LINKED คู่เงาปริศนา

0 รีวิว  0 รีวิว    
รหัสสินค้า: 9786160615537
ของหมด (ต้องการสินค้า)
ราคา: 219.00 บาท 54.75 บาท
ประหยัด: 164.25 บาท ( 75.00% )

เนื้อหาบางส่วน

บทที่ 1

 

ตอนที่เอลิซซากับแม่เข้ามาในห้องรอ ท้องฟ้าเหนือเมืองเซ็นทรัล แคนยอนซิตี้ดูเยือกเย็นเป็นสีเทาแบบในยามรุ่งสาง สถานีอวกาศสว่างจ้าอย่างจืดชืดอยู่ที่เส้นขอบฟ้า แลเห็นจุดและเส้นแสงที่ส่องขึ้นมาจากก้นหุบเขาไกลลงไปด้านล่าง

เอลิซซาเดินมายังหน้าต่าง พยายามไม่สนใจความอึดอัดที่เกิดขึ้นในอกซึ่งทำให้ฝ่ามือของเธอชื้นเหงื่อจนทิ้งรอยไว้บนขอบหน้าต่างกระจก ขณะที่เธอมองออกไป พยายามไม่ยอมแพ้ให้กับความกังวลที่ค่อยๆ คืบคลานเข้ามา ท้องฟ้าก็เปลี่ยนสีจากสีเทาเป็นสีเขียวเรื่อๆ เหมือนยามเย็น จางลงตรงโค้งใกล้สถานีอวกาศ จากนั้นอยู่ๆ ดวงอาทิตย์ก็ขึ้นสูงพอจะฉายแสงลงไปถึงพื้นทะเลทรายได้ ท้องฟ้าก็กลายเป็นสีฟ้า กว้างไกลสุดลูกหูลูกตา ฟ้าเสียจนเหมือนจะจมลงไปได้

แสงจ้าทำเอาเอลิซซาน้ำตารื้น เธอกะพริบตาแล้วมองไปทางอื่น พอแสงไฟในห้องรอดับลง เธอก็รู้สึกถึงคลื่นความเย็นด้านหลังคอที่ทำให้รู้ว่าแอร์คอนดิชั่นทำงานแล้วเพื่อเตรียมตัวต่อสู้กับความร้อนจนแทบไหม้ของช่วงปลายฤดูใบไม้ผลิของเมืองนี้

เอลิซซาตัวสั่นสะท้าน ไม่เคยมีใครปรับอุณหภูมิได้ถูกใจเธอเลย สี่ปีหรือชาติหนึ่งแล้วก็ไม่รู้ที่คาร์ลีกับมาริสสาเคยล้อว่าเธอเป็นสัตว์เลือดเย็นเหมือนพวกกิ้งก่างูที่คอยตะกายข้างตึกเรียนเพื่อขึ้นไปนอนแผ่บนดาดฟ้าร้อนๆ

เธอผลักความทรงจำนั้นออกไปแล้วหันกลับมาหยิบเสื้อสเว็ตเตอร์ที่วางอยู่บนเก้าอี้ด้านหลัง

อีกฝั่งของห้อง แม่ของเธอนั่งอยู่กับหนังสือในมือ หลังตรงและรูปร่างบอบบางอ่อนช้อย ที่มุมใกล้เธอมีแสงสีอำพันเรื่อเรืองอยู่หลังน้ำตกอันน้อยซึ่งไหลผ่านก้อนกรวดลงไปยังบ่อเล็ก บรรยากาศโดยรอบมีดนตรีแบบที่ใช้เสียงระฆังและฮาร์ปบรรเลงเบาๆ จากลำโพงที่ซ่อนเอาไว้ กลิ่นคาโมไมล์และลาเวนเดอร์ฟุ้งอยู่ในอากาศ ทุกอย่างถูกออกแบบมาเพื่อให้รู้สึกสงบและผ่อนคลาย

มือของเอลิซซาชื้นเหงื่ออีกแล้ว เธอแอบเช็ดมือกับเสื้อสเว็ตเตอร์ตอนที่สวมมันลงมา

ถ้าเขารักษาฉันไม่ได้...

ไม่มีใครพูดออกมาแต่เอลิซซาก็รู้ดีว่านี่คือความหวังสุดท้าย ไม่รู้ว่ากี่ครั้งแล้วที่เธอได้นั่งในออฟฟิศของหมอ รอให้พวกเขาบอกเธอว่าจะรักษาเธออย่างไร จะทำให้เธอเป็นปกติได้อย่างไร การรักษากี่แบบแล้วที่พวกเขาได้ลองมา ยานอนหลับ ยาแก้ปวด เครื่องไฟฟ้าเล็กๆ ซึ่งออกแบบมาให้รบกวนคลื่นที่สมองของเธอส่งมายังร่างกาย อย่างสุดท้ายดูเหมือนจะใช้ได้ในตอนแรก ความหวังของเธอพุ่งสูงขึ้นเพียงเพื่อจะถูกทำลายตอนที่จู่ๆ มันก็ใช้ไม่ได้ แล้วยังมีการสะกดจิตบำบัด และเครื่องส่งสัญญาณรบกวนขาวแสนประหลาดที่พวกเขาเคยเอามาติดในห้องของเธอ มันควรจะช่วยให้เธอนอนหลับ แต่กลับทำให้ห้องของเธอเต็มไปด้วยความรู้สึกน่ารำคาญสุดๆ เหมือนได้ยินเสียงหึ่งๆ อยู่ตลอด ไม่ใช่แค่ในหู แต่เข้าไปถึงในหัวเธอเลยทีเดียว

เสียงดนตรีที่ดังอยู่เปลี่ยนไปเล็กน้อย กลายเป็นเพลงที่มีเสียงฟลุตมากขึ้นและเสียงฮาร์ปน้อยลง แสงที่สงบอยู่หลังน้ำตกก็เปลี่ยนจากสีอำพันเป็นสีทอง แม่ของเอลิซซาถอนหายใจ ตวัดสายตามองนาฬิกาแวววาวบนผนังสีครีม จากนั้นก็แตะหน้าจอเพื่อพลิกหน้าถัดไป

เอลิซซากัดหนังที่เป็นขุยตรงขอบนิ้วโป้งของเธอ

“ลิซซา ลูกรัก อย่ากัดเล็บ”

เธอเอามือลงแล้วหันกลับไปที่หน้าต่าง แต่ความอึดอัดในอกตอนนี้คืบคลานลงมาถึงท้องและโอบรัดไปถึงหลังซี่โครงของเธอ ทุกครั้งที่หมอลองการรักษาใหม่ๆ ตั้งแต่ครั้งแรกตอนที่พวกเขาบอกว่าไม่มีอะไรนอกจากฮอร์โมนไม่สมดุล พวกเขาสัญญาว่าเธอจะดีขึ้น พวกเขาสัญญาว่าจะไม่เป็นอย่างนี้ตลอดไป สัญญาว่าการรักษา ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบไหนในตอนนั้นจะเป็นแค่เรื่องชั่วคราว ‘ให้เวลาสักอาทิตย์...สักเดือน...สี่เดือน...แล้วหนูก็จะดีขึ้นจนสามารถไปค้างคืนในวันเกิดเพื่อนรักได้...ไปเดตได้...ไปตั้งแคมป์ช่วงปิดเทอมฤดูใบไม้ผลิได้...ไปงานพรอมได้...หนูจะกลับมาเป็นปกตินะเอลิซซา หมอรับรอง...’

พวกเขาไม่พูดแบบนั้นอีกแล้ว ครั้งสุดท้ายนี้ ภาพสยดสยองครั้งล่าสุด ความเจ็บปวดที่ทำให้เธอกรีดร้องครั้งแล้วครั้งเล่า และรอยช้ำสีดำเหมือนแผลไหม้ตรงคอของเธอ พวกเขาไม่ได้สัญญาอะไรกับเธออีก แค่รีบนัดหมอใหม่ให้เธออย่างเร่งด่วนแต่เช้าตรู่ เป็นผู้เชี่ยวชาญ เชี่ยวชาญเรื่องอะไรล่ะ!?

พอได้ยินเสียงกระดิ่ง เอลิซซาก็เกือบจะสะดุ้ง เธอหันกลับไปเห็นประตูด้านในเลื่อนเปิดออก และหมอ...ผู้เชี่ยวชาญ...ก็ก้าวเข้ามาในห้องรอ เขาเป็นผู้ชายวัยใกล้เคียงกับพ่อแม่ของเธอ มีผิวสีน้ำตาลเข้มและสวมสูทสีเทาหมอกดูสง่างามเหมือนห้องนี้

“คุณนายไอวอรีกับเอลิซซาใช่ไหมครับ ผมหมอไบรเอน”

แม่ของเอลิซซาลุกขึ้นยืนแล้ว เธอเม้มปากเล็กน้อยและมือขาวซีดก็ยังจับอยู่บนหนังสือ แต่เธอก็เหมือนเดิม คือยังดูเป็นคุณนายทุกกระเบียดนิ้ว “เรียกฉันว่าเลยเถอะค่ะ คุณจะช่วยลูกสาวของฉัน ฉันไม่อยากจะมีพิธีรีตองกับคุณจริงๆ ค่ะ” เธอพูดด้วยรอยยิ้มบางๆ พร้อมกับจับมือของเขาที่ยื่นออกมา

รอยยิ้มของหมอไบรเอนเผื่อแผ่มาถึงเอลิซซา “ทัศนคติดีจริงครับ ถ้าหนูมีทัศนคติแบบนี้เหมือนกันนะ เอลิซซา หมอไม่คิดว่าจะมีอะไรน่าเป็นห่วงแล้ว!”

เอลิซซาจับมือเขาบ้าง ความหวังค่อยฟูขึ้นมาในหัวใจ อบอุ่นและสว่าไสวครั้งนี้อาจช่วยได้ บางทีพวกเขาน่าจะส่งเธอมาหาหมอไบรเอนเสียตั้งแต่หลายปีก่อนหน้านี้ หลายปีที่เธอใช้ไปกับความพยายามอันไร้ประโยชน์ในการคว้าจับทุกอย่างที่สร้างชีวิตของเธอขึ้นมา และดูมันค่อยๆ หลุดลอยไปจากมือ และหายไป

ไม่สำคัญหรอก เวลาที่เสียไปมันไม่สำคัญเลย ขอแค่ให้ฉันเป็นปกติได้ต่อจากนี้ ขอแค่ให้ฉันได้ชีวิตที่เหลือคืนมา เพื่อไปสร้างชีวิตใหม่

“เชิญทั้งสองคนเข้ามาก่อนครับ ผมได้ตามศึกษาปัญหาของเอลิซซาแล้ว แต่แน่นอนว่าพวกคุณสามารถเพิ่มเติมได้ถ้ามีอะไรที่ผมควรรู้อีก ดูเหมือนว่าอาการของเอลิซซาจะยังไม่หายไปอย่างที่เราคาดไว้...” เขาพูดต่อเรื่อยๆ ด้วยคำพูดที่คุ้นหูให้ความมั่นใจ ขณะพวกเธอตามเข้าไปในออฟฟิศและนั่งลงบนเก้าอี้อาร์มแชร์เข้าชุดกับโซฟาอย่างว่างายตามที่เขาชี้ เก้าอี้ของเอลิซซายุบลงโอบตัวเธอไว้เล็กน้อยตอนที่เธอนั่ง จากนั้นความอบอุ่นก็ค่อยๆ แผ่ออกมาจากตัวเก้าอี้จนร่างกายเกร็งๆ ของเธอรู้สึกสบายเหมือนอยู่ในรังไหม

ด้านขวาของห้อง ผนังทั้งหมดเป็นกระจกหน้าต่างบานใหญ่แบบไม่มีเงาสะท้อน ทำให้ดูเหมือนว่าไม่มีอะไรอยู่ตรงนั้น มีแต่ความว่างเปล่า ท้องฟ้ากว้างเป็นสีฟ้าไม่รู้จบ

แสงลำเล็กๆ เกือบจะมองไม่เห็นในความสว่างพุ่งขึ้นท้องฟ้า เหมือนดาวตกที่พุ่งกลับด้าน ยานอวกาศบินขึ้นเพื่อเริ่มการเดินทางข้ามระยะทางที่เป็นไปไม่ได้ในอวกาศ จากนั้นก็มีแสงสะท้อนจากดวงอาทิตย์วาบขึ้นอีกสองสาย ดูน่าทึ่งเหลือเกินที่ย้อนไปแค่ห้าสิบปีที่แล้วยังไม่มีธุรกิจเที่ยวบินอวกาศในเซโกยาเลย ไม่มีโครงการริเริ่มการเดินทางทางอวกาศ ไม่มีโครงการอบรมโดยรัฐบาล แล้วบรูซจะไปทำอะไร ถ้าไม่มีอาชีพเกี่ยวกับอวกาศให้เขาไขว่คว้า ไปเล่นกีฬาแทนงั้นหรือ หรือจะเป็นตำรวจตามพ่อ

หมอไบรเอนเลื่อนประตูปิด จากนั้นก็มานั่งตรงข้ามเอลิซซาและแม่ของเธอ ถัดจากโต๊ะเข้ามุมตัวใหญ่ที่มีจอของเขาอยู่

“ทีนี้ เอลิซซา” เขายิ้มให้เธออีกครั้งและเธอก็ยิ้มตอบ “หมอดูผลการทดลองของหนูทั้งหมดแล้ว แค่ช่วยยืนยันกับหมอหน่อยว่าหมอเข้าใจถูกทั้งหมด หมอมีบันทึกตรงนี้เกี่ยวกับฝันร้ายของหนูตอนที่หนูยังเด็กมาก และใบสั่งยานอนหลับหนูจำได้ไหม”

“ค่ะ หนูจำได้ค่ะ”

เว้นแต่ว่าเธอไม่ได้เรียกมันว่าฝันร้าย มันไม่ได้น่ากลัว เพราะฉะนั้นจะเรียกว่าฝันร้ายก็คงไม่เหมาะ สิ่งเดียวที่น่ากลัวคือปฏิกิริยาของแม่ตอนที่เธอเล่าให้แม่ฟัง “บางครั้งหนูก็คิดว่าหนูเป็นเด็กผู้หยิงอีกคนที่ไม่ใช่ตัวหนู” เอลิซซาเคยบอกและแม่ของเธอก็ชะงักกึกขณะที่กำลังทำความสะอาดพื้นห้องของเล่น แม่มองเธอด้วยสีหน้าแข็งทื่อด้วยความตกใจ ตอนที่เธอเล่าเรี่องเดียวกันให้หมอฟัง หมอคนแรกที่แม่พาไปหา ฝันร้ายคือคำนิยามที่หมอคนนั้นเรียก ไม่ใช่คำที่ถูกต้อง แต่เธอก็ไม่รู้ว่าจะเรียกมันว่าอะไรดี ภาพเหล่านั้นที่เธอเห็นทั้งวันทั้งคืน เธอเรียกมันว่าฝัน แม้จะรู้สึกว่ายังไม่ใช่คำที่เหมาะก็ตาม

“และการรักษานั้นได้ผลไหม” หมอไบรเอนถาม

“ค่ะ”

มันเคยได้ผลในตอนนั้น แต่เธอไม่ชอบผลข้างเคียงของยา รู้สึกเฉื่อยจนเกือบจะชา เหมือนพวกเขาเอาที่ปิดหูที่มองไม่เห็นมาใส่ไว้ ดังนั้นตอนสิ้นเดือนพอยาหมดและแม่มาถาม ‘ลูกยังฝันตลกๆ แบบนั้นอีกไหม ลูกต้องบอกแม่นะลิซซา ถ้ายังฟันอยู่’…เธอก็บอกว่าไม่ และพอกลับมาฝันอีกครั้ง เธอก็แค่ไม่พูดอะไรเกี่ยวกับมันออกมาอีก

เอลิซซาสอนให้ตัวเองไม่สนใจมันแทน เธอเรียนรู้ที่จะปิดกั้นภาพเหล่านั้นในช่วงกลางวัน เรียนรู้ที่จะลืมความฝันทันทีที่ยามเช้าขับไล่ความมืดออกจากห้องนอน พอเธอโตขึ้นฝันนั้นก็น้อยลงและน้อยลงจนแทบไม่ต้องพยายามลืมเลยว่าเคยมีเรื่องแบบนั้นเกิดข้น

ก่อนหน้านี้เธอคิดว่า...เหมือนนานเป็นชาติแล้วที่เธอมีชีวิตก่อนจะมีอาการเหล่านี้

ถ้าเพียงแค่ฉันจะรู้ว่าฉันกำลังใช้เวลาที่ขอยืมมา ฉันคงจะไม่มัวแต่เป็นบ้าเป็นบอกับเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ทั้งหมดนั่นที่เคยทำให้ฉันหงุดหงิด อย่างตอนที่ฉันขึ้น ม.ปลาย และบรูซ...กับไอ้บ้าเคแดน...ยังทำเหมือนฉันเป็นเด็กเล็กๆ ตอนที่หารองเท้าเข้ากับชุดว่ายน้ำที่จะใส่ไปงานปาร์ตี้ริมสระสุดหวานของมาริสสาไม่ได้ ตอนที่ไม่ยอมขอความช่วยเหลือเมื่อไม่เข้าใจเรื่องสมการเชิงเส้นสองตัวแปรแล้วก็ถูกดุต่อหน้าทั้งชั้นเรียน ตอนที่ฉันแน่ใจว่าไซมอนจะต้องขอฉันไปงานพรอมเด็กใหม่ แต่เขาดันไม่ขอ

เธอเคยมีเพื่อน เพื่อนรักสองคน กับเพื่อนธรรมดาอีกเป็นโหล เธอถูกชวนไปงานปาร์ตี้สำคัญๆ เกือบทุกงาน เธอยังไม่มีแฟนเป็นตัวเป็นตน แต่เธอก็เคยรู้มา...จากบทสนทาขำๆ แบบ ‘โอ้-พระ-เจ้า-อย่า-บอก-เขา-นะ-ว่า-ฉัน-บอก-เธอ-ว่า-เขา-พูด-อะ-ไร’ กับคาร์ลีและมาริสสา...ว่ามีหนุ่มๆ อย่างน้อยสามคนกำลังพยายามรวบรวมความกล้ามาขอเธอเดต ผลการเรียนของเธอก้ดีพอใช้ เธอจะได้เรียนขับรถแล้วก็มีรถเต่าเป็นของตัวเอง ถ้าเธอสอบผ่านตั้งแต่ครั้งแรก

เธอมีทุกอย่าง แต่ไม่เคยรู้ตัวเลย

จนกระทั่ง...

“จนกระทั่ง...” หมอไบรเอนพูด ทำเอาเธอสะดุ้งและกลัวขึ้นมาทันทีว่าเขากำลังอ่านความคิดของเธอ แต่เขากลับไปมองที่จอ “จนกระทั่งประมาณหนึ่งปีหลังจากหนูเริ่มมีประจำเดือน ใช่ไหม”

อ่า เธอควรจะชินได้แล้ว แต่ก็เหมือนเดิม หน้าเธอร้อนวูบ “ค่ะ”

หมอไบรเอนหยิบปากกาอเนกประสงค์ขึ้นมาและวาดรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัสหยาบๆ ลงบนโต๊ะ เส้นต่างๆ เป็นสีเขียวสดใสชั่วขณะหนึ่ง จากนั้นพื้นโต๊ะที่เป็นไม้ก็โปร่งขึ้นจนกลายเป็นที่จดบันทึกที่ทั้งเรียบและใส

“บอกหมอหน่อยได้ไหมว่ามันเริ่มต้นยังไง”

อีกแล้ว เล่าทุกอย่างอีกครั้ง ให้หมอคนแล้วคนเล่าฟัง...

แต่หมอคนนี้จะรักษาเธอ เธอนั่งหลังตรงขึ้นเล็กน้อยบนเก้าอี้ ตั้งใจเล่าเพื่อไม่ให้พลาดรายละเอียดใดก็ตามที่อาจช่วยให้เขาคิดออกว่าควรทำอย่างไร ถ้ามันได้ผล...โอ้พระเจ้า ถ้าครั้งนี้ได้ผล ฉันอาจจะได้ไปงานจบการศึกษา ฉันเป็นตัวประหลาดมาเกือบครึ่งชีวิตนักเรียนของฉัน แต่ถ้าคราวนี้มันได้ผล ถ้าทุกคนได้เห็นฉันเป็นปกติในวันจบการศึกษาของพวกเรา...

“โอเคค่ะ” เธอกลืนน้ำลาย “ภาพพวกนั้น...มันย้อนกลับมา”

หลายปีมาแล้วที่มันเป็นแค่ภาพแวบไปแวบมาในหัวของเธอ ลอยไปลอยมาอย่างรวดเร็วจนแยกไม่ออกและง่ายที่จะไม่สนใจ แต่พอมันกลับมา...มันกลับชัดเจนและเต็มไปด้วยรายละเอียดที่คมชัด ปรากฏขึ้นเหมือนสายฟ้าวูบเข้ามาในสมองของเธอ และคราวนี้มันก็เหมือนฝันร้ายจริงๆ ผู้คนที่สวมหน้ากากอนามัยสีขาว เข็มและกระบอกฉีดยา เครื่องจักรเครื่องใหญ่ส่งเสียงหึ่งๆ ที่เธอถูกผูกติดเอาไว้ในฝัน...แล้วเธอก็ตื่นขึ้นมาพร้อมสะกดกลั้นเสียงกรีดร้อง

มันพาความเจ็บปวดมาด้วย ความเจ็บปวดที่ทิ่มแทงเหมือนสายฟ้าฟาด ร้อนจัดและไม่มีที่มา เธออาจจะซ่อนภาพพวกนั้นเอาไว้ได้ แต่แม้ว่าความเจ็บปวดนั้นไม่มากพอจะทำให้เธอกรีดร้องหรือเป็นลม...หรือแย่ที่สุด...อาเจียนออกมา เธอก็ยังไม่สามารถซ่อนมันไว้ได้ เพราะเมื่อภาพมาพร้อมความเจ็บปวด ความเจ็บปวดก็มาพร้อมรอยแผล

รอยช้ำสีเข้มคืบคลานขึ้นมาตามท้ายทอยของเธอจนถึงแนวกราม บางทีก็ขึ้นไปถึงขมับอย่างไม่คาดฝัน หรือรอยที่เหมือนรอยนิ้วมือตรงข้างคอทั้งสองข้างของเธอ ทุกเช้าตอนส่องกระจก เธอจะผงะเพราะรอยใหม่ที่ปรากฏขึ้น

หมอไบรเอนผงกศีรษะรับขณะที่เธอเล่า บางครั้งก็ก้มลงจดอะไรหวัดๆ บนจอเป็นเส้นสีเขียวเข้มราวกับเขากำลังใช้หมึกจริงๆ

เอลิซซาบอกทุกอย่างที่เธอคิดออก ทุกอย่างที่เขาควรจะรู้ เธอบอกเขาว่าผลการเรียนของเธอดิ่งลงจนเกือบตก ว่าเธอวูบตลอดเวลาที่อยู่ที่โรงเรียนอย่างไรว่าบางครั้งความเจ็บปวดทำให้เธอเสียการทรงตัวแล้วล้มลง เพิ่มแผลที่อธิบายได้เข้าไปกับแผลที่อธิบายไม่ได้ได้อย่างไร

อย่างไรก็ตาม เธอไม่ได้บอกทุกสิ่งทุกอย่างกับเขา เขาไม่จำเป็นต้องรู้ถึงตอนที่เธอไม่สามารถแต่งหน้าปกปิดรอยช้ำ ถึงตอนที่ผู้คนกระซิบกระซาบกันเรื่องเธอ บางทีก็ไม่รอให้เธอลับหลังไปไกลด้วยซ้ำ เขาไม่ต้องรู้ว่าหลังจากไม่

(ติดตามอ่านต่อได้ในฉบับเต็ม)


รีวิว (0)


สินค้าที่ใกล้เคียง (56 รายการ)

www.batorastore.com © 2024