Frozen Prince (cookie)

Frozen Prince (cookie)

2 รีวิว  2 รีวิว    
รหัสสินค้า: 9786160606399
ของหมด (ต้องการสินค้า)
ราคา: 99.00 บาท 24.75 บาท
ประหยัด: 74.25 บาท ( 75.00% )

เนื้อหาบางส่วน

บทนำ

 

ฤดูร้อนของไต้หวันอากาศร้อนราวกับอยู่ในเตาอบ แม้ดวงอาทิตย์คล้อยต่ำ ใกล้ล่วงสู่ยามสนธยาแล้ว แต่อุณหภูมิเหนือถนนยางมะตอยยังคงไม่ลดลงเลยสักนิดเดียว

ป้าแอนเดรียไล่รดน้ำดอกไม้ในบ้านไปทีละต้นๆ เสร็จ ก็ใช้นิ้วสองนิ้วบีบตรงหัวสายยางพลาสติกจนแบนให้น้ำที่ไหลอยู่ข้างในพ่นออกมาเป็นสองสาย ลอยโค้งไปในอากาศสาดกระเซ็นลงบนถนนนอกประตู แค่ชั่วพริบตาเดียวก็มีกลิ่นฉุนแสบจมูกลอยโชยขึ้นมาจากพื้นถนนร้อนระอุ

“ร้อนจะตายอยู่แล้ว อากาศแบบนี้ใครจะทนไหวกันเนี่ย” ป้าแอนเดรียบ่นพึมพำกับตัวเอง ขณะที่ฉีดน้ำทิ้งรอยสีดำเป็นดวงๆ ไว้เต็มพื้นถนน

ที่นี่เป็นหมู่บ้านจัดสรรขนาดเล็กที่ประกอบด้วยบ้านหกสิบกว่าหลัง ซึ่งถึงตอนนี้ก็สร้างเสร็จสมบูรณ์มาหลายปีแล้ว บ้านเหล่านี้ถูกสร้างขึ้นพร้อมกันโดยผู้รับเหมาเจ้าเดียวกัน ดังนั้นทั้งแบบแปลนและรูปทรงของบ้านจึงเหมือนกันหมด คือเป็นทาวน์เฮ้าส์สามชั้นเนื้อที่ประมาณเจ็ดสิบตารางเมตร และสนามหน้าบ้านกว้างหนึ่งร้อยถึงหนึ่งร้อยสามสิบตารางเมตร ซึ่งบางบ้านปลูกแค่หญ้ากำมะหยี่อย่างเดียวเพื่อใช้เป็นที่จอดรถ แต่ก็มีบางบ้านตกแต่งเป็นสวนดอกไม้เล็กๆ ร่มรื่นเขียวขจีเช่นเดียวกับบ้านป้าแอนเดรีย

ในบรรดาผู้อยู่อาศัยทั้งหมด บ้านหลังที่ห้าเป็นบ้านที่พิเศษมากที่สุด เพราะว่าตรงสนามหน้าบ้านของพวกเขาจะปลูกต้นไม้ประเภทที่โตเร็วดูแลง่ายทั้งหมด เช่นแม็กโนเลีย มัลเบอรี่ ประยงค์ เป็นต้น และมีไม้ดอกเพียงอย่างเดียวคือพุ่มดอกพริมโรสตรงริมรั้ว

เมื่อถึงช่วงกลางฤดูร้อน พอแสงจันทร์ส่องสว่าง ดอกตูมทรงเรียวแหลมเล็กๆ จะบานออกส่งกลิ่นหอมดึงดูดใจ จนผู้คนที่กลับบ้านในตอนค่ำเดินผ่านมามักอดไม่ได้ที่จะหยุดพักสูดลมหายใจลึกๆ ให้กลิ่นดอกไม้หอมชื่นใจช่วยผ่อนคลายร่างกายที่เหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้า

ครอบครัวนี้ผู้เป็นพ่อปรากฏตัวให้เห็นน้อยมาก ส่วนคนที่เข้าๆ ออกๆ อยู่เสมอจะเป็นคุณแม่ยังสาวซึ่งมีกิริยามารยาทงดงาม สุภาพอ่อนโยน กับเด็กชายอายุเก้าขวบที่ได้รับการอบรมเลี้ยงดูมาเป็นอย่างดี

เขาสีไวโอลินเป็น มีฝีมือเขียนพู่กันจีนยอดเยี่ยม ไม่ชอบรังแกสัตว์ รู้จักสวัสดีทักทายเพื่อนบ้านใกล้เรือนเคียงก่อน และยังช่วยเหลือคนเฒ่าคนแก่ข้ามถนนเป็นประจำ เขายิ้มเก่ง ดวงตาอบอุ่นเป็นประกายเปี่ยมด้วยปัญญา ซึ่งถือได้ว่าเป็นลูกในอุดมคติของแม่ทุกคนเลยทีเดียว

การเลี้ยงเด็กได้ดีขนาดนี้ย่อมต้องยกความดีให้กับผู้เป็นแม่

ใครก็ตามที่อาศัยอยู่ที่นี่ล้วนรู้กันทั้งนั้นว่าคุณแม่คนนี้ทุ่มเททุกอย่างให้กับลูกจนหมด ตอนลูกยังเล็ก เธอจะอุ้มลูกเดินไปเดินมาอยู่ตรงสนามหน้าบ้านเป็นประจำ ระหว่างที่เดินไปก็ท่องโคลนท่องกลอนให้ฟังไปด้วย เพื่อค่อยๆ กล่อมให้ลูกนอนหลับ

พอลูกโตขึ้นมาหน่อย เธอก็แขวนแปลกับโคมไฟตั้งพื้นตรงสนามหน้าบ้าน ถือหนังสือนิทานไว้ และเปิดโคมไฟที่ให้แสงสว่างนวลตา จากนั้นสองแม่ลูกจะนั่งอยู่ในแปลด้วยกัน แล้วเธอก็จะเล่านิทานก่อนอนให้ลูกฟังเรื่องแล้วเรื่องเล่า

บัดนี้ลูกโตจนอ่านหนังสือออกแล้ว แต่สองแม่ลูกยังคงนั่งเบียดอยู่ในแปลด้วยกันบ่อยๆ ฝ่ายลูกจะเล่าเรื่องที่โรงเรียนให้แม่ฟัง ส่วนแม่จะเล่าประสบการณ์ชีวิตของตัวเองให้ลูกฟัง และพอพูดถึงเรื่องตลกขบขัน แม่ลูกก็จะสบตากันแล้วหัวเราะออกมา

แม้ว่าคนที่เป็นพ่อจะไม่ค่อยอยู่บ้าน แต่ครอบครัวนี้ก็เป็นครอบครัวที่อบอุ่นและมีความสุขอย่างแน่นอนที่สุด

แต่เมื่อเปรียบเทียบกับบ้านหลังที่สองนับจากท้ายหมู่บ้านแล้วล่ะก็...เอ่อ เฮ้อ...

สามีภรรยาของครอบครัวนี้ทะเลาะเบาะแว้งกันทุกวันว่าสามีหาเงินได้น้อย แถมยังชอบเล่นพนัน และไม่รับผิดชอบครอบครัวเลยแม้แต่น้อย

ฝ่ายภรรยาทำงานในโรงงานตอนกลางวันเพื่อหารายได้มาจุนเจือภายในบ้านก็ลำบากมากพอแล้ว กลับถึงบ้านยังต้องเลี้ยงลูกชายหญิงคู่หนึ่ง และลูกสาวนอกกฎหมายของน้องสามีกับผู้ชายคนอื่น ชีวิตที่บั่นทอนทั้งร่างกายและจิตใจเป็นเวลานานๆ เช่นนี้ทำให้เธอเป็นคนขี้หงุดหงิด พออารมณ์เสียขึ้นมาก็อดที่จะด่าสามีกับลูกๆ ไม่ได้

ทุกครั้งที่สองสามีภรรยาทะเลาะกันรุนแรง คนที่ต้องรับเคราะห์มักจะเป็นหลานสาวตัวน้อยคนนั้นเสมอ

ฝ่ายภรรยาจะคว้าไม้หวายขึ้นมาตีไปที่ตัวหลานสาว ร้อนถึงสามีและลูกชายลูกสาวต้องกรูกันเข้ามาห้ามเป็นพัลวัน แล้วก็ร้องไห้กันระงมไปทั้งบ้านถึงจะยอมหยุดมือ และเมื่อตีเด็กเสร็จแล้ว คนที่เป็นป้าสะใภ้ย่อมต้องรู้สึกละอายใจเป็นธรรมดา แต่ด้วยความเครียดจากปัญหาชีวิตที่หาทางออกไม่ได้ เด็กหญิงจึงไม่อาจหลุดพ้นจากวงจรเลวร้ายเช่นนี้

เด็กหญิงคนนี้ชื่อว่าเกอร์ด้า จู ปีนี้อายุห้าขวบ ทางบ้านไม่มีเงินส่งเข้าโรงเรียนอนุบาล

จะว่าไปแล้ว เธอเป็นเด็กดีมีไหวพริบไม่น้อย เวลาเห็นป้าสะใภ้ยุ่ง เธอรู้จักขันอาสาช่วยทำความสะอาดบ้านเอง แม้จะอายุแค่ห้าขวบ แต่ทำได้ทั้งซักผ้าถูบ้าน หากใหล้เวลาเธอทั้งวัน เธอมีความสามารถทำให้บ้านสะอาดเอี่ยมอ่องได้ก็แล้วกัน เพื่อนบ้านในละแวกนั้นที่รู้เรื่องราวดีล้วนแล้วแต่เห็นใจเธอเป็นอย่างมาก เพราะถ้าจะพูดกันจริงๆ ก็ต้องโทษที่ลุงไม่เอาไหน เธอเลยกลายเป็นเด็กน่าสงสารที่ต้องตกเป็นที่รองรับอารมณ์ของป้าสะใภ้ซึ่งถูกกัดดันจากชีวิตประจำวันแบบนี้ แล้วจะไม่สมควรได้รับความเห็นใจได้ยังไงเล่า

เกอร์ด้าถูกตีอีกแล้ว แม้จะโดนแค่สามที แต่ป้าสะใภ้หันหลังไปหาไม้อันใหม่อีก ลูกพี่ลูกน้องสองคนที่กำลังเรียนชั้นประถมอยู่เห็นท่าไม่ค่อยดี ก็รีบดันตัวเธอออกนอกประตูบ้านให้รีบวิ่งหนีไปหลบในปราสาทหลบภัยของเธอ

เด็กหญิงพยักหน้าแล้วรีบวิ่งออกนอกประตู แต่กลับทำรองเท้าหลุดข้างหนึ่ง พื้นถนนที่ตากแดดจนยางมะตอยแทบละลายร้อนจนลวกเท้า เธอเลยได้แต่ยกขาซ้ายที่ไม่ได้สวมรองเท้าขึ้น แล้วกระโดดดึ๋งๆ จากท้ายหมู่บ้านไปทางด้านหน้า

เธอหยุดลงตรงหน้าประตูเหล็กของบ้านหลังที่ห้า สองมือกำซี่ประตูเหล็กดัดพร้อมกับชะเง้อคอมองเข้าไปข้างใน ที่นี่ก็คือปรสารทหลบภัยของเธอน่ะเอง แต่เธอไม่รู้ว่าคุณน้าหรือพี่เควินอยู่บ้านหรือเปล่า

เกอร์ด้าแนบหูชิดซี่เหล็กดัดเพื่อสัมผัสความเย็นแผ่วๆ ที่ลอดมาจากในบ้าน เธอค่อยๆ หลับตาลงพลางคิดอยู่ในใจว่าทำไมเธอถึงไม่ได้เป็นหลานของบ้านนี้ ทำไมแม่ของคนอื่นถึงได้อ่อนโยนขนาดนั้น ขณะที่เธอไม่มีแม้แต่แม่เลยด้วยซ้ำ เด็กหญิงทำปากยื่นด้วยความรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจอยู่บ้าง

“หนูม่วง ทำอะไรอยู่น่ะ”

พอเธอได้ยินเสียงก็หันหน้าไป จึงมองเห็นพี่เควินสะพายไวโอลินอยู่ แม้ยังมีน้ำตาค้างอยู่บนแก้ม แต่เธอกลับยิ้มกว้างจนทำให้อีกฝ่ายเห็นฟันที่เพิ่งหลุดไปเป็นรูโบ๋

“หนูไม่ได้ชื่อหนูม่วง หนูชื่อเกอร์ด้าต่างหาก” เธอพูดออกเสียงไม่ค่อยชัดเพราะฟันหลอ แต่เสียงที่เล็กใสกลับฟังดูน่ารักยิ่งขึ้น

“อะไรนะ พูดใหม่อีกทีซิ”

“หนูไม่ได้ชื่อหนูม่วง หนูชื่อเกอร์ด้าต่างหาก” เธอพยายามพูดใหม่อีกรอบด้วยใบหน้าที่แดงก่ำไปหมด

เขาจูงมือเธอไว้ขณะเปิดประตู จากนั้นเดินเข้าไปข้างในพลางเอ่ยถามไปด้วย “ป้าเธอโมโหอีกแล้วเหรอ”

เด็กหญิงพยักหน้า เธอไม่เคยรู้สึกอึดอัดใจกับคำถามของพี่เควินเลย สิ่งที่สร้างความอึดอัดให้เธอคือน้ำเสียงเห็นอกเห็นใจกับแววตาเวทนาแบบ ‘ใครใช้ให้เธออาภัพนักล่ะ’ ต่างหาก

ตอนที่เธอยังอยากจะพูดซ้ำอีกครั้งว่า ‘หนูไม่ได้ชื่อหนูม่วง หนูชื่อเกอร์ด้าต่างหาก’ เด็กชายก็หัวเราะพลางยีผมที่ยุ่งเป็นรังนกอยู่แล้ว ก่อนจะดึงแขนข้างที่เพิ่งถูกตีของเธอขึ้นมาพร้อมกับเอ่ยขึ้น “เธอดูเอาเองสิ นี่มันสีอะไร”

เธอก้มหน้ามองแวบหนึ่งแล้วตอบโดยไม่ทันคิด “สีม่วง”

“นั่นไงล่ะ เธอถึงชื่อหนูม่วง ไม่ใช่เกอร์ด้าสักหน่อย”

“อ้อ” เกอร์ด้าพยักหน้าเป็นเชิงเห็นด้วยว่าตัวเองชื่อหนูม่วง

เขาจูงเธอเข้าไปในบ้าน เดินผ่านห้องรับแขก และส่งเสียงร้องบอกไปทางห้องครัว “แม่ฮะ ผมกลับมาแล้วฮะ”

“กลับมาแล้วหรือจ๊ะ ไปล้างมือเตรียมตัวมากินขนมกันได้เลยจ๊ะ”

(ติดตามต่อได้ในฉบับเต็ม)


รีวิว (2)

เขียนรีวิว

SCR. | 2 รีวิว
26/01/2015

ตอนแรกที่เห็นปกนิยาย เข้าใจว่าเป็นเรื่องเดียวกับ Frozen ที่เข้าฉายในโรงค่ะ เลยซื้อมาอ่านเพราะชอบเอลซ่ามาก ๆ พอเปิดอ่านแล้วเลยงง อ้าว ไม่ใช่เรื่องเดียวกันหรอ แต่ซื้อมาแล้วก็เลยต้องอ่านให้จบค่ะ เป็นเรื่องราวของเควิน ตั้งแต่วัยเด็กค่ะ เท่าที่ดูมีความรู้สึกว่าเควินเป็นเด็กมีปมนะคะ เพราะเควินเป็นลูกเมียเก็บของส.ส.ชื่อดังค่ะ แล้วก็ถูกลูกชายจากบ้านใหญ่คอยรังควานอยู่เสมอ ในวัยเด็ก เค้ามีเพื่อนบ้านอยู่คนหนึ่งที่ชื่อเกอร์ด้า เป็นเด็กที่มองโลกในแง่ดี เกอร์ด้าไม่ค่อยถูกกับป้านัก มักจะถูกป้าตีเป็นประจำ แต่เกอร์ด้าก็ไม่เคยโกรธ สร้างความประหลาดใจให้กับเควินยิ่งนัก ซึ่งที่เกอร์ด้าม่าเคยอาฆาต เพราะความกตัญญูที่ป้าเป็นคนเลี้ยงเธอมาตลอด ต่อมาทั้งค่มีอันพรากจากกันไปแล้วกลับมาเจอกันใหม่ ซึ่งทั้งคู่หลังจากที่จำกันได้ก็กลับมาสนิทสนมกันอย่างรวดเร็ว แต่เควินยังมีความแค้นและอยากจะแก้แค้นให้กับตัวเค้าและแม่ ถึงขั้นยอมแต่งงานกับผู้หญิงคนอื่น เกอร์ด้าเองก็ไม่ใช่หิน ไม่ใช่อิฐ ถึงแม้จะเป็นคนมองโลกในแง่ดีจนป้าและเธอเข้าใจกันได้ในท้ายที่สุด จึงได้หาวิธีเอาคืนเควินอย่างเจ็บแสบจนเควินต้องล้มเลิกการแก้แค้นไปในที่สุด ถึงแม้หน้าปกจะเหมือนนิทานให้เด็กอ่าน แต่เนื้อเรื่องจริง ๆ มันก็ไม่เหมาะสำหรับเด็กเท่าไรนะคะ แต่ยอมรับว่านิยายเรื่องนี้เหมือนนิทานมากกว่าจริง ๆ ชื่อตัวละครก็เหมือนนิทาน ไม่ค่อยประทับใจเท่าไรค่ะ สำนวนที่ใช้ก็เหมือนนิทานเลย
จตุพร | 2 รีวิว
13/07/2014

หากใครเคยอ่าน Snow Queen กันมาแล้วคงคุ้นเคยกับ “เควิน” ที่สโนว์เป็นคนเลี้ยงเอาไว้ใช่ไหมคะ เรื่องนี้ “เควิน” เลื่อนตำแหน่งมาเป็นพระเอกอย่างเต็มตัวใน “Frozen Prince”ค่ะ ยอมรับกันตรงๆเลยว่าดิฉันว่าทั้ง Snow Queen และ “Frozen Prince” ตัวละครหลักอย่างพระเอกและนางมีปมจนดิฉันสงสาร นิยายเรื่องนี้เล่าเรื่องตั้งแต่สมัยที่ตัวละครหลักยังเล็กค่ะ ปมของทั้งพระเอกและนางเอก “เควิน” นั้นด้วยความที่เขามีปมตั้งแต่เด็กเนื่องจากเป็นเพียงลูกเมียเก็บ ของ ส.ส. ชื่อดัง ชีวิตที่มีกันสองคนแม่ลูก ในตอนเด็กของพระเอกดูเหมือนจะเป็นช่วงที่เขามีความสุขอยู่นะคะ แต่ความสงบมักถูกลูกชายจากบ้านใหญ่ หรือภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมายของพ่อ มาก่อกวนบ่อยๆ ข้างบ้านเขา ตอนเด็กๆ มีเด็กหญิงคนหนึ่งนามว่า “เกอร์ด้า” นางเอกเธอเป็นคนมองโลกในแง่ดี อาศัยอยู่กับป้าสะใภ้ที่ชอบตีเธอ จนพระเอกมีฉายาให้นางเอกว่า “หนูม่วง” นางเอกนั้นเธอเป็นเด็กซื่อๆ ถึงแม้จะถูกตี แต่เธอก็ไม่เคยคิดแค้นหรือโกรธเคืองป้าสะใภ้ เพราะยังไงก็เป็นคนที่เลี้ยงเธอ แล้ววันหนึ่งพระเอกก็ไปกับสโนว์ ทั้งสองเลยไม่ได้เจอกันอีก วันเวลาผ่านไป ทั้งคู่ต่างเติบโตขึ้น โชคชะตานำพาให้พระเอกและนางเอกมาพบกันอีกครั้ง ตอนแรกพวกเขาไม่รู้ว่าอีกฝ่ายเป็นใครค่ะ และเมื่อได้รู้ว่าอีกฝ่ายคือใคร ทั้งคู่เลยจูนกันติดได้อย่างไม่น่าเชื่อ นางเอกเล่าให้พระเอกฟังว่าตอนนี้เธอสามารถเอาชนะใจป้าสะใภ้ได้แล้ว เธอรักป้าเหมือนแม่และป้าก็รักเธอ ส่วนพระเอกที่ไปดูกับสโนว์ก็ดูเหมือนมีการเปลี่ยนแปลงไปหลายๆด้าน เขาไม่มองโลกในแง่ดี และคิดว่าไม่จำเป็นต้องทำดีกับคนที่ไม่ดีกับตัวเอง แต่นั้นก็ไม่ใช่ปัญหา เพราะ นางเอกและพระเอกต่างมีความรู้สึกดีๆให้กันอยู่แล้ว ทั้งคู่มีสัมพันธ์ลึกซึ้งต่อกันค่ะ ช่วงนี้เรื่องดำเนินไปแบบที่พระเอกยังไม่รู้ตัวนะคะว่าขาดนางเอกไม่ได้ เพราะเขากำลังคิดจะแก้แค้นแทนแม่ ให้คนที่ทำให้แม่และเขาต้องเป็นแบบนี้ชดใช้อย่างเหมาะสม โดยลืมคำนึงถึงความรู้สึกของนางเอก เพราะคิดว่านางเอกพูดง่าย บอกแล้วไงค่ะ ว่านางเอกเรื่องนี้เธอมองโลกในแง่ดี ไม่มีปากเสียง (ไม่งั้นคงไม่ทนให้ป้าตี) เขาจำเปนต้องแต่งงานกับหญิงอื่นเพื่อแก้แค้นตามแผนที่วางไว้ งานนี้นางเอกรับได้ก็แปลกสิคะ ยังดีที่เธอฉลาดและหาวิธีโต้กลับไป จนพระเอกรู้ตัวว่าขาดเธอไม่ได้ ไมได้แก้แค้นก็ช่างมัน เพราะนางเอกจะบอกเขาเสมอว่าเขาควรจะอยู่อย่างมีความสุข สุดท้ายเรื่องีน้เลยจบแบบแฮปปี้เอนเดิ่งค่ะ

สินค้าที่ใกล้เคียง (67 รายการ)

www.batorastore.com © 2024