JA104 เที่ยวบินปริศนา ชี้ชะตาล่าหัวใจ
ประหยัด: 104.25 บาท ( 75.00% )
มีสินค้ามือสองอยู่จำนวน : 1 รายการราคา 105.00 บาท ซื้อสินค้ามือสอง
Quick View
เนื้อหาบางส่วน
บทนำ
ภายในห้องสี่เหลี่ยม วอลล์เปเปอร์บนผนังเหมือนกำลังพาฉันท่องเที่ยวไปทั่วโลก
...หอไอเฟลในกรุงปารีส
...หอเอนปิซ่าในกรุงโรม
...หอนาฬิกาบิ๊กเบนในกรุงลอนดอน
...อุปกรณ์ที่ใช้ในการเดินทางอย่างพาสปอร์ต กล้องถ่ายรูป รวมทั้งยานพาหนะที่นำพาเราไป ฉันเอื้อมมือไปวางทาบลงบนรูปเครื่องบินลำเล็กๆ นั้นซึ่งเป็นหนึ่งในลวดลายของวอลล์เปเปอร์ชวนฝัน บ่งบอกรสนิยมเจ้าของห้องนอนห้องนี้ได้เป็นอย่างดี...ว่าเธอเป็นคนที่รักการเดินทางมากแค่ไหน
“อืม...นี่ก็หนึ่งปีแล้วสินะ”
ฉันเอ่ยขึ้นมาลอยๆ เดาว่าผู้หญิงที่เดินตามหลังเข้ามาก็คงกำลังคลี่ยิ้มบางๆ
“เธอเป็นไงบ้าง”
“ฉันเหรอ”
“อาฮะ”
“ก็ดีนะ เรื่อยๆ ใช้ชีวิตไปวันๆ ตามปกติ ตอนนี้ก็เริ่มหาที่ฝึกงานแล้วล่ะ กะว่าจะไปหาป้าที่อเมริกาหน่อย”
“แล้วนี่เธอยังว่ายน้ำอยู่มั้ย”
“ก็ตั้งแต่เกิดเรื่อง หลับจบแมตช์สุดท้ายนั่นฉันก็เลิก แม่เองก็ไม่อยากให้ฉันกลับไปว่ายน้ำอีก”
“เหรอ ดีจัง”
“อืม”
“ว่าแต่...เรื่องพ่อนายแบบ เธอเจอเขาบ้างมั้ย”
“ผู้ชายที่ชื่อดัมเบลน่ะเหรอ”
“ใช่ ฉันไม่ค่อยเห็นเขาบนหน้าปกนิตยสารบ่อยเหมือนเมื่อก่อน ดูเหมือนว่าแฟนเธอหายตัวไปเลย”
“บ้า”
“ฮึๆ”
“หมอนั่นไม่ใช่แฟนฉันสักหน่อย”
ทันทีที่พูดจบฉันก็จัดการผละมือออกจากผนัง เลิกสนใจสิ่งที่ปรากฏอยู่บนวอลล์เปเปอร์ห้องนอนของชิงชิงก่อนจะหันมาเผชิญหน้ากับเธอแล้วพูดตัดบท
“ว่าแต่เธอล่ะ เป็นไงบ้าง อะไรดลใจให้อยากกลับมาเขียนนิยายอีกครั้งกันเนี่ย”
“นั่นสิ ฮ่าๆ”
“แฟนๆ เรียกร้องล่ะสิท่า ฉันแอบเห็นในเว็บบอร์ด มีหลายกระทู้ที่พูดถึงการหายตัวไปของชิงชิง มันต้องเป็นที่ฮือฮาแน่ๆ ถ้าอยู่ๆ เธอก็กลับมาพร้อมกับผลงานเรื่องใหม่”
“...ที่เธอจะได้เป็นนางเอกด้วยนะ!”
พอได้ยินแบบนั้นฉันก็อดยิ้มออกมาไม่ได้ เอ่อ จะว่าไปมันคง...เสี่ยงไม่น้อย
“รู้มัย้ว่ามันอาจจะขายไม่ออกก็ตรงที่มีฉันเป็นนางเอกนี่แหละ”
ฉันแกล้งพูดติดตลก ขณะที่ชิงชิงลากเก้าอี้มาให้ฉันนั่ง จากนั้นเธอก็เดินไปนั่งลงบนเตียงตรงข้ามฉัน
“ไม่ร้อกกก ฉันว่าเรื่องนี้จะต้องดัง”
“รู้ได้ไงยะ”
“ก็เพราะว่าคนเขียนคือฉันยังไงล่ะ ฮ่าๆๆ”
นี่คือสีหน้าของฉัน
“ล้อเล่นน่ะ”
ถึงยัยนี่จะไม่ล้อเล่น ยังไงฉันก็ไม่ขัด เพราะยัยนี่เป็นนักเขียนการ์ตูนผีที่โด่งดังสุดๆ แม้ว่าเธอจะห่างหายจากวงการหนังสือไปเป็นปี แต่แฟนเพจเธอก็ยังมีคนเข้ามากดติดตามสูงถึงหนึ่งแสนเศษ อา...ถ้านี่ยังตอกย้ำถึงความดังของชิงชิงไม่พอ ล่าสุดงานเขียนนิยายเรื่องแรกเพิ่งถูกซื้อไปเป็นภาษาเกาหลี ญี่ปุ่น จีน และอังกฤษ แว่วมาว่ามีค่ายหนังค่ายหนึ่งอยากได้งานเขียนของเธอไปทำเป็นภาพยนตร์ด้วยล่ะ
ฉะนั้นฉันจึงไม่แปลกใจเท่าไหร่ ถ้าการกลับมาของเธอครั้งนี้จะเป็นที่น่าตื่นเต้นของแฟนนักอ่านทั่วโลก
“อันที่จริงฉันอยากติดต่อเธอเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อปีก่อนจะแย่ มันทำเอาฉันคิดมาตลอดเลยนะว่าถ้ามีโอกาสฉันก็อยากจะเขียนถึงมัน ไม่นึกเหมือนกันแฮะว่าเธอจะยอม ตอนแรกฉันก็นึกกลัวว่าเธอจะไม่ยอมอนุญาตให้ฉันเขียนซะอีก”
“จริงๆ มันก็ไม่มีอะไรน่าปิดบังสักหน่อยนี่นา เรื่องเหลือเชื่อไม่ได้เกิดขึ้นทุกวันสัหน่อย”
“นั่นสิ...”
“แล้วอีกอย่าง...ได้เป็นนางเอกของชิงชิงคงเป็นอะไรที่น่าภูมิใจจะตาย”
“ไม่ต้องมาเว่อร์!”
ฉันยิ้มให้กับชิงชิง ระหว่างนี้ก็พยายามนึกถึงและไล่ลำดับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อปีก่อนไปเรื่อยๆ
“เอาล่ะ ฉันพร้อมแล้ว”
ฉันมองชิงชิงที่เอื้อมมือไปหยิบสมุดโน้ตเล่มหนึ่งซึ่งวางอยู่บนโต๊ะหัวเตียงมา เธอพลิกไปที่หน้าเปล่าหน้าหนึ่งซึ่งอยู่ประมาณหน้าเกือบสุดท้ายของสมุดโน้ตเล่มนั้น กดดินสอกดสองทีเพื่อเตรียมจดบันทึกเรื่องราวที่กำลังจะหลุดออกมาจากปาก...ของฉัน...
“เธอพร้อมรึยังเลสเต”
“อืม”
แน่นอนว่าฉันจำเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้แทบทุกวินาที
และไม่มีวัน ‘ลืม’ ได้ลงเป็นอันขาด...
1
A Year Before
เฮือก!
ฉันสะดุ้งตื่นขึ้นมาจากฝันร้ายในอีกหนึ่งคืนที่ผ่านพ้นไป ค่อยๆ ผ่อนลมหายใจออกไปอย่างช้าๆ ในขณะที่สายตาค่อยๆ ปรับให้เข้ากับแสงไฟที่เปิดอยู่อย่างริบหรี่ ยกมือขึ้นกอดตัวเอง อากาศในนี้ค่อนข้างหนาวราวๆ สิบองศาเศษเห็นจะได้ ฉันสอดส่ายสายตามองไปทั่วและพบว่าตัวเองกำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้ผู้โดยสาร ตรงเอวถูกคาดด้วยเข็มขัดนิรภัย ที่นั่งของฉันอยู่ด้านในสุดติดริมหน้าต่าง เก้าอี้สองตัวข้างซ้ายมือปราศจากผู้คนใดๆ
ให้ตาย...นี่ฉันมาอยู่บนเครื่องบินลำนี้ได้ยังไงกัน
แกร๊ก!
ฉันตัดสินใจปลดเข็มขัดนิรภัยออกก่อนจะลุกขึ้นยืนในที่สุด หรือว่านี่จะยังคงเป็นความฝัน?
...ไม่สิ
คนเราถ้าอยู่ในความฝันมันต้องแยกแยะออกได้ แต่นี่มัน...เอ่อ...ช่างเถอะ บางทีความฝันมันก็มีจุดประสงค์เพื่อที่ต้องการจะบอกอะไรบางอย่าง
ตึก...
ฉันเดินออกไปยังทางเดินคั่นกลางระหว่างที่นั่งผู้โดยสารสองฝั่งมองหาแอร์โฮสเตสหรือใครสักคนที่พอจะบอกได้ว่าจุดหมายปลายทางของเที่ยวบินนี้คือที่ไหน ฉันเดินขึ้นไปทางฝั่งหัวเมื่อเห็นเหมือนมีเงาของใครสักคนยืนอยู่หลังม่านสีน้ำเงินที่ปิดอยู่นั่น แต่ทว่า...
หมับ!
“กรี๊ดดดด!!”
เสียงกรีดร้องที่หลุดออกมาจากปากของฉันดังลั่น มือเย็นเฉียบของผู้โดยสารคนหนึ่งที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ริมทางเดินคว้าหมับมาที่แขนของฉัน ฉันรู้สึกใจหล่นไปอยู่ที่ตาตุ่ม ร่างกายชะงัก สายตารีบตวัดหันไปมองเจ้าของมือที่จับแขนฉันเอาไว้อยู่ด้วยความสงสัย
“นี่ฉันมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง”
เอ๋?...
ชายหนุ่มร่างผอมที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ริมทางเดินฝั่งขวาถามฉันด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา ฉันย่นคิ้วเป็นคำตอบกลับไป ที่น่าแปลกใจคือ
หนึ่ง...ฉันไม่รู้จักเขา
สอง...เราต่างก็ไม่รู้ว่าจุดหมายปลายทางของเครื่องบินลำนี้คือที่ไหน
สาม...แล้วทำไมฉัน (และอาจจะเป็นเขาด้วย) ถึงขึ้นมาอยู่บนเครื่องบินลำนี้ได้
“นายก็ไม่รู้เหมือนกันเหรอ”
“ถ้ารู้แล้วจะถามรึไง”
เขาตอบกลับมาก่อนจะปล่อยแขนฉัน ฉันย่นคิ้วไม่ตอบพลางฟังเขาบ่นต่อไป
“แอร์หนาวชะมัดเลยให้ตาย”
ตอนนั้นเองที่เขาเงยหน้าขึ้นมามองฉันในที่สุด นัยน์ตาสีฟ้าสวยคู่นั้นแสดงให้เห็นแววดุร้าย ราวกับดวงตาของสัตว์กินเนื้อที่พร้อมจะออกล่าเหยื่อ ผมสีน้ำตาลอมส้มกับใบหน้าขาวใสบอกให้ฉันรู้ทันทีว่าเขาไม่ใช่คนไทยแท้เป็นแน่ อา...แหงล่ะ หมอนี่หล่อ หล่อแบบมีกลิ่นอายฝั่งตะวันตกด้วยนะ ฉันได้แต่มองใบหน้าที่แสดงถึงความหงุดหงิดของเขาแน่นิ่ง
“ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันแฮะว่าตัวเองมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง”
“เหรอ”
“อือ”
“ว่าแต่เธอกำลังจะเดินไปไหน”
ฉันละสายตาจากใบหน้าเขาก่อนจะเสมองไปทางม่านสีน้ำเงินด้านหน้าแล้วชี้นิ้วไปตรงนั้น
“ไปถามใครสักคนน่ะสิ”
“แล้วได้ความอะไรบ้าง”
“ยังไม่ได้คุยกับใครด้วยซ้ำตั้งแต่ตื่นขึ้นมา นายเป็นคนแรก”
“แปลกแฮะ”
ฉันลองมองไปตรงที่นั่งอื่นๆ และพบว่าเที่ยวบินนี้มีผู้โดยสารอยู่ประปรายก็จริง แต่ทุกคนล้วนตกอยู่ในห้วงแห่งการหลับใหล แหงล่ะ เราอยู่บนเครื่องบินที่เดินทางตอนกลางคืนนี่นา เห็นทีฉันไม่ควรเสียเวลาไปมากกว่านี้ พนักงานบนเครื่องบินจำพวกแอร์โฮสเตสหรือสจ๊วตเท่านั้นที่น่าจะให้คำตอบฉันได้
“ฉันขอตัวก่อน”
“เดี๋ยวก่อน” เขาทำหน้าสงสัย
“อยากรู้ก็ตามมา”
แกร๊ก
ไม่รู้อะไรดลใจให้นายหน้าหล่อนั่นลุกตามฉันมาแฮะ อย่างน้อยฉันก็สบายใจไปเปลาะหนึ่งว่าตัวเองไม่ได้โดดเดี่ยวตัวคนเดียวอีกต่อไปแล้ว แต่ก็ยังวางใจอะไรไม่ได้เป็นอันขาด เขายังคงเป็นคนแปลกหน้าสำหรับฉันอยู่
“เธอ...เธอชื่ออะไร”
“เลสเต”
“เอ่อ...”
“นายล่ะ”
“ดัมเบล”
“ยังเรียนอยู่ใช่มั้ย”
“เรียนด้วยเป็นนายแบบด้วย เธอล่ะ”
“ว้าว นายกับฉันนี่คล้ายๆ กันเลยนะเนี่ย ฉันเรียนด้วยแล้วก็...เอ่อ...เป็นนักกีฬาว่ายน้ำด้วย”
หมอนี่ถึงขั้นอุทานออกมาเบาๆ อย่างคาดไม่ถึงว่าฉันจะเป็นนักว่ายน้ำจริงๆ ฉันลังเลใจอยู่นานมากว่าจะพูดคำว่า ‘ทีมชาติ’ ต่อท้ายประโยคไปด้วยดีหรือไม่ แต่ก็ควรยั้งไว้ก่อน จะได้ไม่ดูขี้โม้จนเกินไป ฉันแอบหันหน้าไปสำรวจรูปร่างของผู้ชายที่เดินตามมาและพบว่าความสูงกับหุ่นที่แสนเป๊ะของเขาทำให้ฉันไม่แปลกใจเลยว่าทำไมเขาถึงได้มีอาชีพเสริมแบบนั้น
จะว่าไปแล้วหมอนี่ก็หน้าตาคุ้นๆ อยู่น้า...เหมือนเคยเห็นที่ไหน
...บนหน้าปกนิตยสารเหรอ
อืม...ก็อาจจะเป็นไปได้...
ฟืบ!
ฉันรูดม่านสีน้ำเงินที่กั้นห้องผู้โดยสารกับห้องเตรียมการของพนักงานบนเครื่องบินตรงฝั่งหัวออก ก่อนจะเดินเข้าไปในนั้นอย่างไม่เกรงใจ ฉันกับดัมเบลสอดส่ายสายตาไปทั่ว พบเพียงแต่ความว่างเปล่าไร้ผู้ใดในนั้น อาหารกล่องที่เตรียมเสิร์ฟก็วางกระจัดกระจายอยู่บนเคาน์เตอร์ ฉันกลืนน้ำลายอึกหนึ่งตอนเห็นสปาเก็ตตี้ผัดขี้เมาของโปรด ฉันหันไปมองหน้าดัมเบลหมายจะให้เขาพูดอะไรสักอย่าง แต่หมอนี่กลับเบ้ปากแล้วยกมือทั้งสองข้างขึ้นอย่างมึนๆ ซะงั้น
“ไม่มีใครอยู่ในนี้แฮะ”
“ลองไปดูฝั่งท้ายเครื่องรึยัง”
“ยัง”
“งั้นไปดูกันเถอะ”
ดัมเบลเดินนำฉันออกมาจากห้องนั้น ฉันสัมผัสถึงบรรยากาศแปลกๆ เมื่อได้เห็นหน้าของผู้โดยสารแทบทุกคนที่นั่งเข้าฌานกันอยู่แบบชัดๆ จากนั้นก็เดินตามดัมเบลไปอย่างนิ่งๆ ได้ยินสียงเหมือนเครื่องบินตกหลุมอากาศบ้างเป็นครั้งคราว ช่วงเวลานี้เหมือนเรากำลังเดินสำรวจพื้นที่ก็ไม่ปาน
(ติดตามอ่านต่อได้ในฉบับเต็ม)
รายละเอียด
รีวิว (1)
16/08/2014
JA104 เที่ยวบินปริศนา ชี้ชะตาล่าหัวใจ นิยายเรื่องนี้เป็นผลงานของJust Nightmareค่ะ บอกก่อนเลยว่าไม่ค่อยได้อ่านผลงานของนักเขียนท่านนี้เท่าไหร่เลยไม่ค่อยรู้จักด้วยแต่เพิ่งจะได้มีโอกาสมาอ่านเมื่อไม่นานนี้ค่ะเนื่องจากอยากลองอ่านผลงานของนักเขียนหน้าใหม่แล้วก็ทำให้เราได้มาอ่านเรื่องนี้ด้วยตอนแรกก็ลังเลว่าจะอ่านดีไหมกลัวว่าจะไม่สนุกแต่สุดท้ายก็ลองอ่านค่ะเรื่องนี้หน้าปกสวยดีถึงแม้ว่าจะไม่ค่อยได้เก็บผลงานวาดที่หน้าปกเป็นของนักวาดท่านนี้เพิ่งจะได้ซื้อเก็บจริงๆจังๆเมื่อไม่นานมานี้เองค่ะสำหรับเรื่องนี้เป็นเรื่องราวหลอนๆหน่อยถ้าอ่านตอนกลางคืนเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับพระเอกนางเอกของเรื่องนี้ที่ขึ้นไปอยู่บนเครื่องบินลำเดียวกันอย่างไม่ทราบสาเหตุแล้วก็ไม่รู้ว่ามาอยู่ที่นี่ได้อย่างไรแล้วผู้โดยสารคนอื่นๆหรือพนักงานบนเครื่องก็ไม่มีสักคนนั่นจึงเป็นสาเหตุให้นางเอกต้องตามหาปริศนาที่เกิดขึ้นค่ะแนะนำเลยว่าเรื่องนี้ต้องอ่านตอนกลางคืนเพราะหลอนดีชอบนิยายเรื่องนี้นะค่ะอ่านแล้วลุ้นดีอ่ะบอกตรงๆว่าใครที่ไม่เคยอ่านเรื่องนี้แนะนำเลยเราอ่านครั้งแรกแล้วชอบมากๆค่ะว่าเราเนื้อเรื่องดีอ่ะเรื่องนี้เป็นนิยายที่มาครบทุกรสอ่านแถมยังหักมุมด้วยชอบมากบอกเลยว่าอ่านแล้วตื่นเต้นตลอดอ่ะแถมยังหลอนดีด้วยค่ะเราชอบการดำเนินเรื่องนะเราว่าเป็นนิยายที่แปลกแหวกแนวดีค่ะอยากให้ลองอ่านกันเป็นนิยายที่เราอ่านแล้วเปลี่ยนแนวคิดไปเลยจากตอนแรกจากตอนแรกที่ไม่คิดจะอ่านมาอ่านจริงๆก็ไม่ผิดหวังนะค่ะเรื่องนี้เป็นเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับผีแล้วก็มีเรื่องของความรักเข้าไปเกี่ยวด้วยอ่านแล้วแบบชอบอ่ะเนื้อเรื่องแปลกแหวกแนวดีไม่คิดว่าจะได้มาอ่านนิยายเกี่ยวกับผีในนิยายของเลิฟซีรี่อ่ะฮ่าๆๆๆอ่านแล้วเอาจริงๆแอบกลัวเองแต่ชอบค่ะแต่ก็ยังรู้สึกนิดๆว่าหน้าปกยังขัดๆอยู่อ่ะคืออยากให้พระเอกดูน่ารักกว่านี้อ่ะเราอ่านในเรื่องแล้วเราชอบมากเลยแถมเนื้อเรื่องอ่ะอ่านแล้วยังเดาตอนต่อๆไปไม่ค่อยออกบอกเลยว่าเรื่องนี้อ่านแล้วลุ้นทุกตอนค่ะชอบตรงที่นักเขียนแต่งมาแบบให้คนอ่านลุ้นแล้วก็เดาตอนต่อๆไปไม่ออกมันทำให้เราตื่นเต้นตั้งแต่หน้าปกแล้วก็หน้าแรกๆที่อ่านแล้วอ่ะค่ะมันน่าลุ้นตั้งแต่ต้นๆเรื่องเลยอ่ะตั้งแต่ที่มาของเรื่องจนถึงตอนจบแต่ถ้าอยากรู้ว่าเป็นยังไงต้องลองหามาอ่านเองนะค่ะบอกได้คำเดียวว่าสนุกมากค่ะแต่อยากให้ปรับนิดนึงตรงที่เราคิดว่าฉากสวีทฉากรักของพระเอกนางเอกยังน้อยไปอ่ะเลยไม่ค่อยได้ลุ้นตรงนี้เท่าไหร่