เรื่องสั้น สมหวังนะครับ (จรัญ ยั่งยืน)
เนื้อหาบางส่วน
สมหวังนะครับ
ผมสะดุ้งตื่นเมื่อศูนย์สั่งการสั่งให้ตื่นตัว เปลือกตาทั้งสองข้างเปิดขึ้นแล้วชำเลืองมองไปทางขวา ชายผมสีทองมีเครายาวเหมือนนักบวชในศาสนานิกายใดนิกายหนึ่งที่นั่งติดกันกำลังทำสมาธิด้วยการกรนเบาๆ ผมนั่งอยู่ติดหน้าต่างใต้ปีกเครื่องบินพอดี ตอนนี้เครื่องบินลดระดับเพดานการบินลงต่ำมากแล้ว ทำให้เห็นหลังคาบ้านเรือน โรงงาน แอ่งน้ำ ถนนเหมือนลำตัวงูยาวไม่สิ้นสุด บนถนนขวักไขว่ด้วยรถรานานาชนิด มันเป็นสถานที่แปลกตาที่ผมไม่เคยเห็นมาก่อน
ข้อความในนาฬิกาข้อมือกะพริบคำว่า “THAILAND” เป็นการแจ้งเตือนว่าผมมาถึงที่หมายแล้ว มันเป็นนาฬิกาข้อมือเรือนพิเศษที่สามารถเชื่อมต่อกับทุกส่วนในร่างกายของผม ผมหมุนไปยังโหมดเลือกภาษา ผมปรับโหมดที่มีอยู่ 8 ภาษาให้มาตรงกับคำว่า “THA” ต่อไปผมจะสื่อสารกับพวกเขาด้วยภาษานี้ มันเป็นภาษาใหม่ ผมเคยทดลองใช้บ้างแล้วเมื่อพ่อพาไปเที่ยวในบาร์แห่งหนึ่งย่านฮาราจุกุ ผมเจอผู้หญิงในบาร์คนหนึ่ง เมื่อเธอรู้ว่าผมพูดภาษาของเธอได้ เธอก็ระบายความลำบากลำบนในชีวิตของเธอให้ฟังเสียยกใหญ่
หลังจากนั้นประมาณหนึ่งสัปดาห์ พ่อก็สั่งผมแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย
“ลูกต้องไปเมืองไทย”
“ทำไมล่ะพ่อ”
ผมไม่เข้าใจว่าทำไมต้องไปที่นั่นด้วย ต้องไปในประเทศที่ผมไม่รู้จักมักคุ้น
“ไปทำภารกิจสิลูกถามได้” พ่อพูดแบบไม่มีหางเสียง พ่อเป็นคนเข้มงวด ชอบออกคำสั่ง ไม่เฉพาะผม ลูกน้องของพ่อก็ถูกตะคอกอยู่บ่อยๆ
“ลูกเกิดมาเมื่อทำภารกิจ ถ้าไม่มีภารกิจลูกก็ไม่มีประโยชน์อีกต่อไป” พ่อเทศนาแบบนี้หลายรอบแล้ว “ลูกต้องสำนึกสิ่งที่พ่อพูดไว้ตลอดเวลา”
ตอนนี้เครื่องบินจอดสนิทแล้ว ชายแต่งกายเหมือนนักบวชข้างผมเปลี่ยนจากท่านั่งคอพับมาเป็นนั่งตัวตรง ขณะที่คนในเครื่องบินเริ่มปลดเข็มขัดนิรภัย ลุกขึ้นยืนหลังจากกัปตันพูดว่า “ขอต้อนรับสู่ประเทศไทย”
ผมปลดเข็มขัดนิรภัยแล้วลุกขึ้นยืนเกือบจะพร้อมๆ กับชายที่แต่งกายเหมือนนักบวช เขาเอื้อมมือไปเปิดตู้สัมภาระ คว้าย่ามมาคล้องไหล่ ออกไปยืนต่อแถว ผมขยับมาแทนที่เขา เอื้อมมือไปหยิบเป้ใบเล็กมาสะพายไหล่บ้าง เมื่อเดินไปถึงประตูพบว่ามีพนักงานเครื่องบินหน้าตาสวยงาม หล่อเหลา พร้อมทั้งกัปตันเข้าแถวรออยู่ พนักงานหญิงเอามือประนมแนบอกก่อนจะพูดอะไรสักอย่าง หลายคนงึมงำตอบเป็นภาษาอังกฤษ หลายคนเงียบ เมื่อผมเดินเข้าไปใกล้หญิงสาวที่ชำเลืองดูแล้วว่าสวยที่สุด เธอพูดว่า“สวัสดีค่ะ ขอต้อนรับสู่ประเทศไทยนะคะ” ผมสะดุ้งแต่คิดว่าจะต้องตอบคำถามของเธอเพื่อแสดงความเป็นไมตรีต่อกันในการได้มาเหยียบแผ่นดินนี้ แต่ว่าหน่วยประมวลผลประมวลไม่ทัน เลยต้องอาศัยความจำจากหญิงสาวในบาร์คนนั้นพูด ผมคิดว่ามันต้องเป็นคำพูดที่มีความหมายดีๆ แน่นอน
“สม...หวัง...นะ...นะคะ”
พอผมพูดจบ หญิงคนสวยทำสีหน้าตกใจแล้วเปลี่ยนเป็นอมยิ้ม ขณะที่หญิงสาวที่ยืนข้างๆ หัวเราะ ผมคิดว่าเอาเองว่า เธอคงตกใจที่คนหน้าตาเป็นญี่ปุ่นอย่างผมพูดภาษาของเธอได้
ผมหัวเราะแก้เขินบ้าง ทำให้พวกเขาหัวเราะกันใหญ่ ก่อนที่หญิงสาวคนสวยจะพูดว่า “ขอบคุณค่ะ”
ผมหันกลับไปยิ้มหวานให้เธอแล้วรีบเดินจากมา
หลังจากจัดการกับด่านตรวจคนเข้าเมืองและได้กระเป๋าเดินทางแล้ว ผมก็เดินลากกระเป๋าออกมาข้างนอก อาคารผู้โดยสาร ได้ยินเสียงเรียก “0309”เป็นภาษาอังกฤษ ตามที่พ่อบอก เป็นที่เข้าใจกันว่า คนที่พูดรหัสนี้จะมารับตัวผมไป
พวกเขาเป็นชายหญิงคู่หนึ่ง ผมของพวกเขาเป็นสองสีแล้ว
“เวลคัม ไทยแลนด์”หญิงตัดผมสั้นแค่คอทักทายผมเป็นภาษาอังกฤษซึ่งเป็นโหมดภาษาที่ผมใช้ประจำจึงไม่มีปัญหาอะไรในการตอบโต้
ผม”เฮลโล”แล้วยื่นมือให้ทั้งสองคนสัมผัส ขณะที่หน่วยประมวลผลด้านภาษาเตรียมข้อมูลคำภาษาไทยจำนวนมากเพื่อใช้ตอบโต้กับพวกเขา
“สวัสดีครับ”ผมทักทายพวกเขาด้วยภาษาใหม่
“เอ้า สวัสดี พ่อหนุ่ม ลุงไม่ยักรู้ว่าพูดภาษาไทยได้ด้วย” ชายผู้มีใบหน้าเข้มเอามือตบไหล่ผมเบาๆ ด้วยความเอ็นดู