
Love Destiny... ปรากฏการณ์สานรัก 2
ประหยัด: 39.69 บาท ( 21.00% )
มีสินค้ามือสองอยู่จำนวน : 3 รายการราคา 65.00 บาท - 106.00 บาท ซื้อสินค้ามือสอง
Quick View
เนื้อหาบางส่วน
บทที่ 24
กริ๊งงงง
ดาริกามณียกหูโทรศัพท์ในห้องพัก พลันแว่วเสียงกวนประสาทของคนห้องข้างๆ ช่วงสายของเช้าวันใหม่ก็คลับคล้ายจะมีชีวิตชีวาขึ้นเป็นกอง
“ตื่นได้แล้ว”
“ฉันตื่นตั้งแต่แปดโมงแล้วย่ะ ไม่ใช่คุณนายตื่นสายนี่ กว่าจะตื่นก็เกือบเที่ยง” หญิงสาวยกขาขึ้นพาดไขว่ห้างอย่างอารมณ์ดี
“แปดโมงนี่พวกไฮโซอย่างคุณถือว่าเช้าแล้วเหรอ โทษนะ ถ้าเป็นบ้านผมถือว่านอนกินบ้านกินเมืองด้วยซ้ำ คนตื่นเช้าจริงๆ เค้าตื่นกันตั้งแต่ตีห้าหกโมงโน่น”
“ก็ฉันเป็นไฮโซ ฐานะมีอันจะกิน ไม่ใช่ชนชั้นกลางที่ต้องรีบแหกขี้ตาตื่นไปทำงานอย่างคุณนี่”
“เป็นงั้นไป”
สาวฐานะมีอันจะกินแอบกลั้นยิ้ม ตั้งแต่เมื่อคืนตลอดจนถึงเช้านี้หล่อนแกล้งทำเป็นหมกตัวอยู่แต่ในห้องพัก ไม่โผล่หน้าออกไปรับแสงเดือนแสงตะวัน เหตุผลหนึ่งก็เพื่อตั้งสติที่กระเจิดกระเจิง ส่วนอีกหตุผล...รอดูปฏิกิริยาของเขาว่าจะสนใจกันบ้างหรือเปล่า
แล้วมันก็สำเร็จ...
“โทรมามีอะไรไม่ทราบ รบกวนเวลาคนพักผ่อน” หญิงสาวแกล้งวางท่าให้ดูมีค่ามีราคาไปอย่างนั้นเอง แต่เท่ากับเดินเกมผิดถนัด เพราะนอกจากทางนั้นจะไม่ง้อ ยังตัดบทปุบปับจนคนแกล้งวางท่าตั้งตัวไม่ทันเอาเลย
“อ้อ งั้นก็เชิญพักผ่อนต่อแล้วกัน ผมว่าจะไปขี่มอเตอร์ไซค์เที่ยวเล่นรอบๆ เกาะหน่อย บาย”
“เดี๋ยว!”
เจ้าของห้องผุดลุกขึ้นจากเตียงหน้าเหวอ พอพบว่าฝ่ายนั้นวางสายไปแล้วก็ฟึดฟัดขัดใจ รีบกระโจนออกไปเปิดประตู ชะโชกหน้าบอกคนข้างห้องที่กำลังนั่งใส่รองเท้าผ้าใบเตรียมพร้อมออกเดินทาง
“ฉันไปด้วย”
“ก็รีบออกมาสิ มัวรออะไร” ฟ้าครามเพียงเงยหน้าขึ้นมองเจ้าของเสียงแวบหนึ่งแล้วก้มลงผูกเชือกรองเท้าต่อ
“ไม่ คุณต้องรอฉันแต่งตัวก่อน ถ้าไม่รอมีเรื่อง” ดาริกามณีสั่งอย่างคนที่ใช้อำนาจบาตรใหญ่มาทั้งชีวิต ขืนลงให้ง่ายๆ ก็เสียชื่อคุณหนูดิษยอังกูรแย่สิ
แล้วเกือบครึ่งชั่วโมงนั่นล่ะ ‘คุณหนู’ ถึงประสบฤกษ์ยามเยื้องย่างออกจากห้องพัก ดวงหน้างดงามได้รับการแต่งแต้มสีสันพรรณรายไร้ที่ติ ผมดัดลอนสีน้ำตาลแดงปล่อยสยาย การแต่งกายสมกับตำแหน่งสาวเซ็กซี่ที่ได้รับติดต่อกันหลายสมัย คงคอนเซ็ปต์นุ่งน้อยห่มน้อยอีกตามเคย
ฟ้าครามปรายตามองเสื้อแขนกุดสีฟ้าน้ำทะเลคอคว้านลึกไปจนถึงกางเกงยีนขาสั้นฟิตเปรี๊ยะอวดเรือนขายาวนวลเนียนสีน้ำผึ้ง หากแทนที่จะเอ่ยชม เขากลับทำให้คนที่ใช้เวลาในการแต่งตัวถึงครึ่งค่อนชั่วโมงเริ่มหงุดหงิดขึ้นมาอีกครั้ง
“ในที่สุดก็กล้าออกมาเผชิญหน้ากับผมแล้วสินะ คนขี้ขลาด”
“ฉันไม่ได้ขี้ขลาดนะ”
“ไม่ขี้ขลาด แต่ตาขาว เก็บตัวหลบหน้าอยู่ในห้องทั้งวันทั้งคืน ขนาดจะกินข้าวยังต้องสั่งเข้าไปกินข้างในเพียงเพราะกลัวจะหลงเสน่ห์ผมจนกู่ไม่กลับเหมือนเมื่อวานนี้”
“ไม่จริง!” ดาริกามณีเถถียงหน้าดำหน้าแดง เรื่องอะไรจะยอมรับในเมื่อมันมีมูลความจริงอยู่เพียงครึ่งเดียวเท่านั้น
“จะไปไหน” ชายหนุ่มร้องถาม รีบสาวเท้าตามคนที่อยู่ๆ ก็เดินลิ่วตัวปลิวลงจากเรือน
“ขึ้นรถน่ะสิ เถียงกับคุณนานๆ แล้วเสียอารมณ์”
“เถียงสู้ไม่ได้มากกว่า”
“จะคิดยังไงก็ตามใจ” หล่อนหยิบหมวกกับแว่นขึ้นสวม พอเห็นมอเตอร์ไซค์กลางเก่ากลางใหม่จอดรออยู่หน้าบ้านพักก็ชะงักกึก หน้าเบ้ แม้สภาพที่แท้จริงของมันไม่ได้ขี้ริ้วขี้เหร่นัก หากมาตรฐานของสาวไฮโซสูงส่งกว่าชาวบ้านธรรมดาเสมอ
“คันนี้เนี่ยนะที่จะให้ฉันซ้อนท้าย”
คนที่เพิ่งเดินตามไปสมทบทีหลังไม่ยอมตอบ แต่ขึ้นนั่งประจำที่คนขี่แล้วสตาร์ตเครื่องเรียบร้อย
“ถ้ากลัวนั่งแล้วเป็นริดสีดวงก็ไม่ต้องนั่ง กลับไปนอนตากแอร์บนเตียงต่อเถอะ ไม่มีใครว่า” พูดจบก็เร่งเครื่องรอดูท่าที แล้วก็ต้องกลั้นยิ้มเมื่อฝ่ายนั้นหน้าแดงก่ำ ตะโกนแหวแว้ดเสียงแหลม
“ว้าย พูดจาทุเรศ หยาบคาย ฉันไม่เคยเป็นโรคน่าเกลียดพรรค์นั้นนะ” โวยวายแล้วก็ให้รู้สึกอายเสียเอง โดยเฉพาะยามสบเข้ากับสายตาและรอยยิ้มเจ้าเล่ห์กวนประสาทนั่น หัวใจหล่อนถึงกับกระตุกเต้นไม่รู้จังหวะเลยทีเดียว
ว่าแล้วก็รีบเลี่ยงหลบต้นเหตุแห่งความรู้สึกแปลกๆ สะบัดทั้งหน้าทั้งก้น (ที่ไม่เคยเป็นริดสีดวง) ขึ้นนั่งทางเบาะหลัง ขาสองข้างหันไปยังทิศทางเดยีวกัน มือข้างหนึ่งจับหมวก อีกข้างหนีบกระเป๋าแบรนด์เนมแน่นราวกับกลัวว่าถ้าคลายแรงกว่านี้อีกนิด ประเดี๋ยวโจรวิ่งราวจะต้องฉกมันไปเป็นแน่
ฟ้าครามเหลือบมองกิริยาเว่อร์ๆ ของสาวไฮโซคนดังแล้วชักปวดหัวตุบ
“ไอ้หาดที่จะไปเนี่ย ถนนมันชันมากนะคุณ มัวแต่นั่งกระมิดกระเมี้ยนเป็นคุณนาย ห่วงโน่นห่วงนี่ไม่หาที่เกาะแน่นๆ เดี๋ยวก็ได้ไถลล้มหน้าแหกกันพอดี”
“เรื่องของฉัน คุณมีหน้าที่ขี่ก็ขี่ไป แล้วขี่ให้มันนุ่มๆ ด้วยล่ะ อย่าให้โคลนกระเด็นมาโดนเสื้อผ้าหน้าผมฉันสักเม็ดเชียว” คุณนายคนสวยจีบปากจีบคอสั่งพลางทอดสายตามองถนนชื้นแฉะเบื้องหน้าอย่างแหยงๆ
เมื่อคืนที่เกาะมีฝนตกหนักเพราะพายุเข้า ต่อให้เวลานี้แดดแรงจัดเพราะจวนเที่ยงแล้ว หากดินบางส่วนยังไม่แห้งสนิท บางบริเวณจึงเป็นหลุมเป็นบ่อ สลับกับหนองน้ำสีน้ำตาลขุ่นข้นปรากฏให้เห็นเป็นระยะ
ทว่ายิ่งห้ามเหมือนยิ่งยุ ไม่ทันขาดคำเลย มอเตอร์ไซค์คันเก่าคร่ำครึ (ในสายตาของดาริกามณี) ก็กระชากตัวออกสุดแรง สะดุ้งสะเทือนถึงคนซ้อนท้ายต้องรีบควานมือไม้สะเปะสะปะหาหลักยึดใหม่แทบไม่ทัน
คนขี่หรือก็กวนประสาทไม่มีใครกิน เดี๋ยวปราดซ้ายปราดขวาแฉลบต้นไม้ที กองดินที เนินหญ้าที ล่าสุดฝ่าเข้าไปในกองโคลนขุ่นเหนียวข้นคลั่ก ผลคือทั้งดินทั้งทรายสกปรกพร้อมใจกันกระเด็นหล่นแหมะลงบนท่อนขาเนียนของหญิงสาวเต็มๆ
“ว้าย! ตายแล้ว หยุดรถเดี๋ยวนี้นะ ฉันบอกให้หยุด” หล่อนทั้งทุบ ทั้งถอง ทั้งประทุษร้ายแผ่นหลังของนายโชเฟอร์สารพัดวิธีก็แล้ว ฝ่ายนั้นก็ยังไม่ยอมหายบ้า “หยุดรถเดี๋ยวนี้นะคุณอัสนี กรี๊ดดดดดดด ฉันบอกให้ยู้ด!”
ได้ผล คราวนี้คนขี่ดับเครื่องยนต์นิ่งกลางถนน มือทั้งสองข้างยกขึ้นอุดหูแล้วหันไปจ้องหน้าเจ้าของเสียงอย่างเอาเรื่อง
“โอ๊ย หูจะแตก ตะโกนเข้ามาได้ เกิดเซลล์ประสาทหูผมเสื่อมเฉียบพลันขึ้นมมา คุณรับผิดชอบไหวเหรอ”
“ฉันมีเงิน ฉันรับผิดชอบไหว แต่ถ้าฉันตกรถไปเพราะโชเฟอร์ห่วยแตกอย่างคุณ คุณไม่มีปัญญารับผิดชอบแน่”
“เอ้า ก็ไหนบอกว่าถึงจะลื่นไถลหน้าแหกก็เรื่องของคุณไง ผมก็นึกว่าคุณไม่สน อยากหน้าแหกจนตัวสั่น เตือนให้นั่งดีๆ หาที่เกาะแน่นๆ ก็ไม่เชื่อ”
“คนบ้า คนทุเรศ คุณน่ะสิอยากหน้าแหกจนตัวสั่น บ้า บ้าที่สุด ฉันไม่ไปกับคนบ้าอย่างคุณแล้ว เชิญไปเที่ยวรอบเกาะตามประสาคนบ้าคนเดียวเลย อย่าเอาคนสติดีอย่างฉันเข้าไปเกี่ยวด้วย” แผดเสียงใส่เขาจนแสบคอไปหมด มือปัดเศษดินเศษโคลนเหนียวหนับออกจากท่อนขาอย่างรังเกียจ แต่พอจะกระโดดลงจากรถ ฝ่ายนั้นกลับเอ่ยเย้าเจือเสียงหัวเราะ
“เที่ยวคนเดียวสนุกตรงไหน ไปด้วยกันเถอะน่า คุณก็แค่นั่งให้มันเซฟหน่อยเหมือนชาวบ้านปกติเขาก็พอ” ไม่พูดเปล่า ยังถือวิสาสะจัดการจับแยกขาคนข้างหลังให้นั่งคร่อมเบาะเสร็จสรรพ ไม่สนเลยว่าอีกฝ่ายเป็นสุภาพสตรีที่มีของสงวนต้องพึงปกปิด
“ว้าย! ไอ้บ้า! ไอ้คนผีทะเล!” ดาริกามณีร้องเสียงหลงด้วยความอับอาย หน้าแดงแล้วหน้าแดงอีก หากเจ้าของกิริยาอุกอาจกลับทำประหนึ่งไม่มีอะไรเกิดขึ้น สตาร์ตเครื่องแล้วสั่งเสียงเข้ม
“กอดแน่นๆ ไม่งั้นอย่าหาว่าไม่เตือน”
“ฉันไม่กอดคนบ้ากามอย่างคุณให้เสียมือหรอก ยอมตกรถตายเสียดีกว่า”
“ตามใจ อย่ามาง้อทีหลังแล้วกัน”
“ไม่มีทาง ว้าย!”
ฟ้าครามหัวเราะออกมาเต็มเสียง เพราะเพียงแค่แกล้งเร่งเครื่องให้เร็วขึ้น ขี่แฉลบโน่นอีกนิดนี่อีกหน่อย คนที่เพิ่งประกาศยอมตายก็โน้มตัวเข้ากอดแน่น หน้าซุกอยู่กับแผ่นหลัง ‘คนบ้ากาม’ แล้วตะโกนเสียงอู้อี้ไปตลอดทาง
ภาพธรรมชาติเบื้องหน้าทำให้คนมองแทบลืมหายใจ ท้องฟ้าสีครามตัดกับน้ำทะเลใสแจ๋ว เวิ้งว้างกว้างไกลสุดสายตา โขดหินน้อยใหญ่ทอดยาวไปตามหาดทรายขาวเม็ดละเอียด ยินเสียงคลื่นน้อยใหญ่กระทบฝั่ง กลิ่นกรุ่นลมทะเลโชยแตะจมูกเป็นระยะ
อ่าวหวายแห่งนี้ถูกครอบครองโดยรีสอร์ตเพียงแห่งเดียว ไม่มีนักท่องเที่ยวพลุกพล่านหนาตาเช่นหาดอื่น บรรยากาศจึงเงียบสงบ ประหนึ่งหาดส่วนตัว ซากความสับสนวุ่นวายในโลกของวัตถุนิยมถูกทิ้งไว้เพียงเบื้องหลัง
วูบหนึ่งดาริกามณีนึกสงสัย นานแค่ไหนแล้วนะที่หล่อนไม่ได้สัมผัสกับธรรมชาติอันไร้ซึ่งสิ่งเจือปนเช่นนี้...
ปกติชีวิตประจำวันของหญิงสาวถ้าไม่หมดไปกับการทำงานท่ามกลางแสงสีในวงการบันเทิง ก็คงไม่พ้นเดินช็อปปิ้งของแบรนด์เนมตามห้างสรรพสินค้าหรูๆ หรือไม่ก็เพิ่มพูนความงามที่มีอยู่แล้วด้วยการเข้าสปาบ้าง คลินิกเสริมสวยบ้าง วันไหนเกิดนึกเบื่อเมืองไทยขึ้นมาก็บินไปเปิดหูเปิดตาต่างประเทศ เรียกว่าเป็นชีวิตที่สมบูรณ์พร้อมพรั่งด้วยวัตถุนิยมโดยแท้
เพิ่งจะมีครั้งนี้แหละที่รู้สึกว่ามันเรียบง่าย หากกลับเติมเต็มความรู้สึกบางอย่างในหัวใจได้อย่างประหลาด
“สวยจัง ไม่น่าเชื่อว่าทะเลบ้านเราสวยเหมือนกัน ฉันหลงไปเที่ยวแต่ทะเลต่างประเทศเสียตั้งนาน” หล่อนเปรยกับคนที่เพิ่งก้าวลงจากรถ ฟ้าครามมองไปเบื้องหน้าแล้วดื่มด่ำกับมันครู่หนึ่งถึงค่อยบอกว่า
“คนเรามักมองข้ามความงามของสิ่งที่อยู่ใกล้ตัวเสมอ ว่าไหมล่ะ” ประโยคหลังหันมองคนข้างๆ ด้วยสายตาล้ำลึก ไม่รู้เพราะแดดริมทะเลจัดจ้าเกินไปหรือเปล่า เขาถึงเห็นแก้มนวลของหญิงสาวแดงปลั่งกว่าปกติ
“ไม่รู้สิ” คนถูกมองชักทำตัวไม่ถูก รีบเสหลบแล้วกลบเกลื่อนว่า “หิวแล้ว คุณหิวหรือยัง หาอะไรกินกันเถอะ”
หลังจากนั้นสาวไฮโซที่เคยพูดมาก (และบ่นมาก) ก็สงบปากสงบคำผิดปกติ เอาแต่ก้มหน้าก้มตาตลอดเวลาที่รับประทานอาหารกลางวันในร้านอาหารของรีสอร์ต ปล่อยให้เพื่อนร่วมโต๊ะเฝ้าชำเลืองมองพลางสำรวจหัวใจของตัวเองอยู่ห่างๆ
กระทั่งอาหารร่อยหรอ เช็กบิลจ่ายเงินเรียบร้อย ฟ้าครามถึงเอยถามทำลายความเงียบ
“เรื่องที่ทางบ้านคุณพยายามจับคู่ให้ไปถึงไหนแล้ว” ถามออกไปแล้วก็นึกโมโหตัวเอง ดูเถอะ น้องสาวตัวแสบขอให้เขาลด ละ เลิก และยุติความสัมพันธ์กับผู้หญิงตรงหน้าแท้ๆ แต่เขากลับกำลังทำในสิ่งที่ตรงข้ามกันเสียนี่
“ฉันหลอกคุณย่าว่าตอนนี้กำลังคบอยู่กับคุณ ท่านคงจะเลิกหาผู้ชายใส่พานมาให้ฉันเลือกสักพักน่ะล่ะ”
หลอกงั้นหรือ...
ถ้อยคำนั้นช่างสะดุดหูคนฟังยิ่งนัก แม้จะรับรู้เงื่อนไขนั่นตั้งแต่แรก
(ติดตามอ่านต่อได้ในฉบับเต็ม)