ยที่เพิ่งต้มเสร็จ เชิญพวกคุณกินได้เลยนะ”

ที่แท้ขณะที่ง่วนกับงานจนตัวเป็นเกลียว เธอก็ยังจำออเดอร์ที่พิธีกรชายสั่งไว้ด้วย! พิธีกรชายและช่างกล้องประทับใจไปเป็นที่เรียบร้อย ดีล่ะ ต่อให้ขนมบัวลอยร้านนี้รสชาติไม่ได้เรื่อง พวกเขาก็จะกินให้เกลี้ยง จากนั้นก็แนะนำร้านบัวลอยผ่านรายการของพวกเขาชนิดเชียร์สุดใจ สนับสนุนกิจการครอบครัวของสาวน้อยร้านบัวลอย...เอาเถอะ! เรียกสั้นๆ ว่าน้องบัวลอยให้ขายดิบขายดี ได้เงินมารักษาโรคภัยต่างๆ ให้มากขึ้น

แต่ว่า...

“สาวน้อย ร้านขนมบัวลอยบ้านเธอชื่อร้านอะไรเหรอ” พิธีกรชายตักลูกบัวลอยขึ้นมาเป่าให้หายร้อนพลางถามไปด้วย เนื่องจากจะแนะนำร้านขายขนมบัวลอยของเธอในรายการอาหารก็ต้องรู้จักชื่อร้านเสียก่อน

“ก็ชื่อ ‘บัวลอย’ นี่แหละค่ะ” เธอเริ่มเตรียมออเดอร์ที่คนอื่นสั่งอีกครั้ง หย่อนลูกบัวลอยลงหม้อต้มทีละลูกๆ “ได้ยินว่าคุณปู่ทวดของฉันชื่อบัวลอยพอดี แล้วบ้านฉันก็เปิดร้านขายขนมบัวลอย ก็เลยตั้งชื่อร้านว่า ‘บัวลอย’ ค่ะ”

อย่างนี้นี่เอง มิน่า ป้ายร้านจึงเขียนแค่ว่า ‘บัวลอย’ เท่านั้น

พิธีกรชายเข้าใจแจ่มชัดแล้ว ก่อนจะกัดขนมบัวลอยไส้ดอกกุ้ยที่ถูกเป่าจนใกล้เย็นคำใหญ่ พร้อมทั้งทำใจเรียบร้อยแล้วว่ามันจะไม่อร่อยเอาเสียเลย

ไม่อร่อยเลย ไม่อร่อยเลย ไม่อร่อย...เอ๋? ตาที่หลับปี๋ในตอนแรกเบิกโพลงกะทันหัน ตกใจกับรสหอมหวานที่ฟุ้งอยู่ในปาก

“ไม่ใช่มั้ง ทำไมอร่อยขนาดนี้”

(ติดตามอ่านต่อได้ในฉบับเต็ม)


รีวิว (0)


สินค้าที่ใกล้เคียง (63 รายการ)

www.batorastore.com © 2024