Love Me Monster เทรักหมดใจคุณชายขี้อ้อน (ชุด monster)

Love Me Monster เทรักหมดใจคุณชายขี้อ้อน (ชุด monster)

2 รีวิว  2 รีวิว    
รหัสสินค้า: 9786160609741
ผู้แต่ง: ลูกชุบ
ของหมดถาวร (ต้องการสินค้า)
ราคา: 219.00 บาท 54.75 บาท
ประหยัด: 164.25 บาท ( 75.00% )

เนื้อหาบางส่วน

Unidentified Monster

(ปีศาจไม่ระบุประเภท)

ชื่อเล่น : พันไมล์

ชื่อจริง-นามสกุล : (‘ ‘)

งานอดิเรก : เลี้ยงแมว นอน

สีที่ชอบ : สีม่วง

สีที่เกลียด : ไม่มี

หงุดหงิดทุกทีเวลา...ปริ๊นซ์ราฟาเอลนอนกลางวัน

ดีใจทุกทีเวลา...เจอโม (‘ ‘)

รำคาญทุกทีเวลา...เคานต์ไรอันกัดชุดขาด

อนาคตอันใกล้...ทำงาน (. .)

สิ่งที่เสียใจที่สุด...ขโมยโมจากซิการ์ไม่สำเร็จ (‘^’)

เรื่องน่าอายที่สุด...หือ (‘ ‘)

สุดท้ายนี้...หือออ (‘ ‘)

 

1

 

ฉันวิ่งสุดแรงเกิดแบบที่ไม่เคยวิ่งเร็วขนาดนี้มาก่อนในชีวิต ฉันไม่ได้มีปัญหากับการวิ่งหรอกนะ อันที่จริงแล้วฉันเป็นนักวิ่งที่ดีมากด้วยซ้ำ แต่ส้นสูงบ้านี่ทำให้ฉันวิ่งลำบากมากกว่าเดิมเป็นสิบเท่าเลย

“เฮ้ย ไปทางนั้น ตามไปเร็ว!!”

เอาเข้าไป! ฉันหันไปมองกลุ่มคนที่วิ่งไล่ตามหลังมาก่อนจะรีบเร่งฝีเท้าเร็วยิ่งขึ้น อากาศก็ร้อนแสนร้อน ยังต้องมาวิ่งหนีคนพวกนี้อีก

ฉันโดนวางกับดักโดยแม่ของตัวเอง ใช่ อ่านไม่ผิดหรอก ฉันตั้งใจไปสมัครงานที่บริษัท J แต่พอไปถึงที่นั่น เจ้าของบริษัทกลับเดินมาบอกให้ฉันนั่งรอที่ห้องรับแขก เพราะว่าแม่ของฉันกำลังจะมารับตัวกลับบ้าน เรื่องอะไรฉันจะยอมกลับง่ายๆ ล่ะ! ฉันหนีออกจากบ้านมาได้ตั้งเกือบเดือนแล้ว ฉันก็ต้องหนีต่อไปสิ

ฉันกระโดดข้ามถังขยะที่ล้มอยู่ข้างทางก่อนจะวิ่งเลี้ยวเข้าไปในซอยที่อยู่ข้างหน้า แม้หน้าซอยนั้นจะมีป้ายเขียนเตือนไว้ว่า ‘ถนนส่วนบุคคล’ แต่ฉันไม่มีเวลามาสนใจหรอก เพราะถ้าวิ่งเลยซอยที่ว่าไปก็เป็นถนนใหญ่ที่ไม่มีทางม้าลายให้ข้ามแล้ว ฉันมีหวังถูกจับได้แน่ๆ

แม่นะแม่ พูดไม่รู้เรื่องหรือยังไงว่าฉันไม่อยากกลับ ตราบใดที่พ่อคิดจะจับฉันแต่งงานจริงๆ ฉันไม่กลับบบ! ฉันกัดฟันอย่างหงุดหงิด เสียงฝีเท้าของกลุ่มคนที่วิ่งไล่ตามดังใกล้เข้ามาเรื่อยๆ ให้ตายเถอะ คนพวกนั้นเป็นแค่พนักงานบริษัทธรรมดานะ ทำไมถึงได้วิ่งเก่งอะไรกันขนาดนั้น ฉันมองซ้ายมองขวาเพื่อหาที่หลบซ่อน แต่เพราะมันเป็นถนนส่วนบุคคล มันจึงไม่มีอะไรเลยนอกจากถังขยะใบไม่ใหญ่มาก แล้วก็ประตูรั้วบ้านทึบๆ ที่สูงเกินกว่าจะปีนข้ามฝั่งไปได้ ฉันวิ่งลึกเข้าไปอีกและเริ่มมองเห็นแล้วว่าสุดซอยเป็นทางตัน!

เอาเข้าไป! เอาเข้าไป!

ฉันกัดริมฝีปากอย่างครุ่นคิด จะหาทางออกยังไงดี จะมุดลงท่อก็ไม่ได้ วิ่งสวนออกไปก็ต้องโดนจับได้แหงๆ จะให้ฉันกระโดดลงไปซ่อนตัวในถังขยะมันก็ไม่ใช่เรื่องอีก ฉันสะดุ้งโหยงเมื่อประตูรั้วเหล็กขนาดยักษ์ของบ้านใหญ่ๆ หลังหนึ่งค่อยๆ เลื่อนเปิดออก มีผู้ชายตัวใหญ่ใส่สูทเดินคอตกออกมา พร้อมกับยามประจำบ้านที่เดินตามหลังมาด้วย

“อ้าวคุณ มัวแต่ทำอะไรอยู่ข้างนอกล่ะ” เมื่อยามหันมาเห็นฉันก็ตะโกนถาม ฉันเลิกคิ้วก่อนจะชี้หน้าตัวเอง

“ฉะ...ฉันเหรอคะ”

“ก็คุณน่ะล่ะ มาสัมภาษณ์งานไม่ใช่เหรอ”

ฉันอึกอักและหันไปมองตามหลังผู้ชายตัวใหญ่ใส่สูทที่จากไปแล้ว สะ...สัมภาษณ์งาน? ฉันทวนคำก่อนจะก้มมองตัวเอง เอ่อ ฉันใส่เสื้อเชิ้ตแขนยาวสีขาว กระโปรงทรงเอสีดำ และรองเท้าคัชชูส้นสูง แถมยังทำผมเป็นมวยอย่างสุภาพอีกต่างหาก ก็ฉันตั้งใจจะไปสมัครงานจริงๆ ไม่แปลกใจหรอกว่าทำไมพี่ยามคนนี้ถึงเข้าใจแบบนั้น

“เอ่อ...” ฉันกำลังจะปฏิเสธ แต่เสียงเอะอะที่ดังมาจากด้านหลังทำให้ฉันเผลอโกหกออกไป “ใช่ค่ะ กำลังมองหาบ้านอยู่เลย” ฉันตอบหน้าตาย ก่อนจะเร่งฝีเท้าเดินเข้าไปในบ้าน พี่ยามเลื่อนประตูรั้วปิดในจังหวะที่กลุ่มคนเหล่านั้นวิ่งผ่านหน้าบ้านหลังนี้ไปพอดี

เฮ้อ โล่งอกไปหน่อย

ฉันถอนหายใจเสียงดังและหันไปมองบริเวณรอบๆ บ้านหลังนี้ สิ่งแรกที่เข้ามาในหัวฉันเลยคือ อะ...อะไรวะเนี่ย

ฉันยืนอยู่ตรงทางเดินทอดยาวไปสู่ตัวบ้านซึ่งอยู่ไกลออกไป ตรงหน้าฉันเป็นอ่างน้ำพุขนาดยักษ์ที่มีรูปปั้นอัศวินสี่คนยืนล้อมรอบอยู่ ในอ่างน้ำพุยังเต็มไปด้วยหินแวววับหลากสีที่ส่องแสงระยิบระยับเมื่อกระทบกับแสงแดด ต้นไม้สองข้างทางถูกตัดแต่งเป็นรูปทรงเรขาคณิตดูแปลกตา พื้นถนนไม่ได้ทำมาจากซีเมนต์ธรรมดา แต่เป็นอิฐสีส้มเก่าๆ

นะ...นะ...นี่ฉันหลงเข้ามาในวันเดอร์แลนด์หรือเปล่า

“ครอบครัวนี้เป็นเจ้าของสวนสนุก คุณผู้ชายแกหลงใหลเรื่องพวกนี้มากๆ น่ะครับ” พี่ยามอธิบายเมื่อเห็นฉันอ้าปากค้าง

“สวนสนุก?” ฉันหันไปเลิกคิ้วถาม

“1,000 Lands”

“1,000 Lands เหรอคะ” ฉันเบิกตาโพลงด้วยความตกใจ เพราะมันเป็นชื่อของสวนสนุกที่กำลังโด่งดังมากที่สุดในเอเชียอยู่ตอนนี้ มีสาขาแรกที่ประเทศไทยเมื่อหลายปีก่อน และขยายไปที่โตเกียว ฮอกไกโด เซี่ยงไฮ้ ฮ่องกง มะนิลา ฯลฯ เอาเป็นว่าเจ้าของสวนสนุกแห่งนี้รวยมากๆ นี่ฉันหลบเข้าไปในบ้านของครอบครัวนี้ได้ยังไง แรนดอมชะมัด

“จะว่าไป คุณเป็นผู้หญิงคนเดียวเลยนะครับ คนมาสัมภาษณ์วันนี้ผมเห็นมีแต่ผู้ชาย”

“ระ...เหรอคะ” ตายล่ะ นี่มันเป็นงานอะไร น่ากลัวหรือเปล่าถึงได้มีแต่ผู้ชายมาสัมภาษณ์น่ะ

“คุณคนเมื่อกี้ที่เดินคอตกออกไปเป็นรายที่สิบแล้วของวัน ยังไม่มีใครได้งานเลยนะครับ ตอนนี้อีกห้าคนก็กำลังรอสัมภาษณ์งานอยู่ที่ด้านในคฤหาสน์” พี่ยามบอกขณะที่เดินนำฉันไปขึ้นรถกอล์ฟที่จอดอยู่ แม้แต่รถกอล์ฟที่ควรเป็นสีขาวล้วนๆ ยังถูกทาด้วยสีแดงสลับกับสีขาว แถมยังมีตราดอกจิก (บนไพ่) อยู่ตรงกลางพวงมาลัยอีกต่างหาก นี่มันเจ๋งสุดๆ ไปเลย

ฉันมัวแต่มองสองข้างทางเพลินจนลืมไปเลยว่าตัวเองกำลังโกหกพี่ยามอยู่ รู้ตัวอีกที รถกอล์ฟก็พาฉันมาถึงหน้าคฤหาสน์แล้ว เกราะอัศวินที่ติดอยู่กับประตูทางเข้าที่เปิดอยู่ทั้งสองบานนี่มัน...สุดยอดไปเลย!! ตอนที่พี่ยามขับรถกอล์ฟผ่านสวนดอกไม้ตรงสองข้างทาง ฉันก็เผลอมองเพลินจนเกือบจะหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาถ่ายรูปเก็บไว้ ทุกอย่างที่นี่ดูเหมือนไม่ใช่โลกแห่งความเป็นจริงยังไงยังงั้นล่ะ

“ถึงแล้วครับ เดี๋ยวคุณพี่คะนิ้งจะพาคุณไปรอที่ห้องด้านในนะครับ” พี่ยามบอกพร้อมกับโค้งศีรษะบอกลาฉันอย่างสุภาพ ฉันกล่าวขอบคุณสั้นๆ ก่อนจะก้าวลงมาจากรถ พี่คะนิ้งที่เขาพูดถึงก็คือแม่บ้านที่มายืนรอรับฉันอยู่ตรงหน้าประตู

พี่คะนิ้งยิ้มอย่างสุภาพ เธอน่าจะอายุราวๆ สามสิบต้น ผมสีดำสนิทมัดรวบไว้ด้านหลัง “น่าประหลาดใจจังเลยนะคะ ดิฉันไม่ทราบว่าจะมีผู้หญิงมาสัมภาษณ์งานด้วย”

“เอ่อ...” ฉันอึกอัก “ตัดสินใจเอาวินาทีสุดท้ายน่ะค่ะ”

“เชิญทางนี้เลยค่ะ” พี่คะนิ้งผายมือเชิญฉันเข้าไปด้านใน ทุกอย่างภายในคฤหาสน์หลังนี้ก็ดูอลังการไม่ต่างไปจากภายนอก ออกจะน่าตื่นตาตื่นใจมากกว่าด้วยซ้ำ ฉันนึกว่าตัวเองหลงเข้าไปในฉษกที่ใช้ถ่ายทำภาพยนตร์อย่างเช่นแฮร์รี่ พอตเตอร์ หรือพ่อมดออซอะไรแบบนั้นซะอีก พี่คะนิ้งพาฉันมารวมอยู่กับผู้รอสัมภาษณ์งานอีกห้าคนในเรือนกระจกซึ่งอยู่ตรงระเบียงด้านนอก มองจากตรงนี้ออกไปเห็นสวนเขาวงกตซึ่งกว้างสุดลูกหูลกตา ได้ยินไม่ผิดหรอก เขาวงกตจริงๆ

เหมือนที่พี่คะนิ้งกับพี่ยามบอกน่ะล่ะ ผู้มาสมัครงานคนอื่นๆ ล้วนเป็นผู้ชายกันทั้งนั้น แถมแต่ละคนยังดูบึกบึน สมบุกสมบัน มาดแมนสมชายชาตรีกันสุดๆ ฉันมาทำอะไรที่นี่ล่ะเนี่ย ฉันเดินตัวลีบไปนั่งตรงเก้าอี้ไม้ริมขอบระเบียง มองจากตรงนี้ลงไป ข้างล่างเป็นสวนขนาดกว้างที่เต็มไปด้วยดอกไม้นานาชนิดและต้นไม้สูงใหญ่ ช่างดูแฟนตาซีซะไม่มี แม่บ้านนำน้ำเปล่ามาเสิร์ฟให้ฉัน และบอกให้ฉันรอต่อไป คนส่วนใหญ่นั่งกันนิ่งสนิท ยกเว้นเพียงคนเดียวที่นั่งกดโทรศัพท์มือถืออยู่ ส่วนอีกสี่คนที่เหลือไม่แม้แต่จะขยับตัว ทุกคนดูขึงขังกันสุดๆ

ว่าแต่...ไอ้งานที่ฉันมั่วนิ่มมาสัมภาษณ์นี่มันงานอะไรกันนะ เดาเอาคร่าวๆ แล้ว บอดี้การ์ดงั้นเหรอ ต่อให้ฉันเคยเรียนยูโดมา แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าฉันจะเก่งขนาดไปเป็นบอดี้การ์ดให้ใครได้หรอกนะ งั้นฉันก็แค่แกล้งตอบคำถามมั่วๆ จะได้สัมภาษณ์ไม่ผ่านก็สิ้นเรื่อง ส่วนเรื่องจะให้ทดสอบฝีมือการต่อสู้ ยังไงฉันก็ต้องแพ้ผู้ชายร่างบึ้กๆ พวกนี้อยู่แล้ว ตอนฉันออกจากที่นี่ไป กลุ่มคนที่ไล่ตามฉันอยู่ก็คงจะถอดใจกลับไปนานแล้วน่ะล่ะ

เอ๊ะ นั่นมันอะไรน่ะ

ฉันหรี่ตามองวัตถุดำๆ ที่กำลังเคลื่อนไหวอยู่ด้านนอก พอเพ่งตามองชัดๆ ก็พบว่ามันคือ...คนนี่นา คนในชุดดำตั้งแต่หัวจรดเท้า แถมยังใส่หน้ากากอะไรไว้อีก เขากำลังปีนออกมาจากหน้าต่างห้องห้องหนึ่ง ในมือหอบกระเป๋าไว้ใบหนึ่งด้วย ระ...หรือว่า...

“ขะ...ขโมย!!” ฉันร้องเสียงดังและชี้ไปยังคนชุดดำที่ว่า ทุกคนในเรือนกระจกหันไปมองตาม และโดยที่ฉันไม่ต้องพูดอะไร พวกผู้ชายบึกบึนทั้งห้าคนก็กระโดดจากระเบียงลงไปที่สวนข้างล่างอย่างสวยงาม โอ้...ท่าทางว่าคนพวกนี้จะมาสมัครเป็นบอดี้การ์ดจริงๆ ด้วยสินะ พวกเขาทั้งห้าวิ่งตรงเข้าไปและพยายามจับชายปริศนาที่สวมชุดดำนั่น ฉันมองเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นด้วยความตื่นเต้นจนลืมตะโกนเรียกให้คนมาช่วย แต่มีแค่ห้าคนนั้นก็น่าจะพอแล้วมั้ง

ฮะ...เฮ้ย...นะ...นั่นมัน...!! ชายใส่สูทที่วิ่งเข้าไปประชิดตัวชายชุดดำเป็นคนแรกถูกอีกฝ่ายจับคว่ำลงกับพื้นในชั่วพริบตา คนที่สองถูกเหวี่ยงไปติดกับต้นไม้ คนที่สามถูกถีบกระเด็นล้มกลิ้งลงไปตามเนิน เหลือแค่คนที่สี่กับห้าเท่านั้น

ไอ้...ไอ้ชายชุดดำนั่นต้องเป็นโจรมืออาชีพแน่ๆ! ฉันถอดรองเท้าคัทชูแล้วเหวี่ยงมันทิ้งทันที ก่อนจะกระโดดข้ามขอบระเบียงลงไปที่สวนข้างล่างด้วยสีหน้าวิตกกังวล ยังไงสามต่อหนึ่งมันก็ต้องดีกว่าสองต่อหนึ่งใช่มั้ยล่ะ ขณะที่วิ่งตรงไปทางนั้น ฉันมองเห็นจากหางตาแล้วว่าคนกลุ่มหนึ่งกำลังวิ่งตรงไปทางนั้นเหมือนกัน มีคนในบ้านรู้แล้วสินะว่ามีขโมย

“ทางนี้เลยค่ะ ทางนี้!” ฉันตะโกนโบกไม้โบกมือพร้อมกับวิ่งเข้าไปช่วยสองคนนั้น ไอ้โจรนั่นต้องไม่มีอาวุธแน่ๆ ไม่อย่างนั้นคงควักออกมาใช้แล้วล่ะ ฉันวิ่งไปจนถึงเป้าหมายในที่สุด แต่ยังไม่ทันที่ฉันจะได้แสดงตัว ชายชุดดำก็ใช้กระเป๋ากระแทกใส่หนึ่งในสองคนนั้นล้มลงไปกับพื้น แถมยังกระทืบซ้ำจนจุกลุกขึ้นมาไม่ได้ คนที่เหลืออยู่เห็นแบบนั้จึงรีบวิ่งเข้าไปหมายจะจัดการ แต่ก็ถูกชายชุดดำต่อยสวนเข้าที่หน้าจนลงไปนอนร้องโอดโอยอยู่กับพื้นซะก่อน

อะ...อะ...อะ...อะไรกันเนี่ย

ชายชุดดำถอนหายใจก่อนจะเงยหน้าหันมามองทางฉันที่ยืนประจันหน้ากับเขา ฉันเพิ่งสังเกตเห็นเนี่ยล่ะว่าหน้ากากที่เขาใส่อยู่ไม่ใช่หน้ากากไอ้โม่งแบบที่คิด แต่เป็นหน้ากาก...ดาร์ธ เวเดอร์ ดาร์ธ เวเดอร์จากสตาร์วอร์สเนี่ยนะ จะเป็นขโมยที่มีอารมณ์ขันไปไหน เขามองฉันนิ่งๆ แต่เพราะฉันไม่เห็นใบหน้าของอีกฝ่ายก็เลยไม่รู้ว่าเขากำลังทำหน้าแบบไหนอยู่กันแน่ หลังจากจ้องหน้ากันสักพัก เสียงเอะอะจากด้านหลังก็ทำให้หมอนี่ร้อนรนและมองซ้ายมองขวา เขาคงคิดว่าฉันเป็นผู้หญิงเลยประเมินฉันต่ำไปสินะ

น่าสงสารชะมัด คนที่ประเมินฉันต่ำไปน่ะเคยนอนโรงพยาบาลมาแล้วหนึ่งราย ส่วนอีกรายปัจจุบันนี้ยังไม่กล้าแซวฉันอีกเลยนะ ฉันคิดถึงเรื่องเก่าๆ ก่อนจะก้าวขาเข้าไปหาอีกฝ่ายแล้วใช้เท้าเกี่ยวขาเขาข้างหนึ่ง จากนั้นก็กระตุกเข้าหาตัวแรงๆ ส่วนสองมือของฉันก็จับที่แขนและกำเสื้อของเขาไว้แน่น ในชั่วพริบตาเขาก็ล้มลงไปนอนกับพื้นโดยมีฉันเอาแขนกดไหล่เขา และเอาเข่ากดเข่าเขาไว้ด้วย

“ยูโดสายดำ ไม่ต้องตกใจหรอก” ฉันพูด ในขณะที่อีกฝ่ายนอนแผ่นิ่งๆ ไม่ขัดขืนอะไรเลย แต่ฉันก็ยังไม่ผ่อนแรงกดเพราะเดี๋ยวเขาจะฉวยโอกาสหนีไปได้

“เข้ามาขโมยของในบ้านนี้ กล้าไปหน่อยแล้วมั้ง นายไม่รู้หรือไงว่าที่นี่เขาคุ้มกันแน่นหนาขนาดไหน”

“...”

“เป็นใบ้หรือไง หรือจุกจนพูดไม่ออก นี่ฉันไม่ได้ออกแรงอะไรมากเลยนะ” แต่เขาก็ยังคงเงียบ “เฮ้ นี่ฉันคุยกับนายอยู่นะ” ฉันหงุดหงิดเลยใช้มือข้างหนึ่งดึงหน้ากากเขาออก

สิ่งแรกที่ฉันเห็นเลยคือริมฝีปากบางเรียบตึงแบบไม่มีความรู้สึก ตามมาด้วยดวงตาสีอ่อนดูเศร้าๆ และใบหน้าขาวเด่นขับกับผมหยักศกสีน้ำตาลอ่อน ยิ่งเมื่อเห็นเขานอนแผ่อยู่บนฉากหลังซึ่งเป็นผืนหญ้าสีเขียวสดแบบนี้แล้ว หมอนี่มัน...เทวดาตัวน้อยๆ ชัดๆ

ไปเป็นนายแบบดีกว่าเป็นขโมยมั้ย

“โอ๊ย ตายแล้วๆ”

“เรียกรถพยาบาลเร็ว”

“เกิดอะไรขึ้นเนี่ย” เสียงโวยวายทำให้ฉันสะดุ้งและเงยหน้าไปมองกลุ่มคนที่วิ่งเข้ามารุมล้อมฉัน ส่วนใหญ่เป็นพวกแม่บ้าน และพี่ยามคนที่มารับฉันหน้าประตู พร้อมกับผู้หญิงแปลกหน้าอีกหนึ่งคนที่ดูภูมิฐาน ไม่ใช่แม่บ้านแน่ๆ เธอมองมาทางฉันกับขโมยด้วยแววตาเป็นกังวล ฉันยิ้มเจื่อนๆ ก่อนจะพูด

“จับได้แล้วล่ะค่ะ ไม่ต้องห่วง” ฉันบอกก่อนจะลุกออกมานั่งคุกเข่าข้างๆ หัวขโมยที่ยังนอนแผ่อยู่ตามเดิม “เฮ้ ลุกขึ้นมาสิ” ฉันเอาหน้ากากดาร์ธ เวเดอร์ฟาดลงบนท้องเขาเบาๆ หมอนี่สะดุ้งและร้องโอ๊ยออกมา “ไม่ต้องมาทำสำออย ฟาดนิดๆ หน่อย”

เขาค่อยๆ หยัดตัวขึ้นมานั่งก่อนจะมองหน้าฉันนิ่งๆ แววตาว่างเปล่าแบบนั้นมันหมายความว่ายังไงฮะ

“ยังจะมามองหน้าอีก โดนจับส่งตำรวจแน่!” ฉันจิ๊ปากใส่เขาก่อน

(ติดตามอ่านต่อได้ในฉบับเต็ม)

รายละเอียด

เพราะไม่อยากหมั้นหมายกับผู้ชายที่พ่อจัดสรรมาให้เลือกด้วยกันถึงสามคน ฉันยอมหนีออกจากบ้านมาหางานทำเองดีกว่า แต่ก็ติดตรงที่ว่าบ้านฉันมีอิทธิพลค่อนข้างมาก ฉันก็เลยถูกตัดช่องทางการทำงานมาทุกที่ T^T ล่าสุดดูเหมือนจะมีเรื่องน่ายินดีเกิดขึ้นนะ เมื่อฉันบังเอิญไปได้งานที่บ้าน ไม่สิ คฤหาสน์หลังหนึ่งในตำแหน่งพี่เลี้ยง ซึ่งหน้าที่หลักๆ ก็ง่ายแสนง่าย แค่คอยปลุกคุณชายของบ้านให้ตื่นไปทำงานที่สวนสนุกชื่อดังที่พ่อเขาเป็นเจ้าของเท่านั้นเอ๊งงง ^_^”
 
แต่จะว่าไปแล้ว หมอนี่ก็โตเป็นหนุ่มแล้วนี่หว่า งั้นตำแหน่งของฉันก็ไม่น่าจะต่างอะไรจากผู้คุมมากกว่านะ เอาฟะ ถึงจะไม่ค่อยอยากทำสักเท่าไหร่ แต่ถ้าจะให้เลือกระหว่างกลับไปอยู่บ้านกับรับงานนี้ ฉันขอเลือกที่จะอยู่กับ ‘นายพันไมล์’อะไรนี่ยังดีกว่า หวังว่าคนหน้ามึนอึนตลอดเว แถมยังปากหนักอย่างเขาคงไม่มีพิษไม่มีภัยอะไรร้ายแรงหรอกเนอะ -*-

รีวิว (2)

เขียนรีวิว

วาชิ | 2 รีวิว
30/08/2014

ซีรี่ย์สุดท้ายของเซ็ตนี้เป็นเรื่องของพ่อหนุ่มพันไมล์ สารภาพเลยว่าโดยส่วนตัวไม่ค่อยได้อ่านหนังสือของทางแจ่มใสสักเท่าไหร่ หลายปีมากแล้วที่ไม่ได้หยิบหนังสือของสำนักพิมพ์นี้มาอ่าน เพราะส่วนตัวเราชอบแนวแฟนตาซีมากกว่า อีกอย่างไม่ค่อยชอบเรื่องที่เน้นแนวรักๆ ด้วย จะบอกว่าคนละแนวกับทางสำนักพิมพ์แจ่มใสก็คงไม่ผิดมากนัก แต่พอมีคนแนะนำเรื่องนี้ให้อ่าน บอกได้เลยคะว่าคุ้มค่ามากกับเงินที่นานๆ จะเสียให้กับทางแจ่มใสสักที! และยิ่งเป็นผลงานของคุณลูกชุบซึ่งเป็นนักเขียนที่มีนักอ่านหลายคนติดตามผลงานอยู่ก็เลยทำให้มั่นใจประมาณหนึ่งเลยว่าอ่านแล้วคงจะไม่ผิดหวังแน่นอน ถึงในใจจะแอบหวั่นๆ ว่ามันจะสนุกอย่างที่มีคนได้อวดสรรพคุณเอาไว้จริงหรือเปล่า แต่พอพลิกเปิดอ่านเข้าไปเท่านั้นแหละค่ะ...หยุดที่จะอ่านไม่ได้เลย! ส่วนตัวเราเป็นคนชอบนางเอกที่สู้ชีวิตนะ ออกแนวแข็งแกร่ง ไม่โวยวาย ไม่จู้จี้ ขี้วีน บลาๆ พวกเรื่องมากเอาแต่ใจจนหน้าปวดหัวนี่ไปให้ไกลเลยค่ะ อ่านเจอเมื่อไหร่มีวางได้เลย ทว่า 'เจสซี่' แม่สาวผมม่วงนางเอกของเรื่องนี้เอาใจเราไปเลยเต็มๆ เพราะนางเป็นคนเด็ดขาด มีความรับผิดชอบ ดูกล้าไปหน่อยแต่ก็ถือว่าเป็นข้อดีอย่างหนึ่ง ยิ่งบวกกับหน้าที่ที่เธอจำเป็นต้องทำก็ยิ่งทำให้เธอดูเป็นผู้ใหญ่มากขึ้นทั้งๆที่เธออายุเพียงสิบแปดปีเท่านั้น น้อยกว่าพระเอกของเรื่องซะอีก ฮ่าๆ และถึงแม้เจสซี่จะเป็นลูกคนรวย แต่ก็มีเรื่องให้เธอต้องระหกระเหินหนีออกจากบ้าน ชีวิตเธอเลยต้องยืนด้วยลำแข้งของตัวเอง เริ่มใหม่จากการที่ต้องหาเงินใช้เอง แต่เหนือคำว่าซวยยังมีคำว่าซวยกว่า เพราะพ่อแม่ที่เป็นคนมีฐานะรู้แกวจึงได้ป่าวประกาศให้บริษัทต่างๆ ห้ามรับเธอเข้าทำงาน ไหนจะบังเอิญเจอบอร์ดี้การ์ดตามไล่จับจนหลงเข้ามาในเขตห้ามเข้าอีก สองขานี่วิ่งกันให้วุ่นจนกระทั่งทำเนียนเข้าไปสมัครงานกับคฤหาสน์วันเดอร์แลนด์(?)ที่เธอหลงเข้ามา และนั่นก็เป็นจุกเริ่มต้นที่ทำให้เธอได้เจอความรักที่ไม่เคยได้สัมผัสมาก่อนโดยการมาเป็นพี่เลี้ยงเด็ก(?) ก็แค่ในช่วงแรกเท่านั้นแหละ...ความจริงแล้วเธอเป็นผู้คุมดูแลของ 'พันไมล์' ชายหนุ่มอายุอารามก็ปาเข้าไปยี่สิบแล้วแต่ก็ยังทำตัวเป็นเด็กไม่เลิก อายุสมองนี่เทียบเท่าได้กับเจ็ดขวบ แต่ขอกระซิบหลังไมค์หน่อยเถอะว่าพันไมล์นี่อิมเพคใจเรามากๆๆๆๆ ถึงมากกกที่สุดด ขออวยนิดนึงเถอะนะ 5555 ด้วยนิสัยที่ ทั้งมึน อึน เอ๋อ บวกกับหน้าตาหล่อเหลาเคล้าน่ารักน่าฟัด ก็ยิ่งทำให้คนแก่ใจระทวยนึกกินเด็ก(?)ขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก 5555 ถึงภายนอกจะเห็นพันไมล์เป็นแบบนี้ก็เถอะ แต่เบื้องลึกแล้วเขากลับเป็นคนมีเล่ห์เหลี่ยม และมากพร้อมไปด้วยความกวนประสาทอย่างยากที่จะประมาณ ยิ่งเวลาที่เขารู้ตัวว่าชอบเจสซี่นี่นะ... อื้อหือ ยิ่งเพิ่มความฟินอ่านแล้วเขินเข้าไปอีกอ่ะ เพราะพันไมล์จะรุกใส่เจสซี่ไม่หยุดเลย และนี่ก็เป็นอีกมุมหนึ่งที่จะทำให้เห็นว่า ถึงพันไมล์เขาจะหล่อ รวย มึน อึน เอ๋อ แต่ถ้ารักมันเกิดขึ้นง่ายไปก็ควรที่จะพิสูจน์ดูก่อน เหมือนอย่างที่เจสซี่คิดและทำจนรู้ว่าตัวเองตกหลุมรักคนมึนๆ คนนี้เข้าให้แล้วว อะไรประมาณนั้น ฮา เนื้อเรื่องเรื่องนี้เป็นการบรรยายที่ไปเรื่อยๆ...เรื่อยๆ กว่าจะได้ทันรู้ตัวก็ต้องร้องหาลากเสียงยาวๆ กับตัวเองแล้วตั้งคำถามว่า เกิดอะไรขึ้นน่ะ? พันไมล์ไปแอบชอบเขาซะแล้วเหรอ?? และตอนที่ปมปัญหามันใกล้เข้ามาทุกทีแล้วนี่มันอ่านเพลินจนไม่รู้ตัวเลยล่ะคะ การที่พันไมล์อยู่ข้างๆ เจสซี่เพื่อเผชิญกับปัญหาก็ได้ทำให้เจสซี่เกิดความมั่นใจมากขึ้นว่าพันไมล์เขาชอบเธอจริงๆ และความรู้สึกของเธอเองก็คงจะไม่ต่างกัน นอกจากนี้ยังสามารถพิสูจน์เรื่องนี้ให้กับคนคนหนึ่งที่ทำให้เธอหนีออกมาได้อีกด้วย นิยายเรื่องนี้ถ้าอ่านแล้วจะวางไม่ลงเลยค่ะ รับประกันความน่ารักต้นฉบับความมุ้งมิ้งของคุณชายพันไมล์ที่ทุกคนจะต้องหลงรักและหลงใหลเขินกันแทบดิ้นตายไปข้างเลยค่ะ!
ภัทราพร | 2 รีวิว
24/07/2014

Love Me Monster เทรักหมดใจคุณชายขี้อ้อน นิยายเรื่องนี้เป็นผลงานของพี่ลูกชุบตอนแรกเห็นหน้าปกนี่แบบอยากได้มากหน้าปกสีสันสดใสอีกอย่างเลยคือตามผลงานของพี่ลูกชุบอยู่แล้วด้วยเลยรู้สึกว่าต้องอ่านให้ได้เลยลองไปเช่ามาอ่านก่อนฮ่าๆๆช่วงนั้นไม่อยากเสียเงินเนื้อหาในเรื่องต้องบอกว่าสนุกดีค่ะถึงแม้ว่าจะเป็นอะไรที่คล้ายๆพล็อตทั่วไปอ่ะเราว่าเนื้อหาเรื่องนี้พล็อตก็คล้ายๆเรื่องอื่นๆแต่มันสนุกตรงนี้เนื้อหาสนุกดำเนินเรื่องสนุกทำให้ติดตามตั้งแต่ต้นจนจบไม่เบื่อค่ะแต่ชอบคาแร็กเตอร์ของตัวละครอ่ะชอบนางเอกอ่ะแต่เรื่องนี้มีความรู้สึกว่านางเอกทำตัวเป้นผู้ใหญ่แต่พระเอกทำตัวเป็นเด็กฮ่าๆๆๆชอบมากอ่ะเหมือนเด็กเลยแล้วเนื้อหานิยายเรื่องนี้อ่ะอ่านแล้วฮาหลายฉากเลยฮาพระเอกมากว่านางเอกเพราะพระเอกมันจำตัวมึนๆแบ๊วๆอ่ะพระเอกคาแณ้กเตอร์ต่างจากเรื่องอื่นต่านนิยายเรื่องนี้แล้วนึกถึงนิยายเรื่องของเซตสามโดมของพี่ลูกชุบอ่ะอ็ยเราลืมชื่อพระเอกที่พระเอกมันอยู่โดมรวยสุดอ่ะฮาพอๆกันเลยเราว่านะอีพระเอกเรื่องนั้นนอกจากฮาแล้วยังแบบเหมือนสติไม่สมประกอบทำอะไรก็ไม่ค่อยเหมือนชาวบ้านเขาเราชอบพี่ลูกชุบเขียนคาแร็กเตอร์พระเอกแนวนี้อ่ะมันตลกดีถึงแม้ว่าจะคำบรรยายเยอะแต่ก็ชอบมากค่ะอ่านแล้วเพลินนี้ปกติติดตามผลงานของพี่ลูกชุบมาเยอะค่ะเจอมาทุกแนวเลยเรื่องที่พี่ลูกชุบเขียนแบบดราม่าก็เลยอ่านแต่ส่วนใหญ่จะเป็นแนวรักกุ๊กกิ๊กอ่านแล้วชอบมากๆเลยค่ะสะสมไว้เยอะมากหลงรักทุกเล่มคาแร็กเตอร์พระเอกนางเอกนิยายของพี่ชุบสนุกทุกเรื่องค่ะเรื่องนี้เนื้อหาจุใจดีมากเราว่าพี่ชุบเขียนเรื่องนี้ละเอียดนะเพราะบรรยายเยอะมากอ่ะค่ะรวมไปถึงพวกรายละเอียดปลีกย่อยอ่านแล้วมีความรู้สึกว่าฉากในเล่มมันจุใจดีชอบมากๆค่ะเราว่าพี่ชุบไม่ค่อยมีปัญหาในการเขียนนิยายให้ละเอียดอ่ะสังเกตอ่านนิยายของพี่ชุบมาเยอะเนื้อหาจะหนาแบบหนามากทุกเล่มเลยแบบคิดว่าแบบบางทีนะจะหนาไปไหนเห็นแล้วท้อในการอ่านอ่านแล้วเลยคิดว่าเนื้อหายิ่งกว่าคำว่าจุใจทุกเล่มมีแนวการเขียนที่ใช้สำนวนสนุกดึงความสนใจของคนอ่านอยู่เรื่องนี้ก็ไม่น่าเบื่อค่ะแต่ติดตรงที่คำบรรยายมันเยอะไปหน่อยเลยรู้สึกแบบเมื่อไหร่จะถึงฉากต่อไปอะไรงี้ฮ่าๆๆแต่ใช้แต่เรื่องนี้ใช้ภาษาสละสลวยดีค่ะอ่านแล้วเพลิดเพลินดีอาจจะซื้อมาเก็บสะสมไว้นะฮ่าๆๆๆช่วงนี้นิยายออกมาเยอะอ่ะซื้อทุกเรื่องก็ไม่หวาดไม่ไหวแต่ก็หาอ่านตามร้านเช่าไปด้วยค่ะโดยรวมสนุกดีค่ะ

สินค้าที่ใกล้เคียง (61 รายการ)

www.batorastore.com © 2024