เรื่องสั้น เรื่องช้างที่กลายเป็นเรื่องมด (จรัญ ยั่งยืน)
เนื้อหาบางส่วน
เรื่องช้างที่กลายเป็นเรื่องมด
1
“นี่มันเรื่องบ้าบออะไรกัน”
คุณทึ่มชายหนุ่มผู้ใส่เสื้อยีนพร้อมมีผ้ากันเปื้อนคล้องคอเป็นอาจิณสบถดังๆ แม้เขาจะรู้ดีว่ามันเป็นความหวังดีที่ไม่เกิดขึ้นบ่อยนักในสังคมที่น้ำใสใจจริงแห้งผาก เขาไม่อยากไปมีส่วนร่วมในเรื่องราวที่พ่นออกมาเพียงแค่ลมปากแต่ไม่เคยลงมือลงแรงทำจริงจัง มันเสียเวลาชงกาแฟอุ่นๆ ควันกรุ่นๆ รสชาติกลมกล่อมบริการลูกค้าพร้อมกับวิสาสะกันเล็กๆ น้อยๆ
...นี่คุณทึ่ม นี่เป็นเหตุการณ์ครั้งประวัติศาสตร์เลยนะ คุณจะเห็นมันจะๆ ด้วยดวงตาอันเปิดกว้างของคุณเอง ไม่ต้องรออ่านบันทึกประวัติศาสตร์หน้าไหนอีก คุณก็รู้นี่ว่าประวัติศาสตร์ที่คนอื่นเขียนมันจะมีแต่ความดีงามของพวกมันเท่านั้น แต่ครั้งนี้คุณจะหมุนกงล้อประวัติศาสตร์ด้วยมือของคุณเอง คุณจะละทิ้งโอกาสอันงดงามนี้ไปโดยไม่แยแสอย่างนั้นเชียวหรือ ...
มันเป็นเรื่องราวที่ถูกกระพือโหมผ่านเฟซบุ๊ก อินสตาแกรม โซเซียลแคม ฟรีทีวี ทีวีดาวเทียม เคเบิลทีวี วิทยุ หนังสือพิมพ์ รวมทั้งในทุกวงสนทนา กระแสบ่าไหลเชี่ยวกรากราวมีมวลน้ำหมื่นล้านลูกบาศก์ลิตรหลากท่วมเมือง ไม่ว่าเขาจะเอากาแฟไปเสิร์ฟลูกค้าโต๊ะไหน ต้องมีสักคนที่พูดว่า “คุณนักชงกาแฟ คุณคงต้องการอภิวัฒน์บ้านเมืองเหมือนกัน คุณคงไม่พลาดเหตุการณ์เพื่อสร้างประวัติศาสตร์หรอกนะ” เขาจำต้องพยักหน้าเออออตาม แม้จะหวาดระแวงว่ามันอาจเป็นอีกครั้งหนึ่งของลมลวงที่พัดผ่านเลย แต่สุดท้ายแล้ว ค่ำนั้นเขาไหลตามคลื่นคนไปหยุดยืนอยู่กลางลานความจริง เขาเลือกทำเลใกล้กับรูปปั้นชายใส่แว่นหนาที่ก้มหน้าก้มตาอ่านหนังสือ ชายผู้ที่มีบางคนพูดว่าเขาเกิดมาก่อนกาล หรือไม่ก็เกิดผิดที่ แม้เขาพยายามทุ่มเทแรงกาย บีบเค้นหยักสมองเพื่อนำแนวคิดดีๆ มาอภิวัฒน์สังคม แต่มันเหมือนหยดน้ำตาตกลงในมหาสมุทรเวิ้งว้าง กว่าที่คนกลุ่มเล็กๆ กลุ่มหนึ่งจะยอมรับและเห็นคุณค่าของเขาแล้วร่วมแรงร่วมใจกันสร้างรูปปั้นเพื่อเชิดชูนั้นก็ต้องใช้เวลาหลอมรวมความคิดกันยาวนานสองสามชั่วอายุคน มันมีอุปสรรคมากมายขวางกั้น แต่ก็มีอยู่บ่อยครั้งที่พวกใส่ท็อปบู๊ตหนาหนักเดินมาฉี่รดจนเหม็นหึ่งเหมือนหมาเที่ยวเยี่ยวรดล้อรถยนต์แสดงตนเป็นเจ้าเข้าเจ้าของ ก่อนจากไปยังสบถด้วยว่า “มึงมองหน้ากูทำไม เดี๋ยวกูก็ยิงหน้าแหกหรอก”
ในค่ำคืนแห่งความหวังเจิดจรัสฟ้า ผู้คนหลากสีสันนับหมื่นนับแสนหลั่งไหลมายืนอยู่บนลานความจริง พวกเขาต่างจับกลุ่มพูดคุยในสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้านี้ บางคนตั้งความหวังสูงเทียมเมฆว่ามันจะก่อเกิดนาทีแห่งการเปลี่ยนแปลงประวัติศาสตร์ของบ้านนี้เมืองนี้ ความเปลี่ยนแปลงเพื่อวิวัฒน์ให้ชนชาติที่ไม่เคยยอมก้มหัวให้ใครก้าวข้ามยุคศิวิไลซ์ที่หาความเท่าเทียมกันได้ยากไปสู่ยุคแห่งการเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่เห็นอกเห็นใจเพื่อนมนุษย์อย่างเท่าเทียมกันราวกับว่าคลานตามกันออกมาจากท้องแม่เดียวกัน ใช่เราอาจจะเป็นชาติแรกที่บุกเบิกสังคมยูโทเปีย เปลี่ยนสังคมในฝันให้เป็นสังคมที่เป็นจริง หลังจากที่สังคมตกต่ำสุดขีดด้วยมะเร็งร้ายความโลภ มันถึงเวลาแล้วที่รอยยิ้มที่สวยงามของบรรพบุรุษที่อับอายจนหลบหน้าหนีไปนับแต่วันที่ผู้คนเกิดความขัดแย้งแบ่งฝักแบ่งฝ่ายเข่นฆ่ากันจะกลับคืนเหย้า
เสียงจ้อกแจ้กค่อยๆ เบาลงเมื่อบนเวทีที่ส่งสัญญาณภาพไปยังจอภาพแอลซีดีขนาดใหญ่ที่กระจายอยู่ทุกจุดของลานกว้างเริ่มเคลื่อนไหว เสียงกรี๊ดสะท้านสะเทือนถึงเดือนดาวก็ดังขึ้น เมื่อชายหนุ่มคนหนึ่งเดินออกมายืนกลางเวที เขาเป็นหนุ่มหน้าใสเกาหลีสไตล์ ไฮไลต์ผมสีทอง เวลายิ้มหัวใจคนนับพันนับหมื่นแทบจะหลอมละลาย ดวงตาแพรวพราวอ้อล้อชวนนำพาไปเข้าฝัน เขาเป็นขวัญใจทั้งกลุ่มสาวรุ่น สาวประเภทสอง ม่ายสาว และกะเทยเฒ่าต่างก็อยากได้เขาไปเชยชมให้สมอยาก
วัฒนธรรมฉาบฉวยที่กำลังยึดครองโลกสร้างเขาให้มีชื่อเสียงกระฉ่อนอย่างรวดเร็ว พวกนักปั้นฉาบเค้กสวยๆ บนหน้าของเขาเพียงแค่ปีเดียว ชื่อของเขาก็ติดตลาดกลายเป็นสินค้าร้อยล้านพันล้าน เขามีคลิปหลุดเป็นข่าวหน้าหนึ่งหนังสือพิมพ์เป็นว่าเล่น ทั้งจอดรถพร่ำพรอดกับนางเอกสาวที่สามีนักธุรกิจพันล้าน อื้อฉาวกับนักระบำรูดเสาในบาร์พัฒน์พงษ์ นั่งป้อนข้าวสาวไฮโซในมุมมืดของโรงแรมหรูย่านราชประสงค์ จูบปากนักการเมืองเฒ่าอย่างดูดดื่มในงานเลี้ยงวันเกิด ไม่ว่าเขาจะไปปรากฏกายที่ไหน ปาปารัซซี่และโซเชียลมีเดียไม่ยอมพลาดโอกาส ภาพแอบถ่ายของเขาสร้างความฮือฮาในเฟซบุ๊ก อินสตาแกรม โซเชียลแคม ก่อนที่จะถูกนำไปขยายต่ออย่างครึกโครมบนหน้าหนังสือพิมพ์และในจอทีวีปีละหลายหน นั่นคือเพทุบายในการสร้างชื่อของเขาให้กระฉ่อนฟ้า