Guilty Fairy Tale ล่ารักเร้นร้าย กระชากหัวใจยัยสุดฮอต!
ประหยัด: 69.65 บาท ( 35.00% )
มีสินค้ามือสองอยู่จำนวน : 4 รายการราคา 99.00 บาท - 150.00 บาท ซื้อสินค้ามือสอง
Quick View
เนื้อหาบางส่วน
เธอ...เป็นเจ้าหญิงเย่อหญิงและใจร้ายราวกับแม่มด
เขา...เป็นเจ้าชายเย็นชาและแสนเลือดเย็น
และเขา...เป็นซาตานที่เหี้ยมโหดและเห็นแก่ตัว
-เพราะมีความรัก ความโลภ ความโกรธ และความหลง-
เทพนิยายแห่งความรัก ความผิดบาป และการแก่งแย่ง
...จึงได้เวลาเปิดม่านขึ้นแล้ว...
Prologue
The Phantom of the Opera
14 กุมภาพันธ์ พ.ศ.25XX เวลา 23.07 น.
หอประชุมของมหาวิทยาลัย Arcadia
ก็แค่ใส่หน้ากาก...ไม่ใช่เรื่องยากสำหรับเธอหรอกเจ้าจอม!
เจ้าของบอดี้เอสไลน์สุดเซ็กซี่ผู้มีส่วนสูงเกือบหนึ่งร้อยเจ็ดสิบเซนติเมตร สมกับตำแหน่งนางแบบที่กำลังมาแรงของเมืองไทยอย่าง ‘เจ้าจอม’ มองหน้ากากขนนกสีดำประดับด้วยคริสตัลลึกลับและงดงามที่รวมอยู่กับบัตรเชิญสุดหรูสีดำในมือเรียวบางของเธอ ก่อนจะเหยียดยิ้มกับตัวเองจางๆ
นัยน์ตาสีน้ำเงินอมเทาคู่สวยซึ่งถูกระบายเปลือกตาแบบสโมกกี้อายและล้อมกรอบไว้ด้วยแพขนตางอนยาวปัดด้วยมาสคาร่าสีเข้มจนทำให้ดวงตาโตเรียวรีดูร้ายกาจของเธอมีเสน่ห์ขึ้นอีกเป็นเท่าตัว จับจ้องอยู่บนตัวหนังสือสีทองที่สลักชื่อเธอไว้ คล้ายจะย้ำกับตัวเองอีกครั้งว่านี่ไม่ใช่เรื่องหลอกเล่นหรือเข้าใจผิด
และใช่..เจ้าจอมรู้ดีว่ามันไม่มีทางเป็นเรื่องผิดพลาดแน่ๆ
ปาร์ตี้นี้จงใจจัดขึ้นในคืนวันที่ 14 กุมภาพันธ์ของทุกๆ ที และจะเฉพาะเจาะจงเชิญแขกมาสิบสี่คน เป็นผู้ชายเจ็ดคนและผู้หญิงเจ็ดคน แถมคนที่ถูกคัดเลือกมาปาร์ตี้จะต้องเป็นผู้ที่มีความลับซึ่งถูกใครสักคนในมหาวิทยาลัยเขียนชื่อพร้อมระบุความลับของคนคนนั้นใส่ไว้ในกล่องของชมรม ‘Shadow Scar’ เพื่อให้ทางชมรมเลือกคนที่มีความลับที่เด็ดที่สุด...คิดมาถึงตรงนี้เจ้าจอมก็นึกสาปแช่งคนที่ส่งชื่อเธอไป
ความลับมืดดำนั่น เธอมั่นใจว่ามีเพียงสามคนเท่านั้นที่รู้ คือเธอ...บัตเลอร์...และ JIN
เธอไม่สงสัยสักนิดว่าใครอยู่เบื้องหลังการชักจูงเธอเข้ามาในปาร์ตี้บ้าๆ นี่ ในเมื่อคนสารเลวที่คิดจะเปิดเผยความลับของเธอมีเพียงคนเดียว และดูเหมือนว่าตัวเขากำลังจ้องจะจัดการเธอเต็มที่
หมอนั่นน่ะ...อยู่ในชมรมปีศาจนี่ด้วยยังไงล่ะ!
วันที่เจ้าจอมได้รับบัตรเชิญพร้อมหน้ากากขนนกและกุหลาบแดงที่ถูกนำมาส่งที่บ้าน เธอหัวใจเธอแทบจะหยุดเต้นเลยทีเดียว ปาร์ตี้ค็อกเทลล่าความลับนี่จะถูกจัดขึ้นในวันวาเลนไทน์...วันแห่งความรักที่หนุ่มสาวควรจะมีความสุขและอยู่ฉลองกับคนรัก แต่คนส่วนหนึ่งกลับต้องมาอยู่ในปาร์ตี้ ‘นรก’ นี่
แน่ล่ะ! เจ้าจอมต้องเรียกมันว่าปาร์ตี้นรกอยู่แล้ว ในเมื่อเธอไม่ยินดีเลยสักนิดเดียวที่จะมาสนุกกับชมรม Shadow Scar ซึ่งเป็นชมรมของนักศึกษาผู้เป็นมหาอำนาจในมหาวิทยาลัยเอกชนอับดับหนึ่งของประเทศที่ได้รับการการันตีถึงความมีคุณภาพ เลิศหรูอลังการ และไฮโซจนน่าหมั่นไส้ที่สุด
ไล่ตั้งแต่สถาปัตยกรรมของตัวอาคารเรียนที่จงใจออกแบบให้เหมือนปรสาทในอังกฤษเกือบทุกกระเบียดนิ้วอย่างไม่หวั่นแม้ว่าจะเป็นการทุ่มงบประมาณลงไปอย่างมากจนเกินความจำเป็น การคัดสรรบุคลากรและนักศึกษาอย่างเข้มงวดที่ต้องตรวจสอบผลการเรียนและฐานะก่อน แน่นอนว่าอาจารย์ทุกคนจะต้องมีโพรไฟล์ระดับ Top ทั้งนั้น และถ้าหากนักศึกษาที่นี่ไม่ทั้งรวยและเก่งก็คงจะเข้าเรียนได้ยากมาก เพราะถ้าเพียงแค่มีคุณสมบัติอย่างใดอย่างหนึ่งก็จะต้องมีแบบ ‘สุดทาง’ ไม่รวยมาก ก็ต้องเก่งจนเป็นอัจฉริยะ...ประมาณนั้น
มันน่าตลกที่หนุ่มสาวในประเทศนี้พยายามเหลือเกินที่จะเข้ามาเรียนในมหาวิทยาลัยนี้ให้ได้เพื่อยกระดับโพรไฟล์ของตัวเอง และมันน่าตลกที่สุด...ที่หนึ่งในนั้นก็เคยมีเจ้าจอมรวมอยู่ด้วย
แต่ข้ามเรื่องไร้สาระพวกนั้นไปก่อนเถอะ! กลับมาโฟกัสที่งานปาร์ตี้ล่าความลับของชมรม Shadow Scar ดีกว่า...อย่างที่บอกไปว่าชมรมนี้เป็นผู้ทรงอิทธิพลที่สุด จึงไม่มีใครกล้าขัดหรือปฏิเสธที่จะมางานนี้ ไม่งั้นคงจะใช้ชีวิตในมหาวิทยาลัยต่อไปอย่างไม่มีความสุข และมันคงจะเป็นเรื่องดีจนถือเป็นเกียรติแก่วงศ์ตระกูลไม่ใช่น้อยถ้าหากว่าปาร์ตี้นี้จะไม่ใช่ปาร์ตี้ ‘ไล่ล่า’ ความลับของผู้ถูกเชิญ
การที่เจ้าจอมถูกเชิญมางานนี้ แสดงว่าความลับอันดำมืดของเธอกำลังจะถูกล่า!
ช่างมันเถอะ! ถ้าฉันไม่ยอมรับและไม่พูดซะอย่าง...ใครจะทำอะไรฉันได้
ร่างบางบอกตัวเองขณะที่ยกหน้ากากขึ้นสวมแล้วก้าวลงจากลีมูซีนที่ทางชมรม Shadow Scar ส่งไปรับเธอที่บ้านให้มาร่วมงานนี้ (แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็แกล้งโอ้เอ้จนมาสาบไปเกือบชั่วโมง) หญิงสาวพยักหน้าเบาๆ ให้กับการ์ดที่เดินมาเปิดประตูรถให้ ก่อนที่ใบหน้าอ่อนหวานแสนเซ็กซี่จะเชิดขึ้นอย่างเย่อหยิ่ง
เจ้าจอมพาร่างกายสุดฮอตในชุดราตรีเกาะอกสีแดงเพลิงที่เน้นบอดี้เอสไลน์อันน่ามอง ปักเลื่อมอย่างลงตัว และมีความยาวลากพื้นเข้าไปในห้องโถงอันโอ่อ่าราวกับห้องจัดงานเต้นรำของปราสาทสุดหรูของอังกฤษ วินาทีนั้นเสียงเพลงคลาสสิกที่เปิดคลอการแสดงบัลเลต์ก็ดังมากทักทาย
ถ้าเธอจำไม่ผิด การแสดงตรงหน้าคงเป็นส่วนหนึ่งของละครเวทีชื่อดังอย่าง Swan Lake ในฉากที่เจ้าชายซิกฟรีดได้เจอกับเจ้าหญิงโอเดตต์ ซึ่งมันดูขัดกับปาร์ตี้กระชากความลับดาร์กๆ นี่เสียเหลือเกิน
เอ๊ะ! แต่จะว่าเข้ากันก็ได้นะ ในเมื่อตอนจบของ Swan Lake ก็หม่นไม่ใช่เล่น
ชุดสีขาวของผู้แสดงสะท้อนกับแสงสีสวยของแชนเดอเลียคริสตัลที่ประดับประดาอยู่ในห้องโถงโอ่อ่าแห่งนี้ยิ่งทำให้ทุกอย่างดูหรูหราสมกับเป็นงานเลี้ยงแห่งปีอีกงานหนึ่งของชมรม Shadow Scar นัยน์ตาคู่สวยของเจ้าจอมกวาดมองไปรอบงานที่ถูกตกแต่งในธีมสีม่วงและดอกกุหลาบสีแดง
แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ไม่ได้ทำให้ชุดสีแดงที่เธอเลือกมาในวันนี้ ‘ดับ’ ไปหรอกนะ
ตรงกันข้าม...มันกลับดูเข้ากันได้อย่างดีเยี่ยม
บริกรยกเครื่องดื่มมาเสิร์ฟเจ้าจอมที่เลือกไปยืนดูการแสดงอยู่เงียบๆ ตรงมุมหนึ่งฆ่าเวลา หญิงสาวหยิบแก้วไวน์แดงขึ้นจิบเบาๆ แล้วในขณะนั้นเอง...เสียงเพลงคลาสสิกที่เปิดคลอการแสดงบัลเลต์บนเวทีก็ค่อยๆ เฟดไป บอกว่าการแสดงได้สิ้นสุดลงแล้ว จากนั้นวงออเคสตราชื่อดังของมหาวิทยาลัยที่ได้รับเชิญเข้ามาแสดงในงานเลี้ยงสุดอลังการนี่ก็เริ่มบรรเลงเพลงต่อไป ซึ่งเธอจำได้ว่ามันคือตอนต้นของเพลง ‘Phantom of the Opera’ ที่ให้ความรู้สึกลึกลับและน่ากลัวไม่ต่างอะไรกับปาร์ตี้นี่เลย
แสงไฟในห้องโถงอันโอ่อ่าค่อยๆ ดับลง ก่อนที่ไฟสีเทาอมฟ้าจะค่อยๆ ฉายขึ้นบนเวทีราวกับแสดงที่ทอดลงมาจากบนท้องฟ้าพร้อมกับร่างสูงในชุดสูทที่ปกปิดใบหน้าคมคายไว้ด้วยหน้ากากครึ่งหน้าแบบแฟนทอมปรากฏตัวขึ้นบนเวที...เจ้าจอมเหยียดยิ้มบางๆ ส่งให้ริมฝีปากสุดเซ็กซี่ของเธอน่าสัมผัสขึ้นไปอีก
ทว่า...แม้รอยยิ้มจะปรากฏขึ้นบนใบหน้าหวาน แต่ความจริงแล้วหัวใจเธอกำลังเต้นรัวแรงด้วยความประหม่าราวกับรู้ว่าผู้ชายที่กำลังปรากฏตัวขึ้นคือบุคคลที่กุมความลับทุกคนในงานนี้
และใช่...เขาก็คือคนที่กุมความลับของเธอไว้เช่นกัน!
“ยินดีต้อนรับทุกคนเข้าสู่ปาร์ตี้ในคืนนี้อย่างเป็นทางการ และผมหวังว่าทุกคนจะยินดีที่ถูกรับเชิญให้มาเป็นแขกคนสำคัญของงานนี้” ตัวแทนชมรม Shadow Scar ซึ่งน่าจะเป็นหัวเรือใหญ่ในการจัดงานกล่าวขึ้น
เขาอยู่ในชุทสูทสีขาว สวมหน้ากากครึ่งหน้าแบบแฟนทอมสีเดียวกันจนดูเหมือนเทพบุตรถ้าไม่ติดว่านัยน์ตาคมกริบดูเลือดเย็นจนเหมือนซาตานเสียมากกว่า น้ำเสียงทุ้มลึกอันมีเสน่ห์ของเขาเป็นเสียงเดียวที่ดังอยู่ในห้องโถงนี้หลังจากที่เพลง The Phantom of the Opera ได้จบลง
เจ้าจอมลากสายตาไปหยุดอยู่ที่แววตาสีรัตติกาลซึ่งไม่ได้ถูกปดปิดไว้ด้วยหน้ากาก มันช่างลึกลับและเต็มไปด้วยอำนาจจนสามารถสะกดทุกคนให้นิ่งงัน รวมไปถึงสาวสวยแสนเย่อหยิ่งเช่นเธอด้วย
“และขอให้ทุกคน...สนุกกับการถูกไล่ล่าความลับในคืนนี้”
ชายหนุ่มพูดต่อด้วยรอยิ้มเลือดเย็น ใบหน้าบอกความสุขที่เขาจะได้รับจากความทุกข์ของคนอื่นในงาน และน้ำเสียงเขาก็ยังคงราบเรียบ แต่นั่นกลับทำให้เจ้าจอมกำแก้วไวน์ด้วยความรู้สึกกดดันและหวาดระแวง เธอเชื่อ...ผู้ที่ได้รับเชิญมาในงานนี้อีกสิบสามคนก็คงกำลังรู้สึกไม่ต่างจากเธอ
“ผมหวังว่าพวกคุณจะกุมความลับของตัวเองไว้ได้จนกว่าปาร์ตี้ในคืนนี้จะจบลง”
นี่มันเรื่องบัดซบชัด!
1
The Beginning of ‘Guilty Fairy Tale’
ประมาณสามสัปดาห์ก่อน...
“ฆ่าฉันเถอะ นี่ไม่ใช่เรื่องล้อเล่นใช่มั้ยเจมี่!”
ฉันยกมือขึ้นเสยผมสีน้ำตาลประกายทองที่ถูกดัดลอนใหญ่ๆ ตรงปลายซึ่งบัดนี้มันคงยุ่งจนแทบไม่เป็นทรง ก่อนจะนวดเบาๆ ที่บริเวณหัวคิ้วเพื่อไล่อาการปวดตุบๆ ที่กำลังเล่นงานข้างในศีรษะ
(ในเวลาที่รีบสุดกู่แบบนี้ แกคิดว่าฉันจะมีอารมณ์ล้อเล่นหรือไง) เจมี่ย้อนถามเสียงเครียด (ลุกจากเตียงแล้วเอา Essay บนโต๊ะทำงานลงมาให้ฉันเดี๋ยวนี้ ฉันจะจอดรถรอที่หน้าประตูคอนโดฯ นะ)
“ให้ตายเถอะ” ฉันพึมพำแค่นั้นก่อนจะถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่าย
(อย่าช้าล่ะ ไม่งั้นฉันถูกตัดสิทธิ์สอบวิชานี้แน่) เจมี่ไม่ฟังที่ฉันพูดเลยใช่มั้ยเนี่ย ฟังๆ ดูแล้วไม่ว่าจะยังไงยัยนางแบบลูกครึ่งผมบลอนด์สุดฮอตก็ต้องให้ฉันเอา Essay ลงไปให้ได้สินะ (แล้วเจอกันนะ)
Damn…
ฉันสบถในใจ ปัดผ้าห่มออกแล้วพลิกตัวลงจากเตียง จากนั้นก็เดินไปที่โต๊ะทำงานมุมหนึ่งในห้องนอนของยัยเจมี่อย่างเสียไม่ได้ มันเป็นความซวยของฉันเองแหละที่เลือกมาค้างคอนโดฯ ยัยนั่นหลังปาร์ตี้เมื่อคืนนี้
“ปาร์ตี้ถึงตีสาม นอนเกือบตีสี่ และตื่นตอนหกโมงเช้า...ขอบคุณพระเจ้า!” ฉันพูดประชดพลางหา Essay ของยัยขี้ลืมนั่นไปด้วย ถูกปลุกทั้งๆ ที่เพิ่งได้หลับไม่กี่ชั่วโมงนี่หงุดหงิดที่สุดเลยนะ
อ้อ...แนะนำตัวหน่อยดีกว่า! ฉันชื่อ ‘เจ้าจอม’ นะ อายุยี่สิบปี เรียนคณะนิเทศศาสตร์ ชั้นปีที่สอง มหาวิทยาลัย Arcadia ถึงแม้ว่าชื่อฉันจะดู ‘ไทยจ๋า’ มาก แต่ฉันมีคุณแม่เป็นคนอังกฤษล่ะ ส่วนคุณพ่อเป็นคนไทย ท่านสองคนเลิกกันตั้งแต่ฉันยังเด็ก ฉันเลยมีคุณพ่อซึ่งเป็นนักธุรกิจฐานะค่อนข้างร่ำรวยเลี้ยงดูมาตั้งแต่เด็ก แม้ว่าท่านจะไม่ค่อยมีเวลาให้ แต่ก็ไม่ทำให้ฉันเป็นเด็กมีปัญหาเหมือนนางเอกนิยายนับร้อยเรื่องหรอกนะ เหอะ!
ฉันยังใช้ชีวิตเริงร่าตามประสาวัยรุ่นได้อย่างสุขสบายดี ก็คุณพ่อของฉันน่ะน่ารักสุดๆ ไปเลยนี่นา ขนาดฉันไปปาร์ตี้แล้วหนีมาค้างห้องยัยเจมี่แบบนี้ท่านยังไม่ว่าเลย แต่ก็ไม่ใช่ว่าท่านจะปล่อยปละละเลยลูกสาวหรอกนะ คุณพ่อค่อนข้างหัวสมัยใหม่ ท่านจึงเลี้ยงฉันให้รู้จักดูแลตัวเองได้ และท่านก็ไว้ใจฉันมากด้วย
ยัยเจมี่รู้จักกับครอบครัวฉันดี ยัยนี่เป็นเพื่อนที่สนิทกับฉันมาตั้งแต่ตอนเรียนปีหนึ่งแล้ว เธอเป็นคนเก่งมากๆ หาเงินส่งตัวเองเรียน และใช้ชีวิตอย่างสวยหรูตั้งแต่ขึ้นปีหนึ่งแล้วล่ะ เจมมี่มีคุณพ่อเป็นคนอเมริกา ส่วนคุณแม่เป็นคนไทย ท่านทั้งสองหย่าร้างกันตอนที่เจมี่กำลังจะเข้าเรียนไฮสกูล คุณแม่ของเจมี่เลยพาเธอบินกลับมาอยู่ที่เมืองไทย ตอนนี้ท่านใช้ชีวิตอย่างมีความสุขอยู่ในเชียงใหม่ซึ่งเป็นบ้านเกิด
(ติดตามอ่านต่อได้ในฉบับเต็ม)