Hug Hug อ้อมกอดนี้...ที่พักใจ (Cookie)
ประหยัด: 149.25 บาท ( 75.00% )
เนื้อหาบางส่วน
บทนำ
ซุนจองฉีกซองน้ำตาลสองซองเทลงไปในแก้วกาแฟ คนเบาๆ ด้วยช้อนก่อนจะฉีกน้ำตาลอีกซองเทตามลงไปอย่างไม่ลังเล ตามด้วยครีมสดอีกสองถ้วย
หญิงสาวยกแก้วเครื่องดื่มจรดริมฝีปาก สีหน้ามีความสุขมากเหลือเกิน
ผู้ชายที่นั่งอยู่ตรงกันข้ามจ้องมองเธอโดยไม่พูดอะไรออกมาสักคำ แม้เขาจะพยายามไม่แสดงความรู้สึกใดๆ แต่คิ้วของเขากลับกระตุกราวกับไม่พอใจในการกระทำของเธอ ราวกับเขาจะรู้ว่าเธอไม่ได้อยากทำให้ตัวเองดูดีในสายตาเขา
หลังจากนั้นซุนจองรีบวางแก้วกาแฟลง ทำหน้าตาเหมือนกับว่านี่เธอเผลอทำแบบนั้นตั้งแต่เมื่อไหร่กัน
เธอทำแบบนี้คงเลียนแบบกายองได้เหมือนแล้ว เพราะกายองชอบทำท่าทางแบบนี้ เกิดเรื่องดูตัวครั้งนี้ถึงหูประธานมินผู้เป็นพ่อของกายอง ท่าจะได้ไม่สงสัยเอา
ชายหนุ่มที่นั่งตัวตรงด้วยท่าทางสุภาพในตอนแรกเปลี่ยนเป็นนั่งพิงพนักเก้าอี้ด้วยท่าทางสบายๆ เหมือนเขาไม่มีอารมณ์รักษามารยาทกับเธอแล้ว งานของเธอกำลังไปได้สวยสินะ ตอนนี้แหละที่เธอต้องจัดการขั้นเด็ดขาด
“ถ้าแต่งงานกันแล้วพวกเราจะไปอยู่ที่ไหนดีคะ พวกเราต้องอยู่ที่โซลมั้ย”
“คุณกายองอยากอยู่ที่ไหนล่ะครับ ที่ชนบทหรือเปล่า” ผู้ชายคนนั้นถามกลับอย่างมีมารยาท
“ตายแล้ว! ฮะๆๆ ที่ชนบทงั้นหรือ ฉันอยู่ที่แบบนั้นไม่ได้หรอกค่ะ ฉันอยากอยู่ที่โฮโนลูลู ดูไฮโซใช่มั้ยคะ ทะเลสีฟ้า หาดทรายสีขาว ผู้คนมาช็อปปิ้ง พวกผู้หญิงใส่บิกินีเดินไปมา... อา ถ้าเป็นไปได้ฉันอยากอยู่ที่โฮโนลูลูค่ะ”
“เดี๋ยวนี้คนเกาหลีไปอยู่ที่ฮาวายเยอะมาก ถ้าได้ลองไปอยู่เองก็จะรู้ครับว่าไม่ค่อยเวิร์กเท่าไหร่”
“เหรอคะ โฮะๆๆ” ซุนจองป้องปาก ทำสีหน้าหยิ่งยโส สายตาที่มองดูคู่สนทนาเหมือนจะเหยียดหยามอยู่กลายๆ “ถ้าพูดถึงหาดทรายสีขาวกับบิกีนีในต่างประเทศ ใครๆ ก็นึกถึงฮาวาย แต่ฉันไม่ชอบฮาวายค่ะ ต้องโฮโนลูลูเท่านั้น ที่ฮาวายน่ะมีคนเกาหลีไปเที่ยวเยอะ มันก็เลยดูงั้นๆ”
ผู้ชายหุบปากฉับเหมือนโดนอะไรสักอย่างฟาดใส่ เขาจ้องมองซุนจองพักใหญ่และพยายามจับผิดว่าเธอแกล้งปั่นหัวเขาอยู่หรือเธอเป็นผู้หญิงโง่ๆ ที่ไม่รู้จริงว่าโฮโนลูลูกับฮาวายคือที่เดียวกันกันแน่
ประเด็นสำคัญอยู่ตรงนี้ ห้ามสนใจกับปฏิกิริยาของเขาเด็ดขาด ถ้าถูกจับได้ว่าเธอทำทุกอย่างลงไปโดยมีเจตนาร้ายแอบแฝง เรื่องนี้ต้องรู้ถึงหูของประธานมินแน่
“ฉันขอตัวนะคะ ขอไปเติมหน้าก่อน เดี๋ยวกลับมาค่ะ”
ซุนจองลุกขึ้นจากที่นั่งอย่างไม่ใส่ใจแล้วหมุนตัวเดินจากไปพร้อมกับรอยยิ้ม
เขาคงกำลังจ้องมองเธออยู่และคำนวณในใจว่าผู้หญิงรูปร่างผอมเพรียว สวมเสื้อผ้าราคาแพง ถึงจะหัวไม่ดีนิดหน่อย แต่ถ้าแต่งงานด้วยคงจะเป็นเครื่องประดับชั้นดีของเขา
เพื่อทำให้เขาคิดแบบนี้ให้ได้ ซุนจองจึงใส่ใจเรื่องการแต่งตัวและรายละเอียปลีกย่อยมากเป็นพิเศษ
สายตาของเขาคงกำลังมองมาที่ผมซึ่งปล่อยยาวประบ่าอย่างมีสไตล์ ได้รับการจัดแต่งจากร้านทำผมชั้นนำ สูทราคาแพงที่มองเพียงแวบเดียวก็รู้ว่าเป็นชุดของดีไซเนอร์ชื่อดัง รวมถึงขาเรียวยาวและสะโพกกลมกลึงภายใต้กระโปรง เขาต้องมองเธออยู่แน่...แม้ถุงน่องของเธอจะเป็นรูตรงหัวเข่าข้างหนึ่งก็เถอะ
ซุนจองยืนยิ้มอยู่หน้ากระจกห้องน้ำอย่างมีความสุขที่เธอทำสำเร็จตามเป้าหมาย
บางทีผู้ชายคนนั้นอาจจะเกิดความขัดแย้งในใจอย่างหนัก เขาต้องคิดว่าถ้าแต่งงานกับผู้หญิงแบบนี้จริงๆ คงได้อึดอัดไปตลอดชีวิต หรือไม่ก็ถ้าต้องอยู่กับผู้หญิงโง่ๆ ที่ยังไม่รู้เลยว่าโฮโนลูลูกับฮาวายคือที่เดียวกัน สู้ไปแต่งงานกับคนที่มีสมบัติน้อยกว่านี้คงจะดีกว่า
ซุนจองรู้สึกผิดเล็กน้อยที่ทำให้เขาเชื่อว่าเธอคือมินกายอง ความจริงเธอก็ไม่อยากทำแบบนี้หรอก คนที่ควรจะยืนอยู่ตรงนี้ไม่ใช่เธอ แต่เป็นกายอง เพราะถ้าวันไหนประธานมินรู้เรื่องนี้ เธอคงโดนไล่ออกจากบ้านนั้นโดยไม่มีเงินติดตัวสักวอน
แต่นี่ไม่ใช่เวลาที่เธอจะคิดเรื่องพวกนั้น งานของเธอใกล้จะสำเร็จแล้ว ตอนนี้เหลือแค่กลับออกไปข้างนอกแล้วตอกลิ่มลงไปให้มิดกว่าเดิมเท่านั้น
หญิงสาวดึงกระดาษทิชชูออกมาชุบน้ำ จากนั้นก็ยกขาข้างหนึ่งขึ้นแล้วแปะกระดาษทิชชูนั่นไว้ที่รองเท้า
ผู้หญิงคนอื่นๆ ที่เข้ามาแต่งหน้าในห้องน้ำพากันมองการกระทำของเธอด้วยแววตาเต็มไปด้วยความสงสัย ซุนจองจึงหันไปหาพวกเธอเหล่านั้นแล้วยิ้มให้ ก่อนจะเดินออกจากห้องน้ำอย่างระมัดระวังไม่ให้กระดาษทิชชูที่แปะเอาไว้หลุดออกมา
เธอเดินยิ้มกลับไปที่โต๊ะแล้วก็พบว่าผู้ชายคนนั้นกำลังคุยโทรศัพท์กับใครสักคนอยู่ เขาขมวดคิ้วแน่นดูโกรธมาก เธอคิดว่าหากคนที่เขาคุยด้วยคือพ่อแม่ของเขาที่บังคับให้เขาแต่งงานก็คงจะดี
ทันทีที่ผู้ชายคนนั้นเห็นเธอเดินเข้าไปใกล้ เขาก็รีบตัดสายโทรศัพท์ทิ้งอย่างรวดเร็วและเลื่อนสายตาลงมามองดูรองเท้าของเธอ
โอ๊ะ นี่คือจุดไคลแมกซ์เลย หญิงสาวเดินออกมาจากห้องน้ำโดยไม่รู้ตัวว่ามีกระดาษทิชชูสกปรกติดอยู่ที่รองเท้า
ซุนจองเห็นว่าคิ้วของอีกฝ่ายกระตุกอย่างแรง
“คือว่า...”
เขาตั้งใจจะบอกว่ารองเท้าของเธอมีกระดาษทิชชูติดอยู่ แต่สุดท้ายเขาก็ไม่ได้เอ่ยอะไรออกมา
เธอมองสีหน้าของเขาที่น่าจะกำลังครุ่นคิดอยู่ว่าต่อไปขออย่าได้เจอะเจอกับเธออีกเลย ก่อนจะยิ้มราวกับไม่รู้เรื่องอะไร จากนั้นก็นั่งลงฝั่งตรงข้ามเขาตามเดิม
“เมื่อกี้พวกเราคุยกันถึงไหนแล้วคะ เหมือนพวกเรายังมีเรื่องที่ต้องคุยกันอีกเยอะเชียว แต่กาแฟเย็นหมดแล้ว สั่งใหม่ดีมั้ยคะ หรือจะย้ายร้านนั่งดี?”
ได้วลาที่เธอต้องส่งผู้ชายที่กำลังเบื่อหน่ายกลับบ้านแล้ว!
“เอ่อ เมื่อกี้คนที่บริษัทโทรมาบอกว่ามีเรื่องด่วน ให้ผมเข้าไปเดี๋ยวนี้เลย ต้องขอโทษด้วยนะครับ”
การที่เขารีบหันไปหยิบเสื้อโค้ตมาใส่แสดงให้เห็นว่าเขาไม่ได้รู้สึกผิดอย่างที่ปากว่าสักนิด แต่ซุนจองก็แกล้งทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ต่อไป
“เข้าใจแล้วค่ะ งั้นพวกเราจะเจอกันใหม่เมื่อไหร่ดีคะ”
คำพูดของเธอทำให้เขาแสดงสีหน้าเหลืออดออกมาแวบหนึ่ง เขาคงคิดว่าถ้าเป็นผู้หญิงคนอื่นทำกิริยาแบบนี้ก็ต้องพิจารณาตัวเองได้แล้ว แต่ผู้หญิงคนนี้กลับหัวทื่อจนเหมือนโง่
“ผมคงไม่สามารถปลีกตัวออกมาตามใจชอบได้ คุณบอกเบอร์มาดีกว่า แล้วผมจะติดต่อกลับไปเองครับ”
“งั้นหรือคะ” ซุนจองยิ้มรับเหมือนไม่สงสัยในคำพูดของเขา เธอเปิดกระเป๋าและยื่นนามบัตรให้เขา “จะไม่บอกเบอร์ของคุณหน่อยหรือคะ”
ปกติแล้วเธอจะไม่พูดแบบนี้เด็ดขาด แต่เมื่อเห็นท่าทางของอีกฝ่ายแล้ว เธอไม่ลังเลเลยที่จะถามคำถามนี้ออกไป
“ผมลืมหยิบกระเป๋าใส่นามบัตรมาครับ เจอกันครั้งหน้าผมจะเอามาให้ก็แล้วกัน”
ผู้ชายคนนี้ยืนกรานชัดเจนแล้วว่าเขาไม่มีทางพบเธออีกแน่
“ไม่เป็นไรค่ะ แต่คุณต้องโทรมาหาฉันให้ได้นะคะ”
“ครับ เอ่อ... ที่จริงผมควรไปส่งคุณที่บ้าน แต่พอดีมีเรื่องด่วนที่บริษัท คุณกลับบ้านเองได้ใช่มั้ยครับ” เขาเอ่ยเออกมาเหมือนเสียดายที่ไม่ได้ไปส่งเธอจนถึงหน้าประตูบ้าน
“ช่วยไม่ได้นี่คะ เดี๋ยวฉันโทรเรียกรถที่บ้านมารับก็ได้ค่ะ”
“นั่งแท็กซี่กลับไม่ดีกว่าหรือครับ”
“ตายจริง ฉันจะกลับแท็กซี่ได้ยังไงคะ ก่อนหน้านี้ใครนั่งรถพวกนั้นมาบ้างก็ไม่รู้ สกปรกจะตาย เกิดติดโรคขึ้นมาจะทำยังไง”
“ครับ...”
เขาเหยียดริมฝีปากเหมือนไม่สามารถทนมองเธอต่อไปได้อีกแล้ว ก่อนจะหันหลังให้ จากนั้นก็เดินตรงไปทางลานจอดรถโดยไม่ยอมหันกลับมามองเธออีกเลย
“เดี๋ยวก่อนค่ะ!”
ชายหนุ่มดูลังเลว่าจะแกล้งทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นแล้วเดินหนีไปเลยดีมั้ย ในที่สุดเขาก็หยุดเดินอย่างเสียไม่ได้แล้วหันกลับมา
“ถ้าฉันรับสายไม่ทัน อีกสักแป๊บคุณต้องโทรมาอีกครั้งนะคะ”
เขาฝืนยิ้ม แต่ในสายตาของซุนจอง สีหน้าของเขาเหมือนคนกำลังเคี้ยวลูกพลับฝาดไม่มีผิด แล้วเขาก็หันหลังเดินจากไป
แค่นี้คงพอแล้ว บางทีผู้ชายคนนั้นอาจจะวิ่งหนีไปจนลับสายตาเธอเลยก็ได้
ซุนจองลุกขึ้นเดินออกมาจากบริเวณนั้น จากนั้นก็เดินตรงไปยังรถของตัวเองที่จอดไกลออกไป
บทที่ 1
ระเบิดที่ถูกเตะออกไป
ประธานมินซื้อรถเลกซัสสีบรอนซ์ให้ลูกสาวขับก็เพราะความมีสไตล์ของรถคันนี้ แต่คนที่ได้ขับรถไปไหนมาไหนกลับเป็นซุนจอง เพราะถึงซุนจองจะไปสอบใบขับขี่แทนกายอง แต่สุดท้ายกายองก็ขับรถเองไม่ได้อยู่ดี สุดท้ายจึงเหมือนกับว่าประธานมินซื้อรถของกายองมาให้ซุนจองใช้นั่นเอง
ทันทีที่ขึ้นรถ ซุนจองถอดถุงน่องออกเป็นอย่างแรก จากนั้นก็หยิบถุงน่องคู่ใหม่ในลิ้นชักหน้ารถมาใส่
เธอส่องกระจกมองหลังแล้วรวบผมขึ้น สวมแว่นกรอบหนา การกระทำนั้นเป็นธรรมชาติมากจนดูราวกับเธอทำแบบนี้มาแล้วหลายครั้ง
วันนี้เป็นครั้งที่สามแล้วที่เธอต้องปลอมตัวเป็นกายองและพยายามเขี่ยผู้ชายที่มาดูตัวเองด้วยทิ้ง ตอนแรกเธอก็ไม่ชอบหรอก แต่พอได้ทำแล้วเธอกลับพบว่ามันสนุกไม่ใช่เล่น แม้วันนี้เธอจะไม่ได้เป็นฝ่ายเขี่ยทิ้ง แต่เป็นฝ่ายถูกเขี่ยทิ้งก็เถอะ
ไม่รู้ว่าเธอจะทำแบบนี้โดยไม่ถูกจับได้ไปจนถึงเมื่อไหร่ เกิดประธานมินซึ่งมีเส้นสายส่วนตัวกับหลายที่รู้ความจริงขึ้นมา เธอคงชวดเงินโบนัสที่ควรจะได้รับในวันสุดท้ายของการทำงานแน่ เป็นเพราะกายองอ้อนวอน
(ติดตามอ่านต่อได้ในฉบับเต็ม)