ข้ามภพมาหารัก (Twisted-World)

ข้ามภพมาหารัก (Twisted-World)

0 รีวิว  0 รีวิว    
รหัสสินค้า: 9786160023585
สั่งจองสินค้า (ต้องการสินค้า)
ราคา: 430.00 บาท 107.50 บาท
ประหยัด: 322.50 บาท ( 75.00% )

เนื้อหาบางส่วน

จุดเริ่มต้น

 

“อืม อาทิตย์หน้าไม่ได้เข้าเวร ไปเจอกันที่นั่นเลยก็ได้” เสียงเรียบเฉย

ของร่างเล็กในชุดกาวน์ตอบเพื่อนผ่านทางโทรศัพท์มือถือ

ร่างเล็กเจ้าของดวงหน้าคมเรียบนิ่ง ดวงตาสีน้ำตาลเข้มเต็มไปด้วยความ

เรียบเฉยเจือปนไปกับความเย็นชา ริมฝีปากอิ่มได้รูปมีรอยยิ้มบางๆ วาดผ่าน

ยามตอบผู้ที่อยู่ในสาย พวงแก้มสีชมพูระเรื่ออย่างคนสุขภาพดี จมูกเล็กโด่งเป็น

สันรับกับใบหน้ารูปไข่ องคาพยพบนใบหน้ารับกันได้อย่างเหมาะเจาะ จนไม่ว่า

ใครที่เดินผ่านเป็นอันต้องเหลียวมอง เรือนผมสีดำสลวยปล่อยยาวสยายให้พัด

ปลิวไสวไปกับสายลมที่พัดผ่านตามจังหวะที่ขาเรียวยาวก้าวเดิน ภาพตรงหน้านี้

ช่างไม่ต่างจากภาพวาดที่หลุดออกมาจากจินตนาการของศิลปินชั้นเอกแม้แต่น้อย

“ใช่ ร้านนั้นก็ได้...หืม จะพาแฟนหนุ่มนั่นมาเปิดตัวแล้วหรือ” ร่างเล็กเอ่ย

เสียงหยอกล้อกับเพื่อนที่ปลายสายอย่างอารมณ์ดี ก่อนเสียงกรีดร้องของคนรอบ

ข้างจะดังกระทบโสตประสาท ร่างเล็กจึงเบือนหน้าไปมองตามทิศทางของเสียง

ดวงตากลมโตเบิกกว้างขึ้นด้วยความตกใจ แสงไฟจากหน้ารถสาดส่องกระทบกับ

ร่างเล็กที่ยืนนิ่งไม่อาจตอบสนองต่อสถานการณ์ตรงหน้าได้ทัน พร้อมกับเสียงกด

แตรที่ร้องลั่นยาวบอกให้ร่างเล็กนั้นหลบไป แต่ช้าไปเสียแล้วเมื่อรถคันนั้นพุ่งชน

เข้ากับร่างบางจนกระเด็นลงไปกองกับพื้นด้านข้าง

โลหิตสีแดงฉานไหลซึมเสื้อกาวน์สีขาวบริสุทธิ์นั้นอย่างน่ากลัว ดวงตาสี

น้ำตาลเข้มบัดนี้พร่ามัวจนไม่อาจมองเห็นภาพเบื้องหน้าของตนได้ชัด ร่างทั้งร่าง

ชาจนไม่อาจสัมผัสได้ถึงความเจ็บปวดที่เกิดขึ้น เสียงตะโกนโหวกเหวกโวยวาย

ไม่อาจดังลอดเข้ามาในโสตประสาทที่พร่าเลือน จมูกยังคงสัมผัสถึงกลิ่นคาวเลือด

ของตัวเองที่ลอยคลุ้งในอากาศ โทรศัพท์มือถือที่ตกอยู่ไม่ไกลมีเสียงหนึ่งที่ฟัง

ไม่ได้ศัพท์ตะโกนลอดออกมา เธอรับรู้เพียงว่าใครคนนั้นกำลังร้อนรน

นี่เธอกำลังจะตายแล้วอย่างนั้นหรือ...

ร่างเล็กเพียงคิดได้เท่านั้นสติที่เคยพยายามรั้งเอาไว้ก็ค่อยๆ ล่องลอยไป

สู่ความเวิ้งว้างที่เธอไม่เคยรู้จัก เปลือกตาบางค่อยๆ ปิดลงพร้อมกับสติสุดท้าย

ที่ดับวูบ

 

ร่างกายรู้สึกหนักอึ้งกว่าที่ควรจะเป็น เธอพยายามยกเปลือกตาที่หนักกว่า

ปกติอย่างยากลำบาก เมื่อเปิดขึ้นมาได้ก็ต้องหลับลงอีกครั้งเพื่อปรับแสงที่แยงตา

เพดานห้องที่ให้ความรู้สึกไม่คุ้นเคยแม้แต่น้อยนิด ทำให้หลี่เหม่ยฮวา

กวาดตามองไปทางอื่นอย่างสำรวจว่าตอนนี้ตนอยู่แห่งใด

ถัดจากเตียงของเธอมีโต๊ะไม้กลมเนื้อดี บนโต๊ะมีแจกันที่บรรจุดอกบัว

สีขาวพิสุทธิ์ส่งกลิ่นหอมอ่อนๆ ออกมาชวนให้รู้สึกผ่อนคลาย ถัดจากโต๊ะกลม

เป็นลิ้นชักไม้ขนาดสามชั้น แต่ยังไม่ทันที่หลี่เหม่ยฮวาจะสำรวจต่อ เสียงใสที่เต็ม

ไปด้วยความตื่นเต้นตกใจก็ดังขึ้น

“คุณหนู! นายหญิง คุณหนูฟื้นแล้วเจ้าค่ะ” เสียงนั้นดังขึ้นพร้อมกับร่าง

ของเด็กผู้หญิงตัวน้อยที่ดูแล้วอายุราวสิบสามสิบสี่ปีได้ในชุดจีนโบราณแปลกตา

หลี่เหม่ยฮวาอ้าปากจะส่งเสียงถามร่างนั้น แต่ร่างเล็กของเด็กน้อยหุนหัน

วิ่งตึงตังออกจากห้องไปเสียก่อนโดยไม่รั้งรอให้เธอเอ่ยถามแม้แต่ครึ่งคำ

เดี๋ยวสิ...เด็กน้อยจะรีบไปไหนกัน กลับมาตอบคำถามเราก่อนได้ไหมว่า

ที่นี่มันที่ไหน

ความทรงจำที่ตนโดนรถชนแล่นซ้ำไปมาในหัว ทำให้หลี่เหม่ยฮวาอดไม่ได้

ที่จะขมวดคิ้วอย่างเคร่งเครียด ก่อนตัดสินใจลุกออกจากเตียง แต่เพราะอาจ

ประเมินกำลังที่มีอยู่ในร่างนี้ผิดไปจึงกลายเป็นกลิ้งตกเตียงแทน

‘อ่า เจ็บชะมัด! ทำไมตายแล้วยังเจ็บได้เนี่ย!’

หลี่เหม่ยฮวาคิดอย่างหงุดหงิด มือก็กุมหน้าผากที่กระแทกพื้นด้วยความ

เจ็บปวด เสียงเปิดประตูพร้อมเสียงฝีเท้าดังขึ้นกระทบหู เธอจึงเงยหน้าขึ้นไปมอง

ว่าผู้มาใหม่เป็นใครกัน แต่ก่อนที่จะได้สำรวจร่างนั้นอย่างชัดเจน ร่างร่างหนึ่งก็

รวบเธอเข้าไปกอดทันที ความอบอุ่นจากกายมนุษย์อื่นทำให้หลี่เหม่ยฮวาเลิกคิ้ว

ขึ้นอย่างประหลาดใจ

“ฟางฟางลูกแม่ ในที่สุดเจ้าก็ฟื้นเสียที” เสียงสั่นพร่าที่เต็มไปด้วยความ

ปีติของผู้หญิงที่กอดเธอไว้แน่นเอ่ยขึ้น ยิ่งทำให้หลี่เหม่ยฮวาเปลี่ยนจากเลิกคิ้ว

มาเป็นขมวดคิ้วแน่นเพราะรู้สึกสงสัยมากขึ้นกว่าเดิม

ฟางฟางคือใคร?

เธอชื่อ หลี่เหม่ยฮวา สงสัยสาวสวยตรงหน้าคงจำคนผิดแล้วกระมัง

“ฟางฟางเป็นอย่างไรบ้างลูก” เสียงหวานยังคงถามต่อ อ้อมแขนนั้นคลาย

ออกเล็กน้อยเพื่อสังเกตเธออย่างละเอียด ดวงตากลมโตสีดำดุจผืนราตรีมอง

สำรวจเธอด้วยความเป็นห่วง คิ้วเรียวสวยดุจใบหลิวขมวดเล็กน้อยอย่างกังวล

ริมฝีปากอิ่มสีกุหลาบเม้มแน่น ผมสีดำขลับสลวยระใบหน้ารูปไข่ยิ่งทำให้ดวงหน้า

ของนางอัปสรที่สวยหวานอยู่แล้วนั้นดูอ่อนหวานมากขึ้นไปอีก

“คุณเป็นใคร” หลี่เหม่ยฮวาถามออกไปอย่างงงงวย

ผู้หญิงตรงหน้านี้เป็นใครกัน เหตุใดถึงเอาแต่พร่ำเรียกชื่อคนที่เธอไม่รู้จัก

ว่าเป็นเธอกัน

หลี่เหม่ยฮวาขมวดคิ้วจนแทบจะผูกเป็นโบเสียแล้ว ปากก็ยังคงถามต่อ

อย่างนึกสงสัย “ที่นี่ที่ไหน แล้วทำไมฉันถึงมาอยู่ที่นี่”

เธอถามออกไป ตาก็มองผู้ถูกถามอย่างมึนงง สาวงามที่ตระกองกอดเธอ

ไว้เบิกตากว้างมองเธอด้วยความตกใจ ท่อนแขนเรียวที่โอบล้อมเธอไว้สั่นจนทำ

ให้หลี่เหม่ยฮวางุนงงมากกว่าเดิม ริมฝีปากอิ่มน่าบดขยี้ขยับถามเธออีกหนึ่งประโยค

“ฟางฟาง จำแม่ไม่ได้เหรอลูก” ฮว่านฮูหยินถามลูกสาวคนเล็กด้วยความ

ตกใจ

“ใครคือฟางฟาง?” หลี่เหม่ยฮวายังคงถามอย่างงุนงงต่อ ก่อนที่หางตาจะ

เหลือบไปเห็นเงาตัวเองในแผ่นโลหะขัดจนเป็นเงาที่วางตั้งไว้บริเวณโต๊ะที่อยู่ไม

ห่างจากปลายเตียงมากนัก ภาพเงาที่สะท้อนในแผ่นโลหะนั้นควรเป็นร่างของนิสิต

แพทย์ปีห้าบัดนี้ถูกแทนที่ด้วยเงาของเด็กหญิงตัวน้อยอายุราวเก้าขวบสิบขวบ ผม

สีน้ำตาล ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนที่จ้องมองกลับมายังเธอนั้นเต็มไปด้วยความตกใจ

หลี่เหม่ยฮวาจึงลองยกมือซ้ายโบกให้แผ่นโลหะนั่น เงานั้นก็โบกมือกลับมาให้เธอ

ด้วยเช่นกัน เมื่อเธอเห็นเช่นนั้นจึงเผลออ้าปากค้างเพราะความเหวอ...

ทำไมเธอถึงอยู่ในร่างเด็กน้อยได้ล่ะ เธออายุยี่สิบเอ็ดแล้วนะ...

เฮ้ย! ตลกน่า!

แต่จะว่าไปเธอก็รู้สึกว่าโลกรอบตัวมันดูใหญ่โตแปลกๆ

บัดนี้หลี่เหม่ยฮวาทั้งสบถทั้งถามตัวเองด้วยสงสัยว่านี่มันเกิดเรื่องบ้าอะไร

ขึ้นกับเธอ

“ฟางฟาง”

เสียงทุ้มของชายหนุ่มร่างสูงใหญ่ที่เข้ามาในห้องนี้ตั้งแต่เมื่อไรไม่ทราบ เอ่ย

เรียกชื่อที่น่าจะเป็นเจ้าของร่างนี้อย่างเคร่งเครียด ใบหน้าหล่อเหลานั้นแลอายุราว

สามสิบต้นๆ เท่านั้น ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนเฉกเช่นเดียวกับเจ้าของร่างเล็กนี้เต็ม

ไปด้วยความตึงเครียดปนเปไปกับความกังวลใจ คิ้วสีน้ำตาลเข้มเหมือนสีผม

ขมวดเข้าหากัน จมูกโด่งเป็นสัน ริมฝีปากหนาได้รูปของเขาเม้มลงเล็กน้อย บ่งชัด

ถึงความไม่สบายใจที่ตนมี แม้ใบหน้าจะดูอ่อนเยาว์แต่กลับมีรังสีของความเป็น

ผู้นำและความน่าเกรงขามแผ่ออกมาจากร่างนั้นเต็มเปี่ยม

“คุณเป็นใคร” หลี่เหม่ยฮวาขยับปากถามต่ออย่างสับสน

เธอยังคงลำดับเรื่องราวที่เกิดขึ้นไม่ได้ ยิ่งอยู่ท่ามกลางคนแปลกหน้าและ

เหมือนจะไม่ได้อยู่ในร่างของตัวเองเช่นนี้ ยิ่งทำให้เธอสับสนจนทำอะไรไม่ถูก

สมองไม่อาจประมวลผลเรื่องราวเหนือธรรมชาติที่ตนพบได้ทัน

นี่มันเกิดเรื่องบ้าอะไรขึ้นกับเธอกันเนี่ย...

 

ความจำเสื่อม’ นี่คือสิ่งที่พวกเขาสรุปว่าเธอเป็น...ไม่ใช่สิไม่ใช่เธอ แต่

เป็น ‘ฮว่านหลินฟาง’ ชื่อเจ้าของร่างเด็กน้อยนี่ หลี่เหม่ยฮวานั่งเท้าคางในร่างของ

ฮว่านหลินฟางแล้วถอนหายใจอย่างเหนื่อยใจออกมาอีกเฮือก

 

            จะว่าไปเธอก็เพิ่งนึกออก...เหมือนหลังจากที่เธอคิดว่าตัวเองตายไปแล้ว

นั้น เธอก็ได้พบกับนงคราญผู้งดงามราวเทพสวรรค์ก็มิปาน เอ่ยกับเธอด้วย

รอยยิ้มสว่างสดใสและอบอุ่นดุจความอบอุ่นในฤดูใบไม้ผลิ ว่าเธอจำต้องเดินทาง

ไปทำตามโชคชะตาอะไรสักอย่างที่เธอลืมไปแล้วว่ามันคืออะไร เพราะมัวแต่หลง

อยู่ในห้วงเสน่ห์ของโฉมงามจนหูไม่ได้ใส่ใจที่จะฟังเรื่องราวเหล่านั้นมากนัก แต่

ถ้าเธอจำไม่ผิด เหมือนสตรีผู้นั้นจะบอกว่าเธอต้องเปลี่ยนภพภูมิเพื่อให้กงล้อ

ชะตากรรมหมุนวนต่อไป ยังไม่ทันที่จะเอ่ยถามว่าโฉมงามมีคนรู้ใจแล้วหรือยัง

ภาพทุกอย่างก็จางหายไปในชั่วพริบตา รู้สึกตัวอีกทีเธอก็มาอยู่ที่แห่งนี้แล้ว...

เอาเถอะ...แม้ไม่ทราบว่าสาวสวยคนนั้นจะเป็นเทพ เซียน หรืออะไรก็ตาม

แต่ ทีหลังช่วยมีเมตตาอธิบายให้เธอกระจ่างกว่านี้หน่อยก็ได้

หลี่เหม่ยฮวาถอนหายใจออกมาอีกเฮือกใหญ่ พยายามทำใจกับสิ่งที่เกิด

ขึ้นกับตน

ตามที่รู้มาจากหมินฮวา เด็กน้อยที่เธอเห็นหน้าในคราแรก ผู้เป็นพี่เลี้ยง

ประจำกายคุณหนูคนนี้นั้น เด็กนั่นบอกเธอว่าเจ้าของร่างชื่อ ฮว่านหลินฟาง บุตรี

คนเล็กของแม่ทัพฮว่านผู้ยิ่งใหญ่ที่มีผลงานทางการทหารมากมาย จัดได้ว่าเป็น

แม่ทัพผู้มีอำนาจและความสามารถล้นเหลือ มีพี่ชายสองคนและพี่สาวอีกสองคน

‘พี่น้องเยอะจนน่าปวดหัวจริงๆ’ หลี่เหม่ยฮวาได้แต่บ่นเงียบๆ ในใจ

พี่สาวคนโตชื่อ ฮว่านฮุ่ยเหม่ย อายุราวสิบหกปี ทั้งรูปโฉมและนิสัยใจคอ

ได้รับมาจากแม่ราวกับถอดออกมาจากแปลนเดียวกัน ทั้งสวย อ่อนหวาน และ

ใจดี จนเธอรู้สึกอิจฉาเจ้าของร่างที่มีพี่สาวแสนดีเช่นนี้

ถัดมาพี่ชายคนที่สองอายุสิบห้าปี ใบหน้าหล่อเหลา แต่ดูไปแล้วกลับ

คล้ายคลึงผู้เป็นแม่มากกว่าพ่อ ใบหน้านั้นเต็มไปด้วยรอยยิ้มอย่างคนร่าเริง

อารมณ์ดี ดวงตาสีน้ำตาลเข้มกระจ่างใสชวนมอง ริมฝีปากหนามักพูดได้ตลอด

เวลาไม่หยุด บ่งว่าเป็นคนช่างพูดมากเพียงใด มีนามว่า ฮว่านเพ่ยหยี

พี่ชายอีกคนอายุอ่อนกว่าหนึ่งปีชื่อ ฮว่านหลี่จวิน ใบหน้าถอดแบบมาจาก

ผู้เป็นพ่อเสียส่วนใหญ่ รวมทั้งนิสัย ใบหน้าคมเข้มเต็มไปด้วยความเคร่งขรึม

และเป็นคนพูดน้อย ผิดจากผู้เป็นพี่ชายโดยสิ้นเชิง

                ส่วนพี่สาวอีกคนชื่อ ฮว่านเฟย เป็นสาวงามชนิดหาตัวจับได้ยาก ดวงหน้า

นั้นคมแบบที่ได้รับมาจากผู้เป็นพ่อ ดวงตาสีดำกลมโตดุจตากวางนั้นเต็มไปด้วย

ความหยิ่งยโสจนทำให้เธอรู้สึกไม่เป็นมิตร แม้จะอายุเพียงสิบสองปีก็มีคนส่ง

เทียบเชิญขอดูตัวล่วงหน้ากันมากมาย

อืม...เรื่องที่เกิดขึ้นกับเธอนั้นให้ความรู้สึกเหมือนนิยายย้อนเวลาพลอต

เดิมๆ เลยแฮะ...

จะว่าไปแล้วเจ้าของร่างหายไปไหน จะมาทวงร่างคืนไหมน้า...หลี่เหม่ยฮวา

คิดต่อไปเรื่อยเปื่อย

แต่...เดี๋ยวนะ ถ้าเธอจำไม่ผิด เหมือนนางสวรรค์คนนั้นจะบอกว่าร่างนี้

เป็นของเธอตั้งแต่ต้น...อะไรของคนสวยคนนั้น? เธอไม่เห็นจะเข้าใจเลยสักนิด

หลี่เหม่ยฮวาถอนหายใจออกมาอีกเฮือก ก่อนจะพาร่างเล็กร่างใหม่ของ

ตนขึ้นไปนอนบนเตียง ท่อนแขนกลมเล็กพาดศีรษะตัวเองอย่างเหนื่อยอ่อน ซ่อน

ดวงตาที่เต็มไปด้วยความรู้สึกมากมายที่ยุ่งเหยิงอยู่ในใจไว้ใต้เปลือกตาบาง

ช่างเถอะ ถ้าเขาทวงก็คืนเขาไปละกัน...

อย่างไรก็ช่าง วันนี้เธอเหนื่อยแล้วขอพักก่อนละกัน พรุ่งนี้จะเป็นอย่างไร

ก็ค่อยว่ากันใหม่...บางทีพรุ่งนี้เธออาจกลับร่างตัวเองก็เป็นได้

หลี่เหม่ยฮวาพยายามมองโลกในแง่ดี แล้วปล่อยให้สติที่หลงเหลืออยู่เข้า

สู่ห้วงนิทรา

เสียงนกน้อยดังกระทบโสตประสาทของร่างเด็กน้อยที่นอนขดตัวอยู่บน

เตียง แสงแดดที่ลอดเข้ามาทางหน้าต่างให้ความรู้สึกแยงตาเสียจนเด็กน้อยต้อง

ลืมตาตื่น หลี่เหม่ยฮวาเอามือขยี้ตาเล็กน้อยด้วยความง่วงนอน ก่อนกวาดตามอง

ไปรอบๆ หวังให้มันกลับไปเห็นวิวทิวทัศน์ที่คุ้นเคย แต่ภาพที่ได้เห็นยังคงเป็น

ห้องสีขาวห้องเดิม เงาในแผ่นโลหะที่หางตาเหลือบไปเห็นยังคงเป็นเด็กน้อย

ดังเช่นเมื่อวานนี้

ไม่ใช่ฝันจริงๆ ด้วยแฮะ

หลี่เหม่ยฮวารู้สึกหัวเราะไม่ออกร้องไห้ก็ไม่ได้ขึ้นมาทันที

นี่ชีวิตเธอกำลังประสบกับเรื่องราวเหนือธรรมชาติที่วิทยาศาสตร์ไม่

สามารถพิสูจน์ได้จริงๆ อย่างนั้นหรือ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสิ่งที่เธอพบอยู่นี้ไม่ต่าง

จากนิยายที่หลี่ถิง เพื่อนรักของเธอชอบพูดถึงแม้แต่น้อย

หลี่เหม่ยฮวาจึงนึกปลงและถอนหายใจอีกครั้ง

ตอนนี้เธอจะทำเช่นไรได้ อย่างไรเสียก็ยังไม่ตาย เธอคงทำได้เพียงยอมรับ

ชะตากรรมอันน่าเหลือเชื่อนี้

หลี่เหม่ยฮวามองออกไปนอกหน้าต่างที่ควรจะเป็นตึกสูงซึ่งเธอคุ้นชิน

บัดนี้กลับเป็นสวนพฤกษานานาพันธุ์แทน

ไม่ว่าเรื่องนี้จะเป็นความจริงหรือความฝัน ต่อให้เธอจะปฏิเสธมากเพียง

ใด ความจริงที่เธอยังสามารถสัมผัสและมีความรู้สึกตรงหน้าก็ไม่ได้เปลี่ยนไปดัง

ใจนึกได้เลยสักนิด...ในตอนนี้เธอทำได้เพียงยอมรับและใช้ชีวิตที่ไม่รู้จะดับลง

เมื่อไรให้เต็มที่อีกครั้งหนึ่งเท่านั้น

เธอเชื่อว่าเรื่องทุกอย่างที่เกิดขึ้นล้วนมีเหตุผลในตัวมันเอง เพียงแต่ตอน

นี้เธอแค่ยังไม่รู้ว่าเหตุผลนั้นคืออะไร

แต่ไม่ว่าโชคชะตาจะหมุนไปทางใด เธอจะใช้ชีวิตให้เต็มที่ดังที่ตัวเอง

ต้องการ หลี่เหม่ยฮวามองมือเล็กของตนก่อนกำแน่นขึ้นเล็กน้อย ดวงตาสีน้ำตาล

อ่อนของเด็กน้อยทอประกายวาววับอย่างมุ่งมั่นในบางสิ่งขึ้นมาทันที

ให้ตายเถอะ นี่ถ้าเธอไม่ใช่คนอะไรก็ได้ รวมทั้งอยู่ที่ไหนก็ได้ คงสติแตก

จนเป็นบ้าไปแล้วแหงๆ

หลี่เหม่ยฮวาหัวเราะให้แก่ความคิดของตัวเองเล็กน้อย มือเล็กเอื้อมไป

หยิบกาน้ำชาที่เย็นเฉียบมารินใส่ถ้วยกระเบื้องเคลือบ เงารอยยิ้มบางๆ ของเด็ก

น้อยสะท้อนบนน้ำชา

 คงถึงเวลาแล้วที่เธอต้องเริ่มต้นใหม่อีกครั้ง

คุณหนูเจ้าคะ ได้เวลาตื่นนอนแล้วเจ้าค่ะ” เสียงใสเอ่ยขึ้นขัดบรรยากาศ

ที่เงียบสงบในยามเช้า ก่อนทำหน้าเหมือนเห็นผี เมื่อคุณหนูที่ชอบนอนตื่นสาย

จนตะวันจะทิ่มก้นของตนกำลังนั่งจิบชาอย่างสงบ ไม่เหลือเค้าของคุณหนูจอมซน

 

            (โปรดติดตามต่อในฉบับเต็ม)

รายละเอียด

เมื่อชีวิตได้รับโอกาสให้เริ่มต้นใหม่อีกครั้ง...
'หลี่เหม่ยฮวาง นิสิตแพทย์ปีห้าผู้ปรารถนาชีวิตอิสระ
กลับต้องไปอยู่ในร่างของ 'หลินฟาง' ผู้ซึ่งถูกจองจำอยู่ในกรอบของสังคมภพใหม่
ซึ่งสตรีมีหน้าที่เพียงปรนนิบัติและสร้างความสำราญให้แก่บุรุษ
ส่วน 'เสวี่ยหยาง' แม่ทัพแห่งทิศตะวันออกผู้เย็นชา
ที่เก็บซ่อนความสามารถแท้จริงของตนเองไว้
และเกลียดชังผู้หญิงเป็นอย่างมากเพราะมีปมเรื่องมารดา
ทว่าเมื่อได้เจอกับหลินฟาง ความรู้สึกนั้นกลับเปลี่ยนไป
เขาเกลียดชังผู้หญิงเป็นทุนเดิม เธอเกลียดชังการบังคับและรักความเสมอภาคทางเพศ
แล้วบทสรุปของสองหนุ่มสาวจะลงเอยกันเช่นไร...

 


รีวิว (0)


สินค้าที่ใกล้เคียง (96 รายการ)

www.batorastore.com © 2024