ห้วงรักห้วงมายา(ยิปซี)

0 รีวิว  0 รีวิว    
รหัสสินค้า: 9786167572727
ของหมด (ต้องการสินค้า)
ราคา: 195.00 บาท 48.75 บาท
ประหยัด: 146.25 บาท ( 75.00% )

เนื้อหาบางส่วน

 “วันนี้ แม่ไปทาบทามขอหนูรินให้แกแล้ว” คุณหญิงแพรวาพูดด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มแสนสุข

“คุณแม่จะให้ผมแต่งงานกับใคร ช่วยพูดใหม่อีกทีได้ไหมครับ ” คุณหมอหนุ่มอนาคตไกลนามว่าภูชิตร้องถามด้วยความตกใจ

  "เบาๆ ก็ได้ตาภู ตะโกนเสียงดังลั่นบ้าน แม่ตกใจหมด" หญิงวัยกลางคนค้อนขวับบุตรชายเล็กน้อย

 “เรื่องที่จะพูดเมื่อกี้คุณแม่ล้อเล่นใช่ไหมครับ คงไม่ได้คิดจะจับผมคลุมถุงชนกับลูกสาวบ้านไหนตามใจชอบ ใช่ไหมครับ” ภูชิตเบาเสียงลงเล็กน้อยแล้วถามเพื่อความแน่ใจอีกครั้งหนึ่ง

  “ใช่จ้ะ แม่ไม่ได้พูดเล่นแต่พูดเรื่องจริงต่างหาก" คุณหญิงแพรวายิ้มหวานให้อย่างอ่อนโยนแล้วพูดต่อไปว่า

"ผู้หญิงที่เหมาะกับภูของแม่ที่สุดไม่ใช่ใครอื่น หนูรินลูกสาวน้าอำไพเพื่อนสนิทของแม่เอง ภูกับหนูรินเคยเจอกันตั้งแต่ตอนเด็กๆ เวลาที่เราไปเยี่ยมคุณยายที่บ้านสวนเมืองนนท์ไง จำได้ไหมลูก"

"จำได้ครับ น้องรินลูกสาวคุณน้าอำไพ" คุณหมอหนุ่มพยักหน้ารับ เรื่องความจำเป็นเลิศนี่ต้องยกให้ภูชิตคนนี้ทุกคนในบ้านรู้ดี

"หนูรินเรียนจบทำงานเป็นนักข่าว แม่กับน้าอำไพเพิ่งนัดกินข้าวกันเมื่ออาทิตย์ก่อน พอดีหนูรินมารับน้าอำไพกลับบ้าน แม่เพิ่งได้เจอหน้าหลังจากที่ไม่ได้เห็นเสียหลายปี พอเห็นหน้าหนูรินปุ๊ป แม่ก็คิดถึงภูขึ้นมาทันทีเลย ถ้าไงอีกสองอาทิตย์แม่จะนัดกินข้าวให้ ภูกับหนูรินจะได้เจอกันอีกสักครั้งแล้วเรื่องแต่งงานค่อยว่ากันอีกที ดีไหมลูก"

"คุณแม่ครับ แต่ว่าผม เอ่อ เรื่องแต่งงานผมขอ..."

"เอาเป็นว่าทำตัวให้ว่างไว้นะ ลูก นัดวันได้เมื่อไรแม่จะบอกอีกที ฝันดีนะจ๊ะ แม่ไปดูคุณพ่อก่อนไม่รู้ว่าตอนนี้เข้านอนไปหรือยัง" คุณหญิงแพรวาตัดบทไม่รับฟังคำใดๆ ของบุตรชายทั้งสิ้น ยิ้มหวานยกมือขึ้นแตะแก้มชายหนุ่มเบาๆ แล้วลุกขึ้นเดินกลับเข้าห้องนอนไปอย่างมีความสุข ทิ้งให้ภูชิตนั่งหน้าเครียดอยู่ที่เดิมเพียงลำพัง

 

ภูชิตถอนหายใจดังๆ ไม่รู้จะทำอย่างไรกับเรื่องนี้ดี ใจหนึ่งก็รู้ว่ามารดาหวังดีจริงๆ แต่ก็ไม่อาจที่จะ ทำใจ รับข้อเสนอนี้ได้ เนื่องเพราะ ‘พันธะ’ ทางหัวใจที่ตนปลูกต้นรักไว้กับหญิงอื่น โดยไม่มีใครรู้ระแคะระคายมาก่อนนั่นเอง

ร่างสูงตัวล้มตัวนอนลงบนเตียงใหญ่ที่แสนจะสบาย แต่ไม่อาจข่มตาให้หลับลงได้เอามือก่ายหน้าผากพร้อมกับเสียงถอนหายใจที่ตามมาติดๆ อีกหลายที น้ำเสียงของมารดายังคงก้องอยู่ในหัวของคุณหมอหนุ่มชัดเจนทุกคำ

คุณหมอหนุ่มพลิกตัวไปมาด้วยความร้อนใจ ยืนกรานความคิดเดิมแต่แรกว่า จะไม่ยินยอมแต่งงานกับผู้หญิงที่มารดาเลือกให้เด็ดขาด หัวใจของเขาไม่อาจยกให้ใครได้อีกนอกจากผู้หญิงคนนั้นอีกแล้ว

มันต้องมีทางออกสำหรับเรื่องนี้ และต้องหาทางจัดการให้เร็วที่สุด แต่ใครจะช่วยเขาได้ ใครในบ้านจะกล้าขัดประกาศิตของคุณหญิงแพรวาได้เล่า นาทีนี้ภูชิตคิดถึงใครอีกคน คนนี้ล่ะ ที่จะช่วยให้เรื่องทุกอย่างง่ายขึ้น

 “ว่าไง ไอ้เสือน้อยนอนหรือยัง” คุณหมอหนุ่มทักทายปลายสายที่เพิ่รับโทรศัพท์ ดวงตาของภูชิตเป็นประกายเจิดจ้า ในสมองปรากฎภาพที่เป็นทางออกสำหรับอุปสรรคในขณะนี้แล้ว

 “ยังไม่นอน มีอะไรด่วนหรือป่าว พี่ภูถึงโทรมาตอนนี้” ปลายสายถามกลับมาด้วยความสงสัย

 “เปล่าไม่มีอะไรหรอก คุณพ่อคุณแม่สบายดี พี่ยังไม่ง่วงก็เลยโทรมาคุยเรื่อยเปื่อย” น้ำเสียงชายหนุ่มดูอารมณ์ดีขึ้น

 “มีอะไรว่ามาเลย ผมกำลังพักพอดี เดี๋ยวจะกลับไปนั่งทำงานให้ลูกค้าต่อ”

เมื่อปลายสายเปิดโอกาสให้ภูชิตขนาดนี้ มีหรือที่ชายหนุ่มจะปล่อยโอกาส เดียวให้หลุดรอดไปได้

 “พรุ่งนี้พี่จะไปหาแต่เช้านะ เสือน้อย ไปทำงานต่อเถอะ อ้อ อย่านอนดึกล่ะ พักผ่อนดูแลสุขภาพบ้าง”

"ขอบคุณครับ พรุ่งนี้พี่ภูมาก็ดีแล้ว ผมจะฝากกล้วยน้ำว้าในสวนไปให้คุณพ่อหน่อย เมื่อเช้าตัดลงมาลองชิมเครือหนึ่งหวานมาก"

"ได้ๆ พรุ่งนี้อยากฝากอะไรให้ใคร เตรียมไว้เลย เดี๋ยวพี่จัดการขนมาให้เอง แค่นี้นะ เสือน้อย ฝันดีไอ้น้องรัก"

ภูชิตวางโทรศัพท์ลงด้วยความรู้สึกโล่งใจขึ้น อย่างน้อยน้องชายสุดที่รักคงช่วยให้เรื่องนี้ง่ายขึ้น แต่ทั้งนี้ก็ต้องขึ้นอยู่กับว่าจะต้องคิดคำพูดอย่างไร ถึงจะจัดการเสือน้อยให้ยอมทำตามได้อย่างว่าง่าย พรุ่งนี้ค่อยว่ากันอีกที

 

ภูชิตรีบบึ่งมาที่บ้านสวนแต่เช้าแอบมีความหวังในใจเล็กๆ ว่า ไอ้เสือน้อย จะต้องช่วยได้อย่างแน่นอน บนเรือนไม่มีใครอยู่อาจจะเป็นเพราะว่ามาสายเกินไปทุกคนจึงออกไปทำงานตามหน้าที่กันหมด  ชายหนุ่มมองดูนาฬิกาข้อมือแล้วก็ตัดสินใจว่าจะอยู่รอโดยไม่ออกไปไหน

 เสียงคนคุยกันแว่วมาแต่ไกล ภูชิตชะโงกหน้าจากระเบียงด้านบนลงไป ชายหนุ่มเล็งไปที่ เป้าหมาย อย่างใจเย็น คิดทบทวนคำพูดที่จะโน้มน้าวใจให้ทุกอย่างสำเร็จ

  ภูบดินทร์หรือเสือน้อยของภูชิตวัยยี่สิบเจ็ดปีก้าวขึ้นมาบนเรือน เจ้าของสวนหนุ่มสูงกว่าพี่ชายเล็กน้อย ผิวเข้มเพราะคล้ำแดดมากกว่า แต่ความหล่อเหลาในเนื้อแท้ก็ไม่ได้ลดลงเพราะความคล้ำแดดจากการทำงานเลย ภูบดินทร์เป็นบุตรชายคนเล็กสุดเฮี้ยวของนายแพทย์ภูสิงห์และคุณหญิงแพววา ภู่ปัญญา

    เขา ผู้ฉีกทุกกฎของบ้านแหวกแนวชีวิตต่างจากสมาชิกคนอื่นในครอบครัว รักชีวิตอิสระเสรีและไม่ชอบให้ใครควบคุมหรือบัญชาการใดๆทั้งสิ้น  เห็นได้จากเมื่อเรียนเรียนจบใหม่  ภูบดินทร์เป็นคนขอมารดาออกมาใช้ชีวิตในแบบวิถีชีวิตชาวสวนที่เรียบง่าย  โดยให้เหตุผลที่คุณหญิงเถียงไม่ขึ้นว่า

   ‘คุณแม่ จะอายทำไมเราก็มาจากชาวสวนเหมือนกัน พี่ภูเป็นตัวแทนของคุณพ่อกับคุณแม่ได้แล้วขอผมไปอยู่เฝ้าสมบัติของคุณยายดีกว่า

   ภูบดินทร์ไม่เพียงแต่แค่มาดูแลสมบัติเก่าของคุณยายเท่านั้น  แต่นำความรู้ที่ได้เล่าเรียนมาพัฒนาให้สมบัติเก่าของคุณยายงอกเงยมาได้อย่างเป็นที่น่าพอใจ 

   อีกทั้งยังช่วยเพิ่มรายได้ให้กับเพื่อนบ้านชาวสวนใกล้เคียงได้อีกในบางโอกาส เนื่องจากเปิดบริษัทรับออกแบบจัดสวนสวยโดยคิดราคาไม่แพง และใช้ผลิตผลของชาวสวนใกล้เคียงเสียส่วนใหญ่  ดังนั้นภูบดินทร์จึงเป็นที่รักใคร่เอ็นดูของเพื่อนชาวสวนอื่นเสมอมา

สวนของคุณยายอยู่แถวนนทบุรี แต่เดิมเป็นสวนผักเล็กๆ ก่อนต่อมาพอมีเงินมากขึ้นก็ค่อยซื้อที่ซื้อทางเพิ่มเข้าไป  คุณยายเริ่มหันมาปลูกไม้ดอกไม้ประดับเพื่อส่งขายให้กับแม่ค้าต้นไม้ที่มารับซื้อถึงในสวน อีกทั้งยังปลูกผลไม้ตามฤดูกาลไว้อีกหลายอย่าง จะว่าไปงานในสวนที่ภูบดินทร์รับผิดชอบก็มีไม่ใช่น้อยทีเดียว

 “แต่งงาน พี่ภูถูกคุณแม่จับแต่งงาน”

ภูชิตพยักหน้ารับอย่างเคร่งเครียด ในขณะที่ภูบดินทร์หัวเราะดังลั่นราวกับขบขันเสียเต็มประดา ทำเอาพี่ชายถึงกับกลุ้มใจเพิ่มขึ้น เมื่อท่าทีน้องชายไม่คล้อยตามไปทางเดียวกับตน

  “พี่มาหาแกเนี่ย ไม่ได้ให้แกมาหัวเราะใส่หน้าแบบนี้นะ” น้ำเสียงคุณหมอหนุ่มเคร่งเครียดอย่างเห็นได้ชัด จนคนฟังรู้สึกได้จึงหยุดหัวเราะและหันมาปลอบใจพี่ชายแทน

"โอเค ไม่หัวเราะก็ได้ แต่แหม พี่ภูก็..." น้องชายเดินมานั่งข้างๆ ยกมือโอบบ่าพลางปลอบใจอย่างเป็นกลางว่า

   “คุณแม่คงหวังดีอยากให้คุณหมอภูชิตมีผู้หญิงดีๆ มาดูแลสักคน ท่าทางว่าคนนี้จะเข้าตามากจนต้องเอ่ยปากทาบทามให้ก่อนจะถามพี่ ถ้าพี่ภูไม่อยากแต่งก็พูดกับคุณแม่ตรงๆ หรือไม่ก็ให้โอกาสตัวเองลองไปเจอหน้ากันสักครั้ง ไม่แน่บุพเพอาจจะอาละวาดให้ตกหลุมรักแต่แรกเห็นก็ได้นะ ใครจะไปรู้”

    "แกอยากเห็นพี่ชายคนนี้ไม่มีความสุขไปตลอดชีวตหรือไง นายเสือ แกถึงได้พูดจาเข้าข้างคุณแม่ขนาดนี้" ภูชิตน้อยใจในที

 “แล้วพี่จะทำไง ลองคุณแม่เอ่ยปากขนาดนี้แล้ว ท่าทางจะรอดยาก” ภูบดินทร์รู้นิสัยมารดาดี และมั่นใจว่างานนี้ภูชิตดิ้นไม่หลุดแน่

แต่จะว่าไปก็อดเห็นใจพี่ชายไม่ได้เหมือนกัน ถ้าการแต่งงานไม่ได้มาจากความรักแต่มาจากการเห็นดีเห็นงามของผู้ใหญ่เพียงอย่างเดียว อะไรที่ไม่ได้ทำด้วยความรักมันคงไม่มีความสุขแน่ เหมือนที่เขาเลือกใช้ชีวิตในสวนกับต้นไม้ใบหญ้าที่ไม่มีปากมีเสียง แทนที่จะอยู่ในสังคมเมืองที่มีแต่ความวุ่นวาย นึกแล้วก็สงสารภูชิตไม่น้อย

"พี่ถึงมาขอร้องให้แกช่วยนี่ไง ไอ้เสือน้อยของพี่ ” ภูชิตเอ่ยอย่างมีหวัง

"พี่จะให้ผมช่วยอะไร" น้องชายถามทันที

 "หวังว่าคงไม่ใช้มุกให้ผมแต่งงานแทนพี่หรอกนะ" เจ้าของสวนหนุ่มดักคอไว้ก่อน

 “เฮ้ย พี่จะทำอย่างนั้นได้ยังไง คุณแม่ได้แหกอกเราสองคนตายแน่ อีกอย่างพี่ก็ไม่คิดจะโยนเรื่องไม่ดีแบบนี้ให้ใครอยู่แล้ว การแต่งงานควรเกิดจากความรักไม่ใช่การผูกมัด” ภูชิตพูดอย่างจริงจัง

“แบบนี้ค่อยน่าคุยกันหน่อย ว่าแต่เรื่องนี้พี่จะให้ผมช่วยอย่างไร" ภูบดินทร์เอ่ยถามอย่างเป็นงานเป็นการ นั่งลงรอฟังว่าพี่ชายมีแผนอย่างไรบ้าง

  “นายช่วยรับฝาก เจ้าสาวของพี่ ไว้สักเดือนสองเดือนได้ไหม รอให้พี่จัดการธุระให้เรียบร้อยก่อน แล้วเรื่องทุกอย่างพี่จะแก้ไขเอง” 

บนเรือนเงียบสนิทไม่มีใครพูดอะไรทั้งสิ้น ภูชิตแทบจะหยุดหายใจเมื่อหันมาสบตากับน้องชายที่มองเขา ราวกับเจอสิ่งประหลาดซึ่งไม่เคยพบเห็นมาก่อนในชีวิต ก่อนที่ภูบดินทร์จะหัวเราะลั่นเรือนอีกครั้ง

 “พี่ภูดูละครอ่านนิยายมากเกินไปหรือเปล่า ถึงได้คิดอะไรแบบนี้เป็นไปไม่ได้หรอก ใครจะยอม เจ้าสาวของพี่มีแขนมีขามีปาก รับรองว่าได้ร้องแรกแหกกระเชิงกันลั่นสวนผมพอดี แค่มันเป็นไปไม่ได้แล้ว” ภูบดินทร์ส่ายหน้ายกมือทั้งสองข้างโบกมือไม่เห็นด้วยเต็มกำลัง ไม่มีทางเด็ดขาด

"คนนะพี่ภู คนทั้งคนมีเลือดมีเนื้อมีความคิด ไม่ใช่ลูกกล้วยไม้ของผมที่จับให้อยู่ตรงไหนก็อยู่ หาทางอื่นเถอะ" ภูบดินทร์ไม่เห็นด้วยกับความคิดนี้

  “มันจะสำเร็จแน่ แกก็ช่วยสวมบทบาท โจรกระท่อม ให้พี่สักครั้งไม่ได้เหรอ นะ ครั้งเดียว” ภูชิตอ้อนวอนน้องชาย

  “ไอ้ โจรกระท่อม เนี่ย เกิดเจ้าสาวของพี่หัวหมอขึ้นมาเล่นงามผมกลับ ผมไม่ต้องเข้าไปนอนซังเตในข้อหาหน่วงเหนี่ยวเหรอ ผมไม่เอาด้วยล่ะพี่ภู ให้ผมช่วยอย่างอื่นดีกว่านะ  ขอร้อง” ภูบดินทร์ส่ายหน้าอีกครั้ง ลุกขึ้นไปรินน้ำเย็นใส่แก้วมาดื่มให้ชื่นใจแทน

 “ฟังนะ น้องรัก แค่พามาอยู่ที่นี่ไม่ให้คุณแม่เห็นหน้าสักเดือนสองเดือน พอพี่จัดการเรื่องของพี่กับคุณแม่เรียบร้อยแล้ว พี่จะเป็นคนมาอธิบายให้เธอเข้าใจเอง รับรองว่าเรื่องนี้นายจะไม่ต้องรับผิดชอบใดๆ ทั้งสิ้น” ภูชิตพยายามตะล่อมน้องชายอีกครั้ง

  "มันคงไม่ง่ายขนาดนั้นซิ พี่จะให้ผู้หญิงคนนั้นอยู่อย่างไรในสวน จ้างมาเป็นลูกจ้างผมเหรอ ถ้าคุณแม่อยากได้มาเป็นสะใภ้คงไม่ใช่เด็กกำพร้าไม่มีพ่อไม่มีแม่ที่ไหนแน่ เผลอๆ อาจเป็นลูกคุณหนูที่ไม่เคยอยู่ในสวนเงียบๆ แบบนี้ ขืนพี่เอามาอยู่ที่นี่รับรองว่าร้องไห้ขี้โม่งโป่งขอกลับบ้านตั้งแต่ยังไม่ทันข้ามวันด้วยซ้ำ ไม่เอาล่ะ ผมไม่อยากปวดหัว หาทางอื่นเถอะ" เจ้าของสวนยืนกรานคำเดิม

"เสือ พี่เชื่อว่าเธออยู่ที่นี่ได้ ขี้คร้านเธอจะชอบบรรยากาศเงียบๆ แบบนี้" ภูชิตมั่นใจว่า เธอ เป็นแบบนั้น

  “แล้วเจ้าสาวของพี่เป็นใครมาจากไหน ผมอยากรู้นักเชียว ทำไมคุณแม่ถึงอยากจะได้เป็นลูกสะใภ้นัก” ภูบดินทร์มีคำถามกลับไปบ้าง

  “น้องรินนลี ลูกสาวคุณน้าอำไพ” ภูชิตตอบเสียงดังฟังชัด

  คนถามสำลักน้ำที่เพิ่งจะกลืนลงคอไปเมื่อครู่นี้ ภูบดินทร์ตกใจเมื่อรู้ว่าเจ้าสาวของพี่ชายคือใคร

  “โอ้ย นึกว่าใคร ยัยขนมครกนี่เอง พี่ภู  ผมว่าคุณแม่ต้องเพี้ยนไปแล้วแน่ๆ ถึงไปเอา ยัยขนมครกเน่ามาเป็นลูกสะใภ้”

ยิ่งรู้ว่าเป็นคู่กรณีเก่าด้วยแล้ว ภูบดินทร์ยิ่งไม่เอาใหญ่ ไม่เด็ดขาด เขาไม่มีวันอยู่ร่วมบ้านกับยัยเด็กขนมครกเน่านั่นเด็ดขาด

"ผมสงสารพี่ภูจากใจเลยนะ ที่ถูกคุณแม่บังคับให้แต่งกับยัยนี่ แต่ผมก็จนใจจะช่วย เพราะไม่อยากได้ยินเสียงคนร้องไห้ลั่นสวนอีก"

"นายเสือ นั่นมันเมื่อตอนเด็ก ตอนนี้น้องรินโตแล้วคงไม่ทำแบบนั้นอีกแล้ว ช่วยพี่หน่อยได้ไหม" ภูชิตอ้อนวอนขออย่างอ่อนระโหยโรยแรง ไม่คิดว่าความโกรธเคืองในอดีตจะยังคงอยู่ในความทรงจำของน้องชาย

 “งานนี้ผมขอบาย ให้ช่วยอย่างอื่นดีกว่า ถ้ายัยขนมครกเน่ามาอยู่ที่นี่ผมว่า ผมแน่ๆ ที่ต้องประสาทกินตาย พี่หาวิธีอื่นเถอะ หรือไม่ก็บอกคุณแม่ไปตรงๆ เลยว่าไม่อยากแต่งงานและยืนกรานไปเลยว่าหัวเด็ดตีนขาดก็ไม่แต่ง” น้องชายแนะนำต่ออีกว่า

  “หรือไม่ผมไปบอกให้ไหม เดี๋ยวผมจะเรียกญาติพี่น้องเรามาช่วยอีกแรงเลยเอาไหม” ภูบดินทร์กล่าวด้วยน้ำเสียงเอาจริง

  ภูชิตโบกมือปฎิเสธ พร้อมกับห้ามไม่ให้น้องชายตัวดีที่ทำท่าจะต่อสายโทรศัพท์ให้รีบสงบลง ก่อนจะบอกว่า

 “ถ้าทำอย่างนั้นจะยิ่งแย่ใหญ่ แต่ถ้านายตกลงทุกอย่างจะง่ายขึ้นและไม่กระทบใครทั้งนั้น” ภูชิตอธิบาย ก่อนจะเสียงแข็งงัดไม้เด็ดออกมาเจรจาว่า

"ผมก็อยากช่วยนะ แต่วิธีอื่นได้ไหม" น้องชายเองก็เห็นใจพี่ชายไม่แพ้กัน

"เสือ" ภูชิตเสียงเข้มขึ้นมาทันที สีหน้าขึงขังจริงจังจนภูบดินทร์แปลกใจที่เห็นท่าทีพี่ชายเปลี่ยนไปกระทันหัน

 “แกห้ามปฎิเสธเด็ดขาด และแกต้องจัดการเรื่องนี้ให้เรียบร้อย ไปเตรียมกระท่อมได้เลย” พี่ชายออกคำสั่ง

  “เฮ้ย ไม่เอา ถ้าพี่บังคับผม ผมจะฟ้องคุณแม่ว่าพี่คิดเรื่องพิเรนทร์นี้ไม่ยอมแต่งงาน” น้องชายขู่กลับบ้าง

ดูเหมือนภูชิตจะไม่ยี่หระกับคำขู่นี้ เพราะเขามีไม้เด็ดที่เตรียมจะงัดออกมาใช้หากว่า เสือพยศ ไม่ยอมทำตามคำขอร้อง งานนี้ก็คงต้องเป็นคำสั่งเด็ดขาดที่มีไพ่ใบสุดท้ายเป็นชีวิตและจิตใจของภูบดินทร์แทน

 “งั้นก็เตรียมย้ายออกจากบ้านสวนได้เลยเพราะพี่จะบอกคุณแม่  เรื่องที่แกไม่ยอมสอบหมอและเรื่องที่แกมาขอให้พี่ไปช่วยคุยกับคุณพ่อด้วย เลือกเอาแล้วกันว่าอยากจะอยู่บ้านสวนต่อ หรืออยากกลับไปอยู่บ้านไปบริหารโรงพยาบาลให้คุณแม่ แล้วบ้านสวนกับลูกๆ ต้นไม้ของแกก็จะถูกขายทิ้งแน่ เท่าที่รู้มีนายหน้ามาติดต่อขอซื้อที่จากคุณแม่แล้วด้วย” ภูชิตเท้าความเดิมต่อไปอีกว่า

  “จำได้ไหมตอนที่แกจะสอบเข้ามหาวิทยาลัย แกมาขอให้พี่ช่วยพูดกับคุณพ่อให้เรื่องที่จะไม่สอบหมอ และพอแกเรียนจบก็มาขอให้พี่กับคุณพ่อช่วยพูดให้ได้มาอยู่บ้านสวนอย่างสบายใจ จำได้ไหม ตอนนั้นแกบอกพี่ว่าต่อไปถ้าพี่มีเรื่องเดือดร้อนอะไรจะช่วยพี่เต็มที่” ภูชิตทวงสัญญา

  “คิดเอาเองนะ ไอ้เสือ ถ้าช่วยพี่ก็ได้อยู่บ้านสวนต่อ และพี่จะช่วยพูดให้คุณแม่ไม่คิดที่จะขายสวนของคุณยายด้วย ว่าไง ตกลงจะช่วยหรือไม่ช่วย”

  ภูบดินทร์อ้าปากค้างไม่คิดว่าพี่ชายจะใช้มุกนี้มาตัดทางบอกปัด แต่เมื่อเห็นสีหน้าจริงจังของพี่ชายที่ฝากความหวังไว้กับตนแล้ว ก็อดที่จะสงสารไม่ได้เพราะรู้ว่าพี่ชายต้องเสียสละความสุขส่วนตัวให้กับเขามากแค่ไหน

 “ก็ได้ ผมช่วยพี่ก็ได้ แต่มีข้อแม้นะ...” เพื่อลูกๆ ต้นไม้ของเขา ในที่สุดภูบดินทร์ก็ต้องยอมลงให้กับแผนการณ์ของภูชิต

  “ต้องไม่ให้ยัยขนมครกเน่ามาจับผมแต่งงานแทนพี่นะ” ภูบดินทร์ประกาศเสียงกร้าว

รายละเอียด

 “วันนี้ แม่ไปทาบทามขอหนูรินให้แกแล้ว” คุณหญิงแพรวาพูดด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มแสนสุข

“คุณแม่จะให้ผมแต่งงานกับใคร ช่วยพูดใหม่อีกทีได้ไหมครับ ” คุณหมอหนุ่มอนาคตไกลนามว่าภูชิตร้องถามด้วยความตกใจ

  "เบาๆ ก็ได้ตาภู ตะโกนเสียงดังลั่นบ้าน แม่ตกใจหมด" หญิงวัยกลางคนค้อนขวับบุตรชายเล็กน้อย

 “เรื่องที่จะพูดเมื่อกี้คุณแม่ล้อเล่นใช่ไหมครับ คงไม่ได้คิดจะจับผมคลุมถุงชนกับลูกสาวบ้านไหนตามใจชอบ ใช่ไหมครับ” ภูชิตเบาเสียงลงเล็กน้อยแล้วถามเพื่อความแน่ใจอีกครั้งหนึ่ง

  “ใช่จ้ะ แม่ไม่ได้พูดเล่นแต่พูดเรื่องจริงต่างหาก" คุณหญิงแพรวายิ้มหวานให้อย่างอ่อนโยนแล้วพูดต่อไปว่า

"ผู้หญิงที่เหมาะกับภูของแม่ที่สุดไม่ใช่ใครอื่น หนูรินลูกสาวน้าอำไพเพื่อนสนิทของแม่เอง ภูกับหนูรินเคยเจอกันตั้งแต่ตอนเด็กๆ เวลาที่เราไปเยี่ยมคุณยายที่บ้านสวนเมืองนนท์ไง จำได้ไหมลูก"

"จำได้ครับ น้องรินลูกสาวคุณน้าอำไพ" คุณหมอหนุ่มพยักหน้ารับ เรื่องความจำเป็นเลิศนี่ต้องยกให้ภูชิตคนนี้ทุกคนในบ้านรู้ดี

"หนูรินเรียนจบทำงานเป็นนักข่าว แม่กับน้าอำไพเพิ่งนัดกินข้าวกันเมื่ออาทิตย์ก่อน พอดีหนูรินมารับน้าอำไพกลับบ้าน แม่เพิ่งได้เจอหน้าหลังจากที่ไม่ได้เห็นเสียหลายปี พอเห็นหน้าหนูรินปุ๊ป แม่ก็คิดถึงภูขึ้นมาทันทีเลย ถ้าไงอีกสองอาทิตย์แม่จะนัดกินข้าวให้ ภูกับหนูรินจะได้เจอกันอีกสักครั้งแล้วเรื่องแต่งงานค่อยว่ากันอีกที ดีไหมลูก"

"คุณแม่ครับ แต่ว่าผม เอ่อ เรื่องแต่งงานผมขอ..."

"เอาเป็นว่าทำตัวให้ว่างไว้นะ ลูก นัดวันได้เมื่อไรแม่จะบอกอีกที ฝันดีนะจ๊ะ แม่ไปดูคุณพ่อก่อนไม่รู้ว่าตอนนี้เข้านอนไปหรือยัง" คุณหญิงแพรวาตัดบทไม่รับฟังคำใดๆ ของบุตรชายทั้งสิ้น ยิ้มหวานยกมือขึ้นแตะแก้มชายหนุ่มเบาๆ แล้วลุกขึ้นเดินกลับเข้าห้องนอนไปอย่างมีความสุข ทิ้งให้ภูชิตนั่งหน้าเครียดอยู่ที่เดิมเพียงลำพัง

 

ภูชิตถอนหายใจดังๆ ไม่รู้จะทำอย่างไรกับเรื่องนี้ดี ใจหนึ่งก็รู้ว่ามารดาหวังดีจริงๆ แต่ก็ไม่อาจที่จะ ทำใจ รับข้อเสนอนี้ได้ เนื่องเพราะ ‘พันธะ’ ทางหัวใจที่ตนปลูกต้นรักไว้กับหญิงอื่น โดยไม่มีใครรู้ระแคะระคายมาก่อนนั่นเอง

ร่างสูงตัวล้มตัวนอนลงบนเตียงใหญ่ที่แสนจะสบาย แต่ไม่อาจข่มตาให้หลับลงได้เอามือก่ายหน้าผากพร้อมกับเสียงถอนหายใจที่ตามมาติดๆ อีกหลายที น้ำเสียงของมารดายังคงก้องอยู่ในหัวของคุณหมอหนุ่มชัดเจนทุกคำ

คุณหมอหนุ่มพลิกตัวไปมาด้วยความร้อนใจ ยืนกรานความคิดเดิมแต่แรกว่า จะไม่ยินยอมแต่งงานกับผู้หญิงที่มารดาเลือกให้เด็ดขาด หัวใจของเขาไม่อาจยกให้ใครได้อีกนอกจากผู้หญิงคนนั้นอีกแล้ว

มันต้องมีทางออกสำหรับเรื่องนี้ และต้องหาทางจัดการให้เร็วที่สุด แต่ใครจะช่วยเขาได้ ใครในบ้านจะกล้าขัดประกาศิตของคุณหญิงแพรวาได้เล่า นาทีนี้ภูชิตคิดถึงใครอีกคน คนนี้ล่ะ ที่จะช่วยให้เรื่องทุกอย่างง่ายขึ้น

 “ว่าไง ไอ้เสือน้อยนอนหรือยัง” คุณหมอหนุ่มทักทายปลายสายที่เพิ่รับโทรศัพท์ ดวงตาของภูชิตเป็นประกายเจิดจ้า ในสมองปรากฎภาพที่เป็นทางออกสำหรับอุปสรรคในขณะนี้แล้ว

 “ยังไม่นอน มีอะไรด่วนหรือป่าว พี่ภูถึงโทรมาตอนนี้” ปลายสายถามกลับมาด้วยความสงสัย

 “เปล่าไม่มีอะไรหรอก คุณพ่อคุณแม่สบายดี พี่ยังไม่ง่วงก็เลยโทรมาคุยเรื่อยเปื่อย” น้ำเสียงชายหนุ่มดูอารมณ์ดีขึ้น

 “มีอะไรว่ามาเลย ผมกำลังพักพอดี เดี๋ยวจะกลับไปนั่งทำงานให้ลูกค้าต่อ”

เมื่อปลายสายเปิดโอกาสให้ภูชิตขนาดนี้ มีหรือที่ชายหนุ่มจะปล่อยโอกาส เดียวให้หลุดรอดไปได้

 “พรุ่งนี้พี่จะไปหาแต่เช้านะ เสือน้อย ไปทำงานต่อเถอะ อ้อ อย่านอนดึกล่ะ พักผ่อนดูแลสุขภาพบ้าง”

"ขอบคุณครับ พรุ่งนี้พี่ภูมาก็ดีแล้ว ผมจะฝากกล้วยน้ำว้าในสวนไปให้คุณพ่อหน่อย เมื่อเช้าตัดลงมาลองชิมเครือหนึ่งหวานมาก"

"ได้ๆ พรุ่งนี้อยากฝากอะไรให้ใคร เตรียมไว้เลย เดี๋ยวพี่จัดการขนมาให้เอง แค่นี้นะ เสือน้อย ฝันดีไอ้น้องรัก"

ภูชิตวางโทรศัพท์ลงด้วยความรู้สึกโล่งใจขึ้น อย่างน้อยน้องชายสุดที่รักคงช่วยให้เรื่องนี้ง่ายขึ้น แต่ทั้งนี้ก็ต้องขึ้นอยู่กับว่าจะต้องคิดคำพูดอย่างไร ถึงจะจัดการเสือน้อยให้ยอมทำตามได้อย่างว่าง่าย พรุ่งนี้ค่อยว่ากันอีกที

 

ภูชิตรีบบึ่งมาที่บ้านสวนแต่เช้าแอบมีความหวังในใจเล็กๆ ว่า ไอ้เสือน้อย จะต้องช่วยได้อย่างแน่นอน บนเรือนไม่มีใครอยู่อาจจะเป็นเพราะว่ามาสายเกินไปทุกคนจึงออกไปทำงานตามหน้าที่กันหมด  ชายหนุ่มมองดูนาฬิกาข้อมือแล้วก็ตัดสินใจว่าจะอยู่รอโดยไม่ออกไปไหน

 เสียงคนคุยกันแว่วมาแต่ไกล ภูชิตชะโงกหน้าจากระเบียงด้านบนลงไป ชายหนุ่มเล็งไปที่ เป้าหมาย อย่างใจเย็น คิดทบทวนคำพูดที่จะโน้มน้าวใจให้ทุกอย่างสำเร็จ

  ภูบดินทร์หรือเสือน้อยของภูชิตวัยยี่สิบเจ็ดปีก้าวขึ้นมาบนเรือน เจ้าของสวนหนุ่มสูงกว่าพี่ชายเล็กน้อย ผิวเข้มเพราะคล้ำแดดมากกว่า แต่ความหล่อเหลาในเนื้อแท้ก็ไม่ได้ลดลงเพราะความคล้ำแดดจากการทำงานเลย ภูบดินทร์เป็นบุตรชายคนเล็กสุดเฮี้ยวของนายแพทย์ภูสิงห์และคุณหญิงแพววา ภู่ปัญญา

    เขา ผู้ฉีกทุกกฎของบ้านแหวกแนวชีวิตต่างจากสมาชิกคนอื่นในครอบครัว รักชีวิตอิสระเสรีและไม่ชอบให้ใครควบคุมหรือบัญชาการใดๆทั้งสิ้น  เห็นได้จากเมื่อเรียนเรียนจบใหม่  ภูบดินทร์เป็นคนขอมารดาออกมาใช้ชีวิตในแบบวิถีชีวิตชาวสวนที่เรียบง่าย  โดยให้เหตุผลที่คุณหญิงเถียงไม่ขึ้นว่า

   ‘คุณแม่ จะอายทำไมเราก็มาจากชาวสวนเหมือนกัน พี่ภูเป็นตัวแทนของคุณพ่อกับคุณแม่ได้แล้วขอผมไปอยู่เฝ้าสมบัติของคุณยายดีกว่า

   ภูบดินทร์ไม่เพียงแต่แค่มาดูแลสมบัติเก่าของคุณยายเท่านั้น  แต่นำความรู้ที่ได้เล่าเรียนมาพัฒนาให้สมบัติเก่าของคุณยายงอกเงยมาได้อย่างเป็นที่น่าพอใจ 

   อีกทั้งยังช่วยเพิ่มรายได้ให้กับเพื่อนบ้านชาวสวนใกล้เคียงได้อีกในบางโอกาส เนื่องจากเปิดบริษัทรับออกแบบจัดสวนสวยโดยคิดราคาไม่แพง และใช้ผลิตผลของชาวสวนใกล้เคียงเสียส่วนใหญ่  ดังนั้นภูบดินทร์จึงเป็นที่รักใคร่เอ็นดูของเพื่อนชาวสวนอื่นเสมอมา

สวนของคุณยายอยู่แถวนนทบุรี แต่เดิมเป็นสวนผักเล็กๆ ก่อนต่อมาพอมีเงินมากขึ้นก็ค่อยซื้อที่ซื้อทางเพิ่มเข้าไป  คุณยายเริ่มหันมาปลูกไม้ดอกไม้ประดับเพื่อส่งขายให้กับแม่ค้าต้นไม้ที่มารับซื้อถึงในสวน อีกทั้งยังปลูกผลไม้ตามฤดูกาลไว้อีกหลายอย่าง จะว่าไปงานในสวนที่ภูบดินทร์รับผิดชอบก็มีไม่ใช่น้อยทีเดียว

 “แต่งงาน พี่ภูถูกคุณแม่จับแต่งงาน”

ภูชิตพยักหน้ารับอย่างเคร่งเครียด ในขณะที่ภูบดินทร์หัวเราะดังลั่นราวกับขบขันเสียเต็มประดา ทำเอาพี่ชายถึงกับกลุ้มใจเพิ่มขึ้น เมื่อท่าทีน้องชายไม่คล้อยตามไปทางเดียวกับตน

  “พี่มาหาแกเนี่ย ไม่ได้ให้แกมาหัวเราะใส่หน้าแบบนี้นะ” น้ำเสียงคุณหมอหนุ่มเคร่งเครียดอย่างเห็นได้ชัด จนคนฟังรู้สึกได้จึงหยุดหัวเราะและหันมาปลอบใจพี่ชายแทน

"โอเค ไม่หัวเราะก็ได้ แต่แหม พี่ภูก็..." น้องชายเดินมานั่งข้างๆ ยกมือโอบบ่าพลางปลอบใจอย่างเป็นกลางว่า

   “คุณแม่คงหวังดีอยากให้คุณหมอภูชิตมีผู้หญิงดีๆ มาดูแลสักคน ท่าทางว่าคนนี้จะเข้าตามากจนต้องเอ่ยปากทาบทามให้ก่อนจะถามพี่ ถ้าพี่ภูไม่อยากแต่งก็พูดกับคุณแม่ตรงๆ หรือไม่ก็ให้โอกาสตัวเองลองไปเจอหน้ากันสักครั้ง ไม่แน่บุพเพอาจจะอาละวาดให้ตกหลุมรักแต่แรกเห็นก็ได้นะ ใครจะไปรู้”

    "แกอยากเห็นพี่ชายคนนี้ไม่มีความสุขไปตลอดชีวตหรือไง นายเสือ แกถึงได้พูดจาเข้าข้างคุณแม่ขนาดนี้" ภูชิตน้อยใจในที

 “แล้วพี่จะทำไง ลองคุณแม่เอ่ยปากขนาดนี้แล้ว ท่าทางจะรอดยาก” ภูบดินทร์รู้นิสัยมารดาดี และมั่นใจว่างานนี้ภูชิตดิ้นไม่หลุดแน่

แต่จะว่าไปก็อดเห็นใจพี่ชายไม่ได้เหมือนกัน ถ้าการแต่งงานไม่ได้มาจากความรักแต่มาจากการเห็นดีเห็นงามของผู้ใหญ่เพียงอย่างเดียว อะไรที่ไม่ได้ทำด้วยความรักมันคงไม่มีความสุขแน่ เหมือนที่เขาเลือกใช้ชีวิตในสวนกับต้นไม้ใบหญ้าที่ไม่มีปากมีเสียง แทนที่จะอยู่ในสังคมเมืองที่มีแต่ความวุ่นวาย นึกแล้วก็สงสารภูชิตไม่น้อย

"พี่ถึงมาขอร้องให้แกช่วยนี่ไง ไอ้เสือน้อยของพี่ ” ภูชิตเอ่ยอย่างมีหวัง

"พี่จะให้ผมช่วยอะไร" น้องชายถามทันที

 "หวังว่าคงไม่ใช้มุกให้ผมแต่งงานแทนพี่หรอกนะ" เจ้าของสวนหนุ่มดักคอไว้ก่อน

 “เฮ้ย พี่จะทำอย่างนั้นได้ยังไง คุณแม่ได้แหกอกเราสองคนตายแน่ อีกอย่างพี่ก็ไม่คิดจะโยนเรื่องไม่ดีแบบนี้ให้ใครอยู่แล้ว การแต่งงานควรเกิดจากความรักไม่ใช่การผูกมัด” ภูชิตพูดอย่างจริงจัง

“แบบนี้ค่อยน่าคุยกันหน่อย ว่าแต่เรื่องนี้พี่จะให้ผมช่วยอย่างไร" ภูบดินทร์เอ่ยถามอย่างเป็นงานเป็นการ นั่งลงรอฟังว่าพี่ชายมีแผนอย่างไรบ้าง

  “นายช่วยรับฝาก เจ้าสาวของพี่ ไว้สักเดือนสองเดือนได้ไหม รอให้พี่จัดการธุระให้เรียบร้อยก่อน แล้วเรื่องทุกอย่างพี่จะแก้ไขเอง” 

บนเรือนเงียบสนิทไม่มีใครพูดอะไรทั้งสิ้น ภูชิตแทบจะหยุดหายใจเมื่อหันมาสบตากับน้องชายที่มองเขา ราวกับเจอสิ่งประหลาดซึ่งไม่เคยพบเห็นมาก่อนในชีวิต ก่อนที่ภูบดินทร์จะหัวเราะลั่นเรือนอีกครั้ง

 “พี่ภูดูละครอ่านนิยายมากเกินไปหรือเปล่า ถึงได้คิดอะไรแบบนี้เป็นไปไม่ได้หรอก ใครจะยอม เจ้าสาวของพี่มีแขนมีขามีปาก รับรองว่าได้ร้องแรกแหกกระเชิงกันลั่นสวนผมพอดี แค่มันเป็นไปไม่ได้แล้ว” ภูบดินทร์ส่ายหน้ายกมือทั้งสองข้างโบกมือไม่เห็นด้วยเต็มกำลัง ไม่มีทางเด็ดขาด

"คนนะพี่ภู คนทั้งคนมีเลือดมีเนื้อมีความคิด ไม่ใช่ลูกกล้วยไม้ของผมที่จับให้อยู่ตรงไหนก็อยู่ หาทางอื่นเถอะ" ภูบดินทร์ไม่เห็นด้วยกับความคิดนี้

  “มันจะสำเร็จแน่ แกก็ช่วยสวมบทบาท โจรกระท่อม ให้พี่สักครั้งไม่ได้เหรอ นะ ครั้งเดียว” ภูชิตอ้อนวอนน้องชาย

  “ไอ้ โจรกระท่อม เนี่ย เกิดเจ้าสาวของพี่หัวหมอขึ้นมาเล่นงามผมกลับ ผมไม่ต้องเข้าไปนอนซังเตในข้อหาหน่วงเหนี่ยวเหรอ ผมไม่เอาด้วยล่ะพี่ภู ให้ผมช่วยอย่างอื่นดีกว่านะ  ขอร้อง” ภูบดินทร์ส่ายหน้าอีกครั้ง ลุกขึ้นไปรินน้ำเย็นใส่แก้วมาดื่มให้ชื่นใจแทน

 “ฟังนะ น้องรัก แค่พามาอยู่ที่นี่ไม่ให้คุณแม่เห็นหน้าสักเดือนสองเดือน พอพี่จัดการเรื่องของพี่กับคุณแม่เรียบร้อยแล้ว พี่จะเป็นคนมาอธิบายให้เธอเข้าใจเอง รับรองว่าเรื่องนี้นายจะไม่ต้องรับผิดชอบใดๆ ทั้งสิ้น” ภูชิตพยายามตะล่อมน้องชายอีกครั้ง

  "มันคงไม่ง่ายขนาดนั้นซิ พี่จะให้ผู้หญิงคนนั้นอยู่อย่างไรในสวน จ้างมาเป็นลูกจ้างผมเหรอ ถ้าคุณแม่อยากได้มาเป็นสะใภ้คงไม่ใช่เด็กกำพร้าไม่มีพ่อไม่มีแม่ที่ไหนแน่ เผลอๆ อาจเป็นลูกคุณหนูที่ไม่เคยอยู่ในสวนเงียบๆ แบบนี้ ขืนพี่เอามาอยู่ที่นี่รับรองว่าร้องไห้ขี้โม่งโป่งขอกลับบ้านตั้งแต่ยังไม่ทันข้ามวันด้วยซ้ำ ไม่เอาล่ะ ผมไม่อยากปวดหัว หาทางอื่นเถอะ" เจ้าของสวนยืนกรานคำเดิม

"เสือ พี่เชื่อว่าเธออยู่ที่นี่ได้ ขี้คร้านเธอจะชอบบรรยากาศเงียบๆ แบบนี้" ภูชิตมั่นใจว่า เธอ เป็นแบบนั้น

  “แล้วเจ้าสาวของพี่เป็นใครมาจากไหน ผมอยากรู้นักเชียว ทำไมคุณแม่ถึงอยากจะได้เป็นลูกสะใภ้นัก” ภูบดินทร์มีคำถามกลับไปบ้าง

  “น้องรินนลี ลูกสาวคุณน้าอำไพ” ภูชิตตอบเสียงดังฟังชัด

  คนถามสำลักน้ำที่เพิ่งจะกลืนลงคอไปเมื่อครู่นี้ ภูบดินทร์ตกใจเมื่อรู้ว่าเจ้าสาวของพี่ชายคือใคร

  


รีวิว (0)


สินค้าที่ใกล้เคียง (72 รายการ)

www.batorastore.com © 2024