กรงน้ำผึ้ง (ผักบุ้ง)
ประหยัด: 91.00 บาท ( 35.00% )
มีสินค้ามือสองอยู่จำนวน : 1 รายการราคา 220.00 บาท ซื้อสินค้ามือสอง
Quick View
เนื้อหาบางส่วน
เพียงจุมพิต
“บ้าชะมัด!” กำปั้นหนาทุบลงบนโต๊ะในห้องทำงานของคฤหาสน์สองชั้นสไตล์
ชิโน-โปรตุกีสย่านเมืองเก่าภูเก็ต กรามแกร่งขบแน่นจนแก้มกระตุกเบาๆ
หลังจากที่เขาได้ยินว่าคนทรยศพลัดตกหน้าผาไปเสียก่อนจะยอมอ้าปาก
บอกความจริงว่าใครคือผู้บงการให้ตัดสายเบรกรถนายเหมืองใหญ่ของ
บ้านเตชะดำรงสกุล
ชลัมพล ศรัณย์รักษ์ ชายหนุ่มวัยสามสิบสองมองหน้าชายวัย
กลางคนที่กำลังโกรธนั้นด้วยสายตาเรียบนิ่ง เขาเองก็โมโหตัวเองไม่น้อย
ที่ไม่สามารถทำให้คนทรยศคายความลับได้ ทั้งๆ ที่เขาอุตส่าห์ตามหา
ตัวมันแทบพลิกแผ่นดินเชียงใหม่ ก่อนจะไล่ล่ามันขึ้นเขาไป หมายจะให้
มันหยุดรถและยอมสารภาพความจริงทั้งหมดมา
“ถึงอากุ่ยจะตายไปแล้ว ผมก็ไม่ยอมหยุดอยู่แค่นี้แน่” ชลัมพล
กำหมัดแน่น ดวงตาคมแข็งแกร่งวาวโรจน์ด้วยไฟแค้น เมื่อนึกถึงภาพ
ที่รถของนายเหมืองเตียวเหล็งพุ่งเข้าชนเสาไฟฟ้า ก่อนสะเก็ดไฟจะ
กระเด็นมาโดนน้ำมันที่หยดลงใต้ท้องรถแล้วระเบิดตูมต่อหน้าต่อตาเขา
ภาพไฟลุกท่วมลีมูซีนคันหรูยังทำให้หัวใจของเขาปวดร้าวทุกคราว
ที่นึกถึง คืนวานนี้นายเหมืองเตียวเดินทางกลับจากงานศพของภรรยา
ที่เพิ่งจบชีวิตลงด้วยโรคหัวใจวาย ชลัมพลในฐานะมือซ้ายคนสนิทของท่าน
จึงขับรถตามหลังเหมือนอย่างทุกครั้ง ส่วนชัยยศผู้เป็นมือขวาปกติแล้ว
จะต้องนั่งรถคันเดียวกับท่าน แต่วันนั้นชัยยศอยู่ดูแลงานศพต่อ จึงรอด
ชีวิตมายืนอยู่ตรงหน้าเขาในตอนนี้
“พลมั่นใจเหรอว่าอากุ่ยตายแล้วจริงๆ”
คำถามของชายวัยกลางคนที่เขานับถือเสมือนอาแท้ๆ นั้นทำให้
ชลัมพลหันกลับไปสบตา ก่อนจะพยักหน้าน้อยๆ แล้วนึกถึงตอนที่เขา
ขับรถไล่ล่าอากุ่ยไปจนเจอกับมินิบัสของบริษัททัวร์
ตอนนั้นพอหญิงสาวที่เป็นไกด์ของบริษัทช็อกหมดสติไป เขาก็คว้า
ร่างหล่อนเอาไว้ได้ก่อนศีรษะจะฟาดพื้น แต่ไม่ว่าพยายามเขย่าตัวอย่างไร
ก็ไม่รู้สึก ทั้งยังทำให้เขาเกือบเอาตัวไม่รอดเพราะด้ายกระดุมเสื้อที่เย็บ
ไม่ค่อยดีของหล่อนดันมาพันกับกระดุมเสื้อเขา
ปัง! ปัง! ปัง!
อากุ่ยยิงรัวมาแทบนับครั้งไม่ได้ เขาจะลุกขึ้นไปยิงสวน ปืนที่ถืออยู่
ก็ไม่มีกระสุนอีก สุดท้ายเลยตัดสินใจดึงด้ายที่พันกระดุมนั่นจนมันขาด
ออก ก่อนจะค่อยๆ วางร่างหล่อนลงบนพื้นถนน แล้วเปลี่ยนแมกาซีน
ปืนเพื่อหันไปยิงตอบโต้อากุ่ยบ้าง จนในที่สุดอากุ่ยก็ตัดสินใจวิ่งหนีอ้อม
กำแพงผาไป
ชลัมพลไม่ลังเลใจที่จะวิ่งตาม เขาไล่ล่ามันเข้าไปในป่าทึบใกล้ๆ
กับที่เกิดอุบัติเหตุ จนถึงหน้าผาสูงซึ่งเป็นทางตัน ตอนนั้นเขาพยายาม
คาดคั้นให้อากุ่ยยอมพูดความจริงว่าใครคือคนที่สั่งให้มันตัดสายเบรก
รถนายเหมือง เพราะมีคนเห็นมันป้วนเปี้ยนอยู่แถวรถของท่านในช่วงงาน
ศพ แต่มันก็แค่ทำท่าว่าจะรับสารภาพแล้วอาศัยจังหวะที่เขาเผลอ
ตวัดขาขึ้นเตะปืนในมือเขาทิ้ง ก่อนจะโถมตัวเข้ามาต่อสู้กันอย่างดุเดือด
นานหลายอึดใจ สุดท้ายเมื่อมันสบโอกาสเอื้อมมือไปคว้าปืนที่หล่นอยู่
ใกล้ๆ มายิงเขาซึ่งถูกคร่อมไว้ เขาก็คว้ามือมันเอาไว้ได้และผลักมันล้ม
ไปทางริมผา
โชคร้าย...ดินบริเวณนั้นไม่แข็งแรง อากุ่ยจึงพลัดตกเขาไปโดย
ที่เขาเองก็ไม่ตั้งใจ
ชลัมพลพยายามคว้ามืออากุ่ยไว้ แต่ก็เห็นเพียงภาพร่างนั้นกลิ้ง
หลุนๆ ตกลงไปในเหวลึกและมีเสียงร้องก้องสะท้อนกลับมา
“ตรงนั้นเป็นเหวลึก คิดว่ายังไงก็ไม่น่ารอดครับอาเจ็ก” ชายหนุ่ม
ยืนยันกับชายสูงวัยกว่าอีกครั้ง
“แล้วพลแน่ใจนะว่าพวกกรุ๊ปทัวร์ที่เห็นเหตุการณ์จะไม่สร้าง
ปัญหาให้แก่พลทีหลัง”
“ครับ ทะเบียนรถที่ใช้เป็นทะเบียนปลอม ลงจากเขามาผมก็ให้คน
ของเราที่นั่นจัดการทุกอย่างเรียบร้อย อาเจ็กไม่ต้องห่วง” ชลัมพลคิดว่า
ลูกทัวร์พวกนั้นไม่น่าจะกล้ายุ่งอะไร ถึงตอนกลับไปเอารถอีกครั้งเขาจะ
เห็นว่าไกด์สาวที่เป็นลมไปถูกปฐมพยาบาลจนฟื้นขึ้นมา และกำลังโทรศัพท์
แจ้งตำรวจ เขาก็คว้าโทรศัพท์ในมือหล่อนมากดปิดเครื่องทิ้งได้เสียก่อน
หญิงสาวไม่กล้าโวยวายด้วยซ้ำ แต่กลับถอยกรูดไปรวมกับพวก
ลูกทัวร์ราวกับเห็นเขาเป็นปีศาจ ถ้าเขาไม่ได้เพิ่งผ่านเหตุการณ์ที่ต้อง
สูญเสียผู้มีพระคุณอย่างนายเหมืองเตียวมาหมาดๆ เขาอาจจะขำกับ
ท่าทางตื่นๆ ของหล่อนไปแล้ว
ชลัมพลตัดสินใจหยิบเงินทั้งหมดในกระเป๋าสตางค์ยื่นให้หญิงสาว
พร้อมกับโทรศัพท์มือถือ หล่อนไม่กล้ารับด้วยซ้ำ เขาก็เลยจำต้องดึงมือ
หล่อนมารับมันไป และวินาทีนั้นเขาได้ยินเสียงหวีดร้องด้วยความตกใจ
ของหล่อน
‘ค่าเสียหาย’
เขาจำได้ว่าพูดกับหล่อนเพียงเท่านั้น ก่อนจะตัดสินใจขับรถของเขา
ห่างมาเพราะไม่แน่ใจว่าเสียงปืนจะทำให้ตำรวจแห่กันมาช้าเร็วแค่ไหน
แต่เมื่อลงเขามาได้ ชลัมพลก็จอดรถของเขาทิ้งไว้ข้างทางแล้วเหมารถ
สองแถวไปยังโรงแรมที่พัก เขาโทร. ให้คนไปจัดการเก็บกวาดทุกอย่าง
ระหว่างรอเครื่องบินเพื่อเดินทางกลับมาร่วมงานศพของนายเหมืองเตียว
ที่ภูเก็ต
“งั้นพลก็ไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเถอะ วันนี้เหนื่อยมาทั้งวัน อีกเดี๋ยว
จะได้ไปเคารพศพนายเหมืองพร้อมอาเจ็กที่วัด”
ชลัมพลก้มศีรษะลงเล็กน้อยแทนคำตอบ ร่างสูงสมาร์ตหมุนตัว
กลับออกมาจากห้องทำงานของชัยยศ ก่อนจะก้าวขึ้นบันไดไม้สีน้ำตาลเข้ม
ของคฤหาสน์เตชะดำรงสกุลไปยังห้องนอนของตนบนชั้นสอง
ลี้เต็กจ๋วนปู่ของเขาเป็นเพื่อนรักเพียงคนเดียวของนายเหมืองเตียว
ทั้งสองเป็นคนไทยเชื้อสายจีนที่บรรพบุรุษอพยพมาจากมณฑลฮกเกี้ยน
และก่อร่างสร้างตัวมาจากการเป็นคนงานในเหมืองดีบุก จนภายหลัง
กลายเป็นนายเหมืองใหญ่ที่ใครต่อใครนับหน้าถือตา สืบทอดเรื่อยมาจน
ถึงรุ่นของทั้งคู่ซึ่งจัดได้ว่าเป็นรุ่นที่ขยับขยายกิจการมากมายจนกลายเป็น
รุ่นที่ทรงอิทธิพลที่สุดในภูเก็ต แต่นายเหมืองเตียวไม่มีทายาท ผิดจาก
ลี้เต็กจ๋วนที่มีบุตรชายถึงสองคน น่าเสียดายทุกคนในครอบครัวตระกูลลี้
อายุสั้น ประสบอุบัติเหตุเครื่องบินตกพร้อมกันอย่างน่าใจหาย
ความที่ตอนนั้นเขายังเป็นทารก นายเหมืองเตียวจึงเลี้ยงดูเขา
เสมือนเป็นหลานชายแท้ๆ คนหนึ่ง และอนุญาตให้นอนบนชั้นสอง
เช่นเดียวกับสมาชิกคนอื่นๆ ในตระกูลเตียว
ประตูไม้บานหนาถูกเปิดเข้ามาด้านในห้องนอนที่ตกแต่งอย่าง
เรียบง่าย ชายหนุ่มถอดเสื้อสูทออกพาดบนเก้าอี้โต๊ะทำงานตัวหนึ่ง ก่อน
ได้ยินเสียงอะไรบางอย่างหล่นลงกระทบพื้น
ดวงตาคู่คมก้มลงมองในทันที สิ่งที่เขาเห็นคือ...กระดุม
ชลัมพลก้มลงหยิบกระดุมเม็ดเล็กๆ หุ้มด้วยผ้าสีขาวพิมพ์ลายดอกไม้
ขึ้นมา มั่นใจว่ามันไม่ใช่กระดุมเสื้อของเขา ทันใดนั้นเองเขาก็นึกถึงหล่อน
ไกด์สาวที่เกือบตายเพราะเดินมาทวงค่าเสียหายแบบไม่ดูตาม้า
ตาเรือจนเกือบโดนลูกหลง
หากเดาไม่ผิดคงเป็นตอนนั้น...ชลัมพลจำได้ว่าเขาดึงด้ายที่หลุด
จากกระดุมเสื้อของหล่อนออกจนขาดตอนมันมาพันกับกระดุมเสื้อของเขา
บางทีกระดุมนี่คงบังเอิญหล่นอยู่ในกระเป๋าสูท พอถอดออกไป
เมื่อครู่ถึงได้กลิ้งหล่นลงมา
ชลัมพลยิ้ม เมื่ออยู่ๆ เหตุการณ์ตอนที่เขาก้มหลบกระสุนของ
อากุ่ยลงไปเปลี่ยนแมกาซีนปืนทว่าหล่อนดันลุกพรวดขึ้นนั้นกำลังวนเวียน
กลับมา แม้มันจะแค่เสี้ยวนาทีสั้นๆ เขาก็ยังจำความรู้สึกตอนที่ริมฝีปาก
นุ่มนิ่มชนกับปากของเขาได้ จำดวงตากลมโตราวกับตุ๊กตาที่มีแววตกใจ
นั้นได้ หากไม่ใช่เพราะกำลังอยู่ในสถานการณ์อันตรายและมีความจำเป็น
ต้องรีบจัดการกับคนทรยศ เขามั่นใจเลยว่าคงจะไม่ปล่อยให้หล่อนกลาย
เป็นเพียงคนแปลกหน้าเช่นวันนี้
แต่แล้วเหตุผลเหล่านั้นก็ทำให้ภาพไฟที่ลุกท่วมลีมูซีนของผู้มี
พระคุณปรากฏในห้วงคำนึงอีกครั้ง ดวงตาของชลัมพลแข็งกร้าวขึ้นกว่า
ตอนแรก บอกกับตัวเองว่าเขาจะไม่มีวันคิดเรื่องไร้สาระอื่นใดในตอนนี้
เป็นอันขาด เขาจะต้องหาตัวคนที่วางแผนฆาตกรรมนายเหมืองเตียว
มาลงโทษ และเขาก็มั่นใจเกินครึ่งว่าคนที่ต้องการให้นายเหมืองเตียวจบ
ชีวิตลงคือคนที่จะได้รับผลประโยชน์จากเหตุการณ์ครั้งนี้มากที่สุด
น้องชายโดยสายเลือดเพียงคนเดียวของท่านนายเหมืองเตียว...
เตียวซก!
“อั๊วขอสาบานต่อหน้าวิญญาณของเฮีย อั๊วจะหาตัวคนที่มัน
คิดร้ายต่อเฮียมาชดใช้ความผิดครั้งนี้ให้ได้” ชายวัยห้าสิบปลายๆ เอ่ย
คำสัญญาต่อหน้ารูปถ่ายของนายเหมืองเตียวซึ่งตั้งอยู่บนโต๊ะสำหรับ
เซ่นไหว้ภายในห้องไหว้บรรพบุรุษตระกูล ดวงตาแข็งกร้าวนั้นแดงก่ำ
ด้วยความโกรธและเสียใจ ก่อนที่เสียงของสมาชิกในครอบครัวและ
คนสนิทที่ยืนเยื้องอยู่ด้านหลังจะเอ่ยขึ้นพร้อมกัน
“พวกเราสาบาน”
ในฐานะผู้อาวุโสที่สุดของตระกูลตอนนี้ เตียวซกเดินเข้าไปปักธูป
ลงในกระถางหน้ารูปถ่ายของพี่ชายเป็นคนแรก ตามด้วยเตียวซุนย้ง
หรือนายศักดิ์ณรงค์ เตชะดำรงสกุล และเตียวซงเซียง หรือศิณา ซึ่งเป็น
บุตรชายกับบุตรสาวของเตียวซก
เมื่อญาติทั้งหมดปักธูปเสร็จแล้วก็ถึงคราวของคนใกล้ชิดอย่าง
ชลัมพลและชัยยศ ก่อนจะเปิดทางให้พี่น้องคนอื่นที่ไม่ได้เป็นพี่น้อง
โดยสายเลือดทว่าทำงานกับตระกูลเตียวมานานเข้าไปปักธูปจนครบ
ตอนนั้นเองที่แม่บ้านวัยกลางคนในชุดเสื้อสีขาวกับผ้าถุงสาวเท้า
เข้ามา
“ขอโทษนะคะ คุณซก ทนายสมพงศ์มาถึงแล้วค่ะ”
เตียวซกพยักหน้ารับรู้ หันไปบอกทุกคนให้ตามไปยังห้องรับรองใหญ่
ของคฤหาสน์เตชะดำรงสกุล เตียวซกยังคงเว้นที่นั่งเดิมของพี่ชายไว้
เป็นการให้เกียรติ และนั่งลงที่เก้าอี้ประจำของเขาด้านซ้ายมือ ตามด้วย
บุตรชายและบุตรสาวซึ่งแต่งงานไปตั้งแต่สามปีก่อน วันนี้สามีและลูกชาย
ตัวน้อยๆ ของหล่อนจึงมานั่งเรียงต่อไปด้วย เช่นเดียวกับญาติพี่น้อง
อีกหลายคนที่แยกย้ายไปมีครอบครัวในจังหวัดอื่นก็มากันพร้อมหน้า
ส่วนเก้าอี้ทางขวานั้นเป็นของชลัมพล ชัยยศ และบรรดาผู้ใหญ่หลายคน
ที่ทำงานให้ตระกูลเตียวมาช้านาน
“เฮียอาจจะเพิ่งจากพวกเราไป แต่อั๊วคิดว่าทุกคนคงรู้จุดประสงค์
ที่ต้องเชิญทนายมาเปิดพินัยกรรมวันนี้เป็นอย่างดี ถึงแม้ว่าธุรกิจเหมืองแร่
ของเราต้องปิดตัวลงไปจากปัญหาราคาแร่ตกต่ำเมื่อหลายสิบปีก่อน
เฮียก็ยังมีธุรกิจอื่นๆ มากมายเพราะนิสัยที่ไม่เคยหยุดนิ่ง ไม่เคยขี้เกียจ
ทำให้พวกเรามีกินมีใช้จนทุกวันนี้ และเพื่อไม่ให้มีการขัดแย้งกันเกิดขึ้น
ในภายหลัง อั๊วจึงได้เชิญทนายมาพูดคุยเรื่องทรัพย์สินและธุรกิจทั้งหมด
ของเฮียที่ได้ทำเอาไว้ก่อนหน้านี้ เฮียเคยเปรยเอาไว้ว่าทุกคนที่ทำงานกับ
เฮียจะได้รับส่วนแบ่งตามความเหมาะสม ไม่ใช่เฉพาะญาติสนิทอย่างอั๊ว
หรืออาพลที่เป็นเหมือนหลานแท้ๆ ของเฮียเท่านั้น”
ผู้ใหญ่หลายคนในห้องรับรองต่างยิ้มและหันไปมองหน้ากัน
เพราะทุกคนล้วนแต่ติดตามทำงานกับนายเหมืองเตียวมานาน ตอนนั้น
เองที่แม่บ้านเดินนำชายร่างผอมสูงในชุดสูทสากลคนหนึ่งเข้ามา
“เชิญทางนี้ค่ะ คุณทนาย” แม่บ้านใหญ่ผายมือไปยังเก้าอี้ที่จัดไว้
สำหรับทนายสมพงศ์
“ขอบคุณนะครับ และขอสวัสดีทุกท่านในที่นี้ด้วย” ทนายสูงวัย
ยิ้มพลางวางกระเป๋าเอกสารสำคัญบนโต๊ะไม้สีน้ำตาลเข้มเบื้องหน้า
ก่อนจะเปิดซิปกระเป๋าหยิบซองพินัยกรรมที่นายเหมืองเตียวทำเอาไว้
ออกมาถือเตรียมพร้อม และกวาดตามองรอบๆ
“เอ...ดูเหมือนจะยังขาดอีกสองคนนี่ครับ”
เตียวซกนิ่วหน้า มองทนายสมพงศ์ด้วยสายตางุนงง
“ขาดใคร?” ย้อนถามห้วนๆ ตามสไตล์คนไทยเชื้อสายจีนที่เติบโต
มาในครอบครัวชาวจีนแท้ๆ ก่อนจะกวาดตามองรอบๆ แล้วหันไปอธิบาย
“คนในครอบครัวก็ครบแล้ว ผู้อาวุโสและพี่น้องคนสนิทในบริษัทที่น่าจะ
ได้รับส่วนแบ่งก็ครบ แล้วจะยังขาดใครอีก”
“เอ่อ...เกรงว่าคุณเตียวซกอาจจะไม่ทราบ แต่เรื่องนี้คุณชัยยศ
ที่ปรึกษาคนสนิทของคุณเตียวเหล็งน่าจะทราบดี”
คนถูกพาดพิงหันไปมองทนายสมพงศ์อย่างงุนงงครู่หนึ่ง แต่ไม่นาน
ก็มีสีหน้าเหมือนนึกบางอย่างขึ้นได้ ส่วนชลัมพลนั้นหันไปมองอาของเขา
ด้วยความแปลกใจไม่ต่างจากเตียวซก
“ทำไม? มีเรื่องอะไรที่อั๊วไม่รู้ด้วยงั้นเหรอ”
(โปรดติดตามต่อในฉบับเต็ม)
รีวิว (1)

09/08/2014
“กรงน้ำผึ้ง” เป็นนิยายที่ดิฉันมีโอกาสอ่านเมื่อนานมาแล้ว เป็นนิยายที่อ่านได้เรื่อยๆอีกเรื่อง เพราะพล็อตไม่ได้ดราม่าจนน้ำตาไหล หรือ บู๊ดุเดือดเลือดกระจายตายกันไปข้าง ปมเด่นของเรื่องนี้คือความโลภของคนเนี่ยแหละค่ะ อยากได้เงิน มรดก จนต้องวางแผนฆ่าทำให้เจ้าของทรัพย์สินตาย จนนางเอกของเรื่องซึ่งเป็นไกด์สาวได้มีส่วนเข้ามาพัวพัน ครั้งแรกที่พระเอกได้เจอกับนางเอกก็มีเหตุการณ์ให้ตื่นเต้นซะแล้วค่ะ แถมยังได้จูจุ๊บกันโดยบังเอิญอีกด้วย และเพราะจูบนี้ทำให้พระเอกติดตาตรึงใจนางเอกเป็นอย่างมาก แล้วก็ต้องผิดหวังอกหักดังเป๊าะ เพราะมารู้ตอนหลังมาความจริงแล้วนางเอกอยู่ในฐานะเมียน้อยของปู่บุญธรรมของเขานั่นเอง แต่นางเอกความจำเสื่อม จำไม่ได้เลยสักนิดว่าเธอเป็นเมียน้อยชายแก่ขนาดนั้น มีลูกด้วยกันอีก พอปู่พระเอกตาย นางเอกก็เลยมีสิทธิ์ได้รับมรดกค่ะ พวกผู้ร้ายไม่หวังดีที่โลภอยากได้สมบัติก็โผล่หางออกมาเพื่อกำจัดนางเอกไปให้พ้นทาง พระเอกจึงต้องทำหน้าที่ปกป้องนางเอกให้พ้นจากกลุ่มคนไม่หวังดี พระเอกรักนางเอกมาตั้งแต่แรกพบแต่ต้องหักใจด้วยฐานะที่นางเอกเป็นถึง “คุณย่าน้อย” เพราะเป็นเมียปู่ ส่วนนางเอกที่จำความไม่ได้ เธอไม่ยอมให้ใครเข้าใกล้เพราะตั้งแต่ฟื้นมานางเอกก็หลอน อารมร์แบบว่ากลัวจะมีคนมาทำร้ายนางค่ะ แต่แปลกที่พระเอกเป็นคนเดียวที่นาเงอกไว้ใจยอมให้เข้าใกล้ ชีวิตนางเอกจึงผูกติดกับพระเอกโดยปริยาย งานนี้สงสารพระเอกจุงเบย อยากจะหักห้ามใจแต่ไหงต้องมาผูกติดกับคุณย่าก็มิรู้ อิอิ พระเอกก็พยายามจะพานางเอกไปยังสถานที่ต่างๆเพื่อฟื้นความจำค่ะ แต่นางเอกนอกจากจำไม่ได้แล้วเธอยังไม่คุ้นอีกต่างหาก ว่าเธอเคยทำหรือเคยมาตามที่พระเอกเล่าว่าในอดีตเธอเป็นแบบนั้น อาศัยอยู่ที่ไหน พระเอกก็เริ่มจะสงสัยแล้วว่าทำไมนางเอกถึงแปลกๆ ถึงจำอะไรไม่ได้ แต่สัญชาติญาณการทำในสิ่งที่เคยชอบควรจะคงอยู่ อย่างเช่นการทำอาหาร แต่แปลกที่นางเอกแม้แต่น้ำปลาพริกยังทำไม่เป็น จุดพีคของเรื่องก็เลยกลางเล่มมาแล้วค่ะ เมื่อความจริงเรื่องนางเอกเริ่มเปิดเผย พระเอกรู้ว่านางเอกเป็นใครอะไรยังไงมาจากไหน ส่วนนางเอกก็ความจำกลับมา ประเด็นรักต้องห้ามจึงหมดไป ทั้งคู่รักกันได้อย่างสบายใจ แต่เรื่องคนร้ายตัวการที่วางแผนอยากได้มรดกยังไม่หมดไปค่ะ มีการเปิดเผยเรื่องราวทีละนิด คนร้ายเรื่องนี้ไม่ได้ลึกลับอะไร เป็นคนใกล้ตัว ซึ่งต้องบอกว่า “สุดท้ายคนที่ไว้ใจร้ายที่สุด”ค่ะ พระเอกก็เสียใจเพราะไม่คิดว่าจะเป็นคนนี้ คนที่ทำตัวร้ายแต่ความจริงแล้วเป็นคนดี เมื่อปิดฉากคนร้ายได้ เรื่องราวก็จบลงแบบแฮปปี้ค่ะ