(มือสอง) Endless Spring เพลงรักใบไม้ไหว

(มือสอง) Endless Spring เพลงรักใบไม้ไหว

1 รีวิว  1 รีวิว    
รหัสสินค้า: 9789745198340
ของหมด (ต้องการสินค้า)
ราคา: 139.00 บาท 34.75 บาท
ประหยัด: 104.25 บาท ( 75.00% )

เนื้อหาบางส่วน

บทนำ

 

บรรยากาศวันสุดท้ายของคอร์สเรียนภาษาญี่ป่นเกรดสองที่โรงเรียนสอนภาษาชื่อดังใจกลางเมืองเต็มไปด้วยความสดชื่น ชั้นเรียนของสถาบันแห่งนี้แบ่งออกเป็นสามเกรด โดยผู้เข้าศึกษาจะถูกทดสอบความรู้เบื้องต้น ก่อนจะได้รับการบรรจุเข้าเกรดใดเกรดหนึ่ง เมื่อสอบผ่านก็จะค่อยๆ เลื่อนชั้นขึ้นมาเรื่อยๆ และได้รับประกาศนียบัตรของระดับนั้นๆ

หลังจากผ่านการสอบเลื่อนชั้นอันแสนหฤโหดมาแล้ว เพื่อนๆ ในคลาสจึงพร้อมใจนัดกันไปเที่ยว เริ่มตั้งแต่เดินช้อปปิ้งย่านสยามสแควร์กันจนจุใจ ก่อนจะจบลงที่ร้านอาหารญี่ปุ่นชื่อดังแห่งหนึ่ง

ลูกค้าภายในร้านยังคงดูหนาตาเหมือนเช่นทุกครั้ง รสชาติง่ายๆ แต่ถูกปากนับเป็นเอกลักษณ์เด่นของอาหารที่นี่ แต่ถึงอย่างนั้น...วัยรุ่นหน้าใสกลุ่มใหญ่ที่กำลังหัวเราะเฮฮากันอยู่ที่โต๊ะริมหน้าต่างก็ถือเป็นจุดสนใจของคนที่เดินผ่านไปมาได้พอสมควร

"คัมไป!"

เอิร์ธยกแก้วน้ำขึ้นเป็นคนแรก ตามด้วยเสียงเฮนับสิบของผองเพื่อน

"ในที่สุดพวกเราก็จะได้ขึ้นเกรดสามกันซะที อีกปีเดียวก็จะจบจากที่นี่เต็มตัวแล้วสินะ,,

สองปีแล้วเหรอเนี่ย

เด็กหนุ่มที่นั่งอยู่ตรงข้ามคนที่กำลังพูดเจื้อยแจ้วทอดความคิดล่องลอยไปไกล เขามีผิวขาวกระจ่างตัดกับดวงตาสีนํ้าผึ้งสวยอ่อนโยน ผมเส้นเล็กนุ่มสลวยที่เสยขึ้นมาปรกใบหน้าซีกหนึ่งยิ่งขับเน้นความละเอียดอ่อนอย่างศิลปิน

ภาพของวันแรกที่เขาก้าวเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของที่นี่ยังคงแจ่มชัด ราวกับว่าเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวาน วันที่เขาพกความตั้งใจมาเต็มเปี่ยมอันไม่ต่างนักกับความฝันที่เขาใช้เป็นหลักยึดมั่นในการใช้ชีวิต

...เขาอยากเป็นนักแต่งเพลง...

หัวใจร้องบอกขึ้นมาซํ้าๆ เหมือนทุกวัน ความฝันที่ไม่เคยแปรเปลี่ยน แม้ชั่วเสี้ยวยามที่ลมหายใจยังทอดเข้าออก คงเป็นเรื่องแปลกหากใครรู้ว่านี่คือความคิดของลูกชายคนเดียวของเจ้าของโรงพยาบาลที่ใหญ่ที่สุดในย่านนี้ เดิมทีพ่อกับแม่ก็ไม่สนับสนุนให้เขาเดินทางสายนี้เท่าไหร่ แต่เมื่อทั้งพูดทั้งบ่นทั้งข่มขู่หรือขอร้องต่างๆ นานาไม่ประสบผล จึงจำต้องปล่อยเลยตามเลย

...การขายฝันมันไม่จีรัง...

นี่คือเหตุผลที่พ่อกับแม่พยายามบอกเขา จริงอยู่...เขารู้ดีว่าทางเดินที่เขาเลือกอาจไม่มั่นคงเท่ากับการได้เป็นแพทย์หรือนักธุรกิจอย่างที่พวกท่านคาดหวังไว้ แต่มันจะมีประโยชน์อะไรเล่า หากความมั่นคงเหล่านั่น ไม่ได้กอปรด้วยความสุขอย่างแท้จริง

เขาจึงเลือกที่จะเลี่ยง...เลี่ยงเพื่อไปค้นหาความฝันของตัวเอง กำมันไว้ในมือ และแสวงหาความสุขในแบบของตัวเอง

บางคนบอกว่าเขาบ้า ส่วนบางคนก็บอกว่าเขาเท่เหลือเกิน แต่ไม่ว่าจะบ้าหรือเท่ สิ่งเดียวที่เขารู้คือความเชื่อมั่นนี้จะคงอยู่กับจิตวิญญาณจนตายจากโลกนี้ไป

"จะว่าไปก็แปลกดีเนอะ ถึงจะมาเรียนภาษาญี่ปุ่นเหมือนกัน แต่ความฝันของพวกเราคนละเรื่องกันเลย"

ธันว์พูดพลางหันไปมองเพื่อนๆ ทีละคน

"อย่างฉัน เรียนเพราะอยากเป็นนักแปล ไอ้เชษฐ์นี่ว่าที่ท่านทูต ส่วนคุณซายเคย์ที่ติสต์หน่อยอยากเป็นศิลปิน"

คนที่กำลังพูดเลื่อนสายตาไปหยุดที่เด็กสาวซึ่งยิ้มสดใสอยู่ที่เก้าอี้ตัวถัดไป

"ส่วนเจ้าหญิงนี่ยิ่งแปลก แค่อยากเปิดร้านอาหารก็ต้องเรียนภาษาญี่ปุ่นด้วย"

คนที่ถูกเรียกเป็น 'เจ้าหญิง, หัวเราะ รอยยิ้มกระจ่างบนใบหน้าสวยหวานราวกับว่าจะทำให้มีดอกไม้ผลิบานรอบๆ บริเวณนั้น ดวงตาสุกใสคู่งามพราวระยิบระยับราวกับว่าภายในนั้นเต็มไปด้วยดาวนับพันล้านดวง ผมดำขลับที่ซอยไล่ระดับยาวประบ่าตัดกับผิวนวลเนียนกลายเป็นสัดส่วนที่ลงตัว ไม่หวานจนเลี่ยน ไม่บอบบางจนอ่อนแอ แต่ก็ไม่ถึงกับแข็งจนกระด้าง

หากใครได้รู้จักเธอสักครั้งคงไม่อาจลืมเลือนชั่วชีวิต เธอเป็นเหมือนจุดรวมของความสมบูรณ์แบบที่เด็กสาวคนหนึ่งจะพึงมี ฉลาด เก๋ สดใส น่ารัก บรรยายอีกร้อยพันคำก็คงไม่อาจจำกัดความในสิ่งที่เป็นเธอได้ 'เดซี่, เป็นเด็กสาวแบบที่ผู้ชายทุกคนใฝ่ฝันอยากให้มาอยู่เคียงข้าง

"ก็เรียนไว้เผื่อวันหนึ่งมีโอกาสไปเรียนทำอาหารที่ญี่ปุ่น คือเราอยากเปิดร้านอาหารแบบนานาชาติน่ะ อย่างน้อยก็ควรพูดให้ได้หลายภาษาไว้ก่อน"

ดวงตาสีนั้าผึ้งของคนที่นั่งข้างเธอทอแววอ่อนโยน เสียงพูดของเธอเปรียบเสมือนเสียงดนตรีที่ไพเราะที่สุดสำหรับเขาเสมอ

เธอจะรู้บ้างมั้ยนะว่าเวลาที่ไปทานข้าวด้วยกัน ไม่ใช่ความบังเอิญเลยสักนิดที่ทุกครั้งเขาจะต้องนั่งเก้าอี้ตัวถัดไปจากเธอ และไม่ใช่ความบังเอิญเลยสักนิดที่เขามักจะเดินผ่านหน้าโรงเรียนสตรีของเธอบ่อยๆ ตลอดสองปีมานี้

...เขาตกหลุมรักเธอตั้งแต่แรกพบ...

เคย์ลอบถอนหายใจ แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็คงเป็นได้แค่ 'เพื่อนที่เรียนพิเศษด้วยกัน, เพราะเดซี่เป็นถึงเชียร์ลีดเดอร์ของโรงเรียนสตรีที่มีชื่อเสียง นักเรียนชายโรงเรียนอื่นต่างแห่กันมาขายขนมจีบให้เธอไม่เว้นแต่ละวัน และเขาเองก็เลือกที่จะอยู่ในตำแหน่งของเพื่อนธรรมดาๆ คนหนึ่ง

เหตุผลน่ะเหรอ

เด็กหนุ่มทอดตามองท้องฟ้านอกหน้าต่างอีกครั้ง ก็เพราะตอนนี้เขาช่างต่ำต้อยเหลือเกินเมื่อเทียบกับเธอ

เจ้าหญิงผู้แสนงดงามและเพียบพร้อม สมควรจะมีคนปกป้องเป็นเจ้าชายผู้สง่างามและแข็งแกร่งพอจะดูแลเธอได้ แม้ว่าเขาจะเป็นถึงคุณชายในตระกูลเก่าแก่ที่พอจะมีชื่อในแวดวงสังคม แต่นั่นไม่เกี่ยวกัน เขาอยากจะเข้าไปหาเธอในวันที่ยืนด้วยลำแข้งของตัวเองได้ ในวันที่ความฝันที่กำอยู่ในมือเป็นรูปเป็นร่างและห่างไกลความจริงน้อยกว่านี้

"เฮ้ย ไอ้คุณชายเคย์เล่นมิวสิกอีกแล้วโว้ย"

เสียงหัวเราะของเอิร์ธทำให้คนถูกเรียกหลุดจากภวังค์ หันมาหัวเราะเก้อๆ

"เออ ฟังอยู่"

"แล้วเป็นไงมั่งล่ะ พ่อศิลปินใหญ่ มีค่ายเพลงไหนติดต่อมามั่งยัง"

"เรายังไม่ได้ใปเสนอเพลงที่ไหนเลย"

"อ้าว อะไรของแกวะ ไหนบอกว่าแต่งเอาไว้หลายเพลง จะรอจนขี้เกลือขึ้นแล้วค่อยส่งรึไง เดี๋ยว Theme ซํ้าก็จบเห่เลยนะเว้ย"

"Theme น่ะซํ้าได้ แต่เสน่ห์ของเพลงยังไงก็ไม่ซํ้าหรอก เรารู้สึกว่าเพลงที่แต่งๆ ไว้มันยังขาดๆ อะไรไปน่ะ รอจนเราเก่งกว่านี้แล้วค่อยไปเสนอตามค่ายเพลงดีกว่า"

ธันว์หันมาถามคำถามที่ค้างคาใจมานาน

"ถามจริงเหอะ แกกลัวบ้างมั้ยวะ อาชีพนักดนตรีนักแต่งเพลงอะไรนี่มันโคตรเสี่ยงเลยนะ ของแกดีของแกเพราะ แต่ถ้าไม่ 'โดน, ก็หมดท่า แกคิดจะเดินทางนี้จริงๆ เหรอ"

"ไม่มีใครไม่กังวลกับสิ่งที่ยังมาไม่ถึงหรอก”

เสียงใสๆ ตอบขึ้นแทนเขา เคย์อดไม่ได้ที่จะหันไปมองเธอ รอยยิ้มกระจ่างนั้นงดงามเหมือนทุกครั้งที่เขาเห็นในความฝัน

"แต่เมื่อคนเรามีสิ่งที่เชื่อมั่น พายุของความกลัวก็ทำอะไรไม่ได้ ต่อให้ต้องใช้เวลายาวนานเท่าไหร่ ต้องเสียสละมากมายแค่ไหน สักวันเราจะต้องค้นพบสิ่งที่รอคอยแน่นอน"

เคย์ยิ้มตอบเธอโดยไม่กล่าวอะไรอีก เธอตอบทุกสิ่งทุกอย่างในใจเขาจนหมดแล้ว

วินาทีนี้...เขาเห็นเพียงดวงดาวระยิบระยับส่องประกายงดงามในดวงตาของเธอ

บางทีมันอาจเป็นตัวแทนของความฝัน ความฝันของตัวเธอเองที่ตั้งปณิธานจะไปคว้ามันให้ได้เช่นกัน

...เขาหลงรักเธอมากขึ้นทุกวัน...

 

กว่าการกินเลี้ยงฉลองจะเลิกราก็ปาเข้าไปเกือบสี่ทุ่ม เพื่อนฝูงโบกมือล่ำลาแยกย้ายกันกลับบ้านในขณะที่เคย์นั่งรถแท็กซี่มาส่งเดซี่โดยอาศัยข้ออ้างว่า 'กลับบ้านทางเดียวกัน, ทั้งๆ ที่ความจริงบ้านเขากับบ้านเธอเรียกว่าคนละทิศเลยก็ว่าได้

เด็กสาวเอื้อมมือไปกดปุ่มเปิดกระจกหน้าต่าง สายลมเย็นๆ จากเบื้องนอกโชยเข้ามาอย่างอ่อนโยน

ท่ามกลางความสงบยามราตรี ดวงตาคู่งามทอดมองท้องฟ้าอย่างเงียบงัน

ส่วนเคย์กลับลอบมองเธอ เขาชอบมองแววฝันจางๆ ในดวงตากลมสวยคู่นี้เหลือเกิน

"ตอนดึกๆ ลมเย็น"

เคย์พึมพำ "ระวังเป็นหวัดนะ"

เดซี่หัวเราะคิก ใบหน้าอ่อนใสนั้นดูน่ารักเหมือนเด็กๆ เธอแลบลิ้นใส่เขา

"เราไม่บอบบางขนาดนั้นหรอก แค่ชอบมองดวงดาวตอนกลางคืนน่ะ เคย์ไม่คิดเหรอว่ามันเหมือนเป็นตัวแทนของความฝันที่พวกเราคิดจะคว้าน่ะ"

"เปิดร้านอาหารริมทะเลน่ะเหรอ"

เด็กสาวหันมาทำตาโต

"ยอดเยี่ยมมาก! แปลกใจจริงๆ นะเนี่ย คนส่วนใหญ่ชอบพูดแต่ว่าเราอยากจะเปิดร้านอาหาร แต่ตกคำว่าริมทะเลไปซะงั้น ทั้งที่มันเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดเลยนะ"

เดซี่รักทะเล

เขารู้มานานแล้ว เธอใฝ่ฝันอยากจะเป็นเจ้าของร้านอาหารเล็กๆ ริมทะเล มีบรรยากาศอันอบอุ่นของลมทะเลและเสียงคลื่นเป็นฉากหลัง

"เราอยากอยู่ในที่ที่ได้ยินเสียงคลื่นทั้งวันทั้งคืน ได้ทำอาหารอร่อยๆ ให้คนกินมีความสุข ได้นอนมองท้องฟ้า จะมีอะไรเหมาะกับบรรยากาศอันอบอุ่นแบบนี้มากกว่าเสียงหัวเราะของเราอีกล่ะ"

เด็กสาวเอียงคอมองเขายิ้มๆ

"พูดถึงเรื่องเคย์มั่งดีกว่า ทำไมถึงอยากเป็นนักแต่งเพลงล่ะ"

คนถูกถามนิ่งไปอึดใจ

"ก็...อาจเป็นเพราะผมชอบการถ่ายทอดความรู้สึกผ่านเสียงดนตรีล่ะมั้ง มันเหมือนได้นำพาความรู้สึกนั้นเข้าถึงจิตใจคนฟังมากกว่าคำพูด ผมว่ามันเป็นศาสตร์ที่เปี่ยมมนตร์ขลังดี”

เดซี่เท้าคางมองเขายิ้มๆ

"รู้มั้ย ตอนแรกที่เรารู้จักเคย์ เราคิดว่าเคย์จะเป็นพวกศิลปินอารมณ์อ่อนไหวธรรมดาๆ ซะอีก"

"แสดงว่าผมไม่ธรรมดางั้นเหรอ"

ใบหน้าเนียนสวยเผยยิ้มสดใส

"อืม เราว่าเคย์เท่ชะมัดเลย ในมุมมองของคนที่ไล่ตามความฝันเหมือนกันนะ เพราะเรารู้ดีว่ามันต้องใช้ความกล้าหาญขนาดไหนถึงจะสามารถยืนหยัดและก้าวไปข้างหน้าอย่างมั่นคงขนาดนี้ท่ามกลางการหลอกหลอนของความไม่แน่นอนในอนาคต"

...หัวใจพองโต...

เคย์กลั้นยิ้มให้มันปรากฏบนริมฝีปากเพียงบางเบา เธอคงไม่รู้ว่าคำชมอันเรียบง่ายนั้นได้ซึมซับสู่ก้นบึ้งหัวใจเขา และคงสถิตอยู่เช่นนั้น ไม่จางหายไปตลอดกาล

"เดซี่เองก็เหมือนกันแหละ พ่อแม่ของเธอก็อยากให้เธอสืบทอดกิจการบริษัทต่อนี่"

เด็กสาวหัวเราะเป็นเชิงยอมรับ

"อืม พวกเราเด็กดื้อสองคน สุดท้ายจะไปได้ใกลสักเท่าไหร่กันนะ"

"ก็ชีวิตเป็นของพวกเรานี่นา"

เขาตอบเสียงอ่อน

"ถ้าปล่อยให้ความคิดคนอื่นครอบงำ ถึงจะเป็นความหวังดีของพ่อแม่ หรือของใครก็ตาม มันไม่เรียกว่าหัวอ่อนหรอก แต่เรียกว่าไม่มีสมองต่างหาก คนเราสมควรจะแสวงหาความสุขด้วยตัวเอง อย่างน้อยถ้าสักวันเราล้ม จะได้ลุกขึ้นมาโดยไม่โทษใคร เพราะมันเป็นสิ่งที่เราเลือกด้วยหัวใจจริงๆ"

รถแท็กซี่จอดลงที่หน้ารั้วสีฟ้าอ่อนเคย์เปิดประตูลงจากรถแล้วเดินอ้อมไปเปิดประตูให้เดซี่ทันที

"ขอบคุณมากนะที่มาส่ง"

"ไม่เป็นไร เอ่อ ถ้าอยากได้กำลังใจหรือความช่วยเหลืออะไรก็บอกผมได้นะครับ ผมยินดีเสมอ"

ความมืดทำให้เธอมองไม่เห็นสีเสือดฝาดบนใบหน้าหล่อเหลานั่น

"จ้า เช่นกันนะ เราสองคนมาพยายามให้เต็มที่กันเถอะ แล้วเจอกันคอร์สหน้าจ้า"

เด็กสาวยืนโบกมือให้เขาอย่างน่ารักก่อนจะหันกายเข้าบ้านไป ทิ้งให้เคย์มองตามด้วยแววตาเปี่ยมสุขลึกซึ้ง

ไฟปิดสนิททั้งชั้นบนและล่าง เคย์ไขประตูเข้าไปในบ้านพลางคิดในใจว่าพ่อกับแม่คงนอนหลับไปแล้ว เด็กหนุ่มทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟาอย่าง

(ติดตามต่อได้ในฉบับเต็ม)


รีวิว (1)

เขียนรีวิว

ภัทราพร | 1 รีวิว
18/06/2014

นิยายเรื่องนี้เคยอ่านนานมากแล้วๆก็อยากบอกว่าเป็นนิยายอีกเล่มที่ชอบมากๆค่ะ ชื่นชอบนักเขียนท่านนี้มานานแล้ว ‘Oresia’ เพราะนักเขียนท่านนี้แต่งนิยายแนวโรแมนติกหลายๆเรื่องน่าอ่านและน่าติดตามมากค่ะ นิยายส่วนใหญ่ที่นักเขียนท่านนี้แต่งจะเป็นนิยายแนวโรแมนติก นิยายเรื่องนี้ก็เช่นเดียวกัน Endless Spring เพลงรักใบไม้ไหว เป็นนิยายแนวโรแมนติกที่อ่านแล้วรู้สึกฟินตามราวกับโลกทั้งใบเป็นสีชมพูเป็นนิยายรักที่เหนือจินตนาการ แค่เห็นปกก็วางไม่ลงแล้วค่ะ หลังจากที่อ่านแล้วราวกับได้หลุดเข้าไปอยู่ในโลกที่เหนือความเป็นจริง ทั้งเนื้อหาและคำพูดที่นักเขียนได้ อ่านแล้วเข้าใจง่ายไม่มีเบื่อ ถึงแม้ว่าจะไม่ค่อยมีฉากที่จะต้องลุ้นตามอะไรมากมาย แต่ด้วยภาษาที่ใช้บวกกับการบรรยายที่อ่านแล้วรู้สึกไพเราะ น่าติดตามจนวางไม่ลงก็เลยทำให้นิยายเล่มนี้น่าติดตามแล้วต้องอ่านจนจบค่ะ อ่านนิยายของนักเขียนท่านนี้มาหลายเรื่องชอบทุกเล่มเลยค่ะ เป็นนิยายที่ไม่เน้นต่อสู้ หรือลุ้นตามอะไรมากมาย แต่เป็นนิยายรักที่เหนือจินตนาการณ์มากจริงๆค่ะ การบรรยายถึงตัวละครแต่ละตัวก็ชัดเจนน่าอ่านจินตนาการณ์ตามได้ไม่เบื่อค่ะ ภาษาสละสลวย ชอบมากๆค่ะ

สินค้าที่ใกล้เคียง (64 รายการ)

www.batorastore.com © 2024