Kiss Me, Angel ไขคดีลับ จับคดีรัก
ประหยัด: 156.75 บาท ( 75.00% )
มีสินค้ามือสองอยู่จำนวน : 4 รายการราคา 100.00 บาท - 159.00 บาท ซื้อสินค้ามือสอง
Quick View
เนื้อหาบางส่วน
Love is like handing someone a gun,
having them point it at your heart and trusting them
never to pull the trigger
ความรักก็เปรียบเสมือนการส่งปืนให้ใครสักคน
ยอมให้ปากกระบอกปืนจ่อเข้าที่หัวใจ และเชื่อมั่นว่าเขาจะไม่มีวัน
เหนี่ยวไกนั้น
บทนำ
Hello Angel
เสียงฝีเท้าที่ดังขึ้นตามจังหวะการก้าวกับรอยยิ้มบางที่คลี่เหยียดขึ้นบนมุมปากของคนที่เพิ่งเดินเข้ามาถึง ซ้ำยังรู้ตัวดีด้วยว่ามาช้ากว่าเวลานัดหมายไปหน่อย...
เอ่อ...หมายถึง...สามชั่วโมงน่ะนะ
“...จะมีสักครั้งมั้ยที่มาตรงเวลานัดน่ะ” น้ำเสียงหงุดหงิดใจถูกเอ่ยออกจากริมฝีปากเรียบตึงของคนที่นั่งรออยู่ก่อนแล้ว ตามมาด้วยการถอนลมหายใจแผ่วเมื่ออีกฝ่ายที่เพิ่งมาถึงยังคงคลี่ยิ้มหวานไม่สะทกสะท้าน “นั่งลงซะ จะได้เริ่มสักที”
“ก็ได้” คนฟังพยักหน้ารับ ก่อนเดินมาที่เก้าอี้ซึ่งวางอยู่ตรงข้ามขยับมันออกเล็กน้อยแล้วทิ้งตัวลงนั่งในท่าทางสบายสุดๆ “แล้วทำไมผมต้องมาที่นี่ด้วยล่ะ”
“เพราะนายมีภารกิจต้องมาให้ฉันสัมภาษณ์”
“หืม? เปลี่ยนอาชีพไปเป็นนักข่าวแล้วเหรอเนี่ยบอส ได้ข่าวว่าแค่หมั้นเองนี่นา กลัวว่างานจะทับไลน์กันจนต้องรีบเปลี่ยนสายงานก่อนแต่งงานกันแบบนี้เลยเหรอเนี่ย”
“ฉันไม่ได้เปลี่ยนงาน” น้ำเสียงหงุดหงิดชัดเจนขึ้นอีกหน่อย
“อ้าว ก็เห็นบอสบอกว่าจะสัมภาษณ์ ผมก็นึกว่า...”
“เลิกนอกเรื่องสักที เข้าเรื่องได้แล้ว”
“เพราะถูกแซวข่าวดีน่ะเหรอ ฮาวายนี่มันเจ๋งจริงๆ ให้ตายสิ”
“...ช่วยนั่งเงียบๆ แล้วสนใจตอบเฉพาะที่ฉันกำลังจะถามเท่านั้นได้มั้ย... ‘Angel’”
“ก็ได้ ก็ได้ บอสสั่งมา ก็ควรทำตามนี่นา”
ท่าทาง น้ำเสียง ตามด้วยสีหน้าที่หาได้มีความจริงจังไม่นั่นทำเอาคนที่ถูกเรียกว่า ‘บอส’ กลอกตาก่อนพ่นลมหายใจยาวพรืดออกผ่านปลายจมูก ก่อนที่เขาจะขยับตัวจัดเนกไทและท่าทางของตัวเองน้อยๆ เพื่อให้เข้าที่และสะดวกต่อการสัมภาษณ์มากขึ้น จากนั้นก็หยิบซองเอกสารสีน้ำตาลที่วางอยู่บนโต๊ะขึ้นมาเปิดออก ดึงกระดาษบางๆ สีขาวขึ้นมาอ่านออกเสียง ส่งไปให้คนที่นั่งท่าสบายใจเหลือเกินอยู่ตรงข้าม
“เอาล่ะ...’โปรดบอกสิ่งที่คุณจะไม่มีวันทำมาสามข้อ’ ”
รอยยิ้มเจ้าเล่ห์คลี่บนใบหน้าคนถูกถาม ก่อนที่เขาจะยกมือขึ้นมาลดนิ้วชี้และนิ้วโป้งลงจนเหลือเพียงแค่สามนิ้ว แล้วจึงค่อยๆ ลดลงเรื่อยๆ ตามสิ่งที่เอ่ย
“สิ่งที่ผมจะไม่มีวันทำสามประการ...ข้อแรก มาตรงเวลา ข้อสองไม่ซ้อมผู้ต้องหา และข้อสาม เลิกแซวบอส”
“จะตอบให้มันดีๆ ดูเป็นงานเป็นการสักครั้งบ้างได้มั้ยแองเจิล”
“หือ? นี่ผมเป็นงานเป็นการสุดๆ แล้วนะเนี่ย ไม่มีคำตอบอะไรที่ดูจริงจังมากไปกว่านี้อีกแล้วล่ะ”
“...รวมทั้งข้อสามด้วยเนี่ยนะ”
“รักหรอกจึงหยอกเล่นน่ะนะ”
คนทำหน้าที่เป็นผู้สัมภาษณ์ภอนหายใจพรืด รู้แน่ว่าต่อให้เซ้าซี้จะเอาคำตอบอื่นไปก็เท่านั้น...เจ้าเด็กตรงหน้านี่มันเป็นโรคกวนอารมณ์ไม่เลิกมาแต่ไหนแต่ไร และใช่...ทั้งสามข้อที่เขาตอบมา มันก็เป็นจริงทั้งหมดนั่นแหละ...
Angel…เทวดาผู้มากับรอยยิ้ม...
หากแต่ภายในโหดร้ายใช่เล่น เป็นคนประเภทคาดเดาไม่ได้ และเอาอะไรแน่นอนไม่ได้...โดดงานประจำ ตามตัวไม่ได้ มาสายกว่าเวลานัดเสมอ แถมพอผู้ต้องหาขัดขืนหน่อยก็อัดซะอ่วม รายไหนยอมแพ้แต่โดยดีก็โชคดีไป แต่รายไหนหนีแล้วสู้คืนก็โดนดีซะแทบไม่เหลือสภาพ...
“แล้วตกลงว่ากำหนดการตอนไหนล่ะบอส”
และข้อสาม...สนุกในการแซวเรื่องที่ไม่ใช่เรื่องของตัวเองเสมอ
“กำหนดการอะไร”
“ก็..ประมาณว่างานแต่งงานอะไรทำนองนั้น แล้วจัดแบบไหน ใต้สมุทร ไต่ผา บันจี้จัพม์ ตกลงกันว่าชอบแบบโลดโผนกันสักหน่อย หรือเอาแบบง่ายๆ พวกในสวน หรือริมทะเลอะไรทำนองนี้...ผมจะได้เตรียมตัวถูกน่ะ”
“...นี่ไม่อยู่ในคำสัมภาษณ์”
“ก็ผมตอบสัมภาษณ์เสร็จแล้วนี่นะ”
“...งั้นเรื่องพวกนั้นน่ะ เก็บเอาไว้คิดให้ตัวเองเถอะ...ถ้านายเจอคนที่จะรักจริงๆ จังๆ ได้สักทีน่ะนะ”
“โฮ่ มุกนี้ทำเอาจุก”
“จบการสัมภาษณ์แค่นี้แหละ หมดหน้าที่ฉันแล้ว...แล้วค่อยเจอกัน” ผู้สัมภาษณ์เอ่ยแบบตัดบทจบก่อนลุกขึ้นจากเก้าอี้นั่ง ขยับตัวเดินหนีออกจากห้องซึ่งมีตัวต้นเหตุเสียงแซวออกไปทันใด
ปล่อยทิ้งเอาไว้ก็แต่... ‘Angel’ เทวดาผู้รักสนุก ที่ขยับคลี่ยิ้มกว้างราวกับพึงพอใจต่อผลงานขอตัวเอง
แต่งงานแบบไหนน่ะเหรอ...
เริ่มจากการหาผู้หญิงดีๆ สักคนที่ทำให้หัวใจดวงนี้มันเต้นแรงได้ซะก่อนน่าจะดีกว่าล่ะมั้ง
1
.40 Smith and Wesson
ห้องเลกเชอร์ตกอยู่ในความมืด มีเพียงแสงสว่างหลากสีที่ฉายออกจากเครื่องโปรเจ็กเตอร์ส่องกระทบผืนผ้าใบขนาดใหญ่จนเกิดเป็นภาพนิ่งที่กำลังดึงดูดความสนใจของทุกคนภายในห้อง
“และแล้วก็มาถึงลูกค้าพิเศษก่อนปิดคลาสของเราในวันนี้...” ภาษาอังกฤษติดสำเนียงบ้านเกิดของอาจารย์เดวิดผู้เป็นเจ้าของวิชาดังก้องขึ้น หลังภาพแรกปรากฏขึ้นบนจออยู่ราวเกือบหนึ่งนาที “ชายหนุ่มอายุราวสามสิบต้นๆ...ถูกพบในห้องพักของโรงแรมใจกลางเมือง สภาพในห้องพักยังคงเรียบร้อยดีอย่างที่เห็น...”
ภาพบนจอถูกกดเปลี่ยนอีกครั้ง มันยังคงเป็นภาพของสถานที่เดิมในอีกมุมที่ต่างไปจากภาพแรกเล็กน้อย เผยให้เห็นชายวันราวๆ สามสิบ สวมเสื้อเชิ้ตสีแดงแขนยาว กางเกงยีนขายาว นั่งเอนกายเงยหน้าพาดคออยู่กับพนักเก้าอี้ตัวหนึ่งในห้อง...
“และเผื่อทุกคนไม่เห็น...” จุดสีแดงขนาดเล็กที่เกิดจากพ้อยเตอร์ในมือของศาสตราจารย์เดวิดชี้ไปยังพื้นพรมข้างเก้าอี้ใกล้กับจุดที่มือข้างขวาห้อยลงอย่างไร้เรี่ยวแรง ช่วยให้ทุกคนในห้องสังเกตเห็นอะไรบางอย่างในมือขวาซึ่งคลายออกน้อยๆ ของ ‘ลูกค้า’ ของพวกเรา “เอาล่ะ มีอะไรจะถามผมเพิ่มเติมเกี่ยวกับลูกค้าคนนี้ของเรารึเปล่า”
มือขวาของบรรดานักศึกษาในคลาสต่างยกขึ้นพึ่บพั่บ เมื่อทุกคนต่างรู้ดีว่าหนึ่งคำถามสำหรับศาสตราจารย์คือหนึ่งคำใบ้ที่นำไปสู่คำตอบที่นำมาซึ่งคะแนนเก็บของพวกเขา
“เชิญ” พ้อยเตอร์ในมือศาสตราจารย์ชี้มายังนักศึกษาคนหนึ่งเพื่อเปิดโอกาสให้ได้ถามคำถามแรก และนักศึกษาคนแรกที่ว่านั่นก็คือคนที่นั่งเก๊กท่าขึงขังอยู่ติดกับฉันในเวลานี้
“เอ่อ...ผลการตรวจเลือดพบสารเสพติดมั้ยคะศาสตราจารย์”
“แน่นอนว่าพบ” ศาสตราจารย์พยักหน้าพร้อมคลี่ยิ้มน้อยๆ เป็นเชิงบอกให้รู้ว่าคำถามแรกเริ่มต้นได้ถูกทางแล้ว ก่อนชี้พ้อยเตอร์ในมือไปยังนักศึกษาคนถัดไป และทันใดที่ใบหน้าศาสตราจารย์หันไปทางอื่น...
“แก อาจารย์ยิ้มให้ฉัน เมื่อกี้แกเห็นใช่มั้ยเจส!” คนที่นั่งเก๊กหน้าวิชาการแทบตายอยู่ข้างตัวฉันพลันเปลี่ยนท่าทีมาเป็นดี๊ด๊าเหมือนปลากระดี่ได้น้ำ
“เออ เห็น” ฉันหันไปพยักหน้าหงึกให้ฟีฟ่า หนึ่งในเพื่อนซี้ที่ถือได้ว่าสนิทที่สุดในคลาส ก่อนยักไหล่ “แต่ได้ข่าวว่าอาจารย์ก็ยิ้มให้ทุกคนที่ถามคำถามอยู่แล้วล่ะน่า”
“โห อะไรเนี่ย ไม่ได้เกิดกำลังใจเลยนะ” ไม่ทำหน้าเบ้เปล่ายังแถมศอกมาให้ ก่อนหันกลับไปเท้าคางมองเหม่อไปทางหน้าห้องอีกหน “เฮ้อออ ให้ตายสิ ทำไมอาจารย์ถึงได้หล่อแบบนี้น้า...”
“นี่ๆ สนใจประเด็นหน่อย” ฉันหยิบชีทเรียนขึ้นตีหัวเพื่อนรักที่เอาแต่จ้องหน้าอาจารย์ได้ไม่เลิกเบาๆ ให้ตายสิ ยัยเพื่อนคนนี้จะเก็บอาการสักนิดนี่ไม่เคยมี ฉันเห็นเวลามีคาบเรียนของศาสตราจารย์เดวิดทีไร วันนั้นต้องสวยพริ้งมาจากบ้าน หน้าผมเป๊ะ ขนตายาวงอนดัดมาอย่างดี แถมยังไม่อยากออกไปเดินเล่นให้ลมพัดเล่นที่ไหนเพราะกลัวผมเสียทรงจนน่าหมั่นไส้
“อะไรเล่า มันก็แค่ความสุขเล็กๆ น้อยๆ น่า” ฟีฟ่าหันมำท่าพึมพำใส่ฉัน “คิดดูสิ อาจารย์อายุยังไม่ถึงสี่สิบด้วยซ้ำไป แต่ได้เป็นระดับศาสตราจารย์แล้วนะ แถมยังหล่อ ล่ำ หุ่นก็ฟิตแอนด์เฟิร์มสุดๆ ทำเอาใจฉันมันลอยละล่อง เฮ้อออ ทำไมอาจารย์ถึงไม่คิดจะหันมาเหลือบมองฉันบ้างน้า ฉันล่ะอยากจะถือป้ายไฟจริงๆ พิมพ์ประมาณว่า ‘Hello! I’m Here’ อะไรแบบนี้...”
“เพ้อเข้าไป” ฉันหันไปหรี่ตาใส่เพื่อนรักที่ออกอาการโอเวอร์มากไปนิด ก่อนยื่นมือไปช่วยปิดปากที่คุณเธออ้าค้างเอาไว้จนน้ำลายแทบหกแถมให้อีกหน่อย “ถ้าอยากให้อาจารย์สนใจจริงๆ ล่ะก็...มันมีวิธีอยู่นะ”
“เห? วิธีอะไร วิธีอะไร”
แหม...ทีนี้ล่ะทำหน้าตาตื่นเชียวนะ
“ก็...” ฉันจงใจลากเสียงยาวนิดหน่อย ก่อนคลี่ยิ้มมุมปากบางๆ “ตอบคำถามให้ได้ไงว่าอะไรคือสาเหตุการตายของคดีนี้”
“ไอ้เจส!”
“อะไรล่ะ รับรองเลยว่าอาจารย์ต้องสนใจแกแน่ๆ แถมไม่ใช่แค่อาจารย์นะ แต่เป็นเพื่อนทั้งคลาสเลยด้วย” ฉันพูดพร้อมแกล้งทำหน้าตาจริงจังแบบสุดๆ และนั่นก็เรียกความหมั่นไส้จากเพื่อนซี้ได้อย่างดีเยี่ยม...ด้วยฝ่ามืออรหันต์
เพียะ!
“แกพูดเหมือนเดาคำตอบได้ง่ายงั้นแหละ เคสแจกคะแนนของอาจารย์มีแต่ล่อหลอกให้ตายใจทั้งนั้น ถามสิบตอบถูกหนึ่งตลอดอ่ะ”
ฟีฟ่าพูดพร้อมกับชี้นิ้วไปทางหน้าห้องที่ตอนนี้ศาสตราจารย์เดวิดเปลี่ยนภาพที่ฉายอยู่มาเป็นภาพการชันสูตรเบื้องต้นต่างๆ ของ ‘ลูกค้า’ ที่ว่า...
อืม...ลืมบอกไปสินะว่าลูกค้าของเราที่ว่าก็คือ ‘เหยื่อจากการฆาตกรรม’ ไม่ก็ฆ่าตัวตายเองทั้งนั้น...ถ้าลูกค้าฆ่าตัวตายเองก็ไม่มีปัญหาอะไรมากมายนัก แต่ถ้าหากว่าลูกค้าของเราไม่ได้ฆ่าตัวตายแค่ถูกฆาตกรรมแล้วล่ะก็ คนที่ตายไปแล้วไม่อาจจะบอกได้ว่าใครคือฆาตกรที่ฆ่าพวกเขา...ทางเดียวที่จะช่วยบอกแทนถ้อยคำของคนตายได้ก็คือ...
หลักฐานจาก ‘นิติวิทยาศาสตร์’ ...หรือคณะที่พวกเรากำลังตั้งหน้าตั้งตาเรียนจนใกล้จะจบการศึกษาอยู่ในปีนี้แล้วไงล่ะ
“อันนี้ฉันว่าไม่น่าจะยากนะ” ฉันหรี่ตาลงนิดหน่อย ก่อนยกนิ้วขึ้นประเมินความน่าจะเป็นที่เจอ “ห้องไม่มีรอยงัด ผู้ตายนั่งเก้าอี้ มีขวดเบียร์ข้างตัว ผลชันสูตรบอกว่ามีสารเสพติดในร่างกายมากเกินไปและอาจเป็นสาเหตุของการตาย แต่ก็...ยังอุตส่าห์จะมียานอนหลับเข้ามาอีก...อืมมมม มันไม่แปลกไปหน่อยเหรอ”
“แปลก” ฟีฟ่าพยักหน้ารับทันใด “นั่นล่ะ ที่ฉันบอกว่าเคสแจกคะแนนของอาจารย์ใช่หมูซะที่ไหน”
“เอาล่ะ มีใครจะถามอะไรผมอีกมั้ย” เสียงปรบมือดังขึ้นจากทางหน้าห้อง ก่อนที่ศาสตราจารย์สุดหล่อของฟีฟ่าจะเอ่ยต่อ “ถ้าอย่างนั้นผมอาจจะให้พวกคุณลองทายสาเหตุการเสียชีวิตล่ะนะ”
“มีค่ะ” ฉันเอ่ยก่อนรีบยกมือขึ้นสูง
“อ้า มิสแดนตัน เชิญเลย”
“ผู้ตาย เอ่อ...ได้มีการชันสูตรหลอดอาหารรึยังคะ”
รอยยิ้มพอใจบางๆ คลี่ขึ้นที่ใบหน้าของศาสตราจารย์ทันที
“ผลชันสูตรพบดังนี้” ศาสตราจารย์เอ่ยก่อนกดพ้อยเตอร์ที่เชื่อมเข้ากับแล็ปท็อปให้เปลี่ยนภาพบนจอไปเรื่อยๆ จนเป็นภาพการชันสูตรหลอดอาหาร มีภาพหลอดอาหารที่ถูกผ่าเปิดออกตามแนวยาววางอยู่บนถาดสแตนเลส
“เฮ้ รอยแดงนั่นมัน!” ฟีฟ่าร้องขึ้นเบาๆ เมื่อสังเกตเห็นรอยแดงที่ชัดเจนกว่าบริเวณอื่นอยู่ตรงด้านบนของหลอดอาหาร ซึ่งมันเป็นรอยแดงเหมือนกับการกดทับ “ให้ตาย นี่แกคิดแบบที่ฉันคิดอยู่ใช่มั้ยเจส!”
“อาฮะ ฉันว่าฉันก็คิดแบบนั้นนะ” ฉันพยักหน้ารับเบาๆ ก่อนหันไปส่งยิ้มให้เพื่อน แต่ก่อนที่ฟีฟ่าจะได้โอกาสยกมือขึ้นตอบคำถามที่อาจารย์ต้องการและประสบความสำเร็จในการเรียกความสนใจจากอาจารย์จังๆ สักครั้ง คนในห้องสองสามคนที่เห็นภาพนี้แล้วคิดขึ้นได้ต่างก็รีบยกมือชูสลอนขึ้นแย่งกันเสียก่อน
“ดูเหมือนเราจะได้ผู้ตอบคำถามแล้วสินะ” ศาสตราจารย์เดวิดหัวเราะเบาๆ หากแต่ชี้พ้อยเตอร์นั่นมายังฉันแทนที่จะเป็นคนอื่นที่ยกมือรอ “มิสแดนตัน ในฐานะที่คุณเป็นคนถามถึงคีย์เวิร์ดนี้ ผมให้โอกาสคุณในการตอบก่อนเป็นคนแรก”
ฉันกะพริบตาปริบ งงกับโอกาสที่ตั้งใจจะยกให้เพื่อนโชว์พาวแต่ดันตกเป็นของตัวเอง ก่อนคลี่ยิ้มบางหลังตั้งสติได้เสร็จ เอาเถอะ...ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้วนี่นะ
“ผลชันสูตรบอกว่ารอบหลอดอาหารส่วนบนมีรอยกดทับเป็นวง บางทีนั่นอาจจะมาจากขวดเบียร์ที่ดื่มอยู่ ผู้ตายไม่ได้ตั้งใจฆ่าตัวตายเอง แต่อาจเป็นการฆาตกรรมจากบุคลที่รู้จักกันดีหรือใกล้ชิด ดูจากการที่ไม่มี
(ติดตามอ่านต่อได้ในฉบับเต็ม)
รายละเอียด
รีวิว (2)
25/10/2014
Kiss Me, Angel ไขคดีลับ จับคดีรัก นิยายเรื่องนี้เป็นผลงานแนวเลิฟซีรี่ของพี่ก้อยคร่าาา เอาจริงคือติดตามผลงานของพี่ก้อยมาเยอะมากมาได้อ่านเรื่องนี้สำหรับเราถือว่าเปลี่ยนแนวเลยอ่ะเพราะพล็อตเรื่องเป้นเรื่องเกี่ยวกับฆาตกรรมสืบสวนซึ่งเรื่องอื่นๆที่เคยอ่านมาส่วนใหญ่พี่ก้อยจะแต่งนิยายแนวรักมุ้งมิ้งให้ได้อ่านแล้วก็อมยิ้มไปเรื่อยๆมาเรื่องนี้บอกความรู้สึกตรงๆคือนอกจากได้อ่านนิยายแนวเลิฟซีรี่แบบเปลี่ยนแนวแล้วยังลุ้นแทบทั้งเรื่องว่าสุดท้ายแล้วใครคือคนผิดแถมเรื่องนี้นอกจากลุ้นเรื่องฆาตกรรมแล้วยังมีเรื่องราวของความรักเข้ามาเกี่ยวด้วยประทับใจมากค่ะมีความรู้สึกว่าได้อ่านนิยายเรื่องนี้เหมือนได้อ่านนิยายที่มีหลากหลายอารมณ์ในเรื่องเห็นเรื่องนี้ครั้งแรกก็อยากได้แล้วค่ะด้วยความที่ชื่ชอบคนวาดหน้าปกอยู่แล้วด้วยหน้าปกเรื่องนี้สวยมากๆแถมคาแร็กเตอร์ในเรื่องกับหน้าปกก็ค่อนข้างความออกมาได้ดีพระเอกกับนางเอกสวยและเท่มากๆค่ะประทับใจไม่เสียดายเงินที่ซื้อเก็บสะสมตอนจบก็ดีชอบทั้งเรื่องเลยลุ้นตั้งแต่ต้นเรื่องยันจบเรื่องพี่ก้อยดำเนินเรื่องทั้งเรื่องได้น่าสนใจแล้วก็น่าติดตามมากๆเลยค่ะอ่านแล้วลุ้นตัวโก่งวางไม่ลงเลยแรกๆที่ซื้อมาอ่านก็กลัวจะผิดหวังอยู่เหมือนกันเพราะคิดว่านักเขียนไม่ถนัดแนวนี้แต่พอได้อ่านจริงๆก็รู้สึกชอบค่ะแล้วก็คิดว่าจะติดตามผลงานของพี่ก้อยไปเรื่อยๆเราชอบวิธีการวางคาแร็กเตอร์ให้กับตัวละครของนักเขียนท่านนี้อยู่แล้วสังเกตได้ว่าตัวละครแต่ละตัวของพี่ก้อยมีแต่แบบว่าน่ารักๆพระเอกมุ้งมิ้งนิสัยน่ารักไรเงี้ยมันเป็นอะไรที่มีเสน่ห์มากๆทำให้เราชอบอ่านผลงานของพี่ก้อยอยู่เรื่อยๆ ชอบมากค่ะ
21/09/2014
เรื่องนี้เป็นเรื่องราวของเจสสิก้า นักเรียนนิติวิทยาศาสตร์สาว ที่ชอบการไขปริศนาเป็นชีวิตจิตใจ และได้คลุกคลีกับนิติวิทยาเพราะแม่ของเธอก็ทำงานในด้านนี้ ทำให้เจสสิก้ามักจะมาช่วยงานแม่ที่สถาบันนิติเวชอยู่สม่ำเสมอ นอกจากจะช่วยงานแม่แล้วเจสสิก้ายังชอบเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับคดีที่เต็มไปด้วยปริศนาเหมือนกับตัวเองเป็นนักสืบมืออาชีพ และเธอก็ได้ขอแม่ตามคดีเรื่องปริศนาการตายของนางแบบสาวว่าจะเกี่ยวข้องกับยาเสพติด หรือจะถูกฆาตกรรม เพื่อใช้เป็นข้อมูลและผลงานในการทำรายงานชิ้นสุดท้ายก่อนจบการศึกษา นั่นทำให้เธอต้องพบกับเรื่องยุ่งๆ และอันตรายจากการที่ข้องเกี่ยวกับปริศนาการตายของนางแบบ แต่เมื่อมีเรื่องวุ่นวายเกิดขึ้นมักจะมีคนคอยเข้ามาช่วยเหลือเธอเสมอ นั่นก็คือ ราล์ฟ นักศึกษามหาวิทยาลัยเดียวกันกับเจสสิก้า ที่มีบุคลิกแตกต่างกับพี่น้องของตนโดยสิ้นเชิง คือเป็นคนสดใสร่าเริง แต่สำหรับเจสสิก้าแล้วบุคลิกแบบนี้ของราล์ฟมันคือกวนประสาทและน่ารำคาญที่สุด ราล์ฟมักจะเตือนเจสสิก้าเสมอๆว่าอย่าเข้าไปข้องเกี่ยวกับคดีให้มากนักเพราะจะนำอันตรายมาให้เธอได้แต่เธอก็ไม่สนใจคำเตือนของเขา นั่นทำให้ราล์ฟต้องคอยช่วยเหลือเจสสิก้าตลอดเวลา และนั่นทำให้เจสสิก้ายิ่งสงสัยว่าราล์ฟเป็นใครกันแน่ ทำไมต้องเข้ามายุ่งเกี่ยวกับเธออยู่เรื่อง นิยายเรื่องนี้เป็นเรื่องที่นักเขียนเขาอินจากการดูซีรี่ส์สืบสวน ไขคดี ทำให้เกิดแรงบันดาลใจในการเขียนเรื่องนี้ (อ่านคำนำนักเขียนมาเขาว่าอย่างนั้น) สำหรับเราก็ถือว่ามันแปลกใหม่และน่าสนใจดี เพราะเรื่องราวที่เต็มไปด้วยปริศนานั้นชวนให้ค่อยๆคลายปมไปพร้อมๆ กับตัวละคร นั่นทำให้เรามีคำถามตลอดเวลาว่าจะเป็นยังไงต่อ และพระเอกนี่เป็นใครเรียนคณะบริหารทำไมรู้เรื่องต่างๆดีจัง แม้กระทั่งเรื่องปืน เรื่องการแกะรอยต่างๆ ส่วนนางเอกก็เป็นคนช่างสงสัย ชอบความตื่นเต้นและรักการไขปริศนา อีกสิ่งหนึ่งที่ทำให้นิยายเรื่องนี้มีสีสันคือนางเอกเป็นคนฉลาด แต่ในขณะเดียวกันพระเอกก็เป็นคนฉลาดไม่แพ้กัน นั่นทำให้พระเอกและนางเอกคอยสังเกตกันอยู่เสมอๆ ต่างคนต่างพยายามตามกันและกันให้ทัน แต่พอบทจะใจอ่อนให้กันก็น่ารักไม่แพ้กัน เรื่องปมปริศนาการตายของนางแบบสาวที่ผูกเอาไว้กับเรื่องคดียาเสพติดนั้น คนเขียนก็ค่อยๆบอกใบ้ทีละน้อยให้เราได้เดาไปพร้อมๆกับนางเอกว่าใครกันแน่ที่เป็นฆาตกร แต่ยอมรับเลยว่าเราจะเดาถูก เราออกทะเลเดามั่วไปไกลโข ใครชื่นชอบนิยายที่มีอะไรให้ขบคิด ชวนให้คาดเดาตาม และตื่นเต้นไปกับตัวละครที่มีคาแรคเตอร์ชัดๆ เราว่านิยายเรื่องนี้ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่เป็นตัวเลือกที่ดี