วิฬาร์เกี้ยวรัก

วิฬาร์เกี้ยวรัก

0 รีวิว  0 รีวิว    
รหัสสินค้า: 9786160019502
มีสินค้าในสต็อค
ราคา: 180.00 บาท 45.00 บาท
ประหยัด: 135.00 บาท ( 75.00% )

เนื้อหาบางส่วน

คืนนี้ผมคงต้องนอนกับคุณ

ณ โรงแรมหลานหลง เกาะฮ่องกง

ภายใต้แสงสีละลานตาตามอาคารสูงชะลูดตามแบบฉบับของฮ่องกง ยัง

มีโรงแรมสูงตระหง่านโดดเด่นท่ามกลางตัวเมืองอย่างโรงแรมหลานหลงตั้งอยู่

สถานที่พักแห่งนี้เป็นกิจการเก่าแก่ที่มีมาหลายชั่วอายุคน สืบทอดกิจการโดยลูก

หลานของแก๊งมาเฟียชื่อดัง ‘หลานหลง’ หรือที่ชาวไทยเรียกกันติดปากว่า ‘มังกร-

ฟ้า’ พวกเขาขยายอาณานิคมอย่างกว้างขวาง เคยปกครองกิจการที่พักโรงแรม

ทั้งฮ่องกงส่วนตะวันออก รวมไปถึงธุรกิจโรงแรมอีกหลายแห่งในเครือของ

ประเทศไทย ด้วยทว่าสิ่งเหล่านั้นเหลือแค่เพียงตำนาน

โรงแรมหลานหลงเป็นโรงแรมแห่งแรกที่ก่อตั้งขึ้นในนามของมังกรฟ้า และ

เป็นแห่งเดียวที่ยังคงอยู่ภายใต้การดูแลของทายาทมาเฟียทิศตะวันออกอย่าง

แท้จริง แม้กิจการจะไม่ฟู่ฟ่าเหมือนเก่าก่อนเพราะเกิดการปะทะกันกับแก๊งศัตรู

หลายครั้งในรอบสัปดาห์ แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้ความมั่นใจที่มีต่อนักท่องเที่ยวลด

ลงมากนัก พวกเขาทำงานอย่างมืออาชีพ ปกปิดร่องรอย รวมถึงสร้างภาพที่น่า

ประทับใจในระดับหรูหราให้แก่ผู้เข้าพักอยู่เสมอ

และแท็บบี้ก็เป็นหนึ่งในผู้เข้าพัก...ผู้โชคดี

“May I help you? (ให้ผมช่วยอะไรมั้ยครับ)” พนักงานโรงแรมห้าดาว

ถามลูกค้าสาวพร้อมรอยยิ้ม และคำถามของเขาก็ทำเอาแท็บบี้ผู้ได้เกรดภาษา

อังกฤษไม่เกินเลขสองยืนกินจุดในอากาศไปราวๆ สามวินาที

“I shakes ins...(check in)” เธอตอบสั้นๆ ไม่ลืมทิ้งหางเสียงตัวเอสไว้

เสมอเวลาพูด อีกฝ่ายเจอเอสหางยาวของเธอเข้าไปก็ตัวแข็งทื่อเหมือนหิน

“sharkes ins” ความพยายามของแมวตัวนี้ไม่ได้มีน้อย เธอคงเป็นหนึ่งเดียวใน

ผู้เข้าพักของวันนี้ที่เถียงกับพนักงานโรงแรมห้าดาวอยู่นานเกินสิบนาที และยิ่ง

พูดก็ยิ่งเพี้ยนไปกันใหญ่

อาคารแสงสีของฮ่องกงทำให้แท็บบี้ลืมกลางวันกลางคืน ทุกเวลาบนเกาะ

สว่างไสวเสมอ และเธอเพิ่งรู้ตัวว่าไม่ได้นอน ที่น่ารำคาญคือกระเป๋าเดินทางลาย

แมวเริ่มหนักอึ้งเพราะเธอเพลิดเพลินไปกับการซื้อของ เมื่อมีเงินโบนัสมากมาย

การจ่ายเงินก็ดูง่ายดายโดยไม่ต้องเสียเวลาคิด และสิ่งสำคัญ ตอนนี้เธอต้องหา

ที่ซุกหัวนอนโดยเร็ว เสียก็แต่ชาตินี้เธออาจไม่มีวันนั้น

“Sleep...shaking...today โอ๊ย!” ทั้งๆ ที่คิดว่าสามารถพูดคุยกับพนักงาน

โรงแรมระดับหรูหรารู้เรื่องแล้วแน่นอน แต่แท็บบี้คิดผิด ทักษะภาษาอังกฤษ

กระท่อนกระแท่นของเธอใช้ได้เฉพาะเวลาซื้อของตามตลาดคนเดินเท่านั้น

“I’m sorry. Just a moment, please. (ผมขอโทษครับ ขอตัวสักครู่)”

พนักงานโรงแรมในชุดเครื่องแบบยกมือขออนุญาต เขารีบกดโทรศัพท์หาใคร

ก็ได้มาคุยกับชาวต่างชาติที่พูดภาษาต่างดาวให้หน่อย เธอได้ยินเขาพูดภาษาจีน

รัวเป็นชุด ก่อนวางสายและพูดอะไรสักอย่างต่ออีกที่เธอคงไม่มีวันเข้าใจ

“Please wait for a minute. I’ve already call Mr. Fang. He’s

the owner here and he’ll be here to help you soon. (โปรดรอสักครู่

นะครับ ผมเรียกคุณฟางให้แล้ว เขาเป็นเจ้าของที่นี่ และกำลังมาช่วยคุณ)”

แท็บบี้คิดว่าเขาต้องสติฟั่นเฟือนแน่ๆ ที่คิดว่าเธอจะฟังประโยคยาวเป็น

หางแมวนั้นรู้เรื่อง ก็ขนาดสั้นๆ ยังไม่เข้าใจเลย “Wait! What! I slurpee

(Sleepy), you know?” เธอพูดจามั่วซั่วอีกสักพัก และได้แต่ถอนใจอย่าง

หงุดหงิด ตาจะปิดแหล่ไม่ปิดแหล่ ก่อนสะบัดปอยผมหยักศกสีน้ำตาลอมแดง

รำคาญพนักงานหนุ่มสมองถั่วที่พูดแค่นี้ก็ไม่เข้าใจ

เธอเดินไปนั่งรอตรงโซฟารับรอง ทันทีที่ทิ้งตัวลงแบบไม่สนใจมารยาท

เบาะนิ่มก็อ่อนยวบ ดวงตาคมสวยกวาดสายตามองรอบห้องโถงของโรงแรมที่

ประดับประดาด้วยโคมไฟระย้าสีเหลืองส้ม แสงนวลส่องพื้นพรมสีแดงเลือดหมู

และกรอบเฟอร์นิเจอร์สีทองให้ดูราคาแพงมากยิ่งขึ้น มือไม้ซุกซนพยายามถู

ขอบโต๊ะราวกับขูดหาหวย ในใจนึกสงสัยว่าพวกเขาใช้ทองคำจริงๆ มาผลิต

เฟอร์นิเจอร์พวกนี้ หรือแค่ทาสีหลอกลวงให้ดูเหมือนทองเท่านั้นกันแน่

แล้วเธอก็เห็นชายหนุ่มคนหนึ่งเดินผ่านประตูกระจกของโรงแรมเข้ามา

พนักงานโรงแรมเปิดประตูให้ร่างสูงโปร่งนั้นราวกับเขาเป็นผู้ทรงอำนาจ แม้การ

แต่งตัวจะดูเรียบง่ายเหมือนผู้มาเข้าพักที่ไม่มีสตางค์มากนัก แต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่

หญิงสาวคลั่งไคล้ชายหนุ่มกล้ามโตอย่างแท็บบี้จะสนใจ

ทุกย่างก้าวของชายคนนั้นเหมือนภาพช้า เขาโปรยยิ้มให้พนักงานราวกับ

สนิทสนม เป็นรอยยิ้มที่ทำให้แท็บบี้อ่อนระทวยได้ในเสี้ยววินาที เธอมองดูเขา

ล้วงสองมือในกระเป๋ากางเกงผ้าขายาวสีดำยามก้าวเดิน กล้ามเนื้อท่อนแขนเป็น

มัดส่องประกายมีมิติประดุจรูปหล่อทองคำ แท็บบี้อ้าปากค้าง ถอดแว่นกันแดด

ที่ไม่ได้แกะป้ายราคาออกเพื่อมองเขาให้ถนัด และเธอไม่มีเหตุผลอื่นที่จะจ้องเขา

ตาเป็นมันนอกจากรูปร่างกำยำของเขาถูกใจเธอเข้าอย่างจัง

ชายคนนั้นเท้าแขนพูดภาษาจีนกับพนักงานโรงแรมตรงเคาน์เตอร์ราวกับ

เป็นภาษาแม่ของตนเอง แท็บบี้ขยับตัวลุกจนเกือบชนแจกันบนโต๊ะล้มแตก เธอ

แทบไม่วางสายตาไปจากเขา พินิจดูจากผิวคล้ำแดดและใบหน้าของเขาแล้ว เธอ

คิดว่าชายคนนี้มีเชื้อสายค่อนไปทางเอเชีย โครงหน้าเหลี่ยมเข้ารูป ไว้หนวดและ

เคราบางดูเซ็กซี่เหลือร้าย คิ้วเข้มและผมสั้นดกดำช่วยขับดวงตาหรี่เล็กนั้นให้มี

เสน่ห์

 

เธอแทบไม่สนใจมองส่วนอื่นนอกจากช่วงลำตัวเขา ชายหนุ่มสวมเสื้อ

กล้ามสีขาวแนบเนื้อจนเห็นลวดลายบนแผงอกชัดเจน แม้แต่ร่องผิวบนหลังก็

ทำให้เธออดกัดปากไม่ได้ เฝ้าแต่มองสรีระของชายผู้นั้นไม่กะพริบตา กลืนน้ำลาย

ลงคอดังเอือกจนเขาหันมาเห็นเข้า อาจเพราะพนักงานรีบชี้บอกว่าเขาอาจถูก

หญิงสาวที่พูดจาไม่รู้เรื่องกินเข้าไปก็ได้

“เก็บน้ำลายหน่อยสิคุณ”

เธอสะดุ้งที่ได้ยินเขาพูดภาษาไทยกับเธอ ก่อนรีบแตะมุมปากตัวเองแล้ว

พบว่าไม่ได้ทำอะไรน่าเกลียดแบบนั้นสักหน่อย แล้วชายหนุ่มก็หัวเราะที่เธอเชื่อ

เขาสนิทใจ

“หลอกง่ายจังนะคุณ มาคนเดียวแถวนี้ระวังหน่อยนะครับ แต่ดูท่าคุณจะ

โดนหลอกมาเยอะ” เขาเหลือบตามองข้าวของที่เธอถลุงเงินซื้อมาวางระเกะระกะ

เต็มทางเดินโรงแรมไปหมด เดาว่าคงไม่เคยมาเที่ยวฮ่องกงมาก่อน เพราะไม่

เช่นนั้นเธอคงรู้ว่าข้าวของหลายชิ้นที่ซื้อมานั้นหาได้ที่เมืองไทยในราคาถูกกว่านี้

ตั้งมากมาย

“เรื่องของฉันน่ะ ทำไม อิจฉาที่ฉันมีเงินซื้อหรือไงยะ”

หนุ่มตาชั้นเดียวหัวเราะ ก่อนยักคิ้วเจ้าชู้ใส่ “ให้ผมช่วยหรือเปล่า ดูเหมือน

คุณต้องการล่ามสักคนนะครับ” เขาเปลี่ยนเรื่องสนทนาเมื่อคิดว่าเถียงกับเธอไป

ก็คงไม่มีทางนำของนั้นไปแลกกลับคืนเป็นเงินได้

“ใคร ใครว่าฉันต้องการล่าม ฉันคุยกับพนักงานเรียบร้อยแล้วต่างหาก”

แท็บบี้แก้ตัวเบ้ปาก เธอจะไม่ให้คนแปลกหน้ามาดูถูกที่เธออ่อนภาษาอังกฤษ

แม้อาจเป็นเพราะเธอลอกการบ้านเพื่อนมาตลอดจนถึงมัธยมปลายก็ตาม

ก็ภาษาอังกฤษมันยาก คณิตศาสตร์ก็ด้วย จะมีวิชาอะไรง่ายไปกว่า

สุขศึกษาอีกล่ะ

“ก็แล้วแต่คุณนะครับ” เขาก้มศีรษะน้อยๆ แทนคำพูดขอตัว แล้วขยับตัว

ทำท่าจะเดินออกไปจากโรงแรมทั้งๆ ที่เพิ่งเข้ามา สำหรับแท็บบี้แล้วนั่นเหมือน

เอาตั๋วลดราคาห้าสิบเปอร์เซ็นต์ไปทิ้งขว้าง ประเด็นก็คือ หากไม่มีใครช่วยทำหน้าที่

แทนดิกชันนารีให้ คืนนี้คงไม่ได้พักผ่อน แถมยังต้องแบกกระเป๋าสัมภาระตะลอน

ทั่วฮ่องกงจนขาลากแน่

                “นี่ คุณ เดี๋ยวสิ” เธอจึงรีบรั้งเขาไว้ เมื่อนึกว่าอาจต้องลำบากนอนใต้

สะพานลอยหากมัวแต่ทำตัวอวดดี เธอจึงยอมสารภาพ “ฉันพูดจีนไม่เป็นหรอก

อังกฤษก็ด้วย คุณช่วย...”

“ได้เสมอครับ” ชายคนนั้นยิ้มรู้ทัน วูบหนึ่งแท็บบี้คิดว่าดวงตาหรี่เล็กคู่นั้น

มองเธอทะลุปรุโปร่ง “คุณมาคนเดียวใช่มั้ยครับ”

“ใช่ เอ๊ย! ไม่ใช่ ใครมาคนเดียว ฉันดูเหมือนมาคนเดียวหรือไง นี่คุณ

กำลังหาว่าฉันไม่มีใครคบใช่มั้ย” แท็บบี้บ่นรัวเป็นจรวดจนอีกฝ่ายได้แต่มอง

ตาปริบๆ แล้วเธอก็อ้าปากค้างพร้อมชี้นิ้วหาเรื่อง “อ๋อ เห็นฉันหน้าตาดีและมา

คนเดียว เลยคิดจะหลอกฉันไปลวนลามใช่หรือเปล่า”

“ผมหมายถึงคุณมาคนเดียวหรือเปล่า ผมจะได้บอกพนักงานถูกว่าคุณ

ต้องการห้องแบบไหนต่างหากล่ะครับ” ชายหนุ่มหน้าตี๋กะพริบตางุนงง เขาเริ่ม

ตามความบ้าบอของเธอไม่ทันเสียแล้ว

“อะ...อ๋อ ฉันมา มากับแฟน เอาเตียงคู่ ห้องใหญ่ๆ แพงๆ แฟนฉันรวย

มาก” แท็บบี้นิ่งอึ้ง

และเขาก็หัวเราะอีกในท่าทีแสดงออกว่าโกหกอย่างตรงไปตรงมาของ

หญิงสาว “ได้สิครับ” เขาพูด ก่อนหันไปคุยภาษาจีนกับพนักงานอย่างคล่องแคล่ว

ครู่เดียวเขาก็รับคีย์การ์ดมาจากพนักงานโรงแรม ทุกอย่างดูง่ายดายเพียงแค่พูด

ภาษาเดียวกันเข้าใจ “นี่ครับห้องของคุณ”

“คุณนินทาฉันหรือ”

“ผมทำอะไรนะ” เขาเริ่มสับสนเล็กน้อยว่าเพิ่งทำอะไรให้เธอไม่พอใจ

ขึ้นมาอีกหรือเปล่า สีหน้าของเธอเหมือนจะกินเขาเป็นบางเวลา แต่ก็แสร้งทำที

หาเรื่องเป็นบางที

“เมื่อกี้คุณคุยกับพนักงานแล้วหัวเราะมาทางฉันนี่” แท็บบี้เท้าสะเอวหา

เรื่อง

“ผมเปล่านินทาคุณสักหน่อย”

“เฮอะ...ผู้ชาย” เธอสะบัดผมยาวหยักศกสลวยสวยเก๋ใส่เขา แล้วลาก

กระเป๋าเดินทางกับข้าวของพะรุงพะรังชนไหล่เขาซ้ำเพื่อเดินไปที่ลิฟต์ด้านใน ไม่มี

คำขอบคุณสักคำเดียว แต่ชายหนุ่มก็ไม่ได้ว่าอะไร เขากลับนึกสนุกเมื่อเห็นเธอ

ทำท่าหงุดหงิดแบบนั้นแก้เขินมากกว่า

แท็บบี้ยังบ่นอุบอิบไม่หยุดแม้แต่ตอนอยู่ในลิฟต์แก้วลำพัง เธอเกาะ

กระจกลิฟต์มองดูตัวเองค่อยๆ ถูกถีบทะยานขึ้นสู่ความสูงชะลูดด้วยสีหน้า

ตื่นเต้น อึดใจเดียวร่างอรชรก็ถูกพาขึ้นไปชั้นบนสุดของโรงแรมที่มีราคาแพงที่สุด

ทิวทัศน์จากบนนี้สามารถมองเห็นทั่วทั้งเกาะฮ่องกง ดูคล้ายกับนกที่กำลัง

บินอยู่กลางเวหา อากาศที่เย็นเล็กน้อยของปีไม่ได้ทำให้รู้สึกหนาวสะท้าน เครื่อง

ปรับอากาศของที่นี่ทำงานได้ดีตามหน้าที่ของมัน เช่นเดียวกับกลิ่นหอมของ

น้ำหอมตามทางเดิน รวมถึงดอกไม้ประดับสวยเก๋ที่ทำให้ผู้เข้าพักเดินไปอมยิ้ม

ไปประหนึ่งคนบ้า...อย่างน้อยก็แท็บบี้นี่ละคนหนึ่ง

หญิงสาวลากกระเป๋าเดินทางบนพรมดังครืดคราด ก่อนพยายามเปิด

ประตูห้องตามหมายเลขบนบัตร แต่แล้วเธอก็ยืนค้างเติ่งอยู่หน้าประตู จ้องราวกับ

ว่ามันจะทำลายตัวเองเพื่อให้เธอเข้าไปข้างใน ก็เธอเพิ่งรู้ตัวว่าใช้คีย์การ์ดไม่เป็น

“โอ๊ย! อะไรอีกเนี่ย” แท็บบี้ทั้งหมุนการ์ดไปมาทั้งสลับด้าน แต่ก็ไม่มีทีท่า

ว่าประตูจะเปิดรับเธอเข้าไปเสียที จนเธออยากจะกัดมันขาดให้รู้แล้วรู้รอด เสียก็

แต่อาจโดนปรับข้อหาทำลายข้าวของก็เท่านั้น

“ให้ผมช่วยนะ”

เผียะ!

แท็บบี้ตบหน้าเจ้าของเสียงเต็มแรง สัญชาตญาณความตกใจของเธอบอก

ว่าใครก็ตามที่โผล่เข้ามาด้านหลังไม่น่าไว้ใจ โดยเฉพาะผู้ชาย ฝ่ายชายก็ได้แต่ลูบ

แก้มอย่างงุนงง เขาคือชายหนุ่มกล้ามโตที่เพิ่งช่วยเธอจองห้องพักเมื่อครู่ เธอไม่รู้

ว่าเขาขึ้นลิฟต์แก้วอีกตัวตามมาด้วย และตอนนี้ที่เขาหน้าแดงเป็นแถบก็ไม่ใช่

เพราะความเขินอาย นั่นเป็นฝีมือของเธอล้วนๆ

“คุณตบผมทำไมเนี่ย”

“ใครใช้ให้มาแบบไม่ให้สุ้มให้เสียง” เธอโวยวายเถียงอีก

ชายหนุ่มหัวเราะแห้งที่ผู้หญิงคนนี้ไม่คิดจะขอบคุณหรือขอโทษเขาสักคำ

เธอช่างเป็นผู้หญิงที่ไม่ยอมรับความผิดพลาดของตนเองเลยสักครั้ง “ผมว่า ‘ให้

ผมช่วยนะ’ ก็ต้องใช้เสียงพูดนะครับคุณ”

“กะ…ก็นั่นแหละ” แท็บบี้เบนหน้าหลบเขา อยากให้เขาเลิกตามเธอเสียที

ก่อนที่เธอจะเผลอหน้าแดงหรือน้ำลายยืดให้เขาเห็นเสียก่อน “แล้วตกลงจะช่วย

หรือไม่ช่วย” เธอยื่นคีย์การ์ดให้เขา แล้วเขาก็รับไว้ก่อนเปิดประตูห้องพักด้วย

คีย์การ์ดให้ ดูง่ายดายเหมือนกดสวิตช์

“ทำแบบนี้นะครับ สอดการ์ดเข้าไป รอให้ไฟขึ้น แล้วคุณก็เปิดประตูได้

เลย”

“ฉันรู้แล้วละน่า ก็แค่...ปกติใช้รุ่นที่มันซับซ้อนกว่านี้”

“หรือครับ” ชายหนุ่มเริ่มรู้นิสัยเปิดเผยของเธอแล้ว เธอช่างเป็นผู้หญิงที่

ดูง่ายยิ่งกว่านิทานสิบหน้าจบเสียอีก “มาครับผมช่วย” เขาถือโอกาสช่วยเธอขน

กระเป๋าเข้าไปในห้องพัก แต่แล้วก็สะดุดตาครู่หนึ่งเมื่อเห็นบางสิ่งที่แปลก

ประหลาด “กระเป๋าคุณมีหางด้วย” เขาทักเมื่อเห็นหางแมวติดกระพรวนโผล่ออก

มาจากกระเป๋าล้อลากใบมหึมา อย่างกับจะมาเข้าพักสักสามเดือนของเธอ

“ไม่รู้จักแมวหรือไงยะ” แท็บบี้ย่นคิ้วเมื่อพยายามนึกถึงเผ่าพันธุ์แมวที่มี

อยู่ในทุกซอกมุมของโลก

แมวก็ต้องมีหูกับหางสิ

“เปล่าครับ ผมแค่ไม่รู้จักใครที่ใช้กระเป๋าลากมีหางมาก่อน” ฝ่ายชายได้

แต่อมยิ้ม

อีกฝ่ายเลิกต่อล้อต่อเถียง เธอหลีกทางให้เขาช่วยแบกข้าวของเข้าไปใน

ห้องก่อนแล้วจึงเดินตามไปห่างๆ แต่ก็พอได้กลิ่นน้ำหอมนุ่มลึกยามเขาขยับตัว...

กลิ่นเย้ายวนที่นายแบบในนิตยสารไม่มี

“จะไม่เข้ามาหรือครับ” เขาถามเมื่อเห็นเธอยืนพริ้มตาสูดกลิ่นบางอย่าง

ใบหน้าแดงเรื่อเล็กๆ คล้ายเพิ่งเมากรุ้มกริ่ม

“ขะ...เข้าสิ ห้องฉันนะ!”

 

(โปรดติดตามต่อในฉบับเต็ม)


รีวิว (0)


สินค้าที่ใกล้เคียง (96 รายการ)

www.batorastore.com © 2024