พัดผ่านรัก

พัดผ่านรัก

0 รีวิว  0 รีวิว    
รหัสสินค้า: 9786160021093
มีสินค้าในสต็อค
ราคา: 260.00 บาท 65.00 บาท
ประหยัด: 195.00 บาท ( 75.00% )

เนื้อหาบางส่วน

‘ใครว่าชีวิตนักเขียนสุขสบาย’

นั่นเป็นความคิดที่ฝังอยู่ในหัวของวาตี ทุกครั้งที่หล่อนนั่งหลังขดหลังแข็ง

ปั่นต้นฉบับนิยายแต่ละเรื่องเพื่อส่งสำนักพิมพ์ ส่วนใหญ่หล่อนจะอยู่ติดบ้าน

เพราะการเขียนหนังสือที่เป็นงานหลักนั้นไม่มีวันหยุด คติของหล่อนคือ

เขียนทุกวันให้เกิดวินัย สม่ำเสมอ และอดทน

แต่วันนี้ไม่รู้เป็นอะไร หล่อนนั่งหน้าคอมพิวเตอร์ตั้งแต่สายหลังจาก

รับประทานอาหารเช้า แต่สมองก็ไม่แล่น พิมพ์ไม่ได้สักตัว หล่อนจึงคิดว่าจะ

ยอมแหกกฎของตัวเอง ไปเดินชอปปิงเลือกซื้อเสื้อผ้าสักสองสามชุด กระเป๋า

สักใบ หรือไม่ก็แวะเคาน์เตอร์เครื่องสำอาง เลือกอายแชโดว์รุ่นใหม่ ลิปสติก

สีใหม่ หล่อนอาจจะหายเซ็ง

หล่อนใช้เวลาแต่งตัวนานกว่าหนึ่งชั่วโมง

 

วาตีขับรถไปห้างสรรพสินค้าใกล้บ้าน เมื่อจอดรถเรียบร้อย กำลังจะปิด

ประตูรถ หล่อนก็นึกสังหรณ์ใจเลยเหลียวมองไปรอบตัว เพราะรู้สึกเหมือน

มีใครกำลังจ้องมองมาคล้ายถูกสะกดรอย แต่เหลียวไปทางใดก็ไม่พบพิรุธ

หล่อนจึงไหวไหล่และเบ้ปากอย่างที่ชอบทำ ก่อนจะเดินเข้าไปข้างใน

หญิงสาวเดินตรงไปยังชั้นล่างของห้างสรรพสินค้าก่อน เพื่อมุ่งไปยัง

เคาน์เตอร์เครื่องสำอาง ใช้เวลาเกือบครึ่งชั่วโมง หล่อนก็ได้มาสคารารุ่นใหม่

ปลอกสีม่วงหรูหรา ที่พนักงานแนะนำว่าปัดแล้วขนตาจะหนาเด้ง นุ่ม และ

ยืดหยุ่น ไม่เลอะ หลุด หรือจับเป็นก้อน แล้วก็ยังได้ยาทาเล็บมาอีกหกเฉดสี

ไหนจะบรัชออนชนิดเม็ดในตลับเดียว ที่ปัดแล้วแก้มจะชมพูเรื่อเป็นสีเลือด

ฝาด อีกทั้งลิปสติกปลอกสีทองเนื้อเนียนที่ผสมผงเพชร พอทาลงบนกลีบปาก

จะทำให้ปากอิ่มและวาว

ความสุขนำพาให้หล่อนก้าวเข้าไปในร้านเสื้อ หญิงสาวเลยได้ชุดใหม่

ที่เพิ่งวางขายได้แค่สัปดาห์เดียวมาถึงสามชุด แต่ทุกชุดก็ยังคงคอนเซปต์เดิม

คือโทนสีขาวดำเช่นเดียวกับชุดที่หล่อนสวมมาวันนี้ ผ่านไปไม่ถึงสองชั่วโมง

หล่อนก็หิ้วถุงสินค้าเต็มสองมือ พอจะก้าวขาออกจากร้านรองเท้า หล่อน

ก็เริ่มรู้สึกเช่นเดิมอีกครั้ง

เหมือนมีใครแอบมองหล่อนอยู่ห่างๆ

วาตีเหลียวซ้ายแลขวาพลางกวาดตามอง ไม่รู้ว่าสายตาคู่นั้นซ่อนเร้น

อยู่ซอกไหน เพราะผู้คนที่มาเดินชอปปิงหรือมาพักผ่อนหย่อนใจ ต่างก็เดิน

กันขวักไขว่ แต่หล่อนอาจจะมึนกาแฟที่ดื่มติดกันตอนเช้าสองแก้ว ซึ่ง

มากกว่าปกติ เลยทำให้เบลอ สมองหนักอึ้ง ไม่ปลอดโปร่ง พลอยทำให้คิด

ฟุ้งซ่านก็เป็นได้

‘ฉันอาจจะคิดมากไปเองก็ได้’

 

ภูพัดไม่คิดว่าจะมาเจอผู้หญิงที่ตัวเองหลงใหลได้ปลื้มมานานเกือบ

สองปีโดยบังเอิญ เขาสั่งให้คนขับรถขับตามรถยนต์ของหญิงสาวภายใน

ลานจอดรถของห้างสรรพสินค้า จนเห็นว่าหล่อนหาที่จอดได้แล้ว แต่รถ

ของเขายังคงวนห่างออกไป เขาจึงตัดสินใจลงจากรถแล้วด้อมๆ มองๆ หล่อน

ในระยะห่าง

                เพราะเขาไม่กล้าจะเปิดเผยตัว อีกทั้งตอนนี้เวลาเขาจะไปไหนมาไหน

ก็จำเป็นต้องสวมหมวกแก๊ป สวมแว่นกันแดดเพื่ออำพรางและหลบหลีก...

พวกปาปารัซซี

เขาเดินอยู่ห่างจากวาตีหลายช่วงตัว เฝ้ามองด้วยใจระทึก ตั้งแต่นาทีแรก

ที่หล่อนไปยังเคาน์เตอร์เครื่องสำอางหลากยี่ห้อ เขาเห็นหล่อนลองลิปสติก

เดี๋ยวก็หยิบเฉดนั้นเฉดนี้ทาลงบนกลีบปาก แล้วส่องกระจกสำรวจ ผ่านไป

เกือบครึ่งชั่วโมง หล่อนก็เดินตัวปลิวออกมาจากโซนนั้นพร้อมกับมือข้างหนึ่ง

ถือถุงสินค้าไม่น้อยกว่าสามถุง

ภูพัดได้แต่ยิ้มอย่างกระหยิ่มใจ นึกเพียงว่า ‘ผู้หญิงหนอผู้หญิง ช่าง

คู่กับความสวยความงามเสียจริง’

เขาแอบเดาต่อไปว่าหล่อนจะต้องเดินเข้าร้านเสื้อผ้าแบรนด์ดังอีกหลาย

ยี่ห้อ แล้วก็เดาไม่ผิด เมื่อหล่อนเข้าร้านโน้นออกร้านนี้จนพอใจ และมีถุงสินค้า

ติดมือเพิ่มมาอีก

ไม่นึกว่าผู้หญิงอย่างวาตีจะเป็นสาวนักชอป

เท่าที่เขารู้จักหล่อนแต่เพียงผิวเผินฝ่ายเดียวนั้น หล่อนเป็นนักเขียน

ยอดนิยมนามปากกา ‘ดาหราวาตี’ มีนิยายออกมาไม่รู้กี่เล่ม แต่เท่าที่ข่าวกรอง

ชั้นเยี่ยมบอกข้อมูลแก่เขา ปกติหล่อนจะเป็นคนประเภทมีอีโก้จัด เข้ากับ

คนอื่นไม่เก่ง ไม่ค่อยสุงสิงกับใครนัก ยกเว้นแต่เพื่อนร่วมอาชีพที่สนทนากัน

ผ่านโปรแกรมเฟซบุ๊กยอดฮิต

คนอย่างหล่อนเป็นพวกชอบอยู่บ้านมากกว่าจะออกไปสังสรรค์ ดังนั้น

โอกาสที่จะพบหล่อนในงานสังสรรค์กลางคืนจึงเป็นไปได้ยาก

แต่คนสืบข่าวไม่เคยเล่าว่าหล่อนเป็นพวกชอปแหลก ครั้งนี้ได้เห็นกับตา

เขาถึงเชื่อ เพราะตลอดสองชั่วโมงที่เขาตามหล่อนอยู่ห่างๆ อย่างอดทน เพียง

แค่อยากรู้ว่าหล่อนมีกิจวัตรประจำวันอะไร และถ้าเป็นไปได้ เขาก็นึกอยาก

จะเป็นเหมือนพระเอกในนิยายที่หล่อนเขียน

เขาอยากจะเปิดตัวให้หล่อนได้รู้จักด้วยสถานการณ์แสนคลาสสิก

ประเภทที่เดินชนไหล่โดยบังเอิญ แล้วนางเอกก็ล้มลงกับพื้น เขาจึงเอื้อมมือ

ไปให้จับ และเป็นเหตุให้รู้จักกันในเวลาต่อมา หรือไม่ก็ฉากที่ต่างฝ่ายต่าง

เดินชนกันอย่างจังจนล้มลงไปทั้งคู่ แล้วใบหน้าก็ซ้อนกันจนแนบชิด ริมฝีปาก

หมิ่นเหม่จะประกบกัน

แต่พอเอาเข้าจริง เขากลับปอดแหกเสียนี่

เมื่อเห็นว่าหล่อนหันรีหันขวางเหมือนจับได้ว่ามีคนสะกดรอยตาม

เขาก็เลยต้องหันหน้าหลบ ทำเป็นมองไปทางอื่น พอหล่อนเผลอก็หันกลับมา

สังเกตการณ์ต่อ

‘นี่เขาจะกลายเป็นพวกโรคจิตไหมนะ’

ครั้นเห็นวาตีทรุดกายลงนั่งในร้านกาแฟบริเวณพื้นที่เปิดโล่ง หล่อน

วางถุงสินค้าลงบนเก้าอี้ตัวที่ว่าง แล้วสั่งเครื่องดื่มกับพนักงานเสร็จสรรพ

ซึ่งเขาได้ยินแว่วๆ ว่าหล่อนสั่งชามะนาว ก็อดยิ้มกริ่มอย่างพอใจไม่ได้ เพราะ

นั่นเป็นเครื่องดื่มที่เขาโปรดปรานเช่นกัน เขาก็เลยคิดว่าจะลองไปเลือกที่นั่ง

ใกล้ๆ หล่อนสักหน่อย

แต่ก็เหมือนโชคชะตาเล่นตลก

เมื่อภูพัดก้าวขาไปจนเกือบจะทรุดกายลงนั่งที่เก้าอี้ในมุมที่มองเห็น

หล่อนถนัดตา และคิดว่าหล่อนคงไม่ทันได้สังเกตเขาแน่ แต่ก็พลาดไปเสียแล้ว

เพราะเสียงทักของใครบางคน

“อ้าว พัด นายมาคนเดียวเหรอเนี่ย แล้วทำไมต้องสวมหมวกกับแว่น

ซะมิดชิดขนาดนี้ หรือว่ากลัวตกเป็นข่าวมากจนสมองเพี้ยน”

ภูพัดนิ่วหน้าจนหัวคิ้วชนกัน ดีที่แว่นกันแดดช่วยพรางความไม่พอใจ

ผู้ที่เข้ามาทักทายได้เป็นอย่างดี แต่เขาก็อดไม่ได้ที่จะตอกหน้าอีกฝ่ายกลับไป

ทั้งที่รู้อยู่แก่ใจว่าอีกไม่นานนี้เขาจะต้องร่วมงานกับสารทูล

“ผมมันเป็นประเภทไม่ชินกับข่าวเสียหายเท่าไหร่ แต่นายคงจะเฉยๆ

แล้วมั้ง เพราะเห็นข่าวของนายก็มีแต่เรื่อง...” เขาเว้นคำไว้พลางบิดปากและ

เลิกคิ้วเล็กน้อยอย่างยียวน “...เรื่องที่ผมไม่ค่อยชินน่ะ”            

                สารทูลหรี่ตามองอย่างไม่พอใจ ซึ่งภูพัดก็เดาสายตาที่อีกฝ่ายแสดงได้

แต่เขาไม่นึกสนใจ กลับทรุดตัวลงนั่งด้วยท่าทีสงบนิ่งอย่างปกติ

แต่ความไม่ปกติบางอย่างกลับเกิดขึ้นโดยไม่ทันตั้งตัว

สารทูลลากเก้าอี้อีกตัวเข้ามาชิดเขาก่อนจะนั่งลงข้างกัน ทั้งที่ภูพัด

ไม่ได้เอ่ยปากเชื้อเชิญ แถมยังส่งสายตากรุ้มกริ่มมีเลศนัยมาให้ พลางเหยียด

ยิ้มเหมือนหมาป่าเจ้าเล่ห์ อาการเหล่านั้นล้วนอยู่ในสายตาของเขาตลอดเวลา

แต่ก็นึกไม่ถึงว่าสารทูลจะกล้าแสดงออกต่อหน้าสาธารณชนด้วยการวาดแขน

ขึ้นมาทำทีเป็นโอบไหล่เขา

หากใครมองเผินๆ ก็อาจนึกว่าโอบแขนตามประสาเพื่อนฝูง แต่เมื่อโอบ

แล้ว ปลายนิ้วของสารทูลกลับเขี่ยหัวไหล่เขายิกๆ ด้วยท่าทางไม่อนาทร

ร้อนใจ

ภูพัดจึงแสดงอาการฮึดฮัดออกมาด้วยการเบี่ยงหัวไหล่หลบให้รู้ว่า

เขาไม่พอใจ แต่พอแขนของอีกฝ่ายร่วงผล็อยลงไป สารทูลก็ดึงหมวกแก๊ป

ของเขาออก แถมยังชิงจังหวะตอนที่เขาเผลอดึงแว่นกันแดดออกอีก สารทูล

แสดงท่าทางไม่ยี่หระต่อสิ่งที่ทำ และนั่นยิ่งทำให้เขาฉุน

“นายกำลังยั่วให้ผมโมโหนะ!”

ภูพัดตวัดเสียงเขียว พลางปรายตาไปยังวาตี แม้จะกดน้ำเสียงให้

ทุ้มต่ำและเบาเพราะกลัวจะเป็นจุดสนใจ แต่ดูเหมือนตอนที่หัวเสีย เขาจะ

ไม่สามารถควบคุมทั้งท่าทางและน้ำเสียงได้

“อะไรกัน ผมก็แค่แหย่เล่น เห็นว่าหมวกที่นายสวมสวยดี ก็เลยอยาก

จะขอดูเท่านั้น แล้วแว่นตานี่ก็เหมือนกัน ผมแค่หวังดี เห็นว่าในห้างไม่มีแดด

สักหน่อย นายจะใส่ไปทำไม”

“ความอดทนของผมมีขีดจำกัดนะครับ”

สารทูลยักไหล่อย่างยียวน พร้อมกับส่งหมวกและแว่นกันแดดคืน

ภูพัดจึงหยิบมาสวมอย่างรวดเร็ว เมื่อเหลือบไปมองวาตีอีกครั้ง ก็เห็นว่า

บัดนี้หล่อนกำลังหันมามองพวกเขาด้วยความสนใจ

                “ถ้าอย่างนั้นผมไปก่อนนะ ยังไงก็หลบๆ ซ่อนๆ ให้ดีแล้วกัน จะได้

ไม่ต้องตกเป็นข่าว”

การลุกจากเก้าอี้ของสารทูลแทนที่จะทำให้ภูพัดโล่งอก แต่เขากลับ

คิดผิด เพราะฝ่ายนั้นฉวยมือของเขาขึ้นมาบีบเบาๆ เหมือนคนรู้จักจับมือกัน

ธรรมดา แต่เขารู้แน่ชัดว่าอีกฝ่ายกำลังเล่นสงครามประสาท เขาจึงดึงมือ

กลับอย่างรวดเร็ว

แต่ไม่วาย สารทูลยังส่งจูบพร้อมกับโบกมือลาหน้าตาเฉย

‘โอย! หมดกัน’

เมื่อเหลือบไปมองหญิงสาวที่เขาสะกดรอยตามมาเป็นชั่วโมง ก็เห็น

สายตาวับวามประหลาดกับริมฝีปากที่ขยับเบาๆ ซึ่งเขาเดาว่าหล่อนคงร้อง

...อี๋

หล่อนหยิบแก้วชามะนาวขึ้นมาดูดจนพร่องไปกว่าครึ่ง แล้วจึงลุก

จากเก้าอี้ไป โดยที่เขายังไม่ได้สั่งน้ำสักแก้วเดียว

‘ทีนี้จะทำยังไงต่อไปล่ะ หล่อนต้องคิดว่าเขาเป็น...’

‘ว้าย! หน้าตาก็ดี แต่งตัวก็ดี แต่ดันเป็นพวกเกย์ไปซะนี่!’

วาตีคว้าถุงสินค้าทั้งหมดได้ก็ก้าวพรวดออกจากร้านกาแฟแห่งนั้น

เดินขาแทบขวิดกัน เมื่อนึกถึงภาพผู้ชายสองคนนั่งคุยกันกะหนุงกะหนิง

มีการโอบไหล่อย่างสนิทสนม หยอกล้อด้วยท่าทีน่ารักน่าเอ็นดู ทั้งดึงหมวก

และแว่นกันแดดออกมายั่วแหย่กัน แถมยังจับมือถือแขน ส่งจูบ และส่ง

สายตาอาลัยอาวรณ์อย่างเห็นได้ชัดอีก

หล่อนนึกไม่ถึงเลยว่าผู้ชายประเภทแมนเต็มร้อยสมัยนี้จะหายาก

และลดน้อยถอยลงทุกวัน แถมความก้าวไกลในเทคโนโลยีก็ดี ความเปลี่ยน-

แปลงทางสังคมก็ดี ทำให้ผู้ชายที่ชอบผู้ชายด้วยกันกล้าเปิดเผยตัวตนมากขึ้น

บางทีหล่อนก็รู้สึกเฉยๆ นะ แต่พอนึกแล้วก็อยากร้องยี้ออกมาที่สุด

ตอนที่เห็นผู้ชายเวอร์ชันใหม่สองคนนั้นกล้าแสดงออกต่อกันในที่มีคนหมู่

มากโดยไม่นึกอายผีสาง

                ‘ว่าแต่จะมีผีมีสางได้ยังไงนะ นี่มันในห้างชัดๆ’ จะที่ไหนก็ช่างเถอะ

แต่หล่อนก็เห็นว่าการแสดงความรักที่ผู้ชายมีต่อผู้ชายเป็นเรื่องขัดหูขัดตา

หล่อนมากทีเดียว

เมื่อเดินจ้ำอ้าวมาจนถึงประตูทางออกของห้างสรรพสินค้า หล่อน

ก็มองหาตัวเลขที่ระบุชั้นตรงเสา ก่อนจะร้องเสียงหลงเพราะดันเดินมาผิดชั้น

เลยต้องเสียเวลาเดินลงบันไดไปอีกชั้น พอเห็นรถของตัวเอง หล่อนก็ตรงรี่

เข้าไปเปิดกระโปรงหลัง วางถุงสินค้าที่ซื้อมากองรวมกัน แต่จู่ๆ ก็นึกถึง

กระเป๋าใบจิ๋วสุดชิครุ่นริกกี้ครอสบอดีสีดำ ดีไซน์กะทัดรัด ช่างเหมาะสำหรับ

แฟชั่นนิสตาตัวจริง จึงคิดจะหยิบขึ้นมาสำรวจเพราะความบ้าเห่อของใหม่

วาตีกรีดนิ้วค้นลวกๆ ทว่าไม่เห็นถุงสินค้ายี่ห้อนั้นจึงร้อนใจ แหวกดู

ทีละถุงจนแน่ชัดว่าถุงที่ใส่กระเป๋าสนนราคาห้าหมื่นบาทนั้นหายไป!

‘หาย! ตายแล้ว! หายไปไหน ฉันต้องลืมเอาไว้ที่ร้านกาแฟนั่นแน่ๆ’

หล่อนไม่รีรอ ปิดกระโปรงหลังรถเสียงดัง หมายจะย้อนกลับไปยัง

ร้านกาแฟอีกครั้ง แต่ทันทีที่กระโปรงหลังรถปิดสนิท เมื่อหมุนตัวกำลังจะก้าวขา

ก็เห็นใครบางคนที่หล่อนคิดว่าไม่รู้จักยิ้มมุมปากเล็กน้อยให้หล่อน ทำท่า

เหมือนจะยืนขวางทาง

แต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่หล่อนจะมาสนใจผู้ชายตรงหน้า หล่อนกำลัง

นึกถึงแต่กระเป๋าใบนั้น เพราะขืนชักช้าคงจะมีใครหยิบมันไป

พอหล่อนเดินเลี่ยงซ้าย เขาก็ขยับตัวมาทางซ้าย พอหล่อนเบี่ยงตัว

จะก้าวไปทางขวา เขาก็ขยับตัวมาทางเดียวกันอีก หล่อนก็เลยยิ่งทวีความ

หงุดหงิดปนรำคาญใจขึ้นมา

“ช่วยหลีกทางหน่อยค่ะ ฉันกำลังรีบ”

หล่อนเอ่ยจริงจังด้วยน้ำเสียงเข้มปนเครียด แต่เขากลับยืนขวางลำ

ทำเหมือนคนหูหนวก หล่อนจึงต้องพูดซ้ำ

“คุณยืนเฉยๆ นะคะ ฉันจะก้าวไปทางนั้นเอง”

หล่อนทำมือทำไม้ประกอบให้เขารู้ว่าจะก้าวขาไปทางไหน แต่เขา

 

 

(โปรดติดตามต่อในฉบับเต็ม)


รีวิว (0)


สินค้าที่ใกล้เคียง (96 รายการ)

www.batorastore.com © 2024