ยากแค่ไหน ให้รักอีกครั้ง

ยากแค่ไหน ให้รักอีกครั้ง

0 รีวิว  0 รีวิว    
รหัสสินค้า: 9786160021079
มีสินค้าในสต็อค
ราคา: 160.00 บาท 40.00 บาท
ประหยัด: 120.00 บาท ( 75.00% )

เนื้อหาบางส่วน

ในที่สุด...ผมก็พบคุณ

 

แสงไฟสีส้มจากริมถนนสาดส่องเข้ามายังหน้าต่างรถโดยสารประจำ-

ทางปรับอากาศ ที่กำลังแล่นเอื่อยๆ ข้ามสะพานวิกตอเรียออกมาจากเมือง

บริสเบน ภายในรถจึงฉาบไปด้วยสีส้มสลับกับสีขาวนวลจากหลอดไฟ

ฟลูออเรสเซนต์ ผู้โดยสารที่มีอยู่ไม่กี่คนเนื่องจากเป็นรถโดยสารเที่ยว

สุดท้าย กำลังนั่งจมอยู่ในภวังค์ความคิดของตัวเอง บ้างก็เล่นโทรศัพท์มือถือ

บ้างก็มองเหม่อออกไปนอกหน้าต่าง บรรยากาศภายในรถจึงเงียบเหลือเกิน

มนพัทธ์ยกมือขึ้นนวดต้นแขนที่เมื่อยล้าจากการยกจานหนักๆ มาหลาย

ชั่วโมง เธอเป็นนักเรียนไทยที่เดินทางมาศึกษาระดับปริญญาโทที่บริสเบน

ประเทศออสเตรเลีย ด้วยความที่ไม่อยากให้พ่อกับแม่ซึ่งเป็นข้าราชการ

ธรรมดาๆ ลำบากมากนัก เธอจึงหาเงินเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายโดยการทำงานเป็น

เด็กเสิร์ฟในร้านอาหารทุกเย็น

รถโดยสารลดความเร็วลงช้าๆ ก่อนจะจอดที่สถานีสุดท้าย แล้วแล่น

เข้าบัสเวย์เพื่อออกนอกเมือง คนรอรถที่ชานชาลาซึ่งมีไม่กี่คนเหลือบมอง

หมายเลขรถ ก่อนจะเมินสายตาไปเมื่อไม่ใช่คันที่ต้องการ

มนพัทธ์เลื่อนสายตามองผู้คนที่ชานชาลา ก่อนสายตาเธอจะสะดุด

เข้ากับชายหนุ่มรูปร่างสูง ผมสีทองเข้ม ที่กำลังมองผ่านกระจกเข้ามาสบตา

กับเธอพอดี ชายหนุ่มที่เธอแน่ใจว่าไม่เคยรู้จักมาก่อนเบิกตากว้างขึ้นเล็กน้อย

เหมือนจะแสดงความยินดี แล้วเดินไปขึ้นรถที่ประตูหน้าอย่างมุ่งมั่น

มนพัทธ์ไม่สนใจที่จะมองเขาต่อด้วยซ้ำ เธอเลื่อนสายตามองผู้คนใน

ชานชาลาต่อไป เขาอาจจะดีใจที่เจอรถที่ต้องการพอดี แม้ว่าชายหนุ่มซึ่งสวม

ชุดสูทสุดเนี้ยบในมาดนักธุรกิจเต็มตัวแบบเขา ไม่น่าที่จะมารอรถโดยสาร

เที่ยวสุดท้ายแบบนี้ แต่เธอก็ปัดความคิดนี้ทิ้งไป ที่นี่ไม่ใช่เมืองไทย ผู้คนที่นี่

ยินดีจะขึ้นรถโดยสารแล้วจอดรถไว้ที่บ้านในวันทำงาน เพราะความคล่องตัว

และเป็นการประหยัดค่าจอดรถซึ่งแพงหูฉี่

ชั่วครู่หนึ่งที่เธอหันไปมองนอกหน้าต่าง ก็รู้สึกได้ว่ามีคนกำลังมองอยู่

หญิงสาวหันหน้าไปมองตามสัญชาตญาณ และพบว่าชายหนุ่มคนเมื่อครู่กำลัง

มองเธออยู่พอดี

มนพัทธ์ไม่สามารถละสายตาจากเขาได้ แววตาของเขาเหมือนมีอะไร

บางอย่างที่เธอไม่อาจบอกได้ มันอาจจะเป็นส่วนผสมระหว่างความดีใจ

ความโล่งใจ ความห่วงหา และความรัก

เธอแทบหัวเราะกับความคิดของตัวเอง คนเพิ่งเคยพบกันครั้งแรก

จะรู้สึกอย่างนั้นได้อย่างไร แล้วเธอก็แน่ใจว่าตัวเองไม่ได้สวยชวนตะลึงแบบ

นางฟ้า ที่จะทำให้ผู้ชายตกหลุมรักตั้งแต่แรกพบเสียด้วย

ชายหนุ่มเดินเข้ามาในตัวรถโดยที่ยังสบตากับเธอ ก่อนจะก้าวขายาว

ในกางเกงสแล็กส์มาหยุดที่ส่วนกลางของรถที่เธอนั่งอยู่ เขานั่งลงข้างๆ เธอ

ทั้งที่เก้าอี้ในรถโดยสารยังคงว่างอีกหลายสิบตัว แล้วเอ่ยกับเธอด้วยความ

ยินดี

“ในที่สุดผมก็พบคุณ!”

“คะ?” มนพัทธ์เบี่ยงตัวออกมาเล็กน้อยอย่างไม่ไว้ใจ

เธอมองชายหนุ่มด้วยความงุนงง แน่ใจที่สุดว่าไม่เคยรู้จักเขามาก่อน

เพราะชายหนุ่มที่หน้าตาและบุคลิกดีแบบนี้ ไม่น่าจะถูกลืมได้ง่ายๆ หรือเขา

จะเป็นลูกค้าในร้านอาหารที่เธอทำงานอยู่ ก็ไม่น่าใช่ เนื่องจากร้านอาหารที่เธอ

ทำงานอยู่ จะมีแค่ผู้สูงอายุและลูกค้าที่มาเป็นครอบครัวเสียเป็นส่วนใหญ่

เพราะอยู่ในย่านที่พักอาศัย ไม่ใช่ย่านธุรกิจ

“ฉันเคยพบคุณหรือคะ” เธอถามย้ำกับชายหนุ่มอีกครั้ง

เขาหัวเราะเบาๆ “โธ่ หม่อน เคยสิ ไม่ใช่แค่พบ แต่คุณรู้จักผมดีกว่า

ใครๆ ด้วย”

เขาทอดสายตามองเธออย่างอ้อยอิ่ง ราวกับจะซึมซับภาพทุกอย่าง

เอาไว้

“ถึงแม้ตอนนี้ผมของคุณจะสั้น แต่ใช่คุณแน่ๆ”

“คุณรู้จักชื่อเล่นฉันได้ยังไง” แถมเขายังเรียกเสียชัดแจ๋ว ไม่ใช่มันหรือ

มอนแบบที่เพื่อนชาวต่างชาติพยายามเรียกเสียด้วย

“น่าสงสารจัง คุณคงงงไปหมด แต่ผมยืนยันได้ว่าผมไม่เป็นอันตราย

กับคุณแน่นอน จะถึงบ้านคุณแล้วนี่ เตรียมตัวลงรถกันเถอะ” ชายหนุ่มปริศนา

พูดขึ้น ก่อนจะใช้มือข้างหนึ่งกุมมือเธอแล้วกระตุกให้ลุกขึ้นตามเขา ส่วนมือ

อีกข้างก็กดกริ่งให้รถจอด ฝ่ามือหนาของเขาร้อนจัดจนเธอสะดุ้งเบาๆ

‘เขาป่วย?’

หญิงสาวมองชายหนุ่มร่างสูงข้างๆ อย่างพินิจ ดูเผินๆ เขาก็เป็นปกติดี

แต่เมื่อไล่สายตาสำรวจไปทั่วใบหน้าคมเข้มนั้น เธอกลับเห็นเหงื่อเม็ดเล็กๆ

ผุดพรายเหมือนเขากำลังทรมานด้วยพิษไข้ แต่เธอไม่ทันได้สนใจอะไรต่อ

เพราะมีเรื่องอื่นที่สำคัญมากกว่านั้น

“คุณรู้จักบ้านฉันได้ยังไง” มนพัทธ์ถามด้วยความระแวง กำลังคิดหา

ทางหนีทีไล่ แต่ไม่รู้ทำไมเมื่อเขามองมายิ้มๆ ด้วยดวงตาที่เธอเพิ่งตระหนักว่า

เป็นสีฟ้าเข้ม เธอกลับนึกอะไรไม่ออก และเพราะกำลังงงงวย เธอจึงยอมให้

เขาจับจูงมือแต่โดยดี

“ถามมากจริงคุณนี่ แต่ผมไม่โทษคุณหรอกนะ ช่วงแรกๆ ที่ผมเจอคุณ

ผมก็เป็นแบบนี้เหมือนกัน คุณคงเหนื่อยใจน่าดู”

“ฉันไม่เคยเจอคุณมาก่อน”

“คุณเจอแล้วไง มา...ลงจากรถได้แล้ว”

คำถามมากมายผุดขึ้นมาในสมองของมนพัทธ์ เธอไม่รู้ว่าเขาเป็นใคร

มาจากไหน และรู้จักเธอได้อย่างไร

เขาจูงเธอลงจากรถ แถมยังเดินไปทางอพาร์ตเมนต์ของเธอด้วย

ความมั่นใจ เหมือนรู้จักเส้นทางเป็นอย่างดี มือของเขาแข็งแรงและเขาก็สูง

เสียจนศีรษะของเธออยู่แค่ระดับต้นแขนของเขาเท่านั้น จริงๆ แล้วเขาก็ไม่ใช่

ผู้ชายที่มีบุคลิกน่ากลัวหรือไม่น่าไว้วางใจ แต่อาชญากรก็ไม่จำเป็นต้องมีท่าที

หลุกหลิกล่อกแล่ก แล้วก็แต่งตัวสกปรกเหมือนในหนังนี่นา

“ผมไม่ใช่อาชญากร” เขามองเธออย่างรู้ทัน “ผมรู้ว่าคุณมีคำถาม

เยอะแยะที่อยากจะถามผม ให้ถึงห้องก่อนนะหม่อน คุณดูเหนื่อยมากเลย

ถ้าคุณได้นั่งพักแล้ว ผมจะตอบคุณทุกคำถามเลยนะครับ”

แม้จะรู้สึกอบอุ่นแบบประหลาดที่คนแปลกหน้าซึ่งเธอไม่เคยรู้จักกลับ

เป็นห่วงเธอ แต่...

“ใครจะให้คุณเข้าห้องกัน คุณเป็นใครก็ไม่รู้ แม้แต่ชื่อคุณ ฉันยังไม่รู้จัก

เลย”

เขาหัวเราะออกมาด้วยความขบขัน “จริงด้วยสิ ผมลืมไป ผม คริส...

คริส เฟรเซอร์ ครับ”

หญิงสาวนิ่วหน้า ทั้งยังพยายามคิดว่าเคยได้ยินชื่อนี้มาก่อนหรือไม่

คำตอบคือ...ไม่!

“ฉันไม่คุ้นชื่อคุณเลย”

“ว้า อยู่ที่ประเทศของผม ผมออกจะดังนะ ทำไมมาที่นี่ถึงกลายเป็น

แค่โนบอดีไปซะได้” ชายหนุ่มพูดอย่างอารมณ์ดี

“คุณมาจากไหน” มนพัทธ์พยายามชวนเขาคุย เผื่อจะโน้มน้าวใจไม่ให้

เขาทำอันตรายเธอได้ หรืออย่างน้อยเธอจะได้รวบรวมข้อมูลของชาย

แปลกหน้าไว้ เผื่อว่าเกิดอะไรขึ้นมาจะได้บอกตำรวจถูก

“ลองเดาสิ”

“จากสำเนียงของคุณ ไม่ใช่อังกฤษแน่ๆ”

เขายักไหล่ แล้วแกล้งพูดสำเนียงอังกฤษจ๋า “ทำไมถึงคิดอย่างนั้น

ล่ะครับคุณผู้หญิง”

ถ้าเป็นเวลาปกติ เธอคงจะหัวเราะขำกับท่าทางขี้เล่นของเขา แต่ตอนนี้

หญิงสาวกำลังระแวงจัดจนอารมณ์ขันปลิวหายไปหมด

เธอนิ่วหน้าแล้วพูดต่อ “ไม่ใช่ออสซีด้วย”

ชายหนุ่มแกล้งถอนใจยาว “ค่อยยังชั่ว ผมก็ว่าภาษาอังกฤษของผม

ไม่แย่ขนาดนั้นนะ”

มนพัทธ์นิ่งคิด พลางจับสำเนียงการพูดของเขา และพอนึกได้ ดวงตา

ก็เป็นประกายจนลืมว่าต้องไม่ทำให้เขาได้ใจ แต่กลับรีบตอบอย่างกระตือรือร้น

“อเมริกัน! อเมริกันแน่ๆ”

กำปั้นหนาๆ ยกขึ้นแสดงความดีใจ

“บราโว!”

 เธอเผลอยิ้มออกมาเพราะท่าทางรื่นเริงจนเกินกว่าเหตุของเขา แต่

พอนึกขึ้นได้ก็ตีหน้านิ่งอีกครั้ง จะทำให้เขาเข้าใจผิดว่าเธอเองก็ยินยอมพร้อม

ใจกับการกระทำของเขาไม่ได้

“ผมอยู่อเมริกามาตลอดชีวิต ไม่เคยไปเรียนต่างประเทศเลย ถ้า

สำเนียงผมไม่ใช่อเมริกันก็ไม่รู้จะว่ายังไงแล้ว” เขายิ้มอีกครั้ง

“ส่วนคุณ สำเนียงภาษาอังกฤษคุณเหน่อแบบออสซี แต่ผมว่ามัน

น่ารักดีนะ ถ้าผมจำไม่ผิด คุณเพิ่งมาอยู่ที่นี่เองใช่ไหม ติดสำเนียงเร็วมากเลย

รู้ตัวรึเปล่า”

 เธอไม่ตอบคำถาม แต่กลับจ้องหน้าเขาอย่างหวาดระแวง

“คุณรู้จักฉัน และรู้ข้อมูลพวกนี้ได้ยังไง” เรื่องนี้น่ากลัวมากขึ้นทุกที

หรือว่าเขาจะเป็นพวกโรคจิตที่ตามสะกดรอยเธอ

            ชายหนุ่มปริศนาเอื้อมมือมากุมมือเธอไว้ “ผมรู้จักคุณมากกว่าใคร

มากกว่าผู้ชายคนไหน”

“คุณเป็นใครกันแน่ ตามสะกดรอยฉันมาทำไม” เธอพูดพลางพยายาม

สะบัดมือให้พ้นจากการเกาะกุมของฝ่ามือหนา แต่เขากลับไม่ยอมปล่อยมือ

เธอง่ายๆ

เขาดื้อดึงเสียจนมนพัทธ์จนคำพูด จะบอกว่า ‘อย่าตามมา’ ก็พูดได้

ไม่เต็มปาก เพราะเขาเป็นคนเดินนำเธอไปยังอพาร์ตเมนต์ของเธอเองแท้ๆ

ตอนนี้ก็ดึกมากแล้ว จนบริเวณนี้ไม่มีใครเดินผ่านมาให้เธอขอความช่วยเหลือ

เลยสักคน

ในสถานการณ์แบบนี้เธอควรจะทำอย่างไรกัน

“ผมบอกคุณแล้วไงว่าให้ถึงห้องคุณก่อน นี่ไง ถึงพอดี” ไม่พูดเปล่า

เขาหยุดตรงหน้าอพาร์ตเมนต์สามชั้นขนาดกะทัดรัด ก่อนจะกดรหัสรักษา

ความปลอดภัยที่ประตูรั้วอย่างคล่องแคล่ว ประตูเล็กเปิดออกทันทีพร้อม

กับปากของเธอที่อ้าค้าง

“คุณรู้รหัสได้ยังไง!?” มนพัทธ์พูดพลางขืนตัวออกห่าง แม้จะไม่เป็นผล

เท่าใดนัก

“อพาร์ตเมนต์คุณนี่ไม่ไหวเลย ไม่เคยเปลี่ยนรหัสรักษาความปลอดภัย

แต่คุณอย่าเพิ่งถามมากเลยน่า ไม่เหนื่อยบ้างหรือไงนะ”

คริสกึ่งจูงกึ่งลากเธอให้เดินขึ้นบันไดมายังชั้นสอง ก่อนจะหยุดที่ห้อง

สุดท้ายสุดทางเดินที่เป็นห้องของเธอ เขาหันหลังให้ประตู แบมือขอกุญแจ

จากเธอ มนพัทธ์ตั้งใจว่าจะไม่ให้กุญแจแก่เขาเด็ดขาด เรื่องอะไรจะให้คน

แปลกหน้าเข้าไปในห้อง ถึงแม้เขาจะทำท่าเหมือนรู้จักเธอดีก็เถอะ

เขาเลิกคิ้วพร้อมกับยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ พลางสอดมือล้วงเข้าไปในกระเป๋า

กางเกงสแล็กส์ช้าๆ แล้วดึงพวงกุญแจตุ๊กตาถักตัวเล็กที่เหมือนกับพวงกุญแจ

ของเธออย่างไม่มีผิดเพี้ยนออกมาแกว่งไปมาตรงหน้าเธออย่างเป็นจังหวะ

ก่อนจะนำไปไขประตูห้อง

 

            (โปรดติดตามต่อในฉบับเต็ม)


รีวิว (0)


สินค้าที่ใกล้เคียง (96 รายการ)

www.batorastore.com © 2024