Here in my heart ณ หัวใจมีรัก (ปริญญ์ & Oresia,Fata Amore)

Here in my heart ณ หัวใจมีรัก (ปริญญ์ & Oresia,Fata Amore)

1 รีวิว  1 รีวิว    
รหัสสินค้า: 9789741368075
มีสินค้าในสต็อค
ราคา: 159.00 บาท 39.75 บาท
ประหยัด: 119.25 บาท ( 75.00% )

เนื้อหาบางส่วน

...Although time goes by…

…No one can take your place…

…And I still love you…

…For eternity…

 

บทที่ 1

Fortune teller

 

แสงอาทิตย์สีอ่อนสาดส่องลอดใบไม้สีเขียวเข้มของต้นราชาวดี ซึ่งออกช่อสีขาวส่งกลิ่นหอมละมุนไปทั่ว เด็กสาวคนหนึ่งในชุดนักศึกษากำลังนั่งมองภาพวาดตรงหน้าอย่างสงบนิ่ง พู่กันในมือเรียวบางถูกวางลงช้าๆ ก่อนดวงหน้างามพิสุทธิ์จะปรากฏรอยยิ้มละมุนขึ้น

ภาพนั้นเป็นภาพอาคารเรียนซึ่งทำจากไม้สีน้ำตาลแก่ตั้งตระหง่านสง่างามแฝงกลิ่นอายความสงบและความขลังแบบโบราณ บริเวณด้านหน้าตัวตึกมีนักศึกษาเดินทอดน่องด้วยใบหน้ายิ้มแย้มถ่ายทอดบรรยากาศความสุขลึกซึ้ง ทำให้คนมองรู้สึกอยากจะยิ้มตามไปด้วย มุมซ้ายของภาพมีสวนสีเขียวขนาดย่อมให้บรรยากาศผ่อนคลายราวกับจะถ่ายทอดสัมผัสของสายลมแผ่วๆ ที่โชยมาต้องผิวกายชวนเคลิบเคลิ้ม ผีเสื้อตัวน้อยกำลังบินร่อนหยอกล้อกับเหล่าผกามาศหลากสีสันตัดกับสีพื้นของโทนภาพ กลายเป็นความงดงามลงตัวอย่างสมบูรณ์แบบที่สุดเท่าที่ภาพวาดภาพหนึ่งจะพึงมี

“สวยจังเลยริน” เสียงทุ้มนุ่มเอ่ยขึ้นจากด้านหลังทำให้เด็กสาวหันไปมอง

เขาเป็นชายหนุ่มผิวขาวร่างสูงโปร่ง หน้าตาหล่อเหลา ดวงตาคมกำลังจับจ้องไปที่ภาพวาดตรงหน้าเธออย่างทึ่งๆ ขณะดันแว่นตากรอบดำสไตล์เก๋ให้เข้าที่

ณัฐรินยิ้มบางๆ “ภาพอำลามหา’ลัย จะไม่สวยได้ยังไงล่ะ”

“พรุ่งนี้ก็จบการศึกษาแล้วสินะ สี่ปีผ่านไปเร็วจริงๆ” ภูวเรศกล่าวพลางทรุดตัวลงนั่งข้างๆ เธอ

...สี่ปี... จะว่าเร็วก็ว่าเร็ว จะว่าช้าก็ช้า แต่อย่างน้อยเธอก็ได้รับสิ่งดีๆ มากมาย ทั้งผองเพื่อน รุ่นพี่ รุ่นน้องที่สนิทสนมซึ่งคอยช่วยเหลือกันตลอดมา นั่นเป็นสิ่งที่ทำให้เด็กสาวรู้สึกอาลัยอาวรณ์ไม่น้อยกับการต้องแยกย้ายกันไปตามทางเดินและความฝันของตัวเอง ความรู้สึกผูกพันลึกซึ้งได้ถ่ายทอดผ่านลายเส้นและสีน้ำบรรจงจนออกมาเป็นภาพอันแสนงดงามนี้

“บางทีรินก็คิดว่าไม่อยากจะเรียนจบเลยนะ” เด็กสาวรำพึงเบาๆ

ภูวเรศหันมาหัวเราะเย้าๆ “จิตรกรมือวางอันดับหนึ่งของมหา’ลัยอย่างรินเนี่ยนะไม่อยากเรียนจบ รินอยากทำงานกับ Fly me มานานแล้วไม่ใช่เหรอ”

Fly me เป็นบริษัทตกแต่งบ้านชื่อดังซึ่งจะมีจิตรกรประจำบริษัทสำหรับวาดภาพตกแต่งโดยเฉพาะ บริษัทนี้เป็นที่หมายปองของเหล่านักศึกษาเอกศิลปกรรมทั้งหลาย แน่นอนว่าการคัดเลือกจะต้องเป็นไปด้วยความลำบากอย่างยิ่ง เป็นเวลาสามปีแล้วที่ไม่เคยมีใครผ่านการทดสอบเข้าบรรจุทำงานกับ Fly me ได้ ณัฐรินเองก็แปลกใจไม่น้อยที่อยู่ๆ ก็มีจดหมายจากบริษัทส่งมาทาบทามให้เธอเข้าทำงาน ทั้งๆ ที่เธอยังไม่ได้ยื่นใบสมัครที่นั่นเลย

“รินยังดีใจไม่หายเลยนะ คิดแล้วก็เหลือเชื่อจริงๆ ตอนแรกรินก็ลังเลอยู่ตั้งนานว่าจะไปสมัครดีมั้ย กลัวว่าถ้าไม่ได้จะผิดหวังจนไม่อยากทำอะไรเลย”

“ผมว่ารินเป็นคนที่เกิดมามีพรวิเศษติดตัวนะ ไม่ว่าจะทำอะไรก็ประสบความสำเร็จไปทุกอย่าง”

ใบหน้าหวานเนียนของณัฐรินคลี่ยิ้มจางๆ มันก็จริงอย่างที่ภูวเรศพูด เด็กสาวรู้สึกว่าชีวิตของเธอช่างเต็มไปด้วยความสุขเพียบพร้อมเหลือเกินด้วยความสูงส่งของฐานะครอบครัว ตั้งแต่เด็กๆ ไม่ว่าอยากได้อะไร บิดามารดาก็จะหามาให้เธอเสมอ ทั้งตุ๊กตา ของเล่นทุกอย่างจนถึงปัจจุบัน รถสปอร์ตสุดหรู มือถือรุ่นใหม่ล่าสุด ทุกสิ่งทุกอย่างที่เธอปรารถนา ทุกคนก็จะหามามอบให้

แม้ตระกูลของเธอจะเป็นแถวหน้าในแวดวง ‘ไฮโซ’ แต่บุพการีทั้งสองก็เลี้ยงดูเธอมาอย่างอบอุ่น แม้ตอนนี้เธอจะแยกกันอยู่กับพวกท่านเพราะบิดามารดาต้องคุมกิจการรีสอร์ทอยู่ที่ชลบุรีบ้านเกิดของเธอแต่ท่านก็ยังโทรมาถามสารทุกข์สุกดิบอยู่เสมอ

ในด้านการเรียน ภาพวาดของเธอก็ถูกจัดว่าเป็นอันดับหนึ่งของมหาวิทยาลัยมาตลอด เวลามีจัดแสดงผลงานทุกครั้งก็จะมีคนมากมายมาขอซื้อภาพของเธอในราคาสูง มีหลายครั้งที่เธอปฏิเสธเพราะไม่อาจตัดใจขายภาพวาดที่เธอรักได้ และการที่เธอได้ริบการเชิญชวนจาก Fly me ก็ถือเป็นเครื่องยืนยันความสำเร็จเป็นอย่างดี

...และในเรื่องความรัก...

เด็กสาวช้อนตาขึ้นมองชายหนุ่มตรงหน้า ผู้เป็นที่หมายปองของสาวๆ ทั่วมหาวิทยาลัยด้วความหล่อเหลาและเพียบพร้อมทั้งฐานะ บุคลิกภาพ และอุปนิสัย ทุกคนต่างก็รู้ว่าเขากำลังทอดไมตรีหาเธอ บิดามารดาของณัฐรินไม่เคยกีดกันเรื่องคบหาเพื่อนชาย เธอเองก็ไม่มีเหตุผลที่จะปฏิเสธไมตรีที่เขามอบให้ด้วยความจริงใจ

จากการคบหากันมานาน ภูวเรศเป็นสุภาพบุรุษ คอยเอาใจใส่ดูแลเธอทุกอย่าง เป็นผู้ชายที่สมบูรณ์แบบพอที่จะฝากชีวิตไว้กับเขาได้อย่างวางใจ

ณัฐรินระบายลมหายใจยาว ภายในใจโหวงๆ อย่างประหลาด

“บางทีรินก็รู้สึกว่าชีวิตตัวเองเรียบง่ายเหลือเกินนะภู ทุกอย่างมันราบเรียบ ไม่มีอะไรให้ต้องพยายามไขว่คว้าเหมือนคนอื่นเลย”

คนฟังหัวเราะขำ “อะไร ริน ชีวิตโรยด้วยกลีบกุหลาบก็ดีแล้วนี่ครับ มีคนอิจฉารินตั้งเยอะ ‘คุณหนูไฮโซ’ ผู้เพอร์เฟ็กต์ไปซะทุกเรื่อง”

“รินขอเถอะ คำว่าคุณหนูไฮโซเนี่ย ใครๆ ก็เรียกรินแบนี้ ยังกับรินเป็นมนุษย์อีกประเภทนึงอย่างนั้นแหละ”

ชายหนุ่มอมยิ้มกับท่าทางไร้เดียงสาของเธอ ...รินคงไม่รู้ตัวสินะว่าเวลาเธอทำหน้าตาแบบนี้น่ารักจนแทบจะละลายหัวใจของผู้ชายทุกคนบนโลกได้

“โอเคครับ ไม่เรียกก็ไม่เรียก ว่าแต่พอเรียนจบ รินจะเริ่มทำงานเลยรึเปล่า หรือว่าจะไปเที่ยวสักพักก่อนตามเทรนด์เพื่อนๆ”

ชีวิตหลังจบการศึกษาต่างแตกต่างกันไปตามบุคคล คนที่ฐานะปานกลางต่างเริ่มพากันหางานทำเพื่อความมั่นคงของชีวิตในวันข้างหน้า บางคนก็เลือกที่จะเป็นนักวาดอิสระ ส่วนคนที่ฐานะดีหน่อยก็มักใช้เวลาหลังเรียนจบอย่างเหน็ดเหนื่อยเพื่อพักผ่อนเดินทางท่องเที่ยว ใช้ชีวิตให้คุ้มค่าก่อนจะเริ่มต้นทำงานจริงจัง

“รินคงหยุดพักสักเดือนสองเดือนน่ะ Fly me ให้เวลาสามเดือนกว่าจะบรรจุเข้าทำงาน รินกะว่าจะกลับไปหาคุณพ่อคุณแม่ที่ชลบุรีแล้วอยู่กับท่านสักพัก” ณัฐรินเอียงคอเล็กน้อย “แล้วภูล่ะ เรียนจบแล้วจะทำงานเลยมั้ย”

“กำลังคิดอยู่เลย ใจนึงก็อยากพัก แต่อีกใจก็อยากหาประสบการณ์ในการทำงานเร็วๆ”

“ฮั่นแน่ แอบมาสวีทหวานแหววอะไรกันตรงนี้จ๊ะ”

เสียงแจ๋วๆ ที่ทักทายนั้นทำใหณัฐรินเงยหน้าขึ้นมอง

เจ น้ำตาล และแอน สามสาวเพื่อนสนิทของเธอกำลังหลิ่วตามองมาด้วยสายตาล้อๆ

“สวีทอะไรกัน รินกำลังวาดภาพอำลามหา’ลัยต่างหาก”

เจหัวเราะพลางยื่นมือมาหยิกแก้มเพื่อนสาวเบาๆ อย่างเอ็นดู

“รินนี่แซวกี่ทีก็ไม่หายเขินซะทีเนอะ น่ารักจังเลย”

“แล้วภูล่ะ ไม่คิดจะปฏิเสธเลยรึไง”

น้ำตาลหันมาแซวชายหนุ่มบ้าง แต่อีกฝ่ายเพียงยิ้มเล็กน้อยเป็นเชิงยอมรับ เพื่อนๆ เลยหันมาส่งเสียงกิ๊วก๊าวใส่จำเลยแสนสวยอีกระลอก จนใบหน้าขาวอมชมพูนั้นยิ่งแดงระเรื่อขึ้นอีก แอนจึงเบรกเพื่อนๆ

“พอๆ เดี๋ยวรินมันเขินตายพอดี”

เจลูบผมนุ่มสลวยราวกับแพรไหมซึ่งยาวถึงกลางหลังของณัฐรินเป็นเชิงปลอบ

“โอ๋ๆ ไม่แกล้งละ ก็ใครใช้ให้รินอินโนเซนต์น่ารักแบบนี้ล่ะ” ท้ายประโยคหันไปพยักพเยิดกับภูวเรศ “เนอะ ภูว่ามั้ย”

“เจ” เสียงหวานใสดังขึ้นดุๆ ปรามเพื่อน ริมฝีปากบางเม้มนิดๆ เป็นเชิงข่มขู่ แต่ดูน่ารักมากกว่าน่ากลัว เจหัวเราะในลำคอ ยกมือเป็นทำนองสงบศึก แอนส่ายหน้าขำๆ

“ความจริงพวกเราจะไปเซ็นทรัล เลยแวะมาชวนรินไปด้วยกันน่ะ”

“อื้อ เอาสิ รินก็อยากไปเที่ยวกับทุกคน เดี๋ยวหลังจากพรุ่งนี้ไม่รู้ว่าอีกนานเท่าไหร่กว่าจะได้เจอกัน” ณัฐรินตอบรับเสียงอ่อนก่อนหันมาบอกภูวเรศ

“งั้นวันนี้ภูกลับไปก่อนนะ รินไปเที่ยว คงกลับเย็นๆ”

“ภูไปด้วยกันมั้ยล่ะ” น้ำตาลเอ่ยชวนทั้งที่ในใจรู้คำตอบดี...สุภาพบุรุษอย่างภูรู้จักกาลเทศะเสมอ

ภูวเรศยิ้มพลางปฏิเสธอย่างสุภาพตามคาด

“ไม่เป็นไร กลุ่มผู้หญิงไปเที่ยวกัน ถ้ามีผู้ชายไปด้วยจะอึดอัดเปล่าๆ” เขาหันไปหาณัฐอพลางกล่าวด้วยน้ำเสียงห่วงใย “อย่ากลับเย็นมากนะครับ ถ้ามีอะไรก็โทรเรียกผมนะ”

เด็กสาวยิ้มหวานให้พลางรับคำ

 

“ริน แอม มาดูนี่สิ จี้ห้อยคออันนี้สวยจังเลย” น้ำเสียงตื่นเต้นของน้ำตาลทำให้ณัฐรินละสายตาจากของจุกจิกประดับโต๊ะมาที่ผู้เป็นเพื่อนซึ่งยืนอยู่ตรงเคาน์เตอร์เครื่องประดับข้างๆ

“จี้รูปดาวอันนี้น่ะเหรอ” เด็กสาวกล่าวพลางมองจี้สีเงินรูปดาวอันเล็กน่ารักในมือน้ำตาล ประกายวิบวับของมันสะท้อนเข้ามาในดวงตาดูเหมือนดวงดาวที่จับต้องได้

แอนฉวยมันจากมือน้ำตาลขึ้นมามองใกล้ๆ อย่างพินิจ

“อืม ก็สวยดีนะ ดูเนื้อแล้วเงินแท้ เท่าไหร่ล่ะ ฉันก็เริ่มสนใจแล้วนะเนี่ย”

“เมื่อเป้าหมายตรงกัน สองสาวก็พากันเลือกซื้อต่อราคากันอย่างเมามัน ณัฐรินจึงปลีกตัวออกมาเงียบๆ สายตามองไปเห็นร้านหนังสือฝั่งตรงข้าม เด็กสาวนิ่งคิดเล็กน้อยก่อนตัดสินใจเดินเข้าไป

“อุ๊ย!” แรงกระแทกแรงๆ ทำให้ณัฐรินเซเล็กน้อย พร้อมๆ กับเสียงหนังสือตกพื้น

“ขอโทษค่ะ” เด็กสาวรีบขอโทษพลางก้มตัวลงเก็บหนังสือเล่มบางบนพื้น เมื่อเงยหน้าขึ้นก็พบร่างสูงโปร่งของหญิงวัยกลางคนเจ้าของหนังสือเล่มนั้น เธออยู่ในชุดเสื้อคอโบราณ กระโปรงสีขาวยาวกรอมเท้าราวกับผู้ทรงศีล ผมยาวของเธอหยิกเป็นลอนสวย ผิวพรรณเปล่งปลั่งราวกับเด็กสาวแรกรุ่น ดวงตาคมสวยของเธอกำลังจับจ้องมาที่ณัฐรินนิ่ง

เด็กสาวกุลีกุจอส่งหนังสือในมือให้

“ขอโทษนะคะ พอดีไม่ทันมองจริงๆ ค่ะ”

หญิงคนนั้นรับหนังสือไว้ ริมฝีปากสวยอิ่มส่งยิ้มให้เธอ

“ไม่เป็นไรค่ะ”

ณัฐรินยิ้มตอบให้เธอเช่นกัน ก่อนจะหันกลับไปเดินเข้าร้านหนังสือตรงหน้า

“เดี๋ยวค่ะ” เสียงเรียกนั้นทำให้เด็กสาวชะงักพลางหันกลับไปมองต้นเสียงอย่างงงๆ

ผู้หญิงคนนั้นมองเธอด้วยแววตาประหลาดๆ ก่อนจะถอนหายใจเบาๆ

“ไม่รู้ว่าคุณโชคดีหรือโชคร้ายกันแน่ คุณจะได้พบคนที่คุณรอคอยมาทั้งชีวิต แต่ถ้าคุณรักเขา คุณจะพบกับความเศร้าที่ไม่อาจหลีกเลี่ยง”

“คะ?” ขณะที่ณัฐรินยังงกับคำพูดนั้น หญิงชุดขาวก็เดินจากไปซะแล้ว

...คนที่รอคอยมาทั้งชีวิตงั้นเหรอ

...ใครกัน...ที่คนอย่างฉันจะเฝ้ารอได้ถึงขนาดนั้น

เธอส่ายหน้าเบาๆ อย่างไม่เข้าใจ ก่อนเดินเข้าไปในร้านหนังสืออย่างไม่ติดใจอะไร

 

ณัฐรินปิดหนังสือนิยายในมือแล้ววางกลับไปที่ชั้น ก่อนสายตาจะเหลือบเห็นเพื่อนๆ กำลังเดินมาหา เธอโบกมือให้เป็นสัญลักษณ์ว่าอยู่ตรงนี้

“ว่าแล้วว่ารินต้องมาร้านหนังสือ จะมาไม่บอกกันสักคำ” น้ำตาลตัดพ้อเล็กน้อย ใบหน้ากลมๆ งอหงิกเมื่อผ่านการวิ่งวุ่นหาตัวกันอยู่พักใหญ่

ณัฐรินรีบส่งยิ้มหวานเอาใจ...รอยยิ้มแบบที่ชนะใจหลายต่อหลายคนมาแล้วไม่ว่าจะเป็นหญิงหรือชาย

(ติดตามอ่านต่อได้ในฉบับเต็ม)


รีวิว (1)

เขียนรีวิว

ภัทราพร | 1 รีวิว
08/07/2014

Here in my heart ณ หัวใจมีรัก เขียนโดย ปริญญ์ & Oresia นิยายเรื่องนี้ต้องบอกว่าอันที่จริงเคยอ่านเมื่อนานมากๆแล้วค่ะเป็นโปรเจควาเลนไทน์ปีนึงที่ตอนนั้นแจ่มใสได้จัดให้เขียนคู่ระหว่างนักเขียนแนวความรู้สึกดีที่เรียกว่ารักกับนักเขียนแนวเลิฟซีรี่ นิยายเรื่องนี้เป็นอีกเรื่องที่น่าติดตามตามผลงานค่ะด้วยนักเขียนฝีมือคุณภาพอย่าง ปริญญ์ & Oresia เจ้าแม่งานเขียนสองคนนี้ที่เขียนนิยายแนวรักซึ้งกินใจได้ซึ้งกินใจสมชื่อโดยส่วนตัวตอนแรกได้มีโอกาสอ่านนิยายผลงานของพี่อ้อ Oresia มาเยอะมากเรียกได้ว่าทุกเล่มเพราะตอนแรกชอบอ่านแนวเลิฟซี่รี่มากกว่าเพราะตอนนั้นยังเด็กๆพอเริ่มโตขึ้นก็เลยเริ่มเปิดกว้างอยากลองอ่านหนังสือแนวผู้ใหญ่ๆดูบ้างแล้วก็ได้มาอ่านผลงานของ ปริญญ์ แล้วก็รู้สึกชอบค่ะยิ่งพอแจ่มใสได้จับคู่ดูโอ้สองคนนี้มาเขียนด้วยกันมีความรู้สึกประทับใจมากๆด้วยความที่ได้ติดตามผลงานอยู่แล้วด้วยซื้อมาอ่านและเก็บสะสมเลยไม่เสียดายเงินค่ะนิยายเล่มนี้จะออกแนวซึ้งโรแมนติกจุดเด่นของเรื่องนี้คือจะมีการเขียนเรื่องย่อไว้ทั้งสองหน้าปกด้านหน้าและด้านหลังคล้ายกับเป็นการบอกเล่าความรู้สึกของชายและหญิงแล้วก็ด้านในเล่มจะมีการแบ่งเป็นพาสๆไปโดยพาสแรกที่อ่านจะเป็นของพี่อ้อนักเขียนแนวเลิฟซีรี่ที่เป็นคนเขียนก่อนก่อนจะตามมาด้วยปริญญ์อ่านเรื่องนี้แล้วรู้สึกชอบค่ะมีความรู้สึกว่าเนื้อหาด้านใจโรแมนติกและซึ้งกินใจมากๆและก็รู้สึกซึ้งใจกับความรักของพระเอกนางเอกของเรื่องนี้การบรรยายเรื่องมีความรู้สึกว่าทั้งเขียนทั้งสองคนมีลักษณะการบรรยายเรื่องที่คล้ายกันไม่แน่ใจว่าเป็นเฉพาะกับนักเขียนที่เขียนนิยายแนวโรแมนติกรึป่าวเพราะอ่านแล้วมันรู้สึกเคลิ้มตามไปกับจินตนาการณ์ที่คนเขียนบรรยายคือมันดูฝันๆอ่ะค่ะอ่านแล้วรู้สึกดีเป็นการบรรยายรวกับกำลังบรรยายนิยายอ่ะค่ะเพราะอ่านแล้วมันรู้สึกลึกซึ้งมากๆโดยเฉพาะเรื่องนี้รวมถึงบทสนทนาของตัวละครด้วยอ่านเรื่องนี้แล้วจะรู้ทันทีว่าจุดเด่นคืออ่ะใครเป็นตัวเด่นของเรื่องเพราะมันชัดเจนมากอีกอย่างเลยคือชอบบทสนทนาของพระนางเราอ่านแล้วชอบตรงที่มันมีความซึ้งกินใจตั้งแต่พล็อตเรื่องแล้วคือมันดูฝันๆมีจินตนาการณ์ดีรู้สึกชอบมากๆรวมไปถึงการบรรยายฉากต่างๆภายในเรื่องมีความรู้สึกสมจริงเนื้อเรื่องถึงแม้ว่าไม่ค่อยมีฉากหวือหวาอะไรมากมายแต่อยากบอกว่านิยายเรื่องนี้ออกแนวโรแมนติกจริงๆอ่านได้เรื่อยๆดำเนินเรื่องชัดเจนสนุกพี่นักเขียนทั้งสองคนเลยแต่งบรรยายนิยายเก่งมากๆอ่านแล้วรู้สึกมีทุกอารมณ์เลย

สินค้าที่ใกล้เคียง (72 รายการ)

www.batorastore.com © 2024