Customer Reviews

เวลาเราอ่านหนังสือประเภทฟิตหุ่นสวยด้วยวิธีง่ายๆอะไรประมาณนี้เราก็ไม่ค่อยจะเชื่อเลยอะค่ะ แต่ก็ยังซื้อมาอ่านอยู่ 555 เพราะบางทีมันก็ขี้เกียจไปออกกำลังกายเหมือนกัน ท่าทางที่ออกแบบไว้ในหนังสือก็ไม่น่าเชื่อเท่าไหร่คะว่าจะสามารถกระชับรูปร่างได้จริง เค้าจะมีท่ากระชับใบหน้า ท่าบริหารคอและบ่า ท่าลดไขมันช่วงแขน ลดสะโพก ต้นขา น่อง พอดีว่าเราเองออกกำลังกายด้วยการวิ่งเป็นประจำอยู่แล้ว แล้วมาใช้การบริหารตามหนังสือเล่มนี้อีกก็เลยไม่แน่ใจว่าอันไหนได้ผลดีกว่ากัน เราใช้เล่มนี้เฉพาะในเวลาที่ไม่ได้วิ่งเท่านั้น แต่ส่วนตัวคิดว่าลำพังท่าบริหารที่หนังสือบอกไว้ไม่น่าจะใช้ได้ผลจริงๆ ต้องใช้ประกอบกันค่ะ ในส่วนที่สองก็จะว่าด้วยเรื่องของการฝึกท่าทางในชีวิตประจำวันอย่างเช่นการนั่งบนเก้าอี้ การเดินอย่างถูกต้องตามสรีระร่างกาย ส่วนนี้เราว่าโอเคค่ะ เอาไปใช้แล้วได้ผลดีจริง เป็นการฝึกบุคลิกภาพไปด้วยในตัว ภาพรวมของหนังสือเล่มนี้ก็อย่างที่บอกว่าเหมาะสำหรับสาวๆที่ต้องการดูแลตัวเองในแบบที่ไม่เหนื่อยมาก ใช้เวลาน้อยๆแค่ 20 นาที ในการทำให้รูปร่างดูดีแบบที่ไม่ต้องอดอาหาร แต่คงต้องใช้เวลานานเหมือนกันนะคะกว่าจะได้รูปร่างที่ต้องการ เราแนะนำให้ทำตามแบบที่เราทำน่าจะได้ผลไวกว่าก็คือใช้การออกกำลังกายแบบอื่นๆควบคู่ไปด้วย ของแบบนี้ต้องขยันบวกตั้งใจจริงนะคะ เพราะถ้าไม่ขยันไม่ตั้งใจ ต่อให้อ่านเล่มนี้เป็นร้อยรอบก็ไม่มีประโยชน์ เพราะฉะนั้นถ้าลองเพิ่มความตั้งใจขึ้นอีกนิด ทนเหนื่อยอีกหน่อย รับรองว่าสวยเร็วทันใจแน่นอน

เวลาเราอ่านหนังสือประเภทฟิตหุ่นสวยด้วยวิธีง่ายๆอะไรประมาณนี้เราก็ไม่ค่อยจะเชื่อเลยอะค่ะ แต่ก็ยังซื้อมาอ่านอยู่ 555 เพราะบางทีมันก็ขี้เกียจไปออกกำลังกายเหมือนกัน ท่าทางที่ออกแบบไว้ในหนังสือก็ไม่น่าเชื่อเท่าไหร่คะว่าจะสามารถกระชับรูปร่างได้จริง เค้าจะมีท่ากระชับใบหน้า ท่าบริหารคอและบ่า ท่าลดไขมันช่วงแขน ลดสะโพก ต้นขา น่อง พอดีว่าเราเองออกกำลังกายด้วยการวิ่งเป็นประจำอยู่แล้ว แล้วมาใช้การบริหารตามหนังสือเล่มนี้อีกก็เลยไม่แน่ใจว่าอันไหนได้ผลดีกว่ากัน เราใช้เล่มนี้เฉพาะในเวลาที่ไม่ได้วิ่งเท่านั้น แต่ส่วนตัวคิดว่าลำพังท่าบริหารที่หนังสือบอกไว้ไม่น่าจะใช้ได้ผลจริงๆ ต้องใช้ประกอบกันค่ะ ในส่วนที่สองก็จะว่าด้วยเรื่องของการฝึกท่าทางในชีวิตประจำวันอย่างเช่นการนั่งบนเก้าอี้ การเดินอย่างถูกต้องตามสรีระร่างกาย ส่วนนี้เราว่าโอเคค่ะ เอาไปใช้แล้วได้ผลดีจริง เป็นการฝึกบุคลิกภาพไปด้วยในตัว ภาพรวมของหนังสือเล่มนี้ก็อย่างที่บอกว่าเหมาะสำหรับสาวๆที่ต้องการดูแลตัวเองในแบบที่ไม่เหนื่อยมาก ใช้เวลาน้อยๆแค่ 20 นาที ในการทำให้รูปร่างดูดีแบบที่ไม่ต้องอดอาหาร แต่คงต้องใช้เวลานานเหมือนกันนะคะกว่าจะได้รูปร่างที่ต้องการ เราแนะนำให้ทำตามแบบที่เราทำน่าจะได้ผลไวกว่าก็คือใช้การออกกำลังกายแบบอื่นๆควบคู่ไปด้วย ของแบบนี้ต้องขยันบวกตั้งใจจริงนะคะ เพราะถ้าไม่ขยันไม่ตั้งใจ ต่อให้อ่านเล่มนี้เป็นร้อยรอบก็ไม่มีประโยชน์ เพราะฉะนั้นถ้าลองเพิ่มความตั้งใจขึ้นอีกนิด ทนเหนื่อยอีกหน่อย รับรองว่าสวยเร็วทันใจแน่นอน

สำหรับ 80 ท่าฮิต ฟิตใน 30 วินาทีเล่มนี้น่าจะเหมาะกับบรรดาคนที่ขี้เกียจออกกำลังกายหรือว่าไม่มีเวลาออกกำลังกายทั้งหลายนะคะ ที่พูดแบบนี้ก็เพราะว่าหนังสือพูดถึงเรื่องของการเคลื่อนไหวร่างกายด้วยท่าทางต่างๆในระหว่างที่เราทำกิจวัตรประจำวันตามปกติ ผู้เขียนเรียกว่าเป็นวิธีการแทรกการออกกำลังลงไปในระหว่างเวลาที่เราทำกิจวัตรต่างๆ อย่างเช่นในขณะที่เรารอเปิดหน้าจอคอมให้ย่อเข่า กะพริบตา บริหารคอ หรือว่าในเวลาพักให้เราสะบัดปลายเท้า ขณะที่เราคุยโทรศัพท์ให้เรายืนด้วยปลายเท้า ภายในลิฟท์ให้ขมิบทวารหนัก ในโรงหนังให้เราลองหายใจเข้าออกลึกๆ เป็นต้น อาจจะดูเป็นเรื่องยิบย่อยไร้สาระนะคะ แต่ถ้าได้ลองตั้งใจทำเป็นประจำอย่างสม่ำเสมอ เราว่าไม่แน่อาจจะได้ผลดีพอๆกับการไปออกกำลังกายครั้งเดียวเป็นชั่วโมงๆก็ได้ ส่วนตัวเราเคยลองทำเหมือนกันค่ะ แต่ไม่ค่อยจะต่อเนื่องซักเท่าไหร่ก็เลยยังไม่เห็นผลชัดเจน แต่ที่รู้สึกได้จริงๆคือความตึงเครียดเราน้อยลงอะค่ะ รู้สึกผ่อนคลายมากขึ้น รู้สึกโล่งๆบอกไม่ถูก แปลกดีเหมือนกันค่ะว่าทำไมออกกำลังกายแต่ก็ได้ผลดีที่จิตใจด้วย คงเป็นอย่างที่เค้าบอกมั้งคะว่าร่างกายกับจิตใจทำงานสัมพันธ์กันอย่างใกล้ชิดและส่งผลถึงกันตลอดเวลา ยังไงก็ตามแม้จะเป็นเรื่องของการขยับร่างกายเล็กๆน้อยก็ต้องอาศัยความตั้งใจเหมือนกันนะคะ ต้องเตือนตัวเองให้ทำอย่างสม่ำเสมอ แล้วก็อย่างที่ผู้เขียนบอกว่าต้องทำอย่างมีสมาธิด้วย ลองอ่านดูค่ะ เราว่าเป็นวิธีการรักษาสุขภาพที่แทบจะไม่ต้องลงทุนอะไรเลยแต่ได้ผลคุ้มค่า

สำหรับ 80 ท่าฮิต ฟิตใน 30 วินาทีเล่มนี้น่าจะเหมาะกับบรรดาคนที่ขี้เกียจออกกำลังกายหรือว่าไม่มีเวลาออกกำลังกายทั้งหลายนะคะ ที่พูดแบบนี้ก็เพราะว่าหนังสือพูดถึงเรื่องของการเคลื่อนไหวร่างกายด้วยท่าทางต่างๆในระหว่างที่เราทำกิจวัตรประจำวันตามปกติ ผู้เขียนเรียกว่าเป็นวิธีการแทรกการออกกำลังลงไปในระหว่างเวลาที่เราทำกิจวัตรต่างๆ อย่างเช่นในขณะที่เรารอเปิดหน้าจอคอมให้ย่อเข่า กะพริบตา บริหารคอ หรือว่าในเวลาพักให้เราสะบัดปลายเท้า ขณะที่เราคุยโทรศัพท์ให้เรายืนด้วยปลายเท้า ภายในลิฟท์ให้ขมิบทวารหนัก ในโรงหนังให้เราลองหายใจเข้าออกลึกๆ เป็นต้น อาจจะดูเป็นเรื่องยิบย่อยไร้สาระนะคะ แต่ถ้าได้ลองตั้งใจทำเป็นประจำอย่างสม่ำเสมอ เราว่าไม่แน่อาจจะได้ผลดีพอๆกับการไปออกกำลังกายครั้งเดียวเป็นชั่วโมงๆก็ได้ ส่วนตัวเราเคยลองทำเหมือนกันค่ะ แต่ไม่ค่อยจะต่อเนื่องซักเท่าไหร่ก็เลยยังไม่เห็นผลชัดเจน แต่ที่รู้สึกได้จริงๆคือความตึงเครียดเราน้อยลงอะค่ะ รู้สึกผ่อนคลายมากขึ้น รู้สึกโล่งๆบอกไม่ถูก แปลกดีเหมือนกันค่ะว่าทำไมออกกำลังกายแต่ก็ได้ผลดีที่จิตใจด้วย คงเป็นอย่างที่เค้าบอกมั้งคะว่าร่างกายกับจิตใจทำงานสัมพันธ์กันอย่างใกล้ชิดและส่งผลถึงกันตลอดเวลา ยังไงก็ตามแม้จะเป็นเรื่องของการขยับร่างกายเล็กๆน้อยก็ต้องอาศัยความตั้งใจเหมือนกันนะคะ ต้องเตือนตัวเองให้ทำอย่างสม่ำเสมอ แล้วก็อย่างที่ผู้เขียนบอกว่าต้องทำอย่างมีสมาธิด้วย ลองอ่านดูค่ะ เราว่าเป็นวิธีการรักษาสุขภาพที่แทบจะไม่ต้องลงทุนอะไรเลยแต่ได้ผลคุ้มค่า

สำหรับกับดักสุขภาพ 11 ประการเล่มนี้ก็คือหนังสือที่จะมาแนะนำความรู้ให้กับผู้อ่านได้มีความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับการดูแลรักษาสุขภาพของตัวเองโดยเฉพาะอย่างยิ่งที่เกี่ยวกับเรื่องกิน เราเชื่อว่าคนส่วนใหญ่มีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการดูแลรักษาสุขภาพแบบที่ไม่ค่อยจะถูกต้องซักเท่าไหร่ ซึ่งอาจจะเป็นเพราะอาศัยแค่การบอกเล่าหรือว่าฟังต่อๆกันมาเท่านั้น ไม่ได้ค้นคว้าหาข้อมูลอย่างเพียงพอ แต่ถามว่านั่นเป็นความผิดของเรารึป่าว ก็อาจจะพูดว่าเป็นความผิดของผู้บริโภคได้ไม่เต็มปาก เพราะต้องยอมรับว่าเรื่องแบบนี้ ถ้าไม่ใช่คนที่มีความรู้พื้นฐานด้านการดูแลสุขภาพมาบ้าง ก็คงเป็นเรื่องยากที่จะรู้ได้ว่าเรื่องไหนจริงเรื่องไหนหลอก ลองอ่านเล่มนี้ดูสิคะ เราว่าช่วยให้ตาสว่างมากขึ้นเยอะเลย อย่างเรื่องง่ายๆเรื่องแรกคือเรื่องที่บอกว่าเพื่อสุขภาพที่ดีเราควรดื่มน้ำวันละ 8 แก้ว ผู้เขียนบอกว่าการดื่มน้ำมากขนาดนั้นจะทำให้ไตทำงานหนักเกินไป คนเรากินน้ำที่เป็นส่วนผสมในอาหารอยู่แล้วเพราะฉะนั้นควรกินน้ำวันละ 4 แก้ว ก็พอ อีกเรื่องที่น่าสนใจคือความเชื่อที่ว่าถ้าอยากผอมต้องเข้าฟิตเนส ซึ่งเป็นความเชื่อที่ผิดเพราะการจะผอมได้นั้นมีองค์ประกอบหลายอย่างมากกว่าการออกกำลังกาย อย่างเช่นต้องกินให้ถูกวิธี ต้องบริหารจิตใจด้วย เราว่าหนังสือเล่มนี้อ่านง่ายดีค่ะ ใช้เวลาอ่านไม่นานแต่ได้ความรู้เพียบ และก็เป็นความรู้ที่ใช้งานได้จริง ไม่ใช่ความรู้รกสมองแบบที่เอาไปทำอะไรไม่ได้ ถ้าลองไปทำตามที่หนังสือบอกจนหลุดพ้นกับดักทั้ง 11 ข้อ เราว่าคงการันตีได้เลยว่าผู้อ่านต้องมีสุขภาพดีขึ้นแน่นอน

สำหรับกับดักสุขภาพ 11 ประการเล่มนี้ก็คือหนังสือที่จะมาแนะนำความรู้ให้กับผู้อ่านได้มีความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับการดูแลรักษาสุขภาพของตัวเองโดยเฉพาะอย่างยิ่งที่เกี่ยวกับเรื่องกิน เราเชื่อว่าคนส่วนใหญ่มีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการดูแลรักษาสุขภาพแบบที่ไม่ค่อยจะถูกต้องซักเท่าไหร่ ซึ่งอาจจะเป็นเพราะอาศัยแค่การบอกเล่าหรือว่าฟังต่อๆกันมาเท่านั้น ไม่ได้ค้นคว้าหาข้อมูลอย่างเพียงพอ แต่ถามว่านั่นเป็นความผิดของเรารึป่าว ก็อาจจะพูดว่าเป็นความผิดของผู้บริโภคได้ไม่เต็มปาก เพราะต้องยอมรับว่าเรื่องแบบนี้ ถ้าไม่ใช่คนที่มีความรู้พื้นฐานด้านการดูแลสุขภาพมาบ้าง ก็คงเป็นเรื่องยากที่จะรู้ได้ว่าเรื่องไหนจริงเรื่องไหนหลอก ลองอ่านเล่มนี้ดูสิคะ เราว่าช่วยให้ตาสว่างมากขึ้นเยอะเลย อย่างเรื่องง่ายๆเรื่องแรกคือเรื่องที่บอกว่าเพื่อสุขภาพที่ดีเราควรดื่มน้ำวันละ 8 แก้ว ผู้เขียนบอกว่าการดื่มน้ำมากขนาดนั้นจะทำให้ไตทำงานหนักเกินไป คนเรากินน้ำที่เป็นส่วนผสมในอาหารอยู่แล้วเพราะฉะนั้นควรกินน้ำวันละ 4 แก้ว ก็พอ อีกเรื่องที่น่าสนใจคือความเชื่อที่ว่าถ้าอยากผอมต้องเข้าฟิตเนส ซึ่งเป็นความเชื่อที่ผิดเพราะการจะผอมได้นั้นมีองค์ประกอบหลายอย่างมากกว่าการออกกำลังกาย อย่างเช่นต้องกินให้ถูกวิธี ต้องบริหารจิตใจด้วย เราว่าหนังสือเล่มนี้อ่านง่ายดีค่ะ ใช้เวลาอ่านไม่นานแต่ได้ความรู้เพียบ และก็เป็นความรู้ที่ใช้งานได้จริง ไม่ใช่ความรู้รกสมองแบบที่เอาไปทำอะไรไม่ได้ ถ้าลองไปทำตามที่หนังสือบอกจนหลุดพ้นกับดักทั้ง 11 ข้อ เราว่าคงการันตีได้เลยว่าผู้อ่านต้องมีสุขภาพดีขึ้นแน่นอน

สำหรับ 100 วิธีพูดอังกฤษแบบเหนือชั้น เล่มนี้มีที่มาในแบบที่คนไทยน่าจะเก็ทกันนะคะ คือเรามักจะท่องจำประโยคสนทนาแบบเดิมๆ ไม่สามารถที่จะพลิกแพลงภาษาโดยใช้คำหรือประโยคอื่นๆที่มีความหมายเดียวกันได้ ตั้งแต่เด็กเราก็พูดกันว่า how are you ? I’m fine thank you and you อะไรประมาณนี้ พูดกันมาตั้งแต่ก่อตั้งกระทรวงศึกษาจนตอนนี้ก็ยังพูดประโยคเดิมกันอยู่ ผ็เขียนเค้าก็เลยเกิดไอเดียในการเขียนหนังสือเล่มนี้ขึ้นมาเพื่อรวบรวมคำศัพท์หรือว่าประโยคที่มีความกมายเหมือนกันและสามารถใช้แทนกันได้ในแบบที่เจ้าของภาษาเค้าใช้กันเป็นประจำด้วย ก็เพื่อให้ผู้อ่านได้เปิดหูเปิดตาทางภาษา สามารถที่จะสื่อสารด้วยถ้อยคำหรือว่าประโยคอื่นๆที่จะช่วยให้การสื่อสารน่าสนใจและเป็นธรรมชาติมากขึ้น ในหนังสือเล่มนี้แบ่งออกเป็นหมวดหมู่ต่างๆค่ะ อย่างเช่นการทักทาย การบอกลา การแนะนำให้รู้จัก การให้คำแนะนำ การแสดงความคิดเห็น การชมเชย การต่อว่า การขอร้อง การแสดงความต้องการ การแสดงความช่วยเหลือ การออกคำสั่ง เป็นต้น ถือว่าครอบคลุมเนื้อหาในทุกสถานการณ์ดีเหมือนกันค่ะ ในส่วนของคำศัพท์ที่ใช้นั้นไม่ยากเลยค่ะ เป็นศัพท์ระดับอนุบาลหรือประถมด้วยซ้ำ เพียงแต่ว่าผู้อ่านหลายคนยังไม่ทราบว่าพอเอามาใช้งานจริงก็สามารถใช้ได้หลากหลาย อย่างเช่นถ้าจะถามว่าสบายดีไหมก็อาจจะถามว่า how are things? How is it going? ถ้าไม่รู้ก็อาจจะงงได้เหมือนกันว่าเค้าถามว่าอะไรและจะต้องตอบคำถามยังไง ก็เป็นอีกเล่มหนึ่งที่จะช่วยให้เราสามารถพูดภาษาอังกฤษในชีวิตประจำวันได้ใกล้เคียงกับที่เจ้าของภาษาเค้าพูดกัน

สำหรับ 100 วิธีพูดอังกฤษแบบเหนือชั้น เล่มนี้มีที่มาในแบบที่คนไทยน่าจะเก็ทกันนะคะ คือเรามักจะท่องจำประโยคสนทนาแบบเดิมๆ ไม่สามารถที่จะพลิกแพลงภาษาโดยใช้คำหรือประโยคอื่นๆที่มีความหมายเดียวกันได้ ตั้งแต่เด็กเราก็พูดกันว่า how are you ? I’m fine thank you and you อะไรประมาณนี้ พูดกันมาตั้งแต่ก่อตั้งกระทรวงศึกษาจนตอนนี้ก็ยังพูดประโยคเดิมกันอยู่ ผ็เขียนเค้าก็เลยเกิดไอเดียในการเขียนหนังสือเล่มนี้ขึ้นมาเพื่อรวบรวมคำศัพท์หรือว่าประโยคที่มีความกมายเหมือนกันและสามารถใช้แทนกันได้ในแบบที่เจ้าของภาษาเค้าใช้กันเป็นประจำด้วย ก็เพื่อให้ผู้อ่านได้เปิดหูเปิดตาทางภาษา สามารถที่จะสื่อสารด้วยถ้อยคำหรือว่าประโยคอื่นๆที่จะช่วยให้การสื่อสารน่าสนใจและเป็นธรรมชาติมากขึ้น ในหนังสือเล่มนี้แบ่งออกเป็นหมวดหมู่ต่างๆค่ะ อย่างเช่นการทักทาย การบอกลา การแนะนำให้รู้จัก การให้คำแนะนำ การแสดงความคิดเห็น การชมเชย การต่อว่า การขอร้อง การแสดงความต้องการ การแสดงความช่วยเหลือ การออกคำสั่ง เป็นต้น ถือว่าครอบคลุมเนื้อหาในทุกสถานการณ์ดีเหมือนกันค่ะ ในส่วนของคำศัพท์ที่ใช้นั้นไม่ยากเลยค่ะ เป็นศัพท์ระดับอนุบาลหรือประถมด้วยซ้ำ เพียงแต่ว่าผู้อ่านหลายคนยังไม่ทราบว่าพอเอามาใช้งานจริงก็สามารถใช้ได้หลากหลาย อย่างเช่นถ้าจะถามว่าสบายดีไหมก็อาจจะถามว่า how are things? How is it going? ถ้าไม่รู้ก็อาจจะงงได้เหมือนกันว่าเค้าถามว่าอะไรและจะต้องตอบคำถามยังไง ก็เป็นอีกเล่มหนึ่งที่จะช่วยให้เราสามารถพูดภาษาอังกฤษในชีวิตประจำวันได้ใกล้เคียงกับที่เจ้าของภาษาเค้าพูดกัน

สำหรับ Quick and Delicious เล่มนี้ เป็นเล่มที่ สองนะคะ ก็ตามชื่อหนังสือเลยค่ะ เป็นหนังสือรวบรวมเมนูอาหารที่ทำง่าย ได้เร็ว แล้วก็อร่อย ง่ายอันนี้ถ้าใครที่ชอบทำอาหารเป็นประจำแบบเราก็ต้องบอกว่าทำง่ายจริงค่ะ แต่ถ้าใครเป็นมือใหม่อันนี้ต้องบอกว่ามีความยุ่งยากในขั้นตอนการเตรียมวัตถุดิบพอสมควร ถ้าใครคิดว่าเล่มนี้เป็นเล่มที่เหมาะสำหรับพ่อครัวหรือว่าแม่ครัวมือใหม่ ต้องเตือนไว้ก่อนว่าอาจจะเข้าใจผิดเพราะชื่อของหนังสือก็ได้ ในหนังสือเค้าจะแบ่งเมนูอาหารออกเป็น part อะค่ะ part 1 ซุปญี่ปุ่นอุ่นอร่อย อันนี้ขอข้ามละกัน เราไม่ถนัดซักเท่าไหร่ part 2 ไฮไฟเบอร์ อันนี้เป็นเมนูผักต่างๆค่ะ ทำง่ายแต่ไม่ค่อยอร่อย part 3 let’s party อันนี้เป็นเมนูงานเลี้ยงที่เก๋ดีค่ะ แต่อาหารก็งั้นๆยังไม่อร่อย part 4 ซีฟู้ดจานด่วน อันนี้อร่อยจริงค่ะ รับประกัน part 5 ข้าวผัดสามชาติ อันนี้อร่อยแล้วก็ทำง่ายจริงค่ะ part 6 อันนี้สามารถหาวัตถุดิบติดบ้านมาทำได้ง่ายๆ part 7 บะหมี่ชวนอร่อย อันนี้เราชอบมากที่สุดเพราะทำง่ายแล้วก็อร่อยถูกปาก part 8 เมนูสำเร็จรูปอร่อยไม่จำเจ อันนี้น่าจะเหมาะสำหรับน้องๆที่กำลังเรียนอยู่นะคะ part 9 จานอร่อยสมุนไพร เมนูน่ากินดีค่ะ แต่รสชาติต้องอาศัยดัดแปลงนิดหน่อย part 10 ต้อนรับเช้าวันใหม่ด้วยเมนูสุขภาพ เป็นเมนูที่จะทำให้เราหันมากินอาหารเช้าเป็นประจำอีกครั้ง part 11 ปาร์ตี้บาร์บีคิว อันนี้ไม่ค่อยอร่อยอะค่ะ อาจจะเป็นเพราะไม่ใช่ของโปรดของเราอยู่แล้ว จริงๆยังมีต่อไปจนถึง 17 part นะคะ ซึ่งจะเน้นไปที่ขนมกับเครื่องดื่ม แต่เราคิดว่าไม่ตรงคอนเซปของหนังสืออะค่ะ เพราะไม่ได้ทำง่ายซักเท่าไหร่ เอาเป็นว่าสำหรับหนังสือเล่มนี้ก็มีบางเมนูเท่านั้นที่ง่ายและอร่อยนะคะ

สำหรับ Quick and Delicious เล่มนี้ เป็นเล่มที่ สองนะคะ ก็ตามชื่อหนังสือเลยค่ะ เป็นหนังสือรวบรวมเมนูอาหารที่ทำง่าย ได้เร็ว แล้วก็อร่อย ง่ายอันนี้ถ้าใครที่ชอบทำอาหารเป็นประจำแบบเราก็ต้องบอกว่าทำง่ายจริงค่ะ แต่ถ้าใครเป็นมือใหม่อันนี้ต้องบอกว่ามีความยุ่งยากในขั้นตอนการเตรียมวัตถุดิบพอสมควร ถ้าใครคิดว่าเล่มนี้เป็นเล่มที่เหมาะสำหรับพ่อครัวหรือว่าแม่ครัวมือใหม่ ต้องเตือนไว้ก่อนว่าอาจจะเข้าใจผิดเพราะชื่อของหนังสือก็ได้ ในหนังสือเค้าจะแบ่งเมนูอาหารออกเป็น part อะค่ะ part 1 ซุปญี่ปุ่นอุ่นอร่อย อันนี้ขอข้ามละกัน เราไม่ถนัดซักเท่าไหร่ part 2 ไฮไฟเบอร์ อันนี้เป็นเมนูผักต่างๆค่ะ ทำง่ายแต่ไม่ค่อยอร่อย part 3 let’s party อันนี้เป็นเมนูงานเลี้ยงที่เก๋ดีค่ะ แต่อาหารก็งั้นๆยังไม่อร่อย part 4 ซีฟู้ดจานด่วน อันนี้อร่อยจริงค่ะ รับประกัน part 5 ข้าวผัดสามชาติ อันนี้อร่อยแล้วก็ทำง่ายจริงค่ะ part 6 อันนี้สามารถหาวัตถุดิบติดบ้านมาทำได้ง่ายๆ part 7 บะหมี่ชวนอร่อย อันนี้เราชอบมากที่สุดเพราะทำง่ายแล้วก็อร่อยถูกปาก part 8 เมนูสำเร็จรูปอร่อยไม่จำเจ อันนี้น่าจะเหมาะสำหรับน้องๆที่กำลังเรียนอยู่นะคะ part 9 จานอร่อยสมุนไพร เมนูน่ากินดีค่ะ แต่รสชาติต้องอาศัยดัดแปลงนิดหน่อย part 10 ต้อนรับเช้าวันใหม่ด้วยเมนูสุขภาพ เป็นเมนูที่จะทำให้เราหันมากินอาหารเช้าเป็นประจำอีกครั้ง part 11 ปาร์ตี้บาร์บีคิว อันนี้ไม่ค่อยอร่อยอะค่ะ อาจจะเป็นเพราะไม่ใช่ของโปรดของเราอยู่แล้ว จริงๆยังมีต่อไปจนถึง 17 part นะคะ ซึ่งจะเน้นไปที่ขนมกับเครื่องดื่ม แต่เราคิดว่าไม่ตรงคอนเซปของหนังสืออะค่ะ เพราะไม่ได้ทำง่ายซักเท่าไหร่ เอาเป็นว่าสำหรับหนังสือเล่มนี้ก็มีบางเมนูเท่านั้นที่ง่ายและอร่อยนะคะ

ถ้าจะพูดถึงเมนูเรียกน้ำย่อย เราไม่แน่ใจเหมือนกันว่าคนไทยมีเมนูแบบนี้ด้วยรึป่าว เพราะเคยได้ยินแต่เมนูเรียกน้ำย่อยที่เป็นอาหารฝรั่ง เท่าที่อ่านจากหนังสือเล่มนี้ดูเหมือนแทบจะไม่แตกต่างจากเมนูหลักเลยค่ะ ต่างแค่อย่างเดียวก็ตรงที่ปริมาณน้อยกว่าแค่นั้น ก็เลยงงนิดนึงว่าทำไมถึงเรียกหนังสือเล่มนี้ว่าเมนูเรียกน้ำย่อย เพราะเราเองกินเมนูแบบนี้เป็นอาหารจานหลักด้วยซ้ำ ผู้เขียนพูดถึงเรื่องของประเภทของอาหารเรียกน้ำย่อยแบบไทย ซึ่งแบ่งออกเป็น ผัด ทอด อบ นึ่ง ย่าง แกง ต้ม ตุ๋น ยำ สลัด และน้ำพริก เราอ่านแล้วงงนิดนึงว่านี่มันก็เป็นประเภทของอาหารจานหลักด้วยไม่ใช่หรอ จะมาอธิบายทำไม 555 สรุปแล้วก็กลายเป็นว่าสำหรับเมนูเรียกน้ำย่อยเล่มนี้ เราก็เปลี่ยนชื่อหนังสือใหม่เองเป็นเมนูจานหลักไปซะเลย แทนที่จะเสิร์ฟน้อยๆพอเรียกน้ำย่อยก็จัดเต็มเลยค่ะ เมนูที่น่าสนใจและอร่อยถูกปากสำหรับเรามีหลายเมนูนะคะ อย่างเช่นเอ็นไก่ทอด แหนมซี่โครงหมู ยำหมูย่างแอปเปิ้ล ยำปูม้า ยำยอดมะระกับกุ้ง ปลาหมึกนึ่งมะนาว ต้มยำไก่บ้าน ต้มแซบเอ็นหมู และปลาเผาเกลือ เป็นต้น สำหรับดีกรีความอร่อยขอให้ 9 เต็ม 10 ละกันค่ะ ต้องเพิ่มความแซบขึ้นอีกนิดนึงถึงจะเต็ม 10 แต่ในส่วนของวิธีการทำแล้วก็หน้าตานี่ให้ 10 เต็ม เพราะว่าทำง่ายตามสไตล์เมนูเรียกน้ำย่อยที่ต้องไม่ยุ่งยากเหมือนจานหลักอยู่แล้ว หน้าตาอาหารนี่ระดับโรงแรมเลย เอาเป็นว่าถ้าใครกำลังมองหาเมนูอร่อยๆที่ทำได้ง่าย ใช้เวลาไม่นาน แนะนำเล่มนี้เลยค่ะ

ถ้าจะพูดถึงเมนูเรียกน้ำย่อย เราไม่แน่ใจเหมือนกันว่าคนไทยมีเมนูแบบนี้ด้วยรึป่าว เพราะเคยได้ยินแต่เมนูเรียกน้ำย่อยที่เป็นอาหารฝรั่ง เท่าที่อ่านจากหนังสือเล่มนี้ดูเหมือนแทบจะไม่แตกต่างจากเมนูหลักเลยค่ะ ต่างแค่อย่างเดียวก็ตรงที่ปริมาณน้อยกว่าแค่นั้น ก็เลยงงนิดนึงว่าทำไมถึงเรียกหนังสือเล่มนี้ว่าเมนูเรียกน้ำย่อย เพราะเราเองกินเมนูแบบนี้เป็นอาหารจานหลักด้วยซ้ำ ผู้เขียนพูดถึงเรื่องของประเภทของอาหารเรียกน้ำย่อยแบบไทย ซึ่งแบ่งออกเป็น ผัด ทอด อบ นึ่ง ย่าง แกง ต้ม ตุ๋น ยำ สลัด และน้ำพริก เราอ่านแล้วงงนิดนึงว่านี่มันก็เป็นประเภทของอาหารจานหลักด้วยไม่ใช่หรอ จะมาอธิบายทำไม 555 สรุปแล้วก็กลายเป็นว่าสำหรับเมนูเรียกน้ำย่อยเล่มนี้ เราก็เปลี่ยนชื่อหนังสือใหม่เองเป็นเมนูจานหลักไปซะเลย แทนที่จะเสิร์ฟน้อยๆพอเรียกน้ำย่อยก็จัดเต็มเลยค่ะ เมนูที่น่าสนใจและอร่อยถูกปากสำหรับเรามีหลายเมนูนะคะ อย่างเช่นเอ็นไก่ทอด แหนมซี่โครงหมู ยำหมูย่างแอปเปิ้ล ยำปูม้า ยำยอดมะระกับกุ้ง ปลาหมึกนึ่งมะนาว ต้มยำไก่บ้าน ต้มแซบเอ็นหมู และปลาเผาเกลือ เป็นต้น สำหรับดีกรีความอร่อยขอให้ 9 เต็ม 10 ละกันค่ะ ต้องเพิ่มความแซบขึ้นอีกนิดนึงถึงจะเต็ม 10 แต่ในส่วนของวิธีการทำแล้วก็หน้าตานี่ให้ 10 เต็ม เพราะว่าทำง่ายตามสไตล์เมนูเรียกน้ำย่อยที่ต้องไม่ยุ่งยากเหมือนจานหลักอยู่แล้ว หน้าตาอาหารนี่ระดับโรงแรมเลย เอาเป็นว่าถ้าใครกำลังมองหาเมนูอร่อยๆที่ทำได้ง่าย ใช้เวลาไม่นาน แนะนำเล่มนี้เลยค่ะ

สำหรับใครก็ตามที่ชอบกินขนมหวานแล้วละก็ ต้องไม่พลาดด้วยประการทั้งปวงสำหรับเล่มนี้ ขนมหวานอาหารว่าง เป็นการรวบรวมเมนูของหวานอร่อยๆมาไว้กว่า 50 สูตร 50 เมนูด้วยกัน สำหรับความน่ากินขอให้ 9 เต็ม 10 แต่ในส่วนของรสชาติขอให้คะแนนเต็ม แต่ต้องบอกไว้ก่อนว่าไม่ได้ลองทำครบทั้ง 50 เมนูนะคะ เอาเฉพาะที่อยากทำและพอทำได้ประมาณ 10 เมนู ต้องบอกว่าอร่อยมาก อย่างเช่นเอแคลไวท์ช็อคโกแลตมูส คุกกี้ช็อคโกแลตชิป คุกกี้เนยฟักทอง เครปกล้วยหอมทอดราดน้ำผึ้ง เค้กเผือก แล้วก็เค้กโยเกิร์ตกีวี (พิมพ์ไปน้ำลายไหลไป) เราลองทำตามสูตรเป๊ะๆนะคะ ต้องบอกว่าอร่อยเลยอะค่ะ แต่ผู้เขียนเค้าบอกว่าสามารถดัดแปลงส่วนผสมได้หรือว่าจะดัดแปลงเป็นของว่างแบบอื่นก็ได้นะคะ ไม่รู้ว่าจะอธิบายรสชาติยังไงดี เอาเป็นว่ารสชาติมาตรฐานร้านเบเกอรี่ชั้นนำเลยละกัน ซื้อเล่มนี้ไปรับรองว่าไม่ผิดหวัง คุ้มค่าคุ้มราคาแน่นอน เดี๋ยวจะหาว่าชมอย่างเดียว ข้อเสียก็มีเหมือนกันค่ะ สำหรับเล่มนี้ก็คือว่าบางเมนูทำยากมาก (หรืออาจจะเป็นเพราะเราไม่เก่งก็ได้ 555) วัตถุดิบหายาก วิธีการทำก็ค่อนข้างยาก แต่ถ้าใครมีครัวหรือว่าอุปกรณ์แบบไฮโซ อันนี้คงหายห่วง ทำได้ครบทุกเมนูแน่นอน สำหรับมือใหม่ยังไม่แนะนำให้ซื้อเล่มนี้ค่ะ ลองดูเล่มอื่นๆที่เคยรีวิวไป (จำไม่ได้แล้วเหมือนกัน) น่าจะดีกกว่า แต่ถึงยังไงก็ต้องใช้วิจารณญานหน่อยนะคะ ที่บอกว่าอร่อยก็อร่อยในแบบที่เราชอบ เพื่อนๆอาจจะไม่ชอบก็ได้ค่ะ

สำหรับใครก็ตามที่ชอบกินขนมหวานแล้วละก็ ต้องไม่พลาดด้วยประการทั้งปวงสำหรับเล่มนี้ ขนมหวานอาหารว่าง เป็นการรวบรวมเมนูของหวานอร่อยๆมาไว้กว่า 50 สูตร 50 เมนูด้วยกัน สำหรับความน่ากินขอให้ 9 เต็ม 10 แต่ในส่วนของรสชาติขอให้คะแนนเต็ม แต่ต้องบอกไว้ก่อนว่าไม่ได้ลองทำครบทั้ง 50 เมนูนะคะ เอาเฉพาะที่อยากทำและพอทำได้ประมาณ 10 เมนู ต้องบอกว่าอร่อยมาก อย่างเช่นเอแคลไวท์ช็อคโกแลตมูส คุกกี้ช็อคโกแลตชิป คุกกี้เนยฟักทอง เครปกล้วยหอมทอดราดน้ำผึ้ง เค้กเผือก แล้วก็เค้กโยเกิร์ตกีวี (พิมพ์ไปน้ำลายไหลไป) เราลองทำตามสูตรเป๊ะๆนะคะ ต้องบอกว่าอร่อยเลยอะค่ะ แต่ผู้เขียนเค้าบอกว่าสามารถดัดแปลงส่วนผสมได้หรือว่าจะดัดแปลงเป็นของว่างแบบอื่นก็ได้นะคะ ไม่รู้ว่าจะอธิบายรสชาติยังไงดี เอาเป็นว่ารสชาติมาตรฐานร้านเบเกอรี่ชั้นนำเลยละกัน ซื้อเล่มนี้ไปรับรองว่าไม่ผิดหวัง คุ้มค่าคุ้มราคาแน่นอน เดี๋ยวจะหาว่าชมอย่างเดียว ข้อเสียก็มีเหมือนกันค่ะ สำหรับเล่มนี้ก็คือว่าบางเมนูทำยากมาก (หรืออาจจะเป็นเพราะเราไม่เก่งก็ได้ 555) วัตถุดิบหายาก วิธีการทำก็ค่อนข้างยาก แต่ถ้าใครมีครัวหรือว่าอุปกรณ์แบบไฮโซ อันนี้คงหายห่วง ทำได้ครบทุกเมนูแน่นอน สำหรับมือใหม่ยังไม่แนะนำให้ซื้อเล่มนี้ค่ะ ลองดูเล่มอื่นๆที่เคยรีวิวไป (จำไม่ได้แล้วเหมือนกัน) น่าจะดีกกว่า แต่ถึงยังไงก็ต้องใช้วิจารณญานหน่อยนะคะ ที่บอกว่าอร่อยก็อร่อยในแบบที่เราชอบ เพื่อนๆอาจจะไม่ชอบก็ได้ค่ะ

พูดถึงอาหารทะเลแล้วท้องมันร้องค่ะ ของทะเลจะทำอะไรก็ดูหน้าตาน่ากินไปซะทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นอุ่น ตุ๋น ต้ม นึ่ง ผัด ทอด ทำออกมาแล้วดูไฮโซมากกว่าอาหารประเภทอื่นๆ สำหรับ Seafood เล่มนี้ก็จะเป็นการรวบรวมเมนูอาหารทะเลต่างๆเอาไว้ 55 เมนูค่ะ มีมากมายหลายประเภท ยั่วน้ำลายกันซะหน่อยก็อย่างเช่น สปาเก็ตตีผัดหอยแมลงภู่กับพริกหวาน เกี๊ยวซ่าไส้ปูทรงเครื่อง หอยนางรมทอดกระเทียมพริกไทย ปลาอินทรีผัดเปรี้ยวหวาน แซลมอนกับน้ำจิ้มรสเด็ด ปลาทูน่าย่างตะไคร้ ปลาย่างกลิ่นบาร์บีคิว เป็นต้น อาหารในหนังสือจะออกแนวลูกครึ่งไทยยุโรปนะคะ แต่รสชาตินี่จะออกไทยๆมากกว่า เพราะฉะนั้นสำหรับใครที่ชอบรสชาติแบบไทยๆ ไม่ต้องห่วงเลยค่ะว่าจะไม่ถูกปาก หรือถ้ายังอร่อยไม่โดนใจ ก็สามารถดัดแปลงเติมนู่นนิด เติมนี่หน่อย ก็ช่วยให้อร่อยขึ้นได้ สำหรับเราก็มีเมนูที่ชอบตามที่ยกตัวอย่างไปเลยค่ะ นอกเหนือจากเรื่องเมนูอาหาร 55 เมนูแล้ว ก็จะมีในส่วนของเกร็ดความรู้ด้วยค่ะ ซึ่งก็จะมีเรื่องคุณค่าจากอาหารทะเล วิธีการเลือกซื้ออาหารทะเลชนิดต่างๆ การลดกลิ่นเหม็นคาวในอาหารทะเล แล้วก็เรื่องของสูตรน้ำจิ้มซีฟู้ดสูตรต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นสูตรจิ้มแจ่ว สูตรหวาน สูตรเผ็ด แล้วก็น้ำจิ้มปลาลวกหรือย่าง ถ้าจะให้คะแนนเรื่องรสชาติขอให้ซัก 7 เต็ม 10 ละกันค่ะ อยู่ในระดับพอใช้ไปจนถึงขั้นดี เหมาะสำหรับทำกินที่บ้านมากกว่า ถ้าอยากทำขายก็อาจจะต้องปรับปรุงสูตรแล้วก็ปรับปรุงวัตถุดิบบางอย่างอีกนิดหน่อย ก็น่าจะทำขายได้ เพราะวัตถุดิบในหนังสือนั้นค่อนข้างราคาแพง

พูดถึงอาหารทะเลแล้วท้องมันร้องค่ะ ของทะเลจะทำอะไรก็ดูหน้าตาน่ากินไปซะทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นอุ่น ตุ๋น ต้ม นึ่ง ผัด ทอด ทำออกมาแล้วดูไฮโซมากกว่าอาหารประเภทอื่นๆ สำหรับ Seafood เล่มนี้ก็จะเป็นการรวบรวมเมนูอาหารทะเลต่างๆเอาไว้ 55 เมนูค่ะ มีมากมายหลายประเภท ยั่วน้ำลายกันซะหน่อยก็อย่างเช่น สปาเก็ตตีผัดหอยแมลงภู่กับพริกหวาน เกี๊ยวซ่าไส้ปูทรงเครื่อง หอยนางรมทอดกระเทียมพริกไทย ปลาอินทรีผัดเปรี้ยวหวาน แซลมอนกับน้ำจิ้มรสเด็ด ปลาทูน่าย่างตะไคร้ ปลาย่างกลิ่นบาร์บีคิว เป็นต้น อาหารในหนังสือจะออกแนวลูกครึ่งไทยยุโรปนะคะ แต่รสชาตินี่จะออกไทยๆมากกว่า เพราะฉะนั้นสำหรับใครที่ชอบรสชาติแบบไทยๆ ไม่ต้องห่วงเลยค่ะว่าจะไม่ถูกปาก หรือถ้ายังอร่อยไม่โดนใจ ก็สามารถดัดแปลงเติมนู่นนิด เติมนี่หน่อย ก็ช่วยให้อร่อยขึ้นได้ สำหรับเราก็มีเมนูที่ชอบตามที่ยกตัวอย่างไปเลยค่ะ นอกเหนือจากเรื่องเมนูอาหาร 55 เมนูแล้ว ก็จะมีในส่วนของเกร็ดความรู้ด้วยค่ะ ซึ่งก็จะมีเรื่องคุณค่าจากอาหารทะเล วิธีการเลือกซื้ออาหารทะเลชนิดต่างๆ การลดกลิ่นเหม็นคาวในอาหารทะเล แล้วก็เรื่องของสูตรน้ำจิ้มซีฟู้ดสูตรต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นสูตรจิ้มแจ่ว สูตรหวาน สูตรเผ็ด แล้วก็น้ำจิ้มปลาลวกหรือย่าง ถ้าจะให้คะแนนเรื่องรสชาติขอให้ซัก 7 เต็ม 10 ละกันค่ะ อยู่ในระดับพอใช้ไปจนถึงขั้นดี เหมาะสำหรับทำกินที่บ้านมากกว่า ถ้าอยากทำขายก็อาจจะต้องปรับปรุงสูตรแล้วก็ปรับปรุงวัตถุดิบบางอย่างอีกนิดหน่อย ก็น่าจะทำขายได้ เพราะวัตถุดิบในหนังสือนั้นค่อนข้างราคาแพง

หนังสือแนวอาหารเพื่อช่วยลดน้ำหนักมีเยอะนะคะ แต่ส่วนใหญ่ก็จะเป็นอาหารแนวสุขภาพที่รสชาติอาจจะไม่ค่อยถูกปากซะเท่าไหร่ สำหรับอาหารลดน้ำหนักเล่มนี้ก็เป็นอีกเล่มหนึ่งที่อยากจะแนะนำสำหรับใครก็ตามที่กำลังอยู่ในช่วงของการลดความอ้วนอยู่ กินแล้วรับรองว่าดีต่อสุขภาพแน่นอน สำหรับเล่มนี้เราคิดว่าไม่เชิงว่าจะเป็นหนังสือที่เหมาะสำหรับคนลดความอ้วนซะทีเดียว หมายถึงว่าไม่ใช่เมนูที่คิดขึ้นเพื่อลดความอ้วนอะค่ะ แต่จะเป็นเมนูประมาณว่า ดีต่อสุขภาพ ไขมันน้อย กินแล้วไม่มีไขมันสะสม ย่อยง่าย อะไรประมาณนี้ ก็เลยเหมาะกับการควบคุมน้ำหนัก ตัวอย่างเมนูที่เราคิดว่าดีต่อสุขภาพแล้วก็อร่อยด้วยก็อย่างเช่น ยำเห็ดฟางใส่ไก่ฉีก ยำผักสลัดไก่ย่าง ไข่เจียวผัก สปาเกตตี้กะเพราเต้าหู้ มะเขือยาวผัดเต้าเจี้ยวใส่เมล็ดฟักทอง ข้าวหน้าเห็ดกับเต้าหู้ย่าง ซุปถั่วลันเตากับบรอคโคลี่ เป็นต้น ในส่วนของขั้นตอนการทำก็ไม่ได้ยุ่งยากกว่าอาหารอื่นๆที่เราเคยกินกันนะคะ ไม่ใช่ว่าพอเป็นอาหารเพื่อสุขภาพแล้วจะมีขั้นตอนยุ่งยากกว่าอาหารธรรมดาทั่วๆไป สำหรับคนที่ทำอาหารไม่เก่งรับรองว่าทำได้แน่นอน นอกจากเรื่องของเมนูอาหารต่างๆแล้ว ก็ยังมีเกร็ดความรู้เล็กๆน้อยๆเกี่ยวกับเรื่องการควบคุมปริมาณแคลอรี่ในอาหารจานต่างๆ ทำยังไงเราสามารถที่จะกินอาหารจานโปรด ในขณะเดียวกันก็สามารถที่จะลดปริมาณแคลอรี่ลงได้ด้วย นอกจากนี้ก็ยังมีในส่วนของเทคนิคการกินอาหารระหว่างมื้อ การลดน้ำหนักที่ได้ผลนั้นไม่ใช่การอดอาหาร แต่คือการรู้จักกินอาหารที่เหมาะสม การกินอาหารระหว่างมื้อก็ช่วยกระตุ้นให้ร่างกายเผาผลาญได้ดีขึ้นค่ะ

หนังสือแนวอาหารเพื่อช่วยลดน้ำหนักมีเยอะนะคะ แต่ส่วนใหญ่ก็จะเป็นอาหารแนวสุขภาพที่รสชาติอาจจะไม่ค่อยถูกปากซะเท่าไหร่ สำหรับอาหารลดน้ำหนักเล่มนี้ก็เป็นอีกเล่มหนึ่งที่อยากจะแนะนำสำหรับใครก็ตามที่กำลังอยู่ในช่วงของการลดความอ้วนอยู่ กินแล้วรับรองว่าดีต่อสุขภาพแน่นอน สำหรับเล่มนี้เราคิดว่าไม่เชิงว่าจะเป็นหนังสือที่เหมาะสำหรับคนลดความอ้วนซะทีเดียว หมายถึงว่าไม่ใช่เมนูที่คิดขึ้นเพื่อลดความอ้วนอะค่ะ แต่จะเป็นเมนูประมาณว่า ดีต่อสุขภาพ ไขมันน้อย กินแล้วไม่มีไขมันสะสม ย่อยง่าย อะไรประมาณนี้ ก็เลยเหมาะกับการควบคุมน้ำหนัก ตัวอย่างเมนูที่เราคิดว่าดีต่อสุขภาพแล้วก็อร่อยด้วยก็อย่างเช่น ยำเห็ดฟางใส่ไก่ฉีก ยำผักสลัดไก่ย่าง ไข่เจียวผัก สปาเกตตี้กะเพราเต้าหู้ มะเขือยาวผัดเต้าเจี้ยวใส่เมล็ดฟักทอง ข้าวหน้าเห็ดกับเต้าหู้ย่าง ซุปถั่วลันเตากับบรอคโคลี่ เป็นต้น ในส่วนของขั้นตอนการทำก็ไม่ได้ยุ่งยากกว่าอาหารอื่นๆที่เราเคยกินกันนะคะ ไม่ใช่ว่าพอเป็นอาหารเพื่อสุขภาพแล้วจะมีขั้นตอนยุ่งยากกว่าอาหารธรรมดาทั่วๆไป สำหรับคนที่ทำอาหารไม่เก่งรับรองว่าทำได้แน่นอน นอกจากเรื่องของเมนูอาหารต่างๆแล้ว ก็ยังมีเกร็ดความรู้เล็กๆน้อยๆเกี่ยวกับเรื่องการควบคุมปริมาณแคลอรี่ในอาหารจานต่างๆ ทำยังไงเราสามารถที่จะกินอาหารจานโปรด ในขณะเดียวกันก็สามารถที่จะลดปริมาณแคลอรี่ลงได้ด้วย นอกจากนี้ก็ยังมีในส่วนของเทคนิคการกินอาหารระหว่างมื้อ การลดน้ำหนักที่ได้ผลนั้นไม่ใช่การอดอาหาร แต่คือการรู้จักกินอาหารที่เหมาะสม การกินอาหารระหว่างมื้อก็ช่วยกระตุ้นให้ร่างกายเผาผลาญได้ดีขึ้นค่ะ

กระแสแพทย์ทางเลือกกำลังเติบโตขึ้นเรื่อยๆนะคะ ผู้เขียนเค้าบอกว่าเหตุผลที่วิธีการรักษาด้วยวิธีแพทย์ทางเลือกได้รับความนิยมมากขึ้นนั้นก็เพราะมีความปลอดภัยสูงและก็มีราคาถูก แต่สำหรับประเทศไทยแม้จะมีการพูดถึงอยู่บ้าง แต่ก็ยังไม่แพร่หลายเท่ากับต่างประเทศ โฮมีโอพาธีย์ก็เป็นหนึ่งในแพทย์ทางเลือกสาขาหนึ่งค่ะ และเป็นศาสตร์ที่ตัวผู้เขียนใช้เป็นอันดับแรกๆในการตรวจรักษาผู้ป่วย ถ้าจะให้เราอธิบายว่าโฮมีโอพาธีย์คืออะไร เราอ่านจนจบก็ยังอธิบายออกมาเป็นคำพูดไม่ได้อะค่ะ อันนี้น่าจะเป็นข้อเสียของหนังสือเล่มนี้เลยก็ว่าได้ เพราะว่าผู้เขียนพยายามปูพื้นเรื่องโฮมีโอพาธีย์ยืดยาว แต่เอาเข้าจริงๆก็ไม่ได้เคลียร์ว่าโฮมีโอพาธีย์คืออะไรกันแน่ บางคนแปลว่าเวชกรรมความคล้าย บางคนแปลว่าวิชาเม็ดประจุพลังบำบัด อ่านแล้วก็ยังต้องมานั่งแปลไทยเป็นไทยอีก ยิ่งงงกันเข้าไปใหญ่ เอาที่เราพอเข้าใจก็คือโฮมีโอพาธีย์ใช้หลักการรักษาแบบธรรมชาติเพื่อกระตุ้นให้ร่างกายสามารถรักษาตัวเองได้ แตกต่างจากการรักษาแบแพทย์แผนปัจจุบันที่จะรักษาโดยใช้การให้ยาเข้าไปเพื่อระงับหรือกดอาการของโรค ซึ่งด้วยวิธีการรักษาแบบโฮมีโอพาธีย์นั้นจะมีความเสี่ยงต่ออวัยวะต่างๆภายในร่างกายน้อยกว่ามาก พูดง่ายๆก็คือปลอดภัยกว่าการรักษาด้วยการให้ยานั่นเอง ในหนังสือมีการอธิบายการใช้โฮมีโอพาธีย์ไปรักษาโรคต่างๆหลายโรคเลยค่ะ ซึ่งส่วนใหญ่ผ็เขียนจะบอกเล่าเรื่องราวจากประสบการณ์การรักษาของตัวเองที่ต้องเจอกับผู้ป่วยโดยตรง เรื่องน่าสนใจมากค่ะต้องลองอ่านดู

กระแสแพทย์ทางเลือกกำลังเติบโตขึ้นเรื่อยๆนะคะ ผู้เขียนเค้าบอกว่าเหตุผลที่วิธีการรักษาด้วยวิธีแพทย์ทางเลือกได้รับความนิยมมากขึ้นนั้นก็เพราะมีความปลอดภัยสูงและก็มีราคาถูก แต่สำหรับประเทศไทยแม้จะมีการพูดถึงอยู่บ้าง แต่ก็ยังไม่แพร่หลายเท่ากับต่างประเทศ โฮมีโอพาธีย์ก็เป็นหนึ่งในแพทย์ทางเลือกสาขาหนึ่งค่ะ และเป็นศาสตร์ที่ตัวผู้เขียนใช้เป็นอันดับแรกๆในการตรวจรักษาผู้ป่วย ถ้าจะให้เราอธิบายว่าโฮมีโอพาธีย์คืออะไร เราอ่านจนจบก็ยังอธิบายออกมาเป็นคำพูดไม่ได้อะค่ะ อันนี้น่าจะเป็นข้อเสียของหนังสือเล่มนี้เลยก็ว่าได้ เพราะว่าผู้เขียนพยายามปูพื้นเรื่องโฮมีโอพาธีย์ยืดยาว แต่เอาเข้าจริงๆก็ไม่ได้เคลียร์ว่าโฮมีโอพาธีย์คืออะไรกันแน่ บางคนแปลว่าเวชกรรมความคล้าย บางคนแปลว่าวิชาเม็ดประจุพลังบำบัด อ่านแล้วก็ยังต้องมานั่งแปลไทยเป็นไทยอีก ยิ่งงงกันเข้าไปใหญ่ เอาที่เราพอเข้าใจก็คือโฮมีโอพาธีย์ใช้หลักการรักษาแบบธรรมชาติเพื่อกระตุ้นให้ร่างกายสามารถรักษาตัวเองได้ แตกต่างจากการรักษาแบแพทย์แผนปัจจุบันที่จะรักษาโดยใช้การให้ยาเข้าไปเพื่อระงับหรือกดอาการของโรค ซึ่งด้วยวิธีการรักษาแบบโฮมีโอพาธีย์นั้นจะมีความเสี่ยงต่ออวัยวะต่างๆภายในร่างกายน้อยกว่ามาก พูดง่ายๆก็คือปลอดภัยกว่าการรักษาด้วยการให้ยานั่นเอง ในหนังสือมีการอธิบายการใช้โฮมีโอพาธีย์ไปรักษาโรคต่างๆหลายโรคเลยค่ะ ซึ่งส่วนใหญ่ผ็เขียนจะบอกเล่าเรื่องราวจากประสบการณ์การรักษาของตัวเองที่ต้องเจอกับผู้ป่วยโดยตรง เรื่องน่าสนใจมากค่ะต้องลองอ่านดู

ถ้าคุณเข้าใจว่าแพทย์แผนไทยหมายถึงหมอนวด หมอตำแย ที่รักษาคนป่วยด้วยยาต้ม ยาสมุนไพรแล้วละก็ คุณกำลังเข้าใจแพทย์แผนไทยผิดไปอย่างสิ้นเชิงเลยค่ะ แม้ว่าแพทย์แผนไทยจะมีที่มาจากภูมิปัญญาชาวบ้านหรือภูมิปัญญาท้องถิ่นก็ตาม แต่ในปัจจุบันนั้นแพทย์แผนไทยได้รับการพัฒนาไปมาก และสามารถยกระดับตัวเองไปเป็นศาสตร์การแพทย์ที่สากลยอมรับแล้ว ซึ่งหนังสือเล่มนี้ก็จะช่วยให้คุณผู้อ่านมีความเข้าใจเกี่ยวกับแพทย์แผนไทยมากขึ้นค่ะ ต้องยอมรับอย่างหนึ่งค่ะว่าเราเองก็ยัง 50 50 กับศาสตร์แขนงนี้ เพราะฉะนั้นเวลาอ่านบางเรื่องก็อาจจะรู้สึกตะหงิดๆบ้าง เพราะว่าขัดแย้งกับความรู้เดิมของตัวเองอะค่ะ เราคิดว่าผู้อ่านหลายคนก็คงจะเป็นคล้ายๆเรา ก็เอาเป็นว่าถ้าจะอ่านเล่มนี้ก็ต้องลองเปิดใจซักนิดนะคะ คิดซะว่าเรากำลังหาความรู้ใหม่ลืมความรู้ความเชื่อแบบเดิมๆของเราไปก่อน ความรู้ในหนังสือส่วนใหญ่ก็จะเป็นเรื่องง่ายๆใกล้ตัวค่ะ เป็นเรื่องที่หลายคนมองข้ามหรือไม่ให้ความสำคัญ อย่างเรื่องนอนห้องแอร์ทำให้สุขภาพแย่ โทษของการกินบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป นอนดึกทำให้ตายเร็ว กลางวันอยากนอนกลางคืนกะปรี้กะเปร่าก็อาจตายเร็วได้เหมือนกัน เป็นต้น เนื้อหาจะครอบคลุมกิจวัตรประจำวันตั้งแต่ตื่นยันนอน ทำให้ผู้อ่านสามารถนำความรู้ไปประยุกต์ใช้งานได้จริง สิ่งที่ช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือของหนังสือเล่มนี้ นอกจากเรื่องดีกรีของผู้เขียนแล้ว เราว่าเป็นเรื่องของข้อมูลอะค่ะ คือมีข้อมูลที่เป็นวิชาการรองรับ แล้วก็มีข้อมูลทางสถิติต่างๆที่จะช่วยยืนยันสิ่งที่ผู้เขียนพยายามจะนำเสนอ

ถ้าคุณเข้าใจว่าแพทย์แผนไทยหมายถึงหมอนวด หมอตำแย ที่รักษาคนป่วยด้วยยาต้ม ยาสมุนไพรแล้วละก็ คุณกำลังเข้าใจแพทย์แผนไทยผิดไปอย่างสิ้นเชิงเลยค่ะ แม้ว่าแพทย์แผนไทยจะมีที่มาจากภูมิปัญญาชาวบ้านหรือภูมิปัญญาท้องถิ่นก็ตาม แต่ในปัจจุบันนั้นแพทย์แผนไทยได้รับการพัฒนาไปมาก และสามารถยกระดับตัวเองไปเป็นศาสตร์การแพทย์ที่สากลยอมรับแล้ว ซึ่งหนังสือเล่มนี้ก็จะช่วยให้คุณผู้อ่านมีความเข้าใจเกี่ยวกับแพทย์แผนไทยมากขึ้นค่ะ ต้องยอมรับอย่างหนึ่งค่ะว่าเราเองก็ยัง 50 50 กับศาสตร์แขนงนี้ เพราะฉะนั้นเวลาอ่านบางเรื่องก็อาจจะรู้สึกตะหงิดๆบ้าง เพราะว่าขัดแย้งกับความรู้เดิมของตัวเองอะค่ะ เราคิดว่าผู้อ่านหลายคนก็คงจะเป็นคล้ายๆเรา ก็เอาเป็นว่าถ้าจะอ่านเล่มนี้ก็ต้องลองเปิดใจซักนิดนะคะ คิดซะว่าเรากำลังหาความรู้ใหม่ลืมความรู้ความเชื่อแบบเดิมๆของเราไปก่อน ความรู้ในหนังสือส่วนใหญ่ก็จะเป็นเรื่องง่ายๆใกล้ตัวค่ะ เป็นเรื่องที่หลายคนมองข้ามหรือไม่ให้ความสำคัญ อย่างเรื่องนอนห้องแอร์ทำให้สุขภาพแย่ โทษของการกินบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป นอนดึกทำให้ตายเร็ว กลางวันอยากนอนกลางคืนกะปรี้กะเปร่าก็อาจตายเร็วได้เหมือนกัน เป็นต้น เนื้อหาจะครอบคลุมกิจวัตรประจำวันตั้งแต่ตื่นยันนอน ทำให้ผู้อ่านสามารถนำความรู้ไปประยุกต์ใช้งานได้จริง สิ่งที่ช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือของหนังสือเล่มนี้ นอกจากเรื่องดีกรีของผู้เขียนแล้ว เราว่าเป็นเรื่องของข้อมูลอะค่ะ คือมีข้อมูลที่เป็นวิชาการรองรับ แล้วก็มีข้อมูลทางสถิติต่างๆที่จะช่วยยืนยันสิ่งที่ผู้เขียนพยายามจะนำเสนอ

พูดถึงเรื่องการหารายได้เสริมจากอินเตอร์เน็ตนี่มีเยอะจริงนะคะ แต่เอาแบบที่เป็นชิ้นเป็นอัน ไม่ได้มาหลอกกันนี่หลายคนคงเคยได้ยินมาบ้างแต่ยังไม่รู้ว่าขั้นตอนต้องทำยังไง สำหรับหาเงินบนอินเตอร์เน็ตเล่มนี้ก็เป็นหนังสือที่จะช่วยไขข้อข้องใจแล้วก็แนะนำวิธีการที่จะหาเงินบนอินเตอร์เน็ตนั่นเอง ผู้เขียนเค้าพูดถึงจุดเด่นของงานในเน็ตก็คือเรื่องของการลงทุนน้อย เข้าถึงผู้บริโภคได้ง่ายอะค่ะ ซึ่งอันนี้ก็คงจริง แต่ว่าอย่าลืมว่าไม่ว่าจะหาเงินจากที่ไหนเราก็ต้องมีของที่น่าสนใจก่อนใช่มั้ยคะ ถ้าเราไม่มีอะไรที่น่าสนใจก็ไม่มีประโยชน์ที่จะอ่านเล่มนี้อะค่ะ เพราะว่าเล่มนี้เค้าจะพูดถึงวิธีการและก็ที่มาที่ไปของการหาเงินในเน็ตในรูปแบต่างๆอะค่ะ เหมือนกับว่าเป็นการอธิบายหลักการของการหาเงินผ่านช่องทางต่างๆที่เป็นที่นิยม วิธีการสมัครใช้งานเป็นยังไง กฎกติกามารยาทมีอะไรบ้าง และที่สำคัญอัตราค่าตอบแทนเป็นยังไง อะไรประมาณนี้ ในหนังสือจะพูดถึงการหารายได้จากไฟล์ภาพ ไฟล์เสียง การอัพโหลดไฟล์ การเก็บค่าชมโฆษณากับ Google Adsense การเป็นตัวแทนการขายกับ Amazon.com การสร้างรายได้และการขายสินค้าใน eBay การสร้าง Google Blogger อย่างที่บอกค่ะว่าหนังสือเล่มนี้จะเน้นไปที่การอธิบายเรื่องหลักการและวิธีการ เราคิดว่าน่าจะเหมาะกับคนที่มีของอยู่แล้วแต่ยังไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นนับหนึ่งยังไง ยังไม่เข้าใจขั้นตอนการลงมือ ซื้อเล่มนี้ไปอ่านรับรองว่ารู้ขั้นตอนทะลุปรุโปร่งแน่นอน

พูดถึงเรื่องการหารายได้เสริมจากอินเตอร์เน็ตนี่มีเยอะจริงนะคะ แต่เอาแบบที่เป็นชิ้นเป็นอัน ไม่ได้มาหลอกกันนี่หลายคนคงเคยได้ยินมาบ้างแต่ยังไม่รู้ว่าขั้นตอนต้องทำยังไง สำหรับหาเงินบนอินเตอร์เน็ตเล่มนี้ก็เป็นหนังสือที่จะช่วยไขข้อข้องใจแล้วก็แนะนำวิธีการที่จะหาเงินบนอินเตอร์เน็ตนั่นเอง ผู้เขียนเค้าพูดถึงจุดเด่นของงานในเน็ตก็คือเรื่องของการลงทุนน้อย เข้าถึงผู้บริโภคได้ง่ายอะค่ะ ซึ่งอันนี้ก็คงจริง แต่ว่าอย่าลืมว่าไม่ว่าจะหาเงินจากที่ไหนเราก็ต้องมีของที่น่าสนใจก่อนใช่มั้ยคะ ถ้าเราไม่มีอะไรที่น่าสนใจก็ไม่มีประโยชน์ที่จะอ่านเล่มนี้อะค่ะ เพราะว่าเล่มนี้เค้าจะพูดถึงวิธีการและก็ที่มาที่ไปของการหาเงินในเน็ตในรูปแบต่างๆอะค่ะ เหมือนกับว่าเป็นการอธิบายหลักการของการหาเงินผ่านช่องทางต่างๆที่เป็นที่นิยม วิธีการสมัครใช้งานเป็นยังไง กฎกติกามารยาทมีอะไรบ้าง และที่สำคัญอัตราค่าตอบแทนเป็นยังไง อะไรประมาณนี้ ในหนังสือจะพูดถึงการหารายได้จากไฟล์ภาพ ไฟล์เสียง การอัพโหลดไฟล์ การเก็บค่าชมโฆษณากับ Google Adsense การเป็นตัวแทนการขายกับ Amazon.com การสร้างรายได้และการขายสินค้าใน eBay การสร้าง Google Blogger อย่างที่บอกค่ะว่าหนังสือเล่มนี้จะเน้นไปที่การอธิบายเรื่องหลักการและวิธีการ เราคิดว่าน่าจะเหมาะกับคนที่มีของอยู่แล้วแต่ยังไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นนับหนึ่งยังไง ยังไม่เข้าใจขั้นตอนการลงมือ ซื้อเล่มนี้ไปอ่านรับรองว่ารู้ขั้นตอนทะลุปรุโปร่งแน่นอน

สำหรับ 10 steps เล่มนี้ก็เป็นหนังสือแนวดูแลตัวเองให้ fit and firm สำหรับคุณผู้หญิงอะค่ะ 10 steps ที่ว่านี้ สำหรับเราคิดว่ายังไม่ค่อยน่าสนใจซักเท่าไหร่ ดูเป็นเรื่องเบสิคๆที่หาอ่านได้จากหนังสือประเภทนี้อยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการควบคุมอาหาร การเลือกกินอาหารให้ถูกวิธี การออกกำลังกาย การบริหารจิตใจและการพักผ่อนให้เพียงพอ ค่อนข้างน่าเบื่อค่ะสำหรับเนื้อหาภายในเล่ม ไม่มีความน่าสนใจให้ติดตามอ่านตั้งแต่ต้นจนจบ ในแง่ของข้อมูลความรู้ต่างๆ สำหรับคนที่อ่านหนังสือแนวนี้มาบ้างก็จะเห็นได้ชัดว่าเล่มนี้ข้อมูลค่อนข้างน้อย และยิ่งเขียนโดยคนที่ไม่ได้เป็นกูรูด้านนี้ก็ทำให้ความน่าเชื่อถือดูน้อยไปนิด อาศัยแค่ว่าผู้เขียนใช้วิธีที่แนะนำไว้ในหนังสือกับตัวเองแล้วได้ผล ก็อาจจะทำให้หนังสือดูน่าอ่านขึ้นมานิดนึง สำหรับผู้อ่านที่ต้องการไอดอลในการเปลี่ยนแปลงตัวเอง ในแบบที่ไม่สนเรื่องความรู้อะไรมากมาย หนังสือเล่มนี้ก็น่าจะตอบโจทย์ได้ดีพอสมควรเลยค่ะ ทดลองทำตามเสตปต่างๆก็น่าจะช่วยได้เหมือนกัน จริงๆจะเรียกว่าเป็น step ก็อาจจะทำให้เข้าใจผิดได้นะคะ เพราะว่าถ้าจะทำตามที่หนังสือบอก จะทำขั้นตอนไหนก่อนหลังก็ได้ หรือทำไปพร้อมๆกันก็ได้ คือไม่จำเป็นต้องทำตามที่หนังสือเรียงมาให้ พอใช้คำว่า step เดี๋ยวผู้อ่านจะเข้าใจว่าต้องทำเป็นขั้นๆไป เราค่อนข้างเฉยๆกับเล่มนี้นะคะ คิดว่าถ้าจะหาเทคนิคใหม่ๆในการรักษาสุขภาพ คงไม่มี แต่ถ้าใครอยากได้หนังสือแบบเน้นอ่านง่าย มีขั้นตอน ทำตามง่าย การันตีโดยอดีตนางงาม ก็แนะนำค่ะสำหรับเล่มนี้

สำหรับ 10 steps เล่มนี้ก็เป็นหนังสือแนวดูแลตัวเองให้ fit and firm สำหรับคุณผู้หญิงอะค่ะ 10 steps ที่ว่านี้ สำหรับเราคิดว่ายังไม่ค่อยน่าสนใจซักเท่าไหร่ ดูเป็นเรื่องเบสิคๆที่หาอ่านได้จากหนังสือประเภทนี้อยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการควบคุมอาหาร การเลือกกินอาหารให้ถูกวิธี การออกกำลังกาย การบริหารจิตใจและการพักผ่อนให้เพียงพอ ค่อนข้างน่าเบื่อค่ะสำหรับเนื้อหาภายในเล่ม ไม่มีความน่าสนใจให้ติดตามอ่านตั้งแต่ต้นจนจบ ในแง่ของข้อมูลความรู้ต่างๆ สำหรับคนที่อ่านหนังสือแนวนี้มาบ้างก็จะเห็นได้ชัดว่าเล่มนี้ข้อมูลค่อนข้างน้อย และยิ่งเขียนโดยคนที่ไม่ได้เป็นกูรูด้านนี้ก็ทำให้ความน่าเชื่อถือดูน้อยไปนิด อาศัยแค่ว่าผู้เขียนใช้วิธีที่แนะนำไว้ในหนังสือกับตัวเองแล้วได้ผล ก็อาจจะทำให้หนังสือดูน่าอ่านขึ้นมานิดนึง สำหรับผู้อ่านที่ต้องการไอดอลในการเปลี่ยนแปลงตัวเอง ในแบบที่ไม่สนเรื่องความรู้อะไรมากมาย หนังสือเล่มนี้ก็น่าจะตอบโจทย์ได้ดีพอสมควรเลยค่ะ ทดลองทำตามเสตปต่างๆก็น่าจะช่วยได้เหมือนกัน จริงๆจะเรียกว่าเป็น step ก็อาจจะทำให้เข้าใจผิดได้นะคะ เพราะว่าถ้าจะทำตามที่หนังสือบอก จะทำขั้นตอนไหนก่อนหลังก็ได้ หรือทำไปพร้อมๆกันก็ได้ คือไม่จำเป็นต้องทำตามที่หนังสือเรียงมาให้ พอใช้คำว่า step เดี๋ยวผู้อ่านจะเข้าใจว่าต้องทำเป็นขั้นๆไป เราค่อนข้างเฉยๆกับเล่มนี้นะคะ คิดว่าถ้าจะหาเทคนิคใหม่ๆในการรักษาสุขภาพ คงไม่มี แต่ถ้าใครอยากได้หนังสือแบบเน้นอ่านง่าย มีขั้นตอน ทำตามง่าย การันตีโดยอดีตนางงาม ก็แนะนำค่ะสำหรับเล่มนี้

เราเป็นคนหนึ่งที่ต้องเจอกับอาการปวดเมื่อยจากการที่ต้องนั่งหน้าจอคอมนานๆ ทั้งต้องใช้คอมทำงาน ใช้เรียน ใช้เล่น ก็ได้หนังสือเล่มนี้เป็นตัวช่วยที่ดี ที่ทำให้เราผ่อนคลายขึ้นได้มากค่ะ หลักๆในหนังสือเล่มนี้ก็จะพูดถึงสาเหตุของอาการเจ็บปวดต่างๆ การรักษา แล้วก็การป้องกันค่ะ พูดถึงอาการปวดนี่มีเยอะเลยค่ะ แล้วเราก็เป็นแทบทุกอาการ อย่างแรกเลยคือปวดคอ ปวดหลัง ปวดข้อมือ นิ้วมือ ปวดตา ซึ่งในแต่ละอาการเค้าจะมีการยกตัวอย่างท่าทางที่ทำให้เราปวดมาให้ดูประกอบ ก็ตรงกับที่เราเป็นอยู่นะคะ การจัดท่าทางการใช้คอมที่ถูกต้องมีส่วนมากๆที่จะช่วยลดอาการเจ็บปวดต่างๆ คุณผู้อ่านก็สามารถศึกษาวิธีการที่ว่านี้ได้จากในหนังสือ มีรูปประกอบเยอะค่ะ อ่านง่ายดี ลืมไปว่ายังมีเรื่องของท่าบริหารด้วยอะค่ะ อันนี้ก็จะเป็นเหมือนการยืดเส้นยืดสายให้ร่างกายได้ผ่อนคลายประมาณนั้น ได้เรียนรู้หลักการละวิธีการไปพร้อมๆกันก็ช่วยให้เข้าใจได้มากขึ้น สิ่งสำคัญที่ผู้เขียนเค้าย้ำก็คือต้องระวังเรื่องท่าทางค่ะ ต้องฝึกให้เคยชินอยู่เสมอ เพราะถ้าเผลอกลับไปทำแบบเดิม อาการเจ็บป่วยก็จะกลับมาอีก อย่างที่บอกค่ะว่าอ่านง่ายดี เป็นความรู้ใกล้ตัวเหมาะสำหรับนักเรียน นักศึกษา คนทำงาน ที่ต้องใช้คอมพิวเตอร์บ่อยๆ เป็นประจำทุกวัน เราลองเอาท่าบริหารมาฝึกทำทั้งตอนระหว่างที่นั่งอยู่หน้าจอแล้วก็ก่อนนอน รู้สึกว่าช่วยได้มากเลยค่ะ รู้สึกสบายตัวมากขึ้น แล้วก็ทำให้นั่งได้นานขึ้นด้วย

เราเป็นคนหนึ่งที่ต้องเจอกับอาการปวดเมื่อยจากการที่ต้องนั่งหน้าจอคอมนานๆ ทั้งต้องใช้คอมทำงาน ใช้เรียน ใช้เล่น ก็ได้หนังสือเล่มนี้เป็นตัวช่วยที่ดี ที่ทำให้เราผ่อนคลายขึ้นได้มากค่ะ หลักๆในหนังสือเล่มนี้ก็จะพูดถึงสาเหตุของอาการเจ็บปวดต่างๆ การรักษา แล้วก็การป้องกันค่ะ พูดถึงอาการปวดนี่มีเยอะเลยค่ะ แล้วเราก็เป็นแทบทุกอาการ อย่างแรกเลยคือปวดคอ ปวดหลัง ปวดข้อมือ นิ้วมือ ปวดตา ซึ่งในแต่ละอาการเค้าจะมีการยกตัวอย่างท่าทางที่ทำให้เราปวดมาให้ดูประกอบ ก็ตรงกับที่เราเป็นอยู่นะคะ การจัดท่าทางการใช้คอมที่ถูกต้องมีส่วนมากๆที่จะช่วยลดอาการเจ็บปวดต่างๆ คุณผู้อ่านก็สามารถศึกษาวิธีการที่ว่านี้ได้จากในหนังสือ มีรูปประกอบเยอะค่ะ อ่านง่ายดี ลืมไปว่ายังมีเรื่องของท่าบริหารด้วยอะค่ะ อันนี้ก็จะเป็นเหมือนการยืดเส้นยืดสายให้ร่างกายได้ผ่อนคลายประมาณนั้น ได้เรียนรู้หลักการละวิธีการไปพร้อมๆกันก็ช่วยให้เข้าใจได้มากขึ้น สิ่งสำคัญที่ผู้เขียนเค้าย้ำก็คือต้องระวังเรื่องท่าทางค่ะ ต้องฝึกให้เคยชินอยู่เสมอ เพราะถ้าเผลอกลับไปทำแบบเดิม อาการเจ็บป่วยก็จะกลับมาอีก อย่างที่บอกค่ะว่าอ่านง่ายดี เป็นความรู้ใกล้ตัวเหมาะสำหรับนักเรียน นักศึกษา คนทำงาน ที่ต้องใช้คอมพิวเตอร์บ่อยๆ เป็นประจำทุกวัน เราลองเอาท่าบริหารมาฝึกทำทั้งตอนระหว่างที่นั่งอยู่หน้าจอแล้วก็ก่อนนอน รู้สึกว่าช่วยได้มากเลยค่ะ รู้สึกสบายตัวมากขึ้น แล้วก็ทำให้นั่งได้นานขึ้นด้วย

กระแสการดูแลสุขภาพในปัจจุบันเริ่มมีมากขึ้นเรื่อยๆนะคะ โดยเฉพาะคนหนุ่มสาววัยทำงาน จากที่เคยนั่งโต๊ะทำงานทั้งวัน กินอาหารขยะ ไม่ค่อยจะออกกำลังกาย ปัจจุบันก็หันมาดูแลสุขภาพร่างกายของตัวเองมากยิ่งขึ้น สำหรับสุขภาพดีราคาถูกด้วยชีวจิตเล่มนี้ ก็เป็นหนังสือสุขภาพแนวธรรมชาติบำบัดอะค่ะ ประมาณว่ากินง่ายอยู่ง่ายใกล้ชิดธรรมชาติ พึ่งยาและสารเคมีให้น้อยที่สุด เริ่มจากบทนำก็น่าสนใจแล้วค่ะ เพราะผู้เขียนเค้าเล่นเอาบรรดาผู้ป่วยด้วยโรคต่างๆมาการันตีว่าชีวจิตสามารถรักษาอาการเจ็บป่วยต่างๆได้จริง ทั้งที่แพทย์แผนปัจจุบันต่างวินิจฉัยว่าโอกาสหายนั้นยากเย็นแสนเข็ญ ตัวการ์ตูนในหนังสือก็มีส่วนสำคัญที่ทำให้หนังสือดูอ่านง่ายมากขึ้นเหมือนกันค่ะ แต่ความจริงไม่ต้องมีการ์ตูนประกอบก็คิดว่าอ่านไม่ยาก ถ้าดูเผินๆเหมือนเนื้อหาจะหนักไปทางวิชาการนะคะ แต่ถ้าลองอ่านดูผู้เขียนเค้าก็สามารถทำเรื่องยากให้กลายเป็นเรื่องง่ายได้ดีเลยทีเดียว เท่าที่อ่านดูในหนังสือน่าจะแบ่งเรื่องชีวจิตออกเป็นสองส่วนนะคะ ก็คือส่วนที่ว่าด้วยหลักการและวิธีการ เรื่องหลักการก็คือการอธิบายว่าชีวจิตคืออะไร มีอุดมคติอย่างไร ส่วนเรื่องวิธีการก็คือการอธิบายวิธีกิน วิธีพักผ่อน วิธีทำงาน วิธีออกกำลังกาย อะไรประมาณนี้ อ่านไปจนจบแล้วก็ได้แรงบันดาลใจในการลุกขึ้นมาลองทำตามที่หนังสือบอกเลยค่ะ เพราะว่าทำง่ายไม่ต้องลงทุนอะไรมากมาย จากเดิมเราเข้าใจว่าชีวจิตเป็นอะไรที่ยุ่งยาก ต้องใช้เวลาเตรียมนาน แต่หลังจากที่อ่านเล่มนี้แล้วก็พบว่าเราเข้าใจผิดทั้งหมด ชีวจิตนั้นง่ายกว่าที่คิดเยอะจริงๆ

กระแสการดูแลสุขภาพในปัจจุบันเริ่มมีมากขึ้นเรื่อยๆนะคะ โดยเฉพาะคนหนุ่มสาววัยทำงาน จากที่เคยนั่งโต๊ะทำงานทั้งวัน กินอาหารขยะ ไม่ค่อยจะออกกำลังกาย ปัจจุบันก็หันมาดูแลสุขภาพร่างกายของตัวเองมากยิ่งขึ้น สำหรับสุขภาพดีราคาถูกด้วยชีวจิตเล่มนี้ ก็เป็นหนังสือสุขภาพแนวธรรมชาติบำบัดอะค่ะ ประมาณว่ากินง่ายอยู่ง่ายใกล้ชิดธรรมชาติ พึ่งยาและสารเคมีให้น้อยที่สุด เริ่มจากบทนำก็น่าสนใจแล้วค่ะ เพราะผู้เขียนเค้าเล่นเอาบรรดาผู้ป่วยด้วยโรคต่างๆมาการันตีว่าชีวจิตสามารถรักษาอาการเจ็บป่วยต่างๆได้จริง ทั้งที่แพทย์แผนปัจจุบันต่างวินิจฉัยว่าโอกาสหายนั้นยากเย็นแสนเข็ญ ตัวการ์ตูนในหนังสือก็มีส่วนสำคัญที่ทำให้หนังสือดูอ่านง่ายมากขึ้นเหมือนกันค่ะ แต่ความจริงไม่ต้องมีการ์ตูนประกอบก็คิดว่าอ่านไม่ยาก ถ้าดูเผินๆเหมือนเนื้อหาจะหนักไปทางวิชาการนะคะ แต่ถ้าลองอ่านดูผู้เขียนเค้าก็สามารถทำเรื่องยากให้กลายเป็นเรื่องง่ายได้ดีเลยทีเดียว เท่าที่อ่านดูในหนังสือน่าจะแบ่งเรื่องชีวจิตออกเป็นสองส่วนนะคะ ก็คือส่วนที่ว่าด้วยหลักการและวิธีการ เรื่องหลักการก็คือการอธิบายว่าชีวจิตคืออะไร มีอุดมคติอย่างไร ส่วนเรื่องวิธีการก็คือการอธิบายวิธีกิน วิธีพักผ่อน วิธีทำงาน วิธีออกกำลังกาย อะไรประมาณนี้ อ่านไปจนจบแล้วก็ได้แรงบันดาลใจในการลุกขึ้นมาลองทำตามที่หนังสือบอกเลยค่ะ เพราะว่าทำง่ายไม่ต้องลงทุนอะไรมากมาย จากเดิมเราเข้าใจว่าชีวจิตเป็นอะไรที่ยุ่งยาก ต้องใช้เวลาเตรียมนาน แต่หลังจากที่อ่านเล่มนี้แล้วก็พบว่าเราเข้าใจผิดทั้งหมด ชีวจิตนั้นง่ายกว่าที่คิดเยอะจริงๆ