กรงน้ำผึ้ง (ผักบุ้ง)

กรงน้ำผึ้ง (ผักบุ้ง)

1 รีวิว  1 รีวิว    
รหัสสินค้า: 9786160005994
ผู้แต่ง: ผักบุ้ง
ของหมด (ต้องการสินค้า)
ราคา: 260.00 บาท 65.00 บาท
ประหยัด: 195.00 บาท ( 75.00% )

เนื้อหาบางส่วน

                          เพียงจุมพิต

 

“บ้าชะมัด!” กำปั้นหนาทุบลงบนโต๊ะในห้องทำงานของคฤหาสน์สองชั้นสไตล์

ชิโน-โปรตุกีสย่านเมืองเก่าภูเก็ต กรามแกร่งขบแน่นจนแก้มกระตุกเบาๆ

หลังจากที่เขาได้ยินว่าคนทรยศพลัดตกหน้าผาไปเสียก่อนจะยอมอ้าปาก

บอกความจริงว่าใครคือผู้บงการให้ตัดสายเบรกรถนายเหมืองใหญ่ของ

บ้านเตชะดำรงสกุล

ชลัมพล ศรัณย์รักษ์ ชายหนุ่มวัยสามสิบสองมองหน้าชายวัย

กลางคนที่กำลังโกรธนั้นด้วยสายตาเรียบนิ่ง เขาเองก็โมโหตัวเองไม่น้อย

ที่ไม่สามารถทำให้คนทรยศคายความลับได้ ทั้งๆ ที่เขาอุตส่าห์ตามหา

ตัวมันแทบพลิกแผ่นดินเชียงใหม่ ก่อนจะไล่ล่ามันขึ้นเขาไป หมายจะให้

มันหยุดรถและยอมสารภาพความจริงทั้งหมดมา

“ถึงอากุ่ยจะตายไปแล้ว ผมก็ไม่ยอมหยุดอยู่แค่นี้แน่” ชลัมพล

กำหมัดแน่น ดวงตาคมแข็งแกร่งวาวโรจน์ด้วยไฟแค้น เมื่อนึกถึงภาพ

ที่รถของนายเหมืองเตียวเหล็งพุ่งเข้าชนเสาไฟฟ้า ก่อนสะเก็ดไฟจะ

กระเด็นมาโดนน้ำมันที่หยดลงใต้ท้องรถแล้วระเบิดตูมต่อหน้าต่อตาเขา

ภาพไฟลุกท่วมลีมูซีนคันหรูยังทำให้หัวใจของเขาปวดร้าวทุกคราว

ที่นึกถึง คืนวานนี้นายเหมืองเตียวเดินทางกลับจากงานศพของภรรยา

ที่เพิ่งจบชีวิตลงด้วยโรคหัวใจวาย ชลัมพลในฐานะมือซ้ายคนสนิทของท่าน

จึงขับรถตามหลังเหมือนอย่างทุกครั้ง ส่วนชัยยศผู้เป็นมือขวาปกติแล้ว

จะต้องนั่งรถคันเดียวกับท่าน แต่วันนั้นชัยยศอยู่ดูแลงานศพต่อ จึงรอด

ชีวิตมายืนอยู่ตรงหน้าเขาในตอนนี้

“พลมั่นใจเหรอว่าอากุ่ยตายแล้วจริงๆ”

คำถามของชายวัยกลางคนที่เขานับถือเสมือนอาแท้ๆ นั้นทำให้

ชลัมพลหันกลับไปสบตา ก่อนจะพยักหน้าน้อยๆ แล้วนึกถึงตอนที่เขา

ขับรถไล่ล่าอากุ่ยไปจนเจอกับมินิบัสของบริษัททัวร์

ตอนนั้นพอหญิงสาวที่เป็นไกด์ของบริษัทช็อกหมดสติไป เขาก็คว้า

ร่างหล่อนเอาไว้ได้ก่อนศีรษะจะฟาดพื้น แต่ไม่ว่าพยายามเขย่าตัวอย่างไร

ก็ไม่รู้สึก ทั้งยังทำให้เขาเกือบเอาตัวไม่รอดเพราะด้ายกระดุมเสื้อที่เย็บ

ไม่ค่อยดีของหล่อนดันมาพันกับกระดุมเสื้อเขา

ปัง! ปัง! ปัง!

อากุ่ยยิงรัวมาแทบนับครั้งไม่ได้ เขาจะลุกขึ้นไปยิงสวน ปืนที่ถืออยู่

ก็ไม่มีกระสุนอีก สุดท้ายเลยตัดสินใจดึงด้ายที่พันกระดุมนั่นจนมันขาด

ออก ก่อนจะค่อยๆ วางร่างหล่อนลงบนพื้นถนน แล้วเปลี่ยนแมกาซีน

ปืนเพื่อหันไปยิงตอบโต้อากุ่ยบ้าง จนในที่สุดอากุ่ยก็ตัดสินใจวิ่งหนีอ้อม

กำแพงผาไป

ชลัมพลไม่ลังเลใจที่จะวิ่งตาม เขาไล่ล่ามันเข้าไปในป่าทึบใกล้ๆ

กับที่เกิดอุบัติเหตุ จนถึงหน้าผาสูงซึ่งเป็นทางตัน ตอนนั้นเขาพยายาม

คาดคั้นให้อากุ่ยยอมพูดความจริงว่าใครคือคนที่สั่งให้มันตัดสายเบรก

รถนายเหมือง เพราะมีคนเห็นมันป้วนเปี้ยนอยู่แถวรถของท่านในช่วงงาน

ศพ แต่มันก็แค่ทำท่าว่าจะรับสารภาพแล้วอาศัยจังหวะที่เขาเผลอ

ตวัดขาขึ้นเตะปืนในมือเขาทิ้ง ก่อนจะโถมตัวเข้ามาต่อสู้กันอย่างดุเดือด

นานหลายอึดใจ สุดท้ายเมื่อมันสบโอกาสเอื้อมมือไปคว้าปืนที่หล่นอยู่

ใกล้ๆ มายิงเขาซึ่งถูกคร่อมไว้ เขาก็คว้ามือมันเอาไว้ได้และผลักมันล้ม

ไปทางริมผา

โชคร้าย...ดินบริเวณนั้นไม่แข็งแรง อากุ่ยจึงพลัดตกเขาไปโดย

ที่เขาเองก็ไม่ตั้งใจ

ชลัมพลพยายามคว้ามืออากุ่ยไว้ แต่ก็เห็นเพียงภาพร่างนั้นกลิ้ง

หลุนๆ ตกลงไปในเหวลึกและมีเสียงร้องก้องสะท้อนกลับมา

“ตรงนั้นเป็นเหวลึก คิดว่ายังไงก็ไม่น่ารอดครับอาเจ็ก” ชายหนุ่ม

ยืนยันกับชายสูงวัยกว่าอีกครั้ง

“แล้วพลแน่ใจนะว่าพวกกรุ๊ปทัวร์ที่เห็นเหตุการณ์จะไม่สร้าง

ปัญหาให้แก่พลทีหลัง”

“ครับ ทะเบียนรถที่ใช้เป็นทะเบียนปลอม ลงจากเขามาผมก็ให้คน

ของเราที่นั่นจัดการทุกอย่างเรียบร้อย อาเจ็กไม่ต้องห่วง” ชลัมพลคิดว่า

ลูกทัวร์พวกนั้นไม่น่าจะกล้ายุ่งอะไร ถึงตอนกลับไปเอารถอีกครั้งเขาจะ

เห็นว่าไกด์สาวที่เป็นลมไปถูกปฐมพยาบาลจนฟื้นขึ้นมา และกำลังโทรศัพท์

แจ้งตำรวจ เขาก็คว้าโทรศัพท์ในมือหล่อนมากดปิดเครื่องทิ้งได้เสียก่อน

หญิงสาวไม่กล้าโวยวายด้วยซ้ำ แต่กลับถอยกรูดไปรวมกับพวก

ลูกทัวร์ราวกับเห็นเขาเป็นปีศาจ ถ้าเขาไม่ได้เพิ่งผ่านเหตุการณ์ที่ต้อง

สูญเสียผู้มีพระคุณอย่างนายเหมืองเตียวมาหมาดๆ เขาอาจจะขำกับ

ท่าทางตื่นๆ ของหล่อนไปแล้ว

ชลัมพลตัดสินใจหยิบเงินทั้งหมดในกระเป๋าสตางค์ยื่นให้หญิงสาว

พร้อมกับโทรศัพท์มือถือ หล่อนไม่กล้ารับด้วยซ้ำ เขาก็เลยจำต้องดึงมือ

หล่อนมารับมันไป และวินาทีนั้นเขาได้ยินเสียงหวีดร้องด้วยความตกใจ

ของหล่อน

‘ค่าเสียหาย’

เขาจำได้ว่าพูดกับหล่อนเพียงเท่านั้น ก่อนจะตัดสินใจขับรถของเขา

ห่างมาเพราะไม่แน่ใจว่าเสียงปืนจะทำให้ตำรวจแห่กันมาช้าเร็วแค่ไหน

แต่เมื่อลงเขามาได้ ชลัมพลก็จอดรถของเขาทิ้งไว้ข้างทางแล้วเหมารถ

สองแถวไปยังโรงแรมที่พัก เขาโทร. ให้คนไปจัดการเก็บกวาดทุกอย่าง

ระหว่างรอเครื่องบินเพื่อเดินทางกลับมาร่วมงานศพของนายเหมืองเตียว

ที่ภูเก็ต

“งั้นพลก็ไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเถอะ วันนี้เหนื่อยมาทั้งวัน อีกเดี๋ยว

จะได้ไปเคารพศพนายเหมืองพร้อมอาเจ็กที่วัด”

ชลัมพลก้มศีรษะลงเล็กน้อยแทนคำตอบ ร่างสูงสมาร์ตหมุนตัว

กลับออกมาจากห้องทำงานของชัยยศ ก่อนจะก้าวขึ้นบันไดไม้สีน้ำตาลเข้ม

ของคฤหาสน์เตชะดำรงสกุลไปยังห้องนอนของตนบนชั้นสอง

ลี้เต็กจ๋วนปู่ของเขาเป็นเพื่อนรักเพียงคนเดียวของนายเหมืองเตียว

ทั้งสองเป็นคนไทยเชื้อสายจีนที่บรรพบุรุษอพยพมาจากมณฑลฮกเกี้ยน

และก่อร่างสร้างตัวมาจากการเป็นคนงานในเหมืองดีบุก จนภายหลัง

กลายเป็นนายเหมืองใหญ่ที่ใครต่อใครนับหน้าถือตา สืบทอดเรื่อยมาจน

ถึงรุ่นของทั้งคู่ซึ่งจัดได้ว่าเป็นรุ่นที่ขยับขยายกิจการมากมายจนกลายเป็น

รุ่นที่ทรงอิทธิพลที่สุดในภูเก็ต แต่นายเหมืองเตียวไม่มีทายาท ผิดจาก

ลี้เต็กจ๋วนที่มีบุตรชายถึงสองคน น่าเสียดายทุกคนในครอบครัวตระกูลลี้

อายุสั้น ประสบอุบัติเหตุเครื่องบินตกพร้อมกันอย่างน่าใจหาย

ความที่ตอนนั้นเขายังเป็นทารก นายเหมืองเตียวจึงเลี้ยงดูเขา

เสมือนเป็นหลานชายแท้ๆ คนหนึ่ง และอนุญาตให้นอนบนชั้นสอง

เช่นเดียวกับสมาชิกคนอื่นๆ ในตระกูลเตียว

ประตูไม้บานหนาถูกเปิดเข้ามาด้านในห้องนอนที่ตกแต่งอย่าง

เรียบง่าย ชายหนุ่มถอดเสื้อสูทออกพาดบนเก้าอี้โต๊ะทำงานตัวหนึ่ง ก่อน

ได้ยินเสียงอะไรบางอย่างหล่นลงกระทบพื้น

ดวงตาคู่คมก้มลงมองในทันที สิ่งที่เขาเห็นคือ...กระดุม

ชลัมพลก้มลงหยิบกระดุมเม็ดเล็กๆ หุ้มด้วยผ้าสีขาวพิมพ์ลายดอกไม้

ขึ้นมา มั่นใจว่ามันไม่ใช่กระดุมเสื้อของเขา ทันใดนั้นเองเขาก็นึกถึงหล่อน

ไกด์สาวที่เกือบตายเพราะเดินมาทวงค่าเสียหายแบบไม่ดูตาม้า

ตาเรือจนเกือบโดนลูกหลง

หากเดาไม่ผิดคงเป็นตอนนั้น...ชลัมพลจำได้ว่าเขาดึงด้ายที่หลุด

จากกระดุมเสื้อของหล่อนออกจนขาดตอนมันมาพันกับกระดุมเสื้อของเขา

บางทีกระดุมนี่คงบังเอิญหล่นอยู่ในกระเป๋าสูท พอถอดออกไป

เมื่อครู่ถึงได้กลิ้งหล่นลงมา

ชลัมพลยิ้ม เมื่ออยู่ๆ เหตุการณ์ตอนที่เขาก้มหลบกระสุนของ

อากุ่ยลงไปเปลี่ยนแมกาซีนปืนทว่าหล่อนดันลุกพรวดขึ้นนั้นกำลังวนเวียน

กลับมา แม้มันจะแค่เสี้ยวนาทีสั้นๆ เขาก็ยังจำความรู้สึกตอนที่ริมฝีปาก

นุ่มนิ่มชนกับปากของเขาได้ จำดวงตากลมโตราวกับตุ๊กตาที่มีแววตกใจ

นั้นได้ หากไม่ใช่เพราะกำลังอยู่ในสถานการณ์อันตรายและมีความจำเป็น

ต้องรีบจัดการกับคนทรยศ เขามั่นใจเลยว่าคงจะไม่ปล่อยให้หล่อนกลาย

เป็นเพียงคนแปลกหน้าเช่นวันนี้

แต่แล้วเหตุผลเหล่านั้นก็ทำให้ภาพไฟที่ลุกท่วมลีมูซีนของผู้มี

พระคุณปรากฏในห้วงคำนึงอีกครั้ง ดวงตาของชลัมพลแข็งกร้าวขึ้นกว่า

ตอนแรก บอกกับตัวเองว่าเขาจะไม่มีวันคิดเรื่องไร้สาระอื่นใดในตอนนี้

เป็นอันขาด เขาจะต้องหาตัวคนที่วางแผนฆาตกรรมนายเหมืองเตียว

มาลงโทษ และเขาก็มั่นใจเกินครึ่งว่าคนที่ต้องการให้นายเหมืองเตียวจบ

ชีวิตลงคือคนที่จะได้รับผลประโยชน์จากเหตุการณ์ครั้งนี้มากที่สุด

น้องชายโดยสายเลือดเพียงคนเดียวของท่านนายเหมืองเตียว...

เตียวซก!

 

อั๊วขอสาบานต่อหน้าวิญญาณของเฮีย อั๊วจะหาตัวคนที่มัน

คิดร้ายต่อเฮียมาชดใช้ความผิดครั้งนี้ให้ได้” ชายวัยห้าสิบปลายๆ เอ่ย

คำสัญญาต่อหน้ารูปถ่ายของนายเหมืองเตียวซึ่งตั้งอยู่บนโต๊ะสำหรับ

เซ่นไหว้ภายในห้องไหว้บรรพบุรุษตระกูล ดวงตาแข็งกร้าวนั้นแดงก่ำ

ด้วยความโกรธและเสียใจ ก่อนที่เสียงของสมาชิกในครอบครัวและ

คนสนิทที่ยืนเยื้องอยู่ด้านหลังจะเอ่ยขึ้นพร้อมกัน

“พวกเราสาบาน”

ในฐานะผู้อาวุโสที่สุดของตระกูลตอนนี้ เตียวซกเดินเข้าไปปักธูป

ลงในกระถางหน้ารูปถ่ายของพี่ชายเป็นคนแรก ตามด้วยเตียวซุนย้ง

หรือนายศักดิ์ณรงค์ เตชะดำรงสกุล และเตียวซงเซียง หรือศิณา ซึ่งเป็น

บุตรชายกับบุตรสาวของเตียวซก

เมื่อญาติทั้งหมดปักธูปเสร็จแล้วก็ถึงคราวของคนใกล้ชิดอย่าง

ชลัมพลและชัยยศ ก่อนจะเปิดทางให้พี่น้องคนอื่นที่ไม่ได้เป็นพี่น้อง

โดยสายเลือดทว่าทำงานกับตระกูลเตียวมานานเข้าไปปักธูปจนครบ

ตอนนั้นเองที่แม่บ้านวัยกลางคนในชุดเสื้อสีขาวกับผ้าถุงสาวเท้า

เข้ามา

“ขอโทษนะคะ คุณซก ทนายสมพงศ์มาถึงแล้วค่ะ”

เตียวซกพยักหน้ารับรู้ หันไปบอกทุกคนให้ตามไปยังห้องรับรองใหญ่

ของคฤหาสน์เตชะดำรงสกุล เตียวซกยังคงเว้นที่นั่งเดิมของพี่ชายไว้

เป็นการให้เกียรติ และนั่งลงที่เก้าอี้ประจำของเขาด้านซ้ายมือ ตามด้วย

บุตรชายและบุตรสาวซึ่งแต่งงานไปตั้งแต่สามปีก่อน วันนี้สามีและลูกชาย

ตัวน้อยๆ ของหล่อนจึงมานั่งเรียงต่อไปด้วย เช่นเดียวกับญาติพี่น้อง

อีกหลายคนที่แยกย้ายไปมีครอบครัวในจังหวัดอื่นก็มากันพร้อมหน้า

ส่วนเก้าอี้ทางขวานั้นเป็นของชลัมพล ชัยยศ และบรรดาผู้ใหญ่หลายคน

ที่ทำงานให้ตระกูลเตียวมาช้านาน

“เฮียอาจจะเพิ่งจากพวกเราไป แต่อั๊วคิดว่าทุกคนคงรู้จุดประสงค์

ที่ต้องเชิญทนายมาเปิดพินัยกรรมวันนี้เป็นอย่างดี ถึงแม้ว่าธุรกิจเหมืองแร่

ของเราต้องปิดตัวลงไปจากปัญหาราคาแร่ตกต่ำเมื่อหลายสิบปีก่อน

เฮียก็ยังมีธุรกิจอื่นๆ มากมายเพราะนิสัยที่ไม่เคยหยุดนิ่ง ไม่เคยขี้เกียจ

ทำให้พวกเรามีกินมีใช้จนทุกวันนี้ และเพื่อไม่ให้มีการขัดแย้งกันเกิดขึ้น

ในภายหลัง อั๊วจึงได้เชิญทนายมาพูดคุยเรื่องทรัพย์สินและธุรกิจทั้งหมด

ของเฮียที่ได้ทำเอาไว้ก่อนหน้านี้ เฮียเคยเปรยเอาไว้ว่าทุกคนที่ทำงานกับ

เฮียจะได้รับส่วนแบ่งตามความเหมาะสม ไม่ใช่เฉพาะญาติสนิทอย่างอั๊ว

หรืออาพลที่เป็นเหมือนหลานแท้ๆ ของเฮียเท่านั้น”

ผู้ใหญ่หลายคนในห้องรับรองต่างยิ้มและหันไปมองหน้ากัน

เพราะทุกคนล้วนแต่ติดตามทำงานกับนายเหมืองเตียวมานาน ตอนนั้น

เองที่แม่บ้านเดินนำชายร่างผอมสูงในชุดสูทสากลคนหนึ่งเข้ามา

“เชิญทางนี้ค่ะ คุณทนาย” แม่บ้านใหญ่ผายมือไปยังเก้าอี้ที่จัดไว้

สำหรับทนายสมพงศ์

“ขอบคุณนะครับ และขอสวัสดีทุกท่านในที่นี้ด้วย” ทนายสูงวัย

ยิ้มพลางวางกระเป๋าเอกสารสำคัญบนโต๊ะไม้สีน้ำตาลเข้มเบื้องหน้า

ก่อนจะเปิดซิปกระเป๋าหยิบซองพินัยกรรมที่นายเหมืองเตียวทำเอาไว้

ออกมาถือเตรียมพร้อม และกวาดตามองรอบๆ

“เอ...ดูเหมือนจะยังขาดอีกสองคนนี่ครับ”

เตียวซกนิ่วหน้า มองทนายสมพงศ์ด้วยสายตางุนงง

“ขาดใคร?” ย้อนถามห้วนๆ ตามสไตล์คนไทยเชื้อสายจีนที่เติบโต

มาในครอบครัวชาวจีนแท้ๆ ก่อนจะกวาดตามองรอบๆ แล้วหันไปอธิบาย

“คนในครอบครัวก็ครบแล้ว ผู้อาวุโสและพี่น้องคนสนิทในบริษัทที่น่าจะ

ได้รับส่วนแบ่งก็ครบ แล้วจะยังขาดใครอีก”

“เอ่อ...เกรงว่าคุณเตียวซกอาจจะไม่ทราบ แต่เรื่องนี้คุณชัยยศ

ที่ปรึกษาคนสนิทของคุณเตียวเหล็งน่าจะทราบดี”

คนถูกพาดพิงหันไปมองทนายสมพงศ์อย่างงุนงงครู่หนึ่ง แต่ไม่นาน

ก็มีสีหน้าเหมือนนึกบางอย่างขึ้นได้ ส่วนชลัมพลนั้นหันไปมองอาของเขา

ด้วยความแปลกใจไม่ต่างจากเตียวซก

“ทำไม? มีเรื่องอะไรที่อั๊วไม่รู้ด้วยงั้นเหรอ”

 

(โปรดติดตามต่อในฉบับเต็ม)


รีวิว (1)

เขียนรีวิว

จตุพร | 1 รีวิว
09/08/2014

“กรงน้ำผึ้ง” เป็นนิยายที่ดิฉันมีโอกาสอ่านเมื่อนานมาแล้ว เป็นนิยายที่อ่านได้เรื่อยๆอีกเรื่อง เพราะพล็อตไม่ได้ดราม่าจนน้ำตาไหล หรือ บู๊ดุเดือดเลือดกระจายตายกันไปข้าง ปมเด่นของเรื่องนี้คือความโลภของคนเนี่ยแหละค่ะ อยากได้เงิน มรดก จนต้องวางแผนฆ่าทำให้เจ้าของทรัพย์สินตาย จนนางเอกของเรื่องซึ่งเป็นไกด์สาวได้มีส่วนเข้ามาพัวพัน ครั้งแรกที่พระเอกได้เจอกับนางเอกก็มีเหตุการณ์ให้ตื่นเต้นซะแล้วค่ะ แถมยังได้จูจุ๊บกันโดยบังเอิญอีกด้วย และเพราะจูบนี้ทำให้พระเอกติดตาตรึงใจนางเอกเป็นอย่างมาก แล้วก็ต้องผิดหวังอกหักดังเป๊าะ เพราะมารู้ตอนหลังมาความจริงแล้วนางเอกอยู่ในฐานะเมียน้อยของปู่บุญธรรมของเขานั่นเอง แต่นางเอกความจำเสื่อม จำไม่ได้เลยสักนิดว่าเธอเป็นเมียน้อยชายแก่ขนาดนั้น มีลูกด้วยกันอีก พอปู่พระเอกตาย นางเอกก็เลยมีสิทธิ์ได้รับมรดกค่ะ พวกผู้ร้ายไม่หวังดีที่โลภอยากได้สมบัติก็โผล่หางออกมาเพื่อกำจัดนางเอกไปให้พ้นทาง พระเอกจึงต้องทำหน้าที่ปกป้องนางเอกให้พ้นจากกลุ่มคนไม่หวังดี พระเอกรักนางเอกมาตั้งแต่แรกพบแต่ต้องหักใจด้วยฐานะที่นางเอกเป็นถึง “คุณย่าน้อย” เพราะเป็นเมียปู่ ส่วนนางเอกที่จำความไม่ได้ เธอไม่ยอมให้ใครเข้าใกล้เพราะตั้งแต่ฟื้นมานางเอกก็หลอน อารมร์แบบว่ากลัวจะมีคนมาทำร้ายนางค่ะ แต่แปลกที่พระเอกเป็นคนเดียวที่นาเงอกไว้ใจยอมให้เข้าใกล้ ชีวิตนางเอกจึงผูกติดกับพระเอกโดยปริยาย งานนี้สงสารพระเอกจุงเบย อยากจะหักห้ามใจแต่ไหงต้องมาผูกติดกับคุณย่าก็มิรู้ อิอิ พระเอกก็พยายามจะพานางเอกไปยังสถานที่ต่างๆเพื่อฟื้นความจำค่ะ แต่นางเอกนอกจากจำไม่ได้แล้วเธอยังไม่คุ้นอีกต่างหาก ว่าเธอเคยทำหรือเคยมาตามที่พระเอกเล่าว่าในอดีตเธอเป็นแบบนั้น อาศัยอยู่ที่ไหน พระเอกก็เริ่มจะสงสัยแล้วว่าทำไมนางเอกถึงแปลกๆ ถึงจำอะไรไม่ได้ แต่สัญชาติญาณการทำในสิ่งที่เคยชอบควรจะคงอยู่ อย่างเช่นการทำอาหาร แต่แปลกที่นางเอกแม้แต่น้ำปลาพริกยังทำไม่เป็น จุดพีคของเรื่องก็เลยกลางเล่มมาแล้วค่ะ เมื่อความจริงเรื่องนางเอกเริ่มเปิดเผย พระเอกรู้ว่านางเอกเป็นใครอะไรยังไงมาจากไหน ส่วนนางเอกก็ความจำกลับมา ประเด็นรักต้องห้ามจึงหมดไป ทั้งคู่รักกันได้อย่างสบายใจ แต่เรื่องคนร้ายตัวการที่วางแผนอยากได้มรดกยังไม่หมดไปค่ะ มีการเปิดเผยเรื่องราวทีละนิด คนร้ายเรื่องนี้ไม่ได้ลึกลับอะไร เป็นคนใกล้ตัว ซึ่งต้องบอกว่า “สุดท้ายคนที่ไว้ใจร้ายที่สุด”ค่ะ พระเอกก็เสียใจเพราะไม่คิดว่าจะเป็นคนนี้ คนที่ทำตัวร้ายแต่ความจริงแล้วเป็นคนดี เมื่อปิดฉากคนร้ายได้ เรื่องราวก็จบลงแบบแฮปปี้ค่ะ

สินค้าที่ใกล้เคียง (96 รายการ)

www.batorastore.com © 2024