Nirvana Island Episode I เกาะร้าง(ไม่)ห่างรัก

Nirvana Island Episode I เกาะร้าง(ไม่)ห่างรัก

0 รีวิว  0 รีวิว    
รหัสสินค้า: 9786160606511
ของหมด (ต้องการสินค้า)
ราคา: 229.00 บาท 57.25 บาท
ประหยัด: 171.75 บาท ( 75.00% )

เนื้อหาบางส่วน

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

1

Adele

บรรยากาศที่ท่าเรือพาราไดร์ในเช้าวันนี้ค่อนช้างเงียบสงัด ต่างจาก ที่ฉันคิดไว้ก่อนหน้านี้เหลือเกิน

และเพราะนิสัยรักการเดินทางอยู่แล้วทำให้ฉันไม่คิดจะปฏิเสธสิทธิ์ มาพักผ่อนฟรีสามวันสองคืนที่โรงแรม Nirvana Island Grand Hotel (เนอร์วานา ไอร์แลนด์ แกรนด์ โฮเต็ล) ซึ่งตั้งอยู่บนเกาะเนอร์วานาที่ฉัน ไม่เคยรู้จักและได้ยินซื่อมาก่อนด้วยซํ้า

สองสามวันมานี้ฉันจึงพยายามหาข้อมูลเกี่ยวกับเกาะดังกล่าวทาง อินเตอร์เน็ต และทราบว่าเป็นเกาะส่วนตัวที่ใช้สำหรับต้อนรับพวกคนใหญ่ คนโตอย่างนักการเมืองที่มาใช้เวลาวันหยุดพักผ่อนกัน

และถ้าเป็นอย่างนั้นจริงๆ ล่ะก็...มันต้องเป็นอะไรที่เจ๋งมากแน่ๆ เพราะฉันเป็นหนึ่งใน...ไม่กี่คน (ทำท่ากวาดสายตามองไปรอบๆ) ที่ได้รับสิทธิ์ ให้ไปอยู่ที่นั่นโดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใดๆ ถึงสามวันสองคืน

ให้ตาย...นี่ฉันอุตส่าห์ลางานที่แกลลอรี่มาเพื่อการนี้โดยเฉพาะเลยนะ!!

>๐<

"เธอมาที่นี่คนเดียวเหรอ"

ในขณะที่ฉันกำลังวิตกคิดเรื่องตัวเองจะโดนหลอกหรือไม่โดนหลอก อยู่นั่นเอง ก็มีผู้ชายหนึ่งในคนไม่กี่คนที่พบเห็นตรงบริเวณท่าเรือเดินมานั่ง ลงข้างๆ ทั้งเนื้อทั้งตัวเขามีกระเป๋าเป๋,สะพายหลังอยู่เพียงแค่'ใบเดียว เท่านั่นแหละ ผมสีนํ้าตาลดูยุ่งเหยิงราวกับเพิ่งตื่นนอน มีหนวดแครทขึ้น บางๆ รอบๆ ริม'ฝีปากที่กำลังขยับเพราะกำลังเคี้ยวหมากฝรั่ง ใบหน้าก็ คมคายหล่อเหลาดีอยู่หรอก "คงงั้น"

แอบจับนํ้าเสียงตัวเองได้ว่ามันช่างดูไม่เป็นมิตรเอาเสียเลย แถมกิริยา ที่เขยิบออกห่างอย่างไร้มารยาทนี่อีก

ยังไงซะ...ทางที่ดีคือฉันไม่ควรคุยกับคนแปลกหน้าไม่ใช่เหรอ ( 1 ') "ฉันการ์เตียน"

ฉันหันไปทำหน้าแปลกใจใส่เขาเล็กน้อย แสร้งยิ้มบางๆ ขณะมองมือ ที่หมอนั่นยื่นมา "ค่ะ"

"แล้วเธอละ"

เขาซักมือกลับด้วยความรู้สึกเสียหน้า ก็แหม...ใครจะไปกล้าจับกันล่ะ หมอนี่แต่งตัวด้วยเสื้อแจ็กเก็ตลายเห่ยๆ ราวกับจะไปตัดอ้อย เชยจะตาย! ไหนจะกางเกงยีนขาดๆ นี่อีก ดูไม่น่าเป็นมิตรเลยลักนิด "อะเดล''

"ข้าว ตัวจริงไม่เห็นอ้วนเลย"

เอ่อ... บ_บ เล่นมุกอะไรของเขาเนี่ย "ตลกมากค่ะ A A"

"เหรอ ฮ่าๆ ล้อเล่นนะ ยินดีที่ได้รู้จักครับ"

คราวนี้ฉันแกล้งส่ายหัวอย่างหน่ายใจกับตัวเอง ทำเป็นหยิบไอพอด ออกมาจากกระเป๋าเพื่อเปิดฟัง แต่ทว่าในตอนนั่นเอง จู่ๆ สายตาฉัน ก็เหลือบไปเห็นว่ามีอะไรบางอย่างเกิดขึ้นท่ามกลางสายหมอกนอกท่าเรือ มองเห็นเรือบรรทุกผู้โดยสารค่อยๆ เคลื่อนตัวมาเทียบท่า ผู้คนที่อยู่บนฝัง

ต่างพากันลุกขึ้นให้ความสนใจ

ฉันเห็นรอยยิ้มและใบหน้าแสดงถึงความใจชื้นที่ในที่สุดก็มีอะไร เกิดชื้นกับท่าเรือพาราไดซ์แห่งนี้สักที

...ขอบคุณสวรรค์!!

"เรือมารับเราแล้วสินะ,,

ฉันเก็บไอพอด แล้วลุกชื้นยืน ไม่สนใจนายการ์เตียนอะไรนั่นที่ทำท่า เหมือนกำลังบ่นพึมพำอะไรสักอย่างกับตัวเอง ดูพยายามซวนฉันคุยจังเลย ก็อย่างที่บอก...คือฉันยังไม่เห็นถึงความน่าดึงดูดและความน่าเป็นมิตร นตัวเขาเลยสักนิด ฉะนั่นฉันไม่สนใจเขาดึกว่า ถ้าเขารู้ตัวว่าฉันไม่อยาก สุงสิงด้วยก็คงจะเดินหนีไปเองล่ะ (นั่ง)

"นี่ๆ รอด้วยสิครับคุณอะเดล"

เขาเดินตามฉันมาในขณะที่คนอื่นๆ แอบเหล่สายตามองมาด้วย ความรู้สึกแปลกใจในท่าทีที่ฉันแสดงต่อเขา รู้สึกเริ่มทำสีหน้าไม่ถูกเพราะ เขินอายกับการที่มีผู้ชายเดินตามมาแบบนี้ไม่สิ อย่าหลงตัวเองไปหน่อยเลย อะเดล ยังไงซะเขาก็ต้องมายืนรอเพื่อเตรียมตัวลงเรืออยู่ดีไม่ใช่เหรอ =_=A

"ให้ผมช่วยถือไหมครับ"

"ไม่เป็นไร"

ฉันจับกระเป๋าทรงสี่เหลี่ยมสไตล์วินเทจของตัวเองแน่นเพื่อไม่ให้มัน หลุดจากมือหลังจากพบว่าเขาพยายามจะช่วยเอามันไปถือให้ และฉันก็ ยังคงรู้สึกอายกับสายตาของคนอื่นๆ ที่มองมา

พระเจ้าช่างไม่ยุติธรรม...

ทำไมต้องเป็นฉันด้วยนะ...

ทำไมเขาถึงต้องเข้ามาคุยกับฉันด้วยนะ...ฮึ่ย!!!

"คงมากันครบแล้วสินะ,,

คราวนี้ทุกสายตารวมทั้งฉันต่างก็พากันหันไปมองเสียงทุ้มที่ดังขึ้น พร้อมกับการปรากฏตัวของร่างสูงในเสื้อแขนยาวสีขาวผูกโบสีแดงกับ กางเกงสแล็กล์สีดำที่ดูเป็นเครื่องแบบยูนิฟอร์มของพนักงานโรงแรม สีผิว ของเขาออกไปทางแทนหน่อยๆ ผมสีดำยาวเรียบเนี้ยบตรง จุดเด่นของเขา

คงไม่พ้นนัยน์ตาสีดำนิ่งสนิทที่กำลังมองมายังพวกเราทุกคน

หากแต่ว่าสีหน้าของพนักงานหนุ่มดูไม่ต้อนรับแขกเอาเสียเลย :( "คิดว่างั้นครับ"

ผู้ชายที่ยืนข้างฉันเป็นคนเดียวที่ขานตอบ ในขณะที่ทุกคนยังคงยืน กันด้วยท่าทางมึนงง

"งั้นก็...ขอต้อนรับผู้โซคดีทั้งเจ็ดท่านที่ได้รับ Gift Voucher ที่ทาง เราลุ่มส่งไปให้เพื่อเดินทางมาพักที่เกาะส่วนตัว 'เนอร์วานา, สามวันสองคืน

นะครับ โดยทางเราจะไม่คิดค่าใช้บริการใดๆ ทังสิน..."

"ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายอะไรเพิ่มเติมจริงๆ ใช่ไหม ผู้หญิงผมสั้นสีดำ หน้าตาดูห้าวหาญรีบยิงคำถามใส่พนักงาน ต้อนรับในทันที เดาจากสีหน้าและท่าทางวางมาดแบบนั้นแล้ว ฉันแอบ สามารถจินตนาการสิ่งที่เธอคิดอยู่เป็นนัยๆ ไต้เลยล่ะว่า...ฉันจะไม่ยอมจ่าย อะไรเพิ่มเป็นแน่

ซึ่งแน่นอนว่าตามที่ใน Gift Voucher เขียนไว้ มันก็บอกว่าเป็น การเดินทางมาพักผ่อนแบบฟรีทุกรายการจริงๆ ไม่ใช่เหรอ

แล้วถ้าต้องเสียค่าอะไรเพิ่มจริงๆ ล่ะก็...ฉันคงไม่เอาด้วยหรอก TOT "ไม่ครับ"

"จะเอายังไงก็เอาเถอะ ฉันเหนื่อยจะแย่อยู่แล้ว"

เสียงแหลมที่หลุดออกมาจากปากของอีกหนึ่งสาวที่ยืนอยู่ตรงนั้น ทำเอาทุกคนรีบปรายตาไปมองหล่อนเป็นจุดเดียว ใบหน้าเรียวสวยกำลัง แสดงสีหน้าไม่พอใจและไม่แคร์สายตาของใครทั้งนั้น หล่อนสะบัดผมสีแดง ที่ดัดลอนไปไว้ต้านหลังก่อนจะใช้มือสะบัดทำเป็นพัดแสดงให้เห็นว่าหล่อน กำลัง (เร่า) ร้อนเหลือเกิน

"เอาเป็นว่าขอตรวจตั๋วก่อนลงเรือก็แล้วกันนะครับ"

"ดี! ฉันอยากพักผ่อนจะแย่ ให้ตายเถอะ จะทำให้มันยุ่งยากไปทำไม" ตอนนี้ฉันพยายามใช้สมองและสายตาศึกษาผู้ที่ร่วมเดินทางลงเรือไป ยังเกาะอยู่ แต่ละคนดูมีลักษณะเด่นๆ พอให้จำได้ไม่ยากนัก อย่างยัยหัวแดง ที่เพิ่งบ่นโวยวายไปเมื่อลักครู่นี้ หล่อนใส่กระโปรงสั้นสีแดงโชว์ขาอ่อน

เรียวสวย ไหน'จะเสื้อสายเดี่ยวที่มีสายบิกินี'โผล่พ้น'ขึ้นมาผูกตรงบริเวณ หลังศีรษะให้พอดูเซ็กซี่นี่อีก ทำเอาผู้ชายที่ยืนอยู่ข้างๆ ฉันมองตาเยิ้มเลยล่ะ "ว่าแต่ตั๋วที่ว่านี่...หมายถึงไอ้นี่หรือเปล่าครับ"

ถามอะไรแปลกๆ เนอะ -_-A

ฉันหันไปมองหน้าเจ้าของนํ้าเสียงเมื่อลักครู่ เขาเป็นชายหนุ่มผมสีทอง 1©   เด่นหรากว่าใคร โดดเด่นด้วยผิวขาวซีดราวกับกินกลูต้าเป็นอาหารประจำ

ร่างสูงมีหุ่นที่ล่ำบึ้กและใบหน้าหล่อเหลาคมคาย ถ้าเพื่อนสนิทฉันที่คลั่งไคล้

เจสซี่ นักร้องอเมริกันรูปหล่อมายืนอยู่ตรงนี้คงต้องเป็นอันอดล่งเสียงกรี๊ด ไม่ได้แน่ๆ แต่สำหรับฉันน่ะเหรอ นี้เก๊กแบบนี้ไม่ไหวนะ TOT ถึงแม้ว่า เขาจะดูดีในเสื้อกล้ามสีดำรัดฟิตเผยให้เห็นทรงของแผงอกที่ได้รูปราวกับ ผ่านฟิตเนสมานานปีก็เถอะ

และนั่น! ดูท่าถอดแว่นดำซะก่อน เก๊กซะไม่มีอ่ะ

-_-A "ถูกแล้วครับ เชิญเอามันขึ้นมาแล้วเดินลงเรือไปได้เลย"

แต่จะว่าไปแล้ว...

ดูๆ ไป หน้าตาเขาแอบคุ้นๆ อยู่นะ เหม่อนเคยเห็นที่ไหนมาก่อนเลย "ขอฉันก่อน!"

ผู้หญิงผมสั้นสีดำที่มีหน้าตาห้าวหาญเป็นอาวุธจัดการกระชับ กระเป๋าหนังใบยักษ์สีดำของเธอราวกับคนล่าสมบัติ มืออีกข้างยื่นตั๋วซึ่ง ในที่นี้คือ Gift Voucher ไปให้นายพนักงานต้อนรับตรวจ ฉันเพิ่งสังเกต เห็นป้ายชื่อที่ติดอยู่ตรงหน้าอกด้านซ้ายของเขาล่ะ 'Aongsa1 (องศา)

"เชิญครับ"

ทันทีที่ผู้หญิงคนนั่นแบกสมบัติของตัวเองลงไปในเรือเรียบร้อย ยัยหัวแดงที่กระชับกระเป๋าสะพายแบรนด์ดังพร้อมทั้งกระเป๋าลากที่น่า จะได้มาจากการซื้อเครื่องสำอางถล่มบ้าน ซึ่งถ้าฉันเดาไม่ผิดน่าจะเคยเห็น บันจากในแม่กกาซีนเล่มไหนสักเล่มก็เดินตามลงเรือไป อันที่จริงแม้แต่ เสื้อผ้าของหล่อน ฉันก็แอบดูออกว่าบันน่าจะแพงใช่เล่น หล่อนค่อยๆ หยิบ แว่นกันแดดเรย์แบนออกมาจากกระเป๋าสะพาย ยกบันขึ้นใส่ก่อนจะเดินไป

โชว์ตั๋วให้องศา พนักงานต้อนรับหนุ่มดู "เชิญครับ"

สองเท้าบนส้นสูงเดินข้ามสะพานลงเรือฉับๆ ไปอย่างชำนาญ ดูเหมือนว่าจะเหลือแค่สามหนุ่มและอีกสองสาวที่ต่างก็มองหน้ากันอยู่ เอ๊ะ มืคนเดินทางไปพักผ่อนที่นั่นแค่เจ็ดคนเองงั้นเหรอ ทริปนี้มีผู้ชายไปด้วย แค่สามคนเท่านั่น ซึ่งก็คือนายการ์เตียน นายชี่"เก๊ก แล้วก็...เอ่อ...เอ่อ...อะไร กันเนี่ย

ฉันมองผู้ชายอีกคนที่ยืนกอดอกตระหง่านอยู่ เขาอยู่'ใน,ชุดยูคาตะ สีดำ สวมรองเท้าเกี๊ยะ ต้านหลังสะพายดาบหนึ่งเล่มราวกับซามูไรที่ไว้ใช้ ปองกันตัว ใบหน้าดูน่าเกรงขาม

นัยน์ตาสีดำดูดุดันน่ากลัวไม่ใช่เล่น หมับ!

ฉันเผลอสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อคู่ๆ ก็มีมือเย็นเฉียบเล็กๆ คว้าจับเข้าที่แขน ฉันรีบหันหน้าไปมองเจ้าของมือนั่นทันที แววตาสีดำฉายแววสงสัย และ ตอนนั่นเองที่ฉันเห็นอะไรบางอย่างที่ด้านหลังใบหูของหล่อน เอ๋?...นั่นมัน...เครื่องช่วยฟังไม่ใช่เหรอ ยะ...ยะ...อย่าบอกนะว่า...

"มีอะไรเหรอ"

ฉันแกล้งลองถามไปแบบนั่นเพื่อทดสอบว่าหล่อนไต้ยินสิ่งที่ฉันกำลังพูด หรือเปล่า และทันใดนั่นยัยนี่ก็เริ่มทำท่าเป็นภาษามือโดยชี้ไปทางองศาแล้ว ก็ทำมือยุกยิกอยู่ตรงหน้าปากตัวเองก่อนจะย้ายไปชี้ที่หูแล้วส่ายมือไปมา อา...ถ้าเดาไม่ผิด หล่อนต้องกำลังบอกว่าไม่เข้าใจสิ่งที่องศาพูดแน่ๆ "คือชี้...ไอ้นี่ของเธออยู่ที่ไหน"

ฉันว่าพลางชี้ไปที่ Gift Voucher ของตัวเองสลับกับชี้ไปที่ตัวของ สาวใบ้ตรงหน้า พอเห็นดังนั่นหล่อนก็หันไปเปิดซิปกระเป๋าสะพายต้านหลัง แล้วหยิบแผ่นกระดาษที่พับเป็นชิ้นเล็กๆ ออกมาก่อนจะคลี่ออก "เอา นี่ ไป ให้ เขา ดู แล้ว ลง เรือ"

หล่อนคงจะกำลังพยายามอ่านปากของฉันให้ออก เพราะฉันเคยมี

เพื่อนแบบนี้อยู่คนหนึ่ง แถมเธอยังพออ่านปากเวลาคนพูดได้ และพอเห็น ยัยนั่นพยักหน้าเป็นเซิงเข้าใจก็เป็นอันโล่งอกทันที ในขณะที่สีหนุ่มอันได้แก่ องศา การ์เตียน นี้เก๊ก และนายซามูไร (นามสมมติ) ที่ยังคงยืนอยู่ตรงนั้น ต่างมองไปที่สาวใบ้เป็นตาเดียว

ก็ไม่แปลกหรอก พวกเขาคงยังไม่ชินกับการเจอคนแบบนี้สินะ "เธอคุยกับคนใบได้ด้วยเหรอ"

ฉันว่าคนที่ซื่อการ์เตียนอะไรนี่เขาน่าจะตายเพราะปาก ...สักวัน!

"นี่ นายไม่ควรพูดแบบนั้น"

ฉันหันไปติเขาทันทีที่เห็นว่าผู้หญิงคนนั้นกำลังเดินอย่างช้าๆ ลงเรือไป "หล่อนไม่ได้ยินหรอกน่า"

"จะได้ยินหรือไม่ มันก็ไม่ควรพูดอยู่ตี,,

"เหรอ"

"แต่จะว่าไปแล้ว เธอนี่ก็เก่งชะมัด คุยกับยัยนั้นรู้เรื่องด้วย ไม่มีเธอ เราคงแย่แน่เลย"

กว่าจะรู้ตัวอีกทีฉันก็หันไปเจอสายตาขององศาที่มองมาทางเรานิ่ง ด้วยความไม่พอใจเล็กน้อย ตายล่ะ...ทำไมเหลือแค่ฉันกับอีตาการ์เตียน อะไรนี่ยืนอยู่แค่สองคนกัน

นายหน้าโหดในชุดยูคาตะกับนายนี้เก๊กเดินลงเรือไปตั้งแต่เมื่อไร

แต่ดูจากการที่นายซามูไรแต่งตัวแบบนั้น เขาอาจจะมีวิซานินจา หายตัวได้ก็เป็นได้นะ เอ่อ...นี่ฉันไม่ได้เพ้อไปใช่ไหม =_=

"เชิญ"

"เลดี้เฟิร์สต์ครับผม"

สรุปแล้วกลายเป็นว่าฉันกับนายการ์เตียนเป็นสองคนสุดท้ายที่ลงเรือ มาในที่สุด เมื่อกี้ฉันเกือบเผลอสะดุดกระโปรงตัวเองด้วยล่ะ ให้ตายเถอะ ไม่น่าใส่กระโปรงยาวมาเลย

พอลงเรือมาได้ฉันก็เริ่มกวาดสายตาไปทั่วลานกว้าง ตรงบริเวณ

 

(โปรดติดตามต่อในฉบับเต็ม)


รีวิว (0)


สินค้าที่ใกล้เคียง (58 รายการ)

www.batorastore.com © 2024