กรุ่นไอรัก

กรุ่นไอรัก

0 รีวิว  0 รีวิว    
รหัสสินค้า: 9786160019489
มีสินค้าในสต็อค
ราคา: 320.00 บาท 80.00 บาท
ประหยัด: 240.00 บาท ( 75.00% )

เนื้อหาบางส่วน

 

แขกสาววีไอพี

 

มือเล็กพับจดหมายฉบับสำคัญที่ถูกขยำจนยับยู่ยี่ใส่ในกระเป๋าเสื้อ

ก่อนจะหยิบเป้ซึ่งเต็มไปด้วยขนมขบเคี้ยวเพื่อเอาหมากฝรั่งมาเคี้ยวอย่าง

อารมณ์ดี เจ้าของเสื้อเชิ้ตลายทางที่สวมทับด้วยฮู้ดสีเทา และนุ่งกางเกงยีน

สีซีดขาดวิ่น กำลังนั่งดึงหมากฝรั่งให้ยืดอยู่บนท้ายรถกระบะโกโรโกโสซึ่งมี

สติกเกอร์เก่าๆ แปะที่กระจกท้ายรถตัวโตๆ ว่า ‘ไร่ปันพร’

อันนาหงุดหงิดเล็กน้อยที่ปอยผมหยักศกหลุดลุ่ยลงมาด้านหน้าตอนที่

ลมเอื่อยๆ ในฤดูหนาวพัดผ่านเข้ามากระทบใบหน้า ซึ่งสร้างความรำคาญใจ

ให้เธอได้มากทีเดียว เธอควานหาของในเป้อีกครั้ง ก่อนที่หมวกใบโตจะโผล่ขึ้น

มาจากเป้แล้วถูกสวมโดยเจ้าของหมวก เธอกดปีกหมวกแก๊ปลงต่ำเพื่อกันลม

เย็นๆ ที่พัดเข้ามากระทบใบหน้าจนแสบตาไปหมด กระทั่งได้ยินเสียงเคาะ

กระบะสองสามครั้งจากใครบางคนที่เดินมาหยุดอยู่ข้างๆ

เขาคือฝรั่งตัวสูง แต่ไม่บึกบึนเท่าไรนัก

แต่ว่าผู้ชายที่อยู่ตรงหน้าเธอนั้น...หล่อ!

นัยน์ตาสีน้ำตาลอ่อนวิบวับราวกับมีน้ำหล่อเลี้ยงตลอดเวลานั้นทำให้

คนตรงหน้าดูเจ้าชู้กรุ้มกริ่ม ขณะที่ผมหยักศกสีเดียวกับดวงตายามต้องลมก็

ยังดูดีมีน้ำหนัก ผิดกับผมเส้นใหญ่แข็งราวกับไม้กวาดของเธอลิบลับ จมูกโด่ง

งองุ้มราวกับเหยี่ยว ทว่ากลับเข้ากันดีกับคิ้วสีน้ำตาลเข้ม

            ใบหน้าหล่อเหลาดูบึ้งตึงเล็กน้อย แต่เขาก็ยังพยายามส่งยิ้มให้เธอ ยาม

ยิ้มสองแก้มของเขาก็มีรอยบุ๋มชัดเจน แม้กระทั่งตอนที่เขาเอ่ยกับเธอด้วยภาษา

ไทยที่ฟังไม่เพี้ยนแม้แต่คำเดียวก็ตาม รอยบุ๋มข้างแก้มก็ยังปรากฏให้เห็นจน

เป็นจุดเด่นที่สุดบนใบหน้าของเขา

“ว่าไงครับ ไม่ทราบว่ามานั่งทำอะไรบนรถคันนี้”

อันนาเอียงคอมองเขาเล็กน้อย เขาน่าจะรู้จักกับเจ้าของรถหรือใครสัก

คนที่รู้จักไร่ปันพร และเผลอๆ เขาอาจจะเป็นคนสำคัญของไร่นั่นก็ได้ อาจจะ

เป็นผู้ร่วมลงทุนอะไรทำนองนั้น หญิงสาวเอี้ยวตัวหันไปชี้ตัวอักษรที่ขาวซีดซึ่ง

ติดอยู่ตรงขอบกระจกด้านหลังทันที เธอส่งยิ้มยียวนให้เขา ก่อนจะพยักหน้า

น้อยๆ เมื่อเขาครางชื่อนั้นออกมา

“ไร่ปันพร อย่าบอกนะว่าจะไปที่ไร่ปันพร”

“รีบออกรถสิ ไหนๆ ก็ไปทางเดียวกัน จะได้ช่วยชาติประหยัดน้ำมัน”

ปกติแล้วอันนาไม่ค่อยคุ้นที่จะพูดคุยกับคนแปลกหน้านัก แต่ด้วยความ

ที่เธอต้องทำงานหนักเป็นเวลาเจ็ดปีนับตั้งแต่จบชั้นมัธยมปลาย เธอจึงต้องปรับ

ตัวให้เข้ากับสังคมมากขึ้น เธอจะพูดก็ต่อเมื่อควรจะพูด และสิ่งที่เธอพูดก็ต้อง

มีประโยชน์ไม่มากก็น้อย

เธอตัดสินใจพูดกับชายแปลกหน้าผู้หล่อเหลา ทั้งๆ ที่เพิ่งเจอกันครั้ง

แรก และฝรั่งอย่างเขาไม่น่าจะมีปฏิกิริยาเชิงลบกับการพูดคุยกับคนแปลกหน้า

เช่นเธอ แต่อันนาคงคิดผิด เพราะใบหน้าหล่อเหลานั้นกลับตึงจนแทบจะลั่น

เปรี๊ยะๆ หลังจากที่เขาได้ฟังคำพูดของเธอ

“แต่นี่มันรถส่วนบุคคล ไม่ใช่รถสาธารณะนะครับ”

เขาฝืนยิ้มตอบกลับมาทั้งๆ ที่กัดฟันกรอดเพื่อข่มอารมณ์ไว้ เธอไม่เห็น

ว่ามันจะเป็นปัญหาตรงไหนกับการที่ไปทางเดียวกัน ด้วยดูจากสภาพรถของ

เขาแล้ว มันน่าจะเป็นรถขนของหรือส่งของที่ใช้งานมาไม่ต่ำกว่าสิบปี มากกว่า

จะเป็นรถส่วนตัวอย่างที่เขากล่าวอ้าง ดังนั้น รถส่งของจะไปส่งเธอด้วยก็ไม่น่า

จะเป็นปัญหา

            ไหนๆ ก็ไปทางเดียวกัน ไม่เห็นจะเป็นอะไรเลย นอกจากช่วยชาติ

ประหยัดน้ำมันแล้ว ก็ยังได้ช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ด้วย ไม่เห็นจะเสียหายตรง

ไหนสักนิด”

 เขาเม้มริมฝีปากนิ่งสนิท ก่อนจะหุบยิ้มแล้วทำหน้าบึ้งตึงอย่างเห็นได้ชัด

ฝรั่งรูปหล่อราวกับนายแบบแฟชั่นที่เดินบนรันเวย์นั้นกอดอกเอียงคอมองเธอ

ตั้งแต่หัวจดเท้าอย่างไม่คิดไว้หน้าอีกต่อไป เขาถอนหายใจแล้วพูดขึ้นอีกครั้ง

ด้วยน้ำเสียงขุ่นเขียว จนรู้สึกได้ว่าเขาคงจะอกแตกตายได้ง่ายๆ หากเธอยังฝืน

อยู่ตรงนี้

“แต่ฉันไม่ไว้ใจคนแปลกหน้า! มีอย่างที่ไหน มานั่งบนรถคนอื่นแล้วขอ

ไปด้วยแบบนี้ ไม่มีมารยาท นี่จะบอกให้นะหนู ฉันน่ะไม่คิดจะรับเลี้ยงเด็กที่

หนีออกจากบ้าน ให้พ่อแม่ของเขาตามมาเชือดคอหรอกนะ ที่สำคัญ หุ่นอนุบาล

อย่างเธอ มันไม่ดึงดูดให้ฉันคิดจะเลี้ยงต้อยเลยสักนิด ฉันว่าเธอรีบกลับบ้าน

ไปหาพ่อแม่ ดีกว่าจะมานั่งอยู่ตรงนี้...”

“ฉันไม่ได้หนีออกจากบ้านสักหน่อย”

“ถ้าไม่รีบลงมาตอนนี้ ฉันจะโทร. แจ้งตำรวจเดี๋ยวนี้แหละ” เขาขู่

‘ไร้น้ำใจชะมัด!’

“พูดดีๆ ก็ได้ ไม่เห็นจำเป็นต้องขู่เลย”

อันนาอดไม่ได้ที่จะบ่นพึมพำ เธอสังเกตว่ามันยิ่งทำให้เขาจ้องเธอไม่

วางตา ผู้ชายตรงหน้าทำให้เธอรู้สึกเหมือนเป็นโจรที่ฆ่าคนตายแล้วหวังจะหนี

หัวซุกหัวซุนเพื่อเอาตัวรอดอย่างไรอย่างนั้น หญิงสาวได้แต่ถอนหายใจ ก่อน

จะลุกขึ้นยืนแล้วกระโดดลงจากรถ โดยเฉี่ยวแขนเขาเพียงเล็กน้อย

ฝรั่งจอมวีนขึงตามองเธออย่างเอาเรื่อง ขณะที่เธอยกเป้พาดไหล่ขึ้นมา

เฉียดหน้าเขาอย่างจงใจ มันค่อนข้างสนุกที่ได้ยั่วคนตัวโตให้วีนเป็นตุ๊ด

“แย่หน่อยนะ แต่ต้องบอกว่าไว้เจอกัน คุณฝรั่งดองเค็ม!”

อันนาไม่ปล่อยให้เขาระเบิดตัวเองเป็นโกโก้ครั้นช์ต่อหน้าเธอ หญิงสาว

วิ่งตรงไปนั่งบนรถสองแถวพร้อมกับบอกจุดหมายปลายทางเพื่อเหมารถเข้าไป

ในไร่ด้วยเงินจำนวนหนึ่ง แต่เธอก็ยังไม่วายโบกไม้โบกมือให้ฝรั่งดองตรงหน้า

แน่นอนว่าท่าทางที่เธอได้รับกลับมาคืออาการหัวฟัดหัวเหวี่ยงราวกับจะงับหัว

เธอให้ได้

การเดินทางจากท่าอากาศยานเชียงรายมาถึงไร่ปันพร ใช้เวลาหนึ่ง

ชั่วโมงเต็ม

อันนาต้องทนข่มใจไม่ให้อาเจียนออกมา หลังจากที่ต้องนั่งรถผ่านทาง

ลูกรังคดเคี้ยวเข้ามาในไร่ ที่หากว่ามองอย่างไม่อคติ มันก็แค่ไร่กาแฟธรรมดาๆ

แห่งหนึ่ง แต่เมื่อผสมกับอคติแล้ว มันก็คือไร่กาแฟดาษดื่นทั่วไป ไม่เห็นจะ

สวยเหมือนสวรรค์ชั้นเจ็ดอย่างที่พ่อเขียนบอกในจดหมายเลย

อันนานึกค่อนขอดความโอเวอร์ของพ่อ ก่อนจะหยิบจดหมายยับยู่ยี่

ออกมากวาดตาอ่านอีกครั้ง ขณะก้าวเข้าไปด้านในสายตาของเธอก็พลันสะดุด

เข้ากับรถกระบะโกโรโกโสที่เธอเพิ่งเจอเมื่อชั่วโมงก่อน

และ...โอ้!...ภรรยาชาวต่างชาติของลุงชาญ ข้อความในจดหมายนั่น

ทำให้เธอต้องยกมือขึ้นขยี้ตาตัวเองอีกครั้ง

‘ชัดเลย อย่าบอกนะว่า...’

หญิงสาวทำหน้าอย่างบอกไม่ถูก ขณะก้าวเข้าไปที่เคาน์เตอร์รับแขกด้าน

ใน เขาก็ปรากฏตัวขึ้นอีกครั้งพร้อมท่าทางยืดเพื่อข่มเธอชัดเจน อันนาถอน

หายใจยาวเมื่อพบว่าฝรั่งดองเค็มจอมหงุดหงิดยกป้ายไม้ขึ้นมากระแทกลงบน

เคาน์เตอร์เสียงดัง พร้อมกับชี้ให้เธอมอง

‘ห้องเต็ม’

ป้ายนั่นเขียนไว้ตัวโตเชียวละ

เธอตัดสินใจเมินฝรั่งดองจอมจุ้นนั่น ก่อนจะคลี่ยิ้มให้พนักงานสาวที่ดู

เหมือนจะกลัวเกรงเขาไม่น้อย สมองของเธอกำลังประเมินอะไรบางอย่าง และ

นั่นก็ทำให้เธอรู้สึกกลัวเสียด้วยสิ

“ฉันมาพบเจ้าของไร่ค่ะ อืม ลุงชาญ หรือไม่ก็...” หญิงสาวคลี่จดหมาย

ออก ก่อนจะกวาดตามองแล้วขยำใส่ไว้ในกระเป๋าเสื้ออีกครั้ง “...ชงคมน์”

“เอ่อ...นัดไว้มั้ยคะ”

เธอส่ายหน้า “ช่วยบอกเขาได้มั้ยคะว่าพี่สาวของอัยยามาขอพบ”

คำพูดนั้นทำให้พนักงานสาวละล่ำละลักผิดปกติ ก่อนจะหันไปมองฝรั่ง

ดองที่อยู่ข้างๆ อันนาสังเกตว่าเขากำลังช็อกขณะพูดพึมพำ พร้อมกับมองเธอ

อย่างไม่เชื่อสายตา

“พี่สาว?...” เขาครางออกมา ก่อนจะร้องห้ามพนักงานที่กำลังต่อสายหา

ใครบางคนที่เธอขอพบ

“หยุด!!! ฉันจะไว้ใจคนแปลกหน้าอย่างเธอได้ยังไง หน้าอย่างเธอต้อง

แลกบัตร แลกบัตรเท่านั้น! เอาบัตรมาดูซิ”

อันนาถอนหายใจอีกครั้ง ก่อนจะควานหาบัตรประชาชนในกระเป๋าแล้ว

ยื่นให้เขา พร้อมกับเอ่ยย้ำกับพนักงานอีกครั้งเป็นการเร่ง

“ฉันชื่ออันนาค่ะ อันนา อาภาภัทร บอกเขาด้วยว่าฉันอยากพบเขาเร็ว

ที่สุด”

พนักงานสาวคนเดิมตอบรับหน้าซีด ก่อนจะยกมือสั่นๆ ขึ้นกดต่อสาย

ท่าทางผิดปกติจนน่าสงสัยนั่นสะดุดตาเธอเข้าอย่างจัง แต่ไม่มีเวลาได้คิดมาก

นัก เพราะเธอต้องหันไปต่อกรกับฝรั่งดองจอมเกรียนที่เอ่ยอย่างตะกุกตะกัก

พร้อมกับมองบัตรประชาชนที่เพิ่งทำมาหมาดๆ ก่อนจะขึ้นเครื่องจากกรุงเทพฯ

มาเชียงรายนี่

“ไม่อยากเชื่อ...พี่สาวของยายอัยย์กับนายอาชว์ ปลาปักเป้าเนี่ยนะ!?”

อันนามองเขาอย่างไม่พอใจ หญิงสาวเอื้อมมือไปคว้าบัตรประชาชนกลับ

มา ขณะที่ผู้ชายตรงหน้าพยายามจะตั้งสติด้วยการกะพริบตาถี่ๆ ไม่นานเขาก็

หุบปากฉับ แล้วกลับมาเป็นคนเดิมที่มองเธอด้วยความหวาดระแวงอีกครั้ง

“เธอมาขอพบพ่อกับพี่ชายฉันทำไม” เขาหรี่ตามอง “...เป็นมิจฉาชีพรึ

เปล่าฮะ!?”

อันนาส่ายหน้าไปมาขณะมองเขาด้วยความสมเพช “อย่ามาใช้สายตา

แบบนั้นมองฉันนะเฟ้ย!”

“พ่อเลี้ยงจะให้คนไปส่งคุณค่ะ ตอนนี้พ่อเลี้ยงทำงานอยู่ที่บ้าน เดี๋ยว

ดิฉันขอไปตามคนรถก่อนนะคะ” พนักงานสาวคนนั้นเอ่ยด้วยน้ำเสียงไพเราะ

และเป็นมิตรกว่าเดิม

“ขอบคุณค่ะ”

อันนาเลือกที่จะเมินฝรั่งดอง ก่อนจะหันมาหาเขาอีกครั้ง ด้วยความที่

เขาไม่น่าจะเป็นน้องชายคนเล็กของบ้านได้ เขาก็คงจะเป็นนายชาคริตที่สนิท

สนมกับน้องชายของเธอ อันนาอดคิดไม่ได้ว่าหากอาชวินผู้เป็นน้องชายมีนิสัย

น่ารังเกียจแบบนี้ เธอจะทำเช่นไร

“ว่าไงฮะ! เธอหวังอะไรกันแน่ ถึงได้ถ่อมาหาน้องแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย แล้ว

นี่หายหัวไปไหนมาวะ จู่ๆ ถึงได้โผล่มาอย่างกับผีแบบนี้”

เธอยักไหล่ “ฉันพูดกับคนไร้น้ำใจอย่างนายไปก็เปล่าประโยชน์ สู้พูด

กับคนที่ใหญ่กว่า ดีกว่าเห็นๆ”

“หน็อย! ยายปลาปักเป้า คิดจะพ่นพิษใส่ฉันเหรอวะ”

อันนามองท่าทางกระฟัดกระเฟียดของเขาแล้วส่ายหน้า ไม่นานนัก

พนักงานสาวก็พาสารถีซึ่งเป็นหนุ่มดอยที่พูดแล้วฟังไม่รู้เรื่องแบบสุดๆ ให้ไป

ส่งเธอที่บ้านพ่อเลี้ยง หญิงสาวหันหลัง ทิ้งระเบิดโดยการแลบลิ้นปลิ้นตาใส่

ฝรั่งดองนิสัยห่วยแตก เขาเต้นเป็นเจ้าเข้าตอนที่เห็นเธอทำเช่นนั้น และมันก็

ทำให้เธอมีความสุขแบบสุดๆ ที่ยั่วฝรั่งดองตัวโตเป็นควายให้โมโหได้

 

ไม่นานนักอันนาก็มาถึงหน้าบ้าน ด้วยความที่ฟังสารถีชาวดอย

ไม่รู้เรื่องหญิงสาวจึงไม่ทราบว่าต้องทำอย่างไร เพราะเธอถูกปล่อยทิ้งไว้หน้า

บ้านก่อนที่รถจะแล่นหายลงไปด้านล่าง เธอหันมองรอบๆ บ้าน ก่อนจะหยุด

ความสนใจที่แปลงกุหลาบสีสดซึ่งเลื้อยขึ้นรอบซุ้มศาลาเล็กๆ ที่ตั้งอยู่กลาง

สนามหญ้า ด้านบนมีป้ายแขวนที่ถูกเขียนด้วยลายมือเป็นภาษาอังกฤษสวยงาม

‘Rose is Love’ ทำให้เธออดนึกถึงบทกลอนภาษาอังกฤษที่เคยอ่านเมื่อนาน

มาแล้วไม่ได้ และมันทำให้เธออดคิดไม่ได้เช่นกันว่าเจ้าของบ้านคงเป็นผู้ชายที่

โรแมนติกพอสมควร

ความคิดของเธอหยุดลง เมื่อเริ่มรู้สึกว่าตัวเองกำลังสนใจเรื่องไร้สาระ

อันนาละสายตาจากรอบบริเวณบ้านก่อนจะเดินไปกดออดที่หน้าบ้านสองสาม

ครั้ง เพราะความโมโหที่ถูกปล่อยให้รอนานบวกกับอคติส่วนตัว หญิงสาวจึง

จิ้มออดรัวๆ ด้วยความแค้นเคือง เธอคิดว่ามันคงจะทำให้เจ้าของบ้านหัวเสีย

น่าดู ทว่าคนหัวเสียกลับกลายเป็น...เธอ!

ประตูบ้านถูกเปิดออกพร้อมกับเจ้าของบ้านที่โผล่หน้าออกมา หญิงสาว

ตวัดสายตาขึ้นไปมองเขาด้วยความขุ่นเคือง แล้วก็ต้องกลืนน้ำลายด้วยความ

ไม่เข้าใจ หลังจากเห็นชายหนุ่มตรงหน้าอยู่ในสภาพที่ไม่ควรจะโผล่หน้าออก

มารับแขกเท่าไรนัก เขาคงเป็นพี่ชายของฝรั่งดองจอมหงุดหงิดนั่นแน่ๆ

แต่สภาพของเขาตอนนี้กลับทำให้อาการอยากวีนแตกเพราะถูกปล่อย

ให้รอเก้อและถูกน้องชายของเขากลั่นแกล้งนั้นมลายหายไปอย่างไร้ร่องรอย

ขณะเดียวกันเธอก็ควานหาเสียงของตัวเองไม่พบ

“คุณบังคับให้ผมลงมาสภาพนี้เองนะ” นั่นคือคำทักทายแรกระหว่างเขา

กับเธอ

ชายหนุ่มผู้เป็นเจ้าของบ้านอยู่ในสภาพกึ่งเปลือย เขาทำให้สาวใสไร้

เดียงสาอย่างเธอมีมลทินด้วยการนุ่งผ้าขนหนูเพียงผืนเดียวออกมาให้เธอเห็น

มิหนำซ้ำซิกซ์แพ็กเป็นมัดๆ ซึ่งมีหยดน้ำเกาะพร่างพราวนั่นก็ทำให้เธออยาก

อุทานออกมาดังๆ ว่า

‘คุณพระ! อกอีแป้นจะแตก’

ยิ่งตอนที่เขาขยี้ศีรษะจนหยดน้ำฟุ้งไปทั่ว แล้วใช้ดวงตาสีเทาหม่นแต่

แพรวพราวเหลือร้ายนั่นจ้องมองเธออย่างไม่วางตา ก็แทบจะทำให้เธอถึงกับ

ลมจับเลยทีเดียว

“เข้ามาข้างในก่อนมั้ยคุณ”

คำพูดของเขาเผลอทำให้เธอถอยห่างออกไปทันที สายตาจอมเกเรของ

 

(โปรดติดตามต่อในฉบับเต็ม)


รีวิว (0)


สินค้าที่ใกล้เคียง (96 รายการ)

www.batorastore.com © 2024