Ceylon Dimbula ชงรักละมุนอุ่นล้นหัวใจ (ชุด Rebellion)
ประหยัด: 119.25 บาท ( 75.00% )
มีสินค้ามือสองอยู่จำนวน : 3 รายการราคา 70.00 บาท - 89.00 บาท ซื้อสินค้ามือสอง
Quick View
เนื้อหาบางส่วน
Don’t ask me what you should do
If you are falling in love,
‘Cos I’ve not found the answer for myself too.
อย่าถามว่าฉันควรทำยังไงเมื่อเธอตกหลุมรักเขา
เพราะฉันเองก็หาคำตอบให้กับตัวเองไม่ได้เหมือนกัน
บทนำ
บางสิ่งกำลังปลุกฉันและพี่สาวในเช้าวันใหม่อย่างไม่ชวนพิสมัยนัก
เสียงโครมครามจากบ้านข้างเคียงดังมาอย่างต่อเนื่อง และเนื่องจากว่าบ้านที่เราอยู่ในปัจจุบันเป็นทาวน์เฮ้าส์ชั้นเดียวขนาดสองห้องนอนไม่ใหญ่โตนัก เพราะอย่างนั้นไม่ว่าบ้านข้างๆ จะทำอะไรก็ได้ยินแจ่มชัดไปซะหมด
แต่คนมีความสามารถเยี่ยงฉันแล้ว ฉันยอมทนนอนเอาหมอนอุดหูต่อไปดีกว่าที่จะออกไปโวยวาย (จริงๆ คือขี้ขลาด) ก็ฉันเคยได้ข่าวแว่วๆ มาจากคุณป้าแถวบ้านแล้วล่ะนะว่าจะมีคนย้ายมาอยู่ข้างๆ บ้านฉัน เพียงแต่ว่า...
โครมๆๆ!!
นี่มันไม่เช้าไปหน่อยหรือไงกันเนี่ย
แต่ฉันก็ยังคงนอนอยู่บนเตียง เอาหมอนขึ้นมาอุดหูเอาไว้ แต่ไอ้เสียงย้ายของ ทุบประตู ระเบิดบ้าน หรืออะไรสักอย่างจากบ้านข้างๆ ก็ยังคงดังลั่นมาอย่างต่อเนื่อง
“อ๊ากกก! หนวกหูเว้ยยยย!”
ฉันยังเงียบอยู่ แต่มีเสียงหนึ่งโวยวายดังลั่นมาจากห้องนอนที่ติดกันกับห้องฉัน เสียงนั้นดังมาจากบลอสซั่ม พี่สาวเจ้าอารมณ์ของฉันเอง
ปึง! เสียงเปิดประตูดังขึ้นพร้อมกับเสียงฮึ่มฮั่ม ฉันเลยยิ้มกริ่มคาดเดาเอาในใจว่าบลอสซั่มต้องออกไปโวยวายเพื่อนข้างบ้านคนใหม่แน่ๆ ดีจริงๆ ถ้าเป็นแบบนั้นความสงบสุขยามเช้าจะได้กลับคืนมาสักที
ปัง!
“ไอ้บลูม!”
“หะ...หา?”
แต่มัน...หาเป็นงั้นไม่...
เมื่อจู่ๆ บลอสซั่มก็ผลักประตูห้องฉันเข้ามาเสียงดังลั่นจนฉันลุกพรวดตาตื่นโกยผ้านวมหนาขี้นกอดแทนการตั้งการ์ดแทบไม่ทัน
“ออกไปบอกไอ้บ้านข้างๆ ซิว่ามันยังเช้าอยู่!”
บลอสซั่มออกคำสั่งเสียงแข็ง แต่ไหง...คนจัดการเรื่องนี้ต้องเป็นฉันล่ะ
“ทำไมต้องเป็นฉันอ่ะ”
“เพราะแกเป็นน้องฉัน”
เหตุผลที่เถียงไม่ออกเลยทีเดียว ถ้ายื่นใบลาออกจากการเป็นน้องร่วมสายเลือดของยัยนี่ได้ ฉันทำไปนานแล้วล่ะ ทุกคนเชื่อมั้ย
“ไม่เอา”
ฉันยังคงยืนยันเสียงแข็ง ทำท่าจะลงไปนอนเอาหมอนอุดหูใหม่ แต่บลอสซั่มกลับเดินมาดึงหมอนออกไปจากอ้อมอกของฉันแล้วส่งสายตาเขม็งกลับมาให้แทน
“ฉันบอกให้ออกไปบอกบ้านข้างๆ”
“...”
ด้วยความที่ฉันมีโรคสองขี้ประจำตัวอยู่แล้ว (ขี้เกียจและขี้ขลาด) ดังนั้นฉันเลยลองตัดสินใจจ้องหน้าบลอสซั่มกลับไปสักหน ก็ใครมันจะอยากไปด่าเพื่อนข้างบ้านตั้งแต่วันแรกเจอกันล่ะ
เพียงแต่ว่า...
“แกจะออกหรือไม่ออก”
“ออกไปบัดเดี๋ยวนี้เลยจ้ะ”
จ้องได้แค่สองวินาทีเท่านั้นแหละ ฉันก็พยักหน้ารับคำหงึกๆ ยอมยกธงขาวเลยทีเดียว แง...ทำไมฉันช่างขี้ขลาดได้ปานนี้นะ
หลังจากลุกไปเข้าห้องน้ำล้างหน้านิดหน่อยเพื่อให้ไร้ขี้ตาโดยไม่เปลี่ยนชุดนอนและไม่หวีผม ฉันก็เดินออกจากบ้านไปสู่บ้านข้างๆ
ประตูรั้วบ้านนั้นเปิดทิ้งเอาไว้ เพราะงั้นฉันเลยถือวิสาสะเดินเข้าไปทันใด เสียงภายในบ้านนั้นยังคงดังโครมครามตึงตังเป็นระยะๆ โดยที่เจ้าของบ้านคนใหม่หายไปกับสารพัดกล่องกระดาษบรรจุสิ่งของและเหล่าเฟอร์นิเจอร์ และทางเดียวที่ฉันจะบอกให้เขาเบาเสียงลง (เพื่อบลอสซั่ม) ได้นั้น ฉันจึงต้องเดินเข้าไปถึงตัวบ้าน ชะโงกหน้าผ่านบานประตูเข้าไปภายในบ้านหลังเก่าที่ปรับปรุงข้างในซะใหม่เอี่ยมอ่องจนน่ามาอยู่ด้วย
“ใครน่ะ”
เสียงหนึ่งดังออกมาจากห้องนอนทางด้านขวามือที่เปิดประตูแง้มไว้เพียงแค่นิดเดียว เสียงนั้นทุ้มต่ำ ฟังแบบไม่ต้องส่งไปให้ซีรีบรัมประมวลผลก็รู้เลยว่าเพื่อนข้างบ้านฉันเป็นชายแน่ๆ แถมดูท่าจะวัยไม่ได้แตกต่างจากฉันมากซะด้วย
“เอ่อ...ฉันเป็นเพื่อนข้างบ้านคุณน่ะ”
แต่...จะเป็นเพศไหนก็ไม่ได้มีผลอะไรกับฉันคนนี้อยู่ดีนั่นแหละ สภาพปกติของฉันก็ใช่ว่าจะสวย ยิ่งมาอยู่ในสภาพแรกตื่นหดหู่สุดทนแบบนี้ แม้แต่มด หนู แมลงสาบบังเอิญเหลือบขึ้นมาจ้องตามันยังวิ่งหนีเลยล่ะ
“งั้นเหรอ”
เสียงนั้นเงียบไปนิดหน่อยก่อนจะตามมาด้วยเสียงกุกกักและเสียงเดินตึกๆๆ ออกมาจากภายในห้องนั้นแทน
เจ้าของบ้านคนใหม่เปิดประตูห้องนอนทางขวานั่นและเดินออกมา จนถึงฉันที่ยืนเกาะริมประตูเอาไว้พร้อมกับแย้มรอยยิ้ม
“โทษที...ผมทำเสียงดังเกินไปหน่อยใช่มั้ย”
น้ำเสียงทุ้ม ร่างสูงโปร่ง ดวงตาสีน้ำตาลที่ฉายแววระยับ เส้นผมสีดำขลับซอยระต้นคอ ใบหน้าเนียนใสคมคายแสนดูดีที่กำลังแย้มรอยยิ้มน้อยๆ อย่างเริงร่า...
ใช่แล้ว...หมอนี่ดูดีไปหมดเลย!
ฮ้า...ดูเหมือนเรื่องวุ่นวายในชีวิตแสนเรียบง่ายของฉันกำลังจะเริ่มต้นขึ้นแล้วสินะ
1
ผู้ชายหัวสีส้มข้างบ้าน
ปึง!
เสียงปิดประตูจากบ้านข้างๆ ดังขึ้นอีกครั้ง นั่นเป็นสิ่งที่บ่งบอกว่านายข้างบ้านฉันแต่งตัวเสร็จแล้วและกำลังจะออกไปเรียน
“โอ๊ย...หนวกหูที่สุด ไอ้ข้างบ้านอีกแล้วสิเนี่ย!”
แล้วต่อจากเสียงของนายบ้านข้างๆ ก็เป็นเสียงโหวกเหวกโวยวายจากบลอสซั่ม พี่สาวจอมโหด
“บลูม แต่งตัวเสร็จหรือยัง ฉันจะไปมหาวิทยาลัยแล้วนะ”
“เสร็จแล้วน่า”
ฉันเปิดประตูห้องออกมาพร้อมกับผูกเนกไทสีแดงของตัวเองอย่างลวกๆ ไปด้วย ชุดนักเรียนของโรงเรียนขัตติยาของฉันนี่มันก็สวยดีหรอกนะ เสื้อเชิ้ตแขนยาวสีดำ กระโปรงจีบรอบสีขาว เนกไทสีแดง มีสูทสีขาวคลุมทับอีกด้วย ดูดีไฮโซใช่ย่อย...แต่มาติดตรงที่ต้องยุ่งยากผูกเนกไทนี่แหละ ฉันผูกเก่งซะเมื่อไหร่กัน วันหนึ่งเบี้ยวขวา อีกวันหนึ่งเบี้ยวซ้ายได้ตลอด
“งั้นก็ไปเปิดประตูรั้วได้แล้ว ฉันเก็บของอีกแป๊บ”
บลอสซั่มชี้นิ้วออกไปทางประตูบ้านขณะที่ตัวเองกำลังปัดมาสคาร่าที่ขนตาซ้าย...ขอบใจนะ ได้ข่าวเมื่อกี้บอกว่าจะออกไปมหาวิทยาลัย เมื่อกี้อีกทีบอกว่าเก็บของก่อน แต่ยี่ยังปัดมาสคาร่าอยู่เลย เชอะ ทีกับน้องล่ะเร่งเอาๆ เชอะ
บ่นในใจเสร็จก็คว้ากระเป๋าเดินออกมาเปิดประตูรั้วหน้าบ้านแล้วออกไปยืนรออย่างที่บลอสซั่มสั่งพร้อมกับบ่นมุบมิบตามลำพังต่ออีกนิด
บรื้นนนน...
รถมินิคูเปอร์สีขาวดำคันหนึ่งถอยพรวดมาตามถนน ผ่านตาฉันที่กระโดดหลบได้ทันท่วงทีก่อนจะจอดที่หน้าบ้านข้างๆ
“บ้าเอ๊ย...ลืมได้ไงเนี่ย!
เสียงเปิดประตูรถดังขึ้นพร้อมกับเสียงสบถที่ดังขนาดฉันยังรู้สึกถึงความหงุดหงิดได้อย่างชัดเจน ผู้ชายผมสีส้มในชุดนักเรียนซึ่งเป็นเสื้อเชิ้ตสีดำเหลียวกลับมามองหน้าฉันชั่วแวบหนึ่ง ก่อนจะหันกลับไปและก้าวขาพรวดๆ เข้าบ้านโดยไม่หันมาแลเหลียวหรือขออภัยใดๆ เหมือนว่าไม่ได้สนใจฉันซะด้วยซ้ำ...
แต่ไม่แปลกเท่าไหร่ ฉันชินชากับเรื่องที่ใครๆ ไม่ใส่ใจตัวตนประมาณนี้มาแล้ว
“อ้าว ไอ้เด็กข้างบ้านเรายังไม่ไปอีกหรือไง”
บลอสซั่มถอยรถออกมาจากบ้าน รับฉันขึ้นรถก่อนจะเริ่มบ่นถึงเพื่อนข้างบ้าน
“เออ เจ้าเด็กนั่นอยู่โรงเรียนเดียวกับบลูมนี่ ใช่มะ”
“อือ”
ฉันพยักหน้าตอบบลอสซั่มพร้อมๆ กับพยายามจัดเนกไทของตัวเองให้เข้าที่เข้าทางเสียที แต่จัดยังไงมันก็ยังเบี้ยวอยู่ดีนั่นแหละ
ใช่แล้ว...นายหัวส้มนั่นอยู่โรงเรียนเดียวกับฉัน รู้สึกว่าเราจะอยู่ ม.4 เหมือนกันด้วยแต่อยู่คนละห้อง ฉันเรียนอยู่สายวิทย์ แต่ไม่รู้หมอนั่นเรียนสายอะไร (ไม่อยากจะรู้)
และฉันยังไม่ได้บอกอีกอย่างใช่มั้ย...
...ว่านายหัวส้มที่บลอสซั่มบ่นได้บ่นดีนั่นน่ะ...คือคนคนเดียวกับหนุ่มน้อยหน้ามนผมสีดำข้างบ้านฉันเอง เพียงแค่เกือบสองอาทิตย์หลังจากที่หมอนี่ย้ายเข้ามาอยู่ข้างบ้านฉัน ฉันก็พบกับความเปลี่ยนแปลงในสีผมและจำนวนรูที่หูของเขาจนไม่คาดฝันเลยทีเดียวล่ะ เพิ่งจะรู้ว่ามนุษย์เรากลายพันธุ์ได้ก็คราวนี้ล่ะ
“หือ โรงเรียนแกนี่มีแต่เด็กประหลาดนะ”
“ยังไง”
“ก็เจ้าหัวส้มเมื่อกี้หน้าตาดี๊ดีแต่ดันทำหัวซะสีส้มอย่างกับสีน้ำชา แถมกลับบ้านแต่ละวันก็ดึกดื่น”
อืม...ฉันเห็นด้วยอ่ะนะ
“แล้วตัวอย่างสำคัญก็ที่นี่”
บลอสซั่มชี้นิ้วมาที่ฉันพร้อมกับเบ้ปากแทบเบี้ยว
“แกเป็นนักเรียน ม.4 หรือเป็นนักเรียนอาซิ้มกันแน่น่ะ เฮ้อ...น้องสาวฉันทำไมมันขาดแคลนความสวยได้ปานนี้น้า”
เอาเหอะ...สุดท้ายก็วกกลับมาเข้าตัวฉันได้ทุกที เชอะ!
“นี่ เมื่อเช้าฉันเห็นพี่โอเปี้ยมด้วยล่ะ”
บรรดากลุ่มสาวๆ ร่วมห้องฉันเริ่มจับกลุ่มเม้าท์กันอีกแล้ว
“ฮื่อ พี่แกสวยมากเลยเนอะ อย่างกับราชินี ขนาดเราเป็นผู้หญิงยังหวั่นไหวตามไปเลย”
“นั่นสิ ไม่แปลกหรอกที่จะมีสองหนุ่มรุมแย่งน่ะ”
“บ้าเหรอ เขามีหลายหนุ่มนะ แต่มีแค่พี่เจไดกับพี่คลีนเท่านั้นที่ผ่านด่านอรหันต์ของพี่โอเปี้ยมได้น่ะ”
“ก็สมัยก่อนพวกเขาเป็นประธานสภานักเรียนกับรองประธานสภานักเรียนมาด้วยกันนี่นา”
ฉันนั่งฟังบรรดาเพื่อนร่วมห้องคุยกันชนิดน้ำลายแตกฟองฝอยๆ ก่อนจะลอบถอนหายใจเหนื่อยหน่ายกับตัวเอง
เฮ้อ...สวยงั้นเหรอ สำหรับฉันจะส่องกระจกดูกี่ทีก็ยังไม่ยักจะเห็นคำประมาณนั้นโผล่ออกมาให้ได้ยลเลย ไม่เข้าใจสักนิด ทั้งๆ ที่พ่อแม่ฉันก็ดูดี บลอสซั่มก็สวยเริดซะ แต่ไหงฉันกลับเหมือนรับเอายืนด้อย ทุกอย่างที่ไม่มีใครต้องการมาใส่ตัวซะได้ล่ะ
“บลูม แกไม่มีความเห็นอะไรเลยเหรอ”
“ไม่อ่ะ”
โฮม เพื่อนซี้คนเดียวที่มักลากฉันไปร่วมวงสนทนากับกลุ่มเพื่อนคนอื่นเสมอหันมาถามฉัน แต่ฉันก็ส่ายหน้ายิกๆ ตอบกลับ
“แกก็...ไปถามอะไรกับบลูม เรื่องสวยๆ งามๆ นี่ถือเป็นของต้องห้ามของยัยนี่นะ”
เพื่อนสองสามคนในกลุ่มเม้าท์พากันให้ความเห็นบ้าง ถึงจะฟังดูแทงทะลุคอหอย แต่ฉันก็เห็นว่ามันคือความจริง
ฉันกับความสวยเนี่ย...ถือเป็นสิ่งที่ไปด้วยกันไม่ได้เลยล่ะ
“เฮ้อ ชอบคิดอะไรงี่เง่านะบลูม”
โฮมถอนหายใจพลางเอื้อมมือมาปัดๆ เอาผมม้าที่ยาวเกินจนลงมาปรกหน้าปรกตาออกจากหน้าผากฉัน
“พ่อแม่แกก็หน้าตาดีทั้งคู่ไม่ใช่เหรอ ฉันเคยเห็นพวกเขาตอนที่มาปฐมนิเทศนี่นา”
“อือ”
“พี่บลอสซั่มก็สวยจะตาย”
“อือ”
“...แล้วทำไม”
“ ‘แล้วทำไมแกคิดว่าแกไม่สวย’ ฉันรู้น่ะว่าแกจะต่อด้วยประโยคนี้ เลิกถามเหอะน่า”
ฉันยกมือขึ้นโบกไปมาเพื่อให้โฮมและบรรดาผองเพื่อนคนอื่นหยุด
(ติดตามอ่านต่อได้ในฉบับเต็ม)
รีวิว (1)
27/06/2014
นิยายเรื่องนี้เป็นนิยายของพี่ก้อยอีกเช่นเคย Ceylon Dimbula ชงรักละมุนอุ่นล้นหัวใจ นิยายแนวรักหวานแหววอีกแล้วเคยอ่านนิยายของพี่ก้อยมาเยอะมากส่วนใหญ่จะเป็นแนวรักหวานแหววหรือไม่ก็ปนๆแฟนตาซีหรือไม่ก็เป็นแนวอื่นไปเลยแต่ไม่เคยอ่านฮ่าๆ เรื่องนี้เคยอ่านนานแล้วแต่จำเรื่องได้ สนุกมากๆ พระเอกนางเอกแต่งได้น่ารักมากนิยายเรื่องนี้เป็นแนวรักแบบวัยรุ่นจริงๆเพราะพระนางอายุน้อยฮ่าๆๆแต่พล็อตน่ารักดีค่ะ เป็นแนวแบบแอบชอบๆอะไรแบบนี้อาจจะเป็นแนวที่ถูกใจของนักอ่านที่ชอบอ่านพล็อตสไตล์นี้นะค่ะปกติเราไม่ค่อยชอบอ่านแนวๆนี้ แต่พออ่านเรื่องนี้ไปสนุกจริงๆ พระเอกหัวส้มที่นานๆทีเจอ พี่ก้อยใส่ลักษณะหน้าตา นิสัยของตัวละครได้แปลกดีไม่ค่อยเจอพระเอกหัวส้มแต่เรื่องอ่านแล้วสงสารนางเอกพี่ก้อยแต่งเรื่องราวของนางเอกได้น่าสงสารมากอ่านแล้วเคยร้องไห้ตามเกือบๆตอนจบ เรียกได้ว่าพี่ก้อยทำการบ้านมาดีมากๆค่ะแต่งความรู้สึกนางเอกราวเป็นตัวเองเป็นตัวละครนั้นๆ แถมยังใส่ใจได้การแต่งนิยายได้ดีมากๆจึงทำให้ตัวละครที่ออกมาดูสมจริงอ่ะค่ะ อ่านแล้วรู้สึกว่าเขามีตัวตนจริงๆแล้วอีกอย่างคนอ่านก็รู้สึกตามเนื้อเรื่องไปด้วย ฉากในเรื่องนี้ส่วนใหญ๋ดำเนินฉากในโรงเรียนยิ่งอ่านเรื่องนี้ไปเรื่อยๆแล้วรู้สึกว่าเป็นพล็อตที่สมวัยคนอ่าน เพราะเนื้อหาโดยรวมน่ารักมากๆ เนื้อเรื่องน่าติดตามค่ะ อ่านแล้วไม่ค่อยเบื่อ ยิ่งพออ่านแล้วมาถึงจุดที่นางเอกเริ่มชอบพระเอกแต่พระเอกไม่เล่นด้วยนี่สิราวกับเราเป็นตัวละครนั้นๆเลยคือนอกจากพี่นักเขียนจะใส่ใจในการเขียนแล้วเราก็ใส่ใจในการอ่านไปด้วยคืออยากรู้อ่ะค่ะว่าพอเราอ่านแล้วเรามีความรู้สึกยังไงกับตัวละครนั้นเรารู้สึกเห็นด้วยกับบางฉากไหมหรือบทสนทนาบางบทไหม อีกอย่างเรื่องนี้ไม่มีปมที่แบบว่าสงสัยอ่ะค่ะมันเป็นนิยายแนวรักรักหวานแหววที่ดำเนินไปเรื่อยๆจริงๆ แล้วก็มีฉากหลากหลายอารมณ์มาเติมเสริมระหว่างทางทำให้พล็อตเรื่องดูน่ารัก ดูสมวัยคนอ่าน แล้วก็ตรงตามกับพล็อตเรื่องที่พยายามจะสื่ออกมาให้คนอ่านได้เห็นแต่เรื่องนี้เราชอบนางเอกมากกว่าพระเอกนะอาจจะเป็นเพราะไม่ชอบผู้ชายหัวส้มฮ่าๆ พระเอกเรื่องนี้นิสัยเฮฮาเรามีความรู้สึกว่าถ้าพระเอกเรื่องนี้ผมสีดำก็เข้ากับบุคลิกเฮฮาร่าเริงนะเราคิดว่ามันอยู่ที่เราจะสื่อออกมามากกว่าสำหรับเรานะค่ะเราคิดแบบนี้ แต่ก็ไม่เป็นผมสีส้มก็หน้ารักดีนิสัยเรื่องนี้หน้าปกน่ารักมากๆดูเด็กๆดีแนวสดใสสนุกดีค่ะเรื่องนี้