Ah! My Cinderella รักฉันเดี๋ยวนี้ นี่คือคำสั่ง
ประหยัด: 134.25 บาท ( 75.00% )
มีสินค้ามือสองอยู่จำนวน : 4 รายการราคา 50.00 บาท - 125.00 บาท ซื้อสินค้ามือสอง
Quick View
เนื้อหาบางส่วน
บทนำ
ชีวิตจริงมันยิ่งกว่าในเทพนิยาย!
‘เอลล่า คิม’ เด็กสาววัยสิบเจ็ดเหนาะๆ ลูกครึ่งเกาหลี-ฟิปปินส์มักคิดอยู่เสมอว่าซินเดอเรลล่ามีเพียงแค่ในเทพนิยายที่เธอเคยอ่านเมื่อตอนยังเป็นเด็กเท่านั้น จนกระทั่งในวันเกิดอายุครบเก้าปีของเธอ...วันนั้นเป็นวันที่ทำให้เธอได้รู้ว่าซินเดอเรลล่าก็มีอยู่ในโลกแห่งความจริงเหมือนกัน
เพียงแต่...โลกแห่งความจริงมันสุดแสนจะเลวร้ายอย่างที่เทพนิยายไม่สามารถเทียบได้เลยทีเดียว
และถ้าถามว่าทำไมล่ะก็...
1.Donovan คือบริษัทแบรนด์เนมชื่อดังที่ส่งขายสินค้าไปทั่วทุกมุมโลก เป็นที่นิยมในหมู่เซเลบริตี้พอ ๆกับชาแนล กุชชี่ ฯลฯ
2.’อันโตนี โดโนวาน’ คือเจ้าของแบรนด์ Donovan ติดอันดับหนึ่งในสิบของบุคคลที่คนทั้งโลกจับตามอง
3.อันโตนีมีลูกชายอยู่สี่คนและลูกสาวหนึ่งคน ซึ่งเอลล่าเป็นลูกคนที่ห้าของเขา
4.เพียงแต่...เธอไม่ใช่ลูกแท้ๆ และไม่ใช่น้องสาวแท้ๆ ของสี่พี่น้องตระกูลโดโนวานเท่านั้น
5.พ่อของเธอเป็นชาวเกาหลีแต่ไม่เคยเห็นหน้าเพราะท่านเสียชีวิตไปตั้งแต่ก่อนเธอเกิด แม่ของเธอซึ่งเป็นคนฟิลิปปินส์จึงแต่งงานใหม่ตอนเธออายุได้สามขวบ และคนที่แม่ของเธอแต่งงานด้วยก็คืออันโตนี โดโนวานนั่นเอง
6.อันโตนีทำหน้าที่พ่อได้อย่างดีเยี่ยม...ดีเยี่ยมจริงๆ จนเอลล่ายกให้เขาเป็นพ่อเบอร์หนึ่งในดวงใจ ส่วนพี่ชายทั้งสี่ก็ดูแลเธอเป็นอย่างดีประหนึ่งเธอเป็นน้องสาวในไส้...จนกระทั่งเธออายุได้เก้าขวบ แม่ของเธอก็มาเสียชีวิตด้วยอุบัติเหตุทางเครื่องบิน
7.และหลังจากนั้นฟันเฟืองแห่งชีวิตของเธอก็เปลี่ยนไปตลอดกาลลล
ณ บ้านตระกูลโดโนวาน
ปั้ก!!!
“!”
เอลล่าสะดุ้งน้อยๆ แล้วหันไปมองเบื้องหลัง เพราะขณะที่กำลังเล่นอยู่กับ ‘เซอร์พอล’ แมวเปอร์เซียสีเทาที่เธอเลี้ยงเอาไว้ในบ้าน อะไรบางอย่างก็กระทบเข้ากับศีรษะเธออย่างจัง แม้มันจะเจ็บแค่ไหนแต่เธอก็ไม่ได้โวยวายออกมาและไม่มีทีท่าแปลกใจหรือสงสัยแต่อย่างใด...เพราะนี่คือเหตุการณ์ปกติที่เธอเจอบ่อยจนชินในชีวิตประจำวันน่ะสิ
เอลล่ามองกะละมังพลาสติกและบรรดาพริกหวานที่ถูกหั่นเป็นสี่เหลี่ยมลูกเต๋าที่กระจายเกลื่อนอยู่บนพื้นและคาดว่าเจ้าสิ่งนี้แหละที่กระทบกับศีรษะของเธอเมื่อสักครู่ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นสบสายตา ‘พี่ชายคนที่สาม’ หรือ ‘ยูริ โดโนวาน’ เจ้าของเรือนผมสีน้ำตาลตัดสั้นและยีเซอร์ๆ ดูกระชากใจสาวสุดๆ (สาวทุกคนที่ไม่ใช่เอลล่าน่ะนะ) เขามีร่างล่ำสันบึกบึนแบบนักกีฬา ใบหน้าหล่อ โหด โฉด ชั่ว และส่วนสูงที่ทะลุร้อยเก้าสิบเซนติเมตร แต่กลับสวมผ้ากันเปื้อนสีชมพูลายกระรอกน้อยที่ไม่เข้ากับตัวเองเลยสักนิด แต่ก็แน่ล่ะ...คนอย่างเขาเคยแคร์สายตาใครที่ไหนกันล่ะ
อึก!
เอลล่าอดไม่ได้ที่จะกลืนน้ำลายลงคอหนึ่งอึก เพราะสายตาที่ยูริกำลังมองเธอมันเหมือนกับเธอไปปาขี้ใส่หน้าเขายังไงยังงั้น
“นี่เธอ...”
ก้มหน้าเตรียมตัวรับชะตากรรมของตัวเอง
“เธอมีสมองไว้กั้นหูรึไงหา!!!”
“…!”
“หรือว่ามีหัวไว้แค่ให้ผมขึ้นอย่างเดียวเรอะ!!!”
“…!!”
“ชีวิตเคยคิดจะทำอะไรดีๆ บ้างมั้ยฮะ!!!!”
“!!!!”
พะ...พลังเสียงเซอร์ราวนด์สุดๆ ทำเอาเอลล่าที่ถึงจะโดนด่าทำนองนี้อยู่บ่อยๆ อดสะดุ้งไม่ได้
“ฉันบอกแล้วใช่มั้ยว่าเวลาหั่นพริกวานให้ซอยให้ละเอียดๆ น่ะ! บอกเป็นเป็นหมื่นรอบแล้วทำไมไม่รู้จักจำหา! มีหัวไว้ประดับคอรึไงฟะ!”
จึ๊กๆๆ
ไม่พูดเปล่า ยูริใช้นิ้วจิ้มๆ กบาลน้องสาวนอกไส้ของตัวเองแรงๆ หลายทีจนหัวเล็กๆ นั่นแทบจะหลุดออกจากบ่าอยู่แล้ว
“ตะ...แต่ว่า...แต่ฉันก็ซอยตามที่พี่บอกทุกอย่างเลยนะ”
“กับผีอ่ะสิ! ชิ้นใหญ่จนแทบจะติดคอตายแบบนี้บ้านป้าเธอเรียกซอยเรอะ”
“ฉันไม่มีป้าสักหน่อย ญาติที่เหลืออยู่ตอนนี้ก็มีแต่พี่ๆ กับคุณพ่อเท่านั้นแหละ”
“ใครสนญาติหล่อนกัน! ฉันกำลังพูดถึงพริกหวานอยู่ อย่ามาเปลี่ยนเรื่องจะได้มั้ยฮะ!”
“กะ...ก็...”
“อะไร!”
“...ฉะ...ฉันว่าพริกหวานที่ฉันหั่นมันก็ชิ้นเล็กแล้วนะ ไม่เห็นจะใหญ่ตรง...!”
เปรี้ยง!
กะละมังพลาสติกลอยมากระทบหัวเอลล่าอีกครั้งข้อหาเถียงคำไม่ตกฟาก
“โอ๊ย!”
“บอกว่าใหญ่ก็ใหญ่ดิวะ! เธอหั่นออกมาเป็นสี่เหลี่ยมลูกเต๋าแบบนี้แมวที่ไหนมันจะไปกระเดือกลง เธอก็รู้ไม่ใช่เรอะว่าโซริน้องรักของฉันเกลียดพริกหวานยิ่งกว่าอะไรดี ถ้าไม่ทำให้สุกและซอยไม่ละเอียดเจ้านั่นก็จะไม่กินเด็ดขาด มีสมองน่ะหัดคิดซะบ้าง หรือว่าสมองเธอมันหยุดทำงานไปแล้วฮะ!”
“งั้น...เดี๋ยวฉันไปหั่นให้ใหม่...”
“ไม่จำเป็น”
“...” อ้าว...
“คนไร้ประโยชน์และทำอะไรก็ไม่ได้เรื่องสักอย่างอย่างเธอน่ะ รีบๆ ไปตายซะเถอะ เลี้ยงเสียข้าวสุกเป็นบ้า
จะ...ใจร้าย ใจร้ายที่สุด!
เอลล่าเคยได้ยินว่าคนชอบทำอาหารมักเป็นคนจิตใจดี แต่ทั้งๆ ที่พี่ชายนอกไส้ของเธอคนนี้ชอบทำอาหารมาก...แต่ทำไม...ทำไมกัน...
เธอเริ่มไม่เข้าใจตัวเองแล้วว่าเธอเคยชินกับชีวิตบัดซบแบบนี้ไปได้ยังไง!
“เฮอะ ฉันล่ะเบื่อชะมัดที่ต้องมายืนถียงกับเธอตั้งแต่เช้าในวันที่อากาศแจ่มใสอย่างนี้ ชีวิตฉันไม่เคยได้สงบสุขเลยจริงๆ สิน่า!”
“…”เอลล่ากำลังคิดว่าเธอควรจะเป็นฝ่ายพูดประโยคนั้นมากกว่านะ
แต่เธอก็ทำได้แค่คิดน่ะแหละ...ขืนพูดออกไปมีหวังโดนท่อนแขนล่ำๆ นั่นฟาดคอหลุดแหงๆ
“ชึ่ย! คนอย่างเธอนี่มัน...!”
ยูริมองหน้าน้องสาวนอกไส้ด้วยสายตาเหมือนจะกินเลือดกินเนื้อ ส่วนเอลล่าก็ได้แต่ก้มหน้าก้มตาหลบสายตาโหดร้ายของพี่ชายจอมโฉด
“สมองกลวง!”
เปรี้ยง!
‘สมองกลวง’ กระแทกหน้าเอลล่าอย่างจัง!
“ปัญญานิ่ม”
เปรี้ยง!
‘ปัญญานิ่ม’ ก็ตามมาติดๆ
“ยัยจืดสี่ตาเอ๊ย!”
เปรี้ยง!
‘จืดสี่ตา’ นี่มันหมายความว่ายังไง เธอแค่สวมแว่นตาโตๆ เท่านั้นเองนะ!
“หน้าตาเธอนี่มันน่าหงุดหงิดเป็นบ้า แม่เธอก็ออกจะสวยเช้งปานนางฟ้า ทำไมถึงมีลูกหน้าจืดชืดแบบเธอได้นะ...ฉันไม่เข้าใจเลยจริงๆ!” ยูริบ่นกระปอดกระแปดโดยไม่สนใจเอลล่าที่บัดนี้ตัวหดเหลือครึ่งนิ้ว (จากที่เตี้ยมากอยู่แล้ว) “รีบๆ ไสหัวไปให้พ้นหน้าฉันเลย แล้วก็อย่าลืมไปปลุกโชริน้องรักของฉันด้วยล่ะ”
“เอ่อ แต่ฉันต้องไปปลุกพี่อีเวสก่อน...”
“จะปลุกใครก็รีบๆ ไปปลุก อย่าลืมปลุกโชริน้องรักของฉันก็พอ!”
“ค่ะ”
เอลล่าหันกลับมาอุ้มเซอร์พอลแมวเปอร์เซียสุดรักของเธอที่ตัวสั่นงกๆ คงเพราะตกใจบวกกับกลัวเสียงโหดๆ ของยูรินั่นแหละ ก่อนที่เธอจะรีบเดินหนีออกมาจากบริเวณนั้นทันทีและมาหยุดอยู่ที่หน้าห้องนองของ ‘พี่ชายคนโต’ หรือ ‘อีเวส โดโนวาน’ เธอสูดหายใจเข้าลึกๆ อย่างเตรียมพร้อม จากนั้นก็ค่อยๆ แง้มประตูเข้าไปเจอกับห้องนอนคุ้นตาที่ตกแต่งด้วยซากฟอสซิลไดโนเสาร์ซึ่งเป็นคอลเล็กชั่นสุดรักของเจ้าของห้องนั่นแหละ เอลล่าเคยคิดเล่นๆ ว่าจะขโมยฟอสซิลพวกนี้ไปขายสักชิ้นสองชิ้น แล้วเอาเงินที่ได้มาไปปลูกบ้านใหม่ใช้ชีวิตแสนสุขอยู่กับเซอร์พอลสองคน (หนึ่งคนกับอีกหนึ่งตัว) โดยไม่มีพ่อเลี้ยงใจร้ายกับพวกพี่ชายตัวอิจฉามาคอยกวนใจ
แต่ก็อย่างที่รู้ๆ กันน่ะแหละ ว่าเธอทำได้เพียงแค่คิดเท่านั้น เพราะคนอย่างเอลล่า คิมไม่มีทางกล้าทำอะไรแบบนั้นอยู่แล้ว
“โว้ย!”
“…!”
เอลล่าถึงกับชะงักเท้าไม่กล้าเดินต่อเมื่อได้ยินเสียงสบถของคนที่นุ่งผ้าขนหนูผืนเดียวนั่งกดโทรศัพท์ยิกๆ อยู่บนเตียงนอนขนาดคิงไซส์
เอ่อ...พี่อีเวสไปกินแมวป่ามารึไงนะ ดูอารมณ์บ่จอยแปลกๆ
“พะ...พี่อีเวส...”
“มาแล้วเหรอยัยปอบ”
ยัยปอบคือฉายาของเธอประจำวันนี้สินะ เพราะพี่ชายคนนี้ชอบตั้งฉายาแปลกๆ ไม่ซ้ำกันให้เธออยู่เสมอ
“ให้ตายเถอะ ช้าชะมัด ฉันบอกให้เธอมาปลุกตอนเจ็ดโมงไม่ใช่รึไง” อีเวสว่าพลางยกมือขึ้นเสยเรือนผมสีควันบุหรี่ที่เปียกลู่ระกรอบหน้าหล่อคมคาย สำหรับเอลล่าถึงอีเวสจะดูนิ่งๆ และสุขุมกว่ายูริหลายเท่า แต่ถ้าให้เลือกฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเธอขอเลือกอยู่กับยูริมากกว่า แม้ว่ายูริจะชอบด่าเธอเสียๆ หายๆ ก็ตาม
เพราะถ้าจะให้พูดตรงๆ อีเวสเปรียบเหมือนแกนนำในการโขกสับของเธอเลยก็ว่าได้
“นาฬิกาก็มีให้ดูทำไมไม่หัดดู”
“เอ่อ...คือ...ฉันเพิ่งให้อาหารเซอร์พอลมาก็เลย...”
“ก็เลยมาปลุกฉันช้างั้นสินะ ไอ้แมวผีนั่นมันสำคัญกว่าฉันที่เป็นพี่ชายของเธอรึไง”
ใช่
“แต่...แต่ว่า...นี่ก็เพิ่งเจ็ดโมงห้านาที...”
“ถึงจะแค่ห้านาทีแต่มันก็เรียกว่าสายรึเปล่าล่ะ”
“...ก็มันแค่ห้านาที”
“สายก็คือสาย ยังไงเธอก็ต้องโดนลงโทษอยู่ดี ไม่ต้องพูดมาก”
“หะ...หะ...หะ...หา!!!”
เอลล่าแทบตาถลนกับคำว่า ‘ลงโทษ’ แล้วถ้าถามว่าเพราะอะไรล่ะก็...
“เธอต้องกินสปาเกตตี้ด้วยจมูกให้หมดภายในห้านาที” เพราะอย่างนี้ไงล่ะ!
“มะ...ไม่จริงใช่มั้ย...”
“จริง”
เอลล่าแทบจะทรุดลงไปนั่งกับพื้น นี่แหละคือเหตุผลที่เธอกลัวอีเวสที่สุดในหมู่พี่ชายทั้งหมดของเธอ เขามักจะหาอะไรแปลกๆ มาให้ทำอยู่เสมอเป็นการลงโทษเวลาที่เธอทำผิด (แม้จะเป็นความผิดเพียงเล็กน้อยก็ตาม) เธอจำความรุ้สึกตอนที่โดนทำโทษคราวก่อนได้เป็นอย่างดี หมอนี่บังคับให้เธอสวมรองเท้าโรลเลอร์เบลดและจับเธอผูกกับรถซูเปอร์คาร์คันหรูของเขา ก่อนจะลากเธอด้วยความเร็วร้อยห้าสิบกิโลเมตรต่อชั่วโมง...
คงนึกสภาไม่ออกเลยสินะว่าผู้หญิงตัวเล็กๆ อย่างเธอรอดตายจากเหตุการณ์นั้นมาได้ยังไง
“ตะ...แต่พี่อีเวส...วันนี้ฉันต้องไปโรงเรียน แถมยังต้องไปปลุกโชริอีก ให้กินสปาเกตตี้ทางจมูกนี่มันออกจะ...”
“แล้วใครบอกว่าจะให้เธอกินตอนนี่ล่ะ”
“เอ๋?”
“ฉันหมายถึงเย็นนี้ต่างหาก”
“@[]@”
“ฉันเป็นพี่ชายที่ใจดีมีเมตตาใช่มั้ยล่ะ”
“@[]@!!!”
เงิบ...ยังไงฉันก็หนีไม่พ้นสินะ!
“เอาล่ะ ถ้าจะไปปลุกโชริก็รีบไปซะ”
“แต่...พี่อีเวส...” เอลล่าพยายามขอความเห็นใจจากคนตรงหน้า
“นี่เอลล่า ถ้าน้องชายคนเล็กของฉันเข้าเรียนสาย เธอคงรู้นะว่า
(ติดตามอ่านต่อได้ในฉบับเต็ม)
รายละเอียด
รีวิว (3)
25/07/2014
Ah! My Cinderella รักฉันเดี๋ยวนี้… นี่คือคำสั่ง นิยายเรื่องนี้เป็นผลงานของพองโก้ค่ะปกติเคยอ่านผลงานของพองโก้มาบ้างอ่านเล่มแรกเมื่อหลายปีมาแล้วและก็เว้นช่วงไปนานมากเลยเพิ่มมีโอกาสได้มาอ่านอีกเมื่อไม่นานมานี้ค่ะผลงานยังสนุกเหมือนเดิมเลยเราว่าหน้าปกนายายของพองโก้อ่ะที่เป็นตัวละครพระเอกนางเอกเป็นอะไรที่เปิดเอกลักษณ์นะสังเกตมาหลายทีแล้วไม่รู้ว่าคิดไปเองไหมว่าหน้าปกนิยายของพองโก้ทีไรตัวละครจะวาดลายเส้นลัษณะนี้อ่ะสวยดีค่ะแต่ที่พูดหมายถึงว่าเป็นรูปภาพจากนักวาดคนเดียวกันแต่ว่าไม่เหมือนภาพหน้าปกของนักเขียนท่านอื่นไงหมายถึงมีเป็นเอกลักษณ์อ่ะเราสังเกตหลายครั้งแล้วเพราะเราก็เก็บนิยายของพองโก้เหมือนกันแค่ยังซื้อเก็บไม่ครบพล็อตเรื่องนี้น่ารักดีค่ะมาแนวๆซินเดอเรลล่าอาจะต่างกันที่แม่เลี้ยงใจร้ายดันเป็นพระเอกหรือป่าวเนื้อเรื่องน่ารักดีค่ะหลังจากที่อ่านจบแต่พล็อตเรื่องนี้คือแบบนางเอกอยู่บ้านเดียวกับพระเอกอ่ะไม่ค่อยชอบตรงนี้เราว่านางเอกกับพระเอกน่าจะอยู่คนละบ้านกันมากกว่าแบบว่าค่อยมาตามจีบกันหรือว่าค่อยมีฉากมาทำให้รักกันอะไรแบบเนี้ยเหมือนเรื่องอื่นๆพอพระเอกกับนางเอกอยู่บ้านเดียวกันถึงแม้ว่าจะไม่ใช่พี่น้องแท้มันทำให้ฉากต่างๆมันดูน่าเบื่อเหมือนแบบอยู่บ้านเดียวกันอยู่แล้วอ่ะโอกาสเจอกันมันก็มีตลอดเราไม่ค่อบชอบตรงนี้อ่ะโดยส่วนตัวนะค่ะแต่เนื้อหาโดยรวมอ่ะฉากพระนางก็หวานแล้วก็น่ารักดีอ่านแล้วยิ้มตามแต่เราก็ยังยืนยันความคิดเห็นเดิมว่าพระนางน่าจะอยู่คนละบ้านอะไรแบบนี้มันน่าจะสนุกกว่าแอบขัดใจนิดนึงฮือๆพองโก้แต่งนิยายสนุกดีค่ะถึงแม้ว่าจะเคยอ่านมาไม่กี่เรื่องก็เถอะแต่เนื้อหาแต่ละเรื่องก็มาแนวรักกุ๊กกิ๊กอ่านแล้วน่ารักดีค่ะโดยส่วนตัวชอบในระดับหนึ่งการดำเนินเรื่องสนุกดีค่ะไม่อธิบายวกไปวนมาดีอ่านแล้วเข้าใจง่ายทำให้อ่านหนังสือเพลิดเพลินดีค่ะแต่แอบขัดใจคาแร็กเตอร์ของตัวละครในบางทีแต่คาแร็กเตอร์พระเอกเรื่องนี้น่ารักนะอ่านแล้วชอบพระเอกเรื่องนี้จินตนาการณ์ออกเลยอ่ะส่วนนางเอกก็น่าสงสารเกินไปฮ่าๆๆเราไม่แน่ใจว่าเล่มนี้มีภาคต่อหรือเล่มก่อนหน้าไหมเพราะเป็นคนอ่านนิยายไม่ประติดประต่อแต่ชอบเอามาทำความเข้าใจเองทีหลังฮ่าๆๆยังไงก็ติดตามเล่มต่อไปค่ะนานๆทีจะได้มาอ่านของพองโก้อ่ะนักเขียนเยอะแยะนิยายเต็มไปหมดเลือกอ่านไม่ถูกแต่ชอบตอนจบของเรื่องนี้นะน่ารักมุ้งมิ้งดีอ่านแล้วชอบมีฉากฮาๆอ่ะทำให้นึกถึงพี่นักเขียนท่านนึงที่แต่งนิยายฮาๆ
31/01/2014
เรื่องนี้หรอคะอ่านแล้วสนุกคะตื่นเต้นพระเอกน่ะหล่ออมากแถมยังมีนิสัยชอบสั่งให้คนโน้นคนนี้ทำตามเป็นคนเอาแต่ใจโคตรๆๆอ่ะสงสารนางเอกนะคะที่ต้องทำตามทุกอย่างที่พระเอกสั่ง(โอ๊ยยยยนางเอกต้องมารับบทเป็นทาสรับใช้หรอเนี่ยน่าสงสารจังเลยอ่ะ)ถึงพระเอกจะร้ายกาจยังไงก็ต้องพ่ายแพ้กับความน่ารักของนางเอกอยู่ดี(แหม่เป็นแบบนี้ได้ตลอดสิน่าพระเอกเนี่ย)ยิ่งอ่านก็ยิ่งสนุกขึ้นเรื่อยมันทำให้ลุ้นได้ตลอดว่าพระเอกจะให้นางเอกทำอะไรต่อไปความหึงของพระเอกเนี่ยน่ะก็ชนิดแบบว่าของข้าใครอย่าแตะอะไรทำนองนั้นเลยแหละ(แหม่จะหวงไปถึงไหนใครก็ห้ามเข้ามายุ่งกับนางเอกเลยว่างั้น)ไม่ค่อยจะออกหน้าออกตาเท่าไหร่เลยนะคะคุณพระเอกเอาแต่ใจแต่ก็ดีนะมีคนคอยหวงและห่วง(อยากมีบ้างอิอิ)แต่ก็นะนางเอกก็ใช่ว่าจะยอมพระเอกไปทุกเรื่องซะเมื่อไหร่กันเล่าต่อต้านทุกเรื่องที่พระเอกสั่งแต่ก็ทำไม่ได้สักทีเป็นฝ่ายยอมตลอด(แล้วนางเอกจะต่อต้านเพื่อ...)แต่จะอย่างไรก็ตามแต่ทุกสิ่งมันเปลี่ยนกันได้ทั้งนั้นแหละเมื่อทั้งสองมีความรู้สึกหวั่นไหวขึ้นมา จากที่นางเอกเกลียดแสนเกลียดพระเอก(ก็อย่างที่คนสมัยก่อนเขาว่ากันล่ะน่ะว่าเกลียดอะไรมักได้อย่างนั้นอืมมันก็คงจะจริงนั้นแหละ)จากความเกลียดก่อเป็นความรักขึ้นมาโดยที่ทั้งสองก็ยังไม่ทันตั้งตัวว่าตั้งแต่เมื่อไหร่กันที่ความรู้สึกมันเป็นแบบนี้ แต่แล้วเมื่อพระเอกได้มาบอกว่าได้หลงรักนางเอกมาตั้งนานแล้วและทุกสิ่งทุกอย่างที่เขาได้ทำนั้นเพื่อที่อยากจะบอกความรู้สึกให้ได้รับรู้(อ่อมันเป็นการสื่อนั้นเอง)แต่นางเอกน่ะช่างไม่รู้เรื่องอะไรเลยจริงๆแต่จะอะไรก็ช่างเถอะเรื่องที่ผ่านมานางเอกก็ไม่ได้โกรธอะไรมากมายหรอก(มั้ง) สุดท้ายถึงจะโกรธหรือเกลียดแค่ไหนก็ต้องพ่ายแพ้กับความรู้สึกของตัวเองที่มีให้กับพระเอกเพราะหากขัดเรื่องหัวใจต่อไปมันก็คงเป็นการทรมานตัวเองนั้นแหละคะ
30/12/2013
เรื่องราวต่างๆที่เกิดขึ้นในบ้านหลังใหญ่โตซึ่งมีคนอาศัยอยู่จำนวนแค่ห้าคนซึ่งแต่ละคนก็มีอำนาจต่างๆด้วยการสั่ง สั่งและก็สั่ง ในบ้านหลังนี้มีชายอยู่สี่คนและก็มีหญิงสาวที่ที่เป็นน้องสาวคนเล็กที่ต่างสายเลือดกับชายทั้งสี่เพราะเอลล่าเป็นลูกคนและแม่ของพวกพี่ๆทั้งสาวแต่มีอีกหนึ่งหนุ่มที่มีอายุรุ่นราวคราวเดียวกับเอลล่านั้นก็คือโชริ เรื่องวุ่นวายภายในบ้านก็เกิดขึ้นเมื่อหลังจากที่แม่ของเอลล่าได้เสียไปทำให้เอลล่าต้องเผชิญกับพวกพี่ๆโดยการให้พวกเขานั้นโครกสับใช้เธอสารพัดอย่างกับเธอเป็นทาสของพวกเขาและเอลล่าต้องทำตามทุกอย่างที่พวกเขาสั่งเธอนั้นคิดอยู่ตลอดเวลาว่าตัวเองนั้นช่างมีชีวิตรันทดเหมือนกับซินเดอเรล่าเสียจริงในบรรดาพี่น้องร่วมนามสกุลทั้งหมดที่เธอได้เป็นส่วนหนึ่งของพวกเขาคนที่เอลล่าเกียจที่สุดก็เหมือนจะเป็นโชริชายหนุ่มที่พวกพี่ทั้งสามหวงแหนเป็นพิเศษชนิดที่ว่าเมียข้าใครอย่าเตะอะไรประมาณนั้นก็เพราะว่านายโชริเนี่ยหน้าเขาสวยเหมือนแม่อย่างกับนางพญาซึ่งพวกเขาคิดว่าฟ้าประทานให้มาตอนที่แม่พวกเขาเสียไปนั้นเองจึงใครก็แล้วแต่ที่มาทำให้โชริมีบาดแผลเล็กน้อยไอ้คนนั้นก็ต้องเจ็บกว่าเป็นร้อยเท่าอะไรจะขนาดนั้นหวงยิ่งกว่าไข่งูจงอางเสียอีกเพราะเหตุนี้จึงทำให้เอลล่าเกียจโชริเป็นที่สุดเขาเป็นคนเอาแต่ใจอย่างได้สิ่งใดก็ต้องได้เดี๋ยวนั้นใครก็ห้ามขัดเด็ดขาดและเมื่อผ่านไปได้ไม่นานเขาทั้งสองก็ต้องมาใช้ชีวิตใกล้ชิดกันมากยิ่งขึ้นชนิดที่ว่าตัวติดกันตลอดเวลาเลยทีเดียวเพราะโชริสั่งให้เอลล่ามาเป็นผู้ดูแลของเขาและย้ายไปอยู่โรงเรียนเดียวกับเขาโชริก็สั่งให้เอลล่าทำโน้นทำนี้และยังบอกกับเอลล่าอีกว่าเธอเป็น “ของ” ของฉันใครก็ห้ามเขามายุ่งเด็ดขาดเมื่อวันเวลาผ่านไปนานเข้าความรู้สึกของเอลล่าก็เหมือนจะชอบโชริขึ้นมาเวลาที่ได้อยู่ใกล้เขาแต่เอลล่าไม่รู้เลยนะว่า “โชริ แอบชอบเอลล่ามานานแล้ว” ก็เพราะที่เขาให้เอลล่าเข้ามาเพื่อที่จะอยากให้เอลล่าอยู่ใกล้เขามากขึ้นแต่วันหนึ่งมีชายคนหนึ่งวึ่งเป็นชายในฝันของเอลล่าเลยก็ว่าได้เข้ามาทำความรู้จักและสนิทสนมกับเธอมากจนโชริเกิดอาการไม่พอใจจึงทำให้ทั้งคู่ทะเลาะกันเมื่อกลับมาถึงบ้านแต่เมื่อเกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้นเมื่อทั้งคู่ได้ล้มลงบนเตียงนอนในห้องของเอลล่าและโชริก็ก้มหน้าลงมาจนปากของเขาทั้งคู่ใกล้กันมากจนโชริเอาปากของเขาทับลงที่ปากของเอลล่าโชริจู่โจมได้เร็วมาก ช่างโรแมนติกจริง ทั้งคู่ก็เริ่มสัมผัสปากด้วยความอ่อนนุ่มละมุนลิ้น โชริก็ได้บอกความใจในทุกอย่างที่มีต่อเอลล่ามานานและยังบอกอีกว่าเธอห้ามไปจากฉันเด็ดขาดและทางเอลล่าก็ได้บอกความรู้สึกทุกอย่างต่อโชริเหมือนกันและก็ยังบอกอีกว่าตลอดเวลาที่เธออยู่ใกล้เขามันทำให้เธออบอุ่นและปลอดภัย และแล้วจากนั้นไม่นานเขาทั้งคู่ก็ได้ตอบตกลงที่จะคบกันทันที เรื่องนี้พระเอกชอบออกคำสั่งอย่างเดียวอะไรๆก็ต้องได้ดั่งใจทุกอย่างจะเอาแต่ใจไปถึงไหนแต่หากเป็นนางเอกเองละก็นะก็ต้องยอมใจอ่อนกับความน่ารักและหล่อเขาชอบทำหน้าตาทะเล้นเป็นใครจะไม่ใจอ่อนกันในความเป็นจริงมันจะมีแบบนี้มั้ยนะอยากจะเป็นนางเอกในเรื่องนี้จริงเลยเชียว