เรื่องสั้น มีไว้ให้ดิ้นรน (จรัญ ยั่งยืน)
เนื้อหาบางส่วน
มีไว้ให้ดิ้นรน
“อีกนิดเดียวเอง”
มันเป็นแรงถีบให้ชัยทะลึ่งตัวลุกจากที่นอนยับยู่ยี่ รีบพับผ้าห่มลวกๆ ขยี้ตาไล่ขี้ตาที่จับเกรอะกรัง มองลอดมุ้งลวดออกไปนอกหน้าต่าง ข้างนอกยังสลัวเลือน ลมหนาวส่งท้ายปีกระโชกมาปะทะร่างชายหนุ่มจนต้องกระชับเสื้อกันหนาวให้แนบตัวอีกนิด
วันนี้ก็เหมือนวันวาน เหมือนวันก่อนๆ ที่เขาตื่นนอนตั้งแต่ตีสี่ ตื่นด้วยความเคยชิน แต่เห็นว่าเป็นวันเสาร์ ตอนเช้ามืดจะมีขาประจำน้อยกว่าวันธรรมดา ไม่จำเป็นต้องรีบออกจากบ้านตั้งแต่ไก่โห่ เลยนอนคิดอะไรเรื่อยเปื่อย เรื่องที่ผุดขึ้นในห้วงคิดไม่พ้นเรื่องของตัวเอง เรื่องของแม่
ปีนี้แม่ดูชราลงไปมาก หลังค้อมต่ำลง ความป่วยไข้แวะเวียนมาเยี่ยมเยือนถี่ขึ้น บางทีถึงขั้นล้มหมอนนอนเสื่อ แต่แกไม่ยอมอยู่เฉยๆ พอลุกเดินเหินได้ก็รีบออกไปล้างจานที่ร้านหมูย่างเกาหลีปากซอย แลกกับค่าเหนื่อยล้าวันละสองร้อย กว่าจะกลับบ้านก็ห้าทุ่มเที่ยงคืน
ความจริงเขาเองเป็นต้นเหตุให้แม่ต้องเหน็ดต้องเหนื่อยขนาดนี้ ดันปากไม่ดี ไปเปรยกับแกว่าอยากมีบ้านมีช่องเป็นของตัวเอง ไม่อยากอุดอู้อยู่ในห้องเช่าเก่าคับแคบไปตลอดชีวิต แกเห็นดีเห็นงามตามลูก พยายามช่วยหาเงินอีกแรง เขาห้ามเท่าไรก็ไม่ฟัง แกว่ายังมีแรงอยู่ก็ต้องช่วยกันทำงาน จะให้งอมืองอเท้าอยู่ได้ยังไง เดี๋ยวเป็นง่อยตาย อย่างน้อยเงินที่ได้มาจะได้เอาไปจ่ายค่าข้าวค่าน้ำค่าไฟ ช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายในบ้านลง เขาจะได้มีเงินเหลือเก็บมากๆ จะได้ไปจากที่นี่เร็วๆ
ห้องเช่าชั้นเดียวครึ่งปูนครึ่งไม้คุ้มกะลาหัวชัยกับแม่มาสิบกว่าปีแล้ว นับตั้งพ่อทิ้งสองแม่ลูกไปมีเมียใหม่ สภาพของมันตอนนี้ไม่น่าดูเอาเสียเลย ฝาไม้ถูกมอดไชหลุดเป็นแผ่นๆ ชัยต้องซื้อไม้อัดมาตีปิดไว้ปุๆปะๆ ฝ้าเพดานก็แตกหักห้อย กลายเป็นรังของหนู กลางคืน พวกมันพากันวิ่งตึงตัง ไม่เกรงใจคนที่อาศัยอยู่ข้างล่างเลย คงคิดว่ากำลังวิ่งเล่นอยู่ในบ้านของตัวเองกระมัง
หลังจากปิดไฟนอนไปสักชั่วโมงก็เป็นเวลาของแมลงสาบ น่าจะเรียกว่าแมลงแสบเสียมากกว่า พวกมันยกโขยงมาเดินหาของกินที่ตกค้างอยู่ตามพื้น บางทียังเหิมเกริมขึ้นมาไต่ตามตัวตามหน้าตาจนต้องผวาตื่นลุกขึ้นมาปัดไล่เป็นพัลวัน
ส่วนแถวๆคลองหลังบ้านก็เป็นแหล่งเพาะพันธุ์ยุง ทั้งตัวดำ ตัวลาย ตัวเล็ก ตัวใหญ่ มีแทบทุกชนิด ยิ่งในช่วงปลายฝนจะชุกชุมเป็นพิเศษ เผลอไม่ได้จะถูกพวกมันรุมกัดจนแขนขาแดงเป็นจ้ำเป็นตุ่ม แต่ที่น่ากังวลใจกว่าเป็นเรื่องไข้เลือดออกนั่นแหละ สองอาทิตย์ก่อนลุงชมที่บ้านอยู่ตรงปากซอยต้องตายไปเพราะรู้เท่าไม่ถึงการณ์ คิดว่าตัวเองเป็นแค่ไข้หวัดธรรมดา แต่ที่ไหนได้เป็นไข้เลือดออก กว่าจะรู้ก็สายเสียแล้ว แกเสียเลือดจนช็อกตายก่อนถึงมือหมอ
แม้ในช่วงวันเพ็ญเดือนสิบสองคนสนุกสนานกับงานลอยกระทง แต่บางปีน้ำเอ่อล้นคลองเข้ามาท่วมบ้านเช่าถึงครึ่งขา ต้องขนของหนีน้ำกันทุลักทุเล เวลานอนต้องผูกเปลนอน หลับได้เพียงครึ่งตา ต้องหวาดผวาหวาดระแวง ไม่รู้ว่างูเห่างูเหลือมจะโผล่มาสร้างความอกสั่นขวัญแขวนเอาตอนไหน
มีเสียงไอโขลกๆ ดังมาจากที่นอนของแม่ ตามมาด้วยเสียงบ่นอู้อี้ ชัยเหลียวไปมอง เขารู้สึกไม่สบายใจ หากแม่ไปอยู่ในที่โปร่งโล่งกว่านี้หน่อย ชีวิตแม่น่าจะดีขึ้น แต่การแปรความหวังให้เป็นความจริงก็ไม่ใช่เรื่องที่ทำได้ในชั่วแล่น เขาจะต้องกัดฟันหาเงินเพิ่มอีกหลายหมื่นถึงจะพอไปดาวน์ทาวน์เฮาส์สองชั้นยี่สิบตารางวาที่ไปเมียงมองไว้แถวๆไทรน้อย ซึ่งที่นั่นอากาศดี ตื่นเช้าขึ้นมายังได้เห็นทุ่งข้าวล้อลมไสว สบายตามากกว่าอุดอู้อยู่ที่นี่