K's Zero Hour เส้นทางฝันของฉันกับเธอ (ชุด zero)

K's Zero Hour เส้นทางฝันของฉันกับเธอ (ชุด zero)

1 รีวิว  1 รีวิว    
รหัสสินค้า: 9786160614141
ผู้แต่ง: ลูกชุบ
ของหมดถาวร (ต้องการสินค้า)
ราคา: 159.00 บาท 39.75 บาท
ประหยัด: 119.25 บาท ( 75.00% )

เนื้อหาบางส่วน

Part 1

 

บทนำ 0.1

 

‘ขืนเป็นแบบนี้จะตามพี่ชายเราทันเหรอ’

‘นี่นายพยามแล้วเหรอ ล้อกันเล่นรึเปล่า’

‘เธอพลาดอีกแล้วนะเค’

‘ถ้าไม่จริงจังก็ออกไปจากการแข่งขันเถอะ’

‘เค ไม่ใช่ทุกคนหรอกนะที่เก่งแบบพี่ชายเราน่ะ’

‘ต้องทำให้ได้ดีมากกว่านี้’

‘ต้องฝึกมากกว่านี้’

ต้องดีมากกว่านี้...

 

“กาแฟแก้วเก่ามีปัญหางั้นเหรอคะ”

“ฮะ” ผมสบตาเธอแล้วกะพริบตาถี่ๆ รู้สึกเหมือนตัวเองเป็นไอ้งั่งที่พูดจาไม่รู้เรื่อง อีกฝ่ายมองหน้าผมกลับ ผมเห็นความสงสัยในแววตาเธอ แต่ก็ไม่แปลกใจหรอก ผมเดินมาสั่งกาแฟแก้วใหม่แต่ดันคิดเรื่องอื่นจนเผลอเหม่อลอยใส่อีกฝ่าย

“กาแฟแก้วเก่ามีปัญหาเหรอคะ” เธอถามซ้ำ ท่าทางเหมือนรำคาญนิดๆ “คุณมาสั่งแก้วใหม่ ทั้งๆ ที่แก้วเก่ายังดื่มไม่หมดเลย”

“อ้อ...” ผมหันไปมองแก้วกาแฟตัวเองที่วางอยู่บนโต๊ะ ผมนี่มันโง่จริงๆ อย่างน้อยควรจะทำลายหลักฐานหน่อยสิ “น้ำแข็งมันละลายแล้วก็เลย...”

“ถ้าอย่างนั้นรอบนี้สั่งเป็นร้อนแทนดีมั้ย” เธอเสนอ และผมก็ได้แต่พยักหน้า

ผมไม่ใช่คนพูดเก่ง อันที่จริงผมไม่ชอบพูดด้วยซ้ำ ตลอดสิบเจ็ดปีที่ผ่านมาผมถูกทำให้เชื่อว่าคำพูดไม่มีความสำคัญถ้าปราศจาการการกระทำที่น่าเชื่อถือ ยังไงก็ตามผมไม่เคยมีปัญหาเรื่องการสื่อสารความรู้สึกของตัวเอง ผมชวนผู้หญิงที่ผมชอบไปเดต ผมส่งข้อความหาเธอ พูดถ้อยคำที่เธออยากฟัง แต่ไม่ใช่กับคนนี้

เธอทวนรายการเครื่องดื่มและรับเงินไปจากมือ กาแฟที่ผมสั่งไม่ใช่อะไรที่ผมชอบดื่มด้วยซ้ำ ผมไม่ดื่มกาแฟดำ ผมอยากจะสั่งช็อกโกแลตเย็นมากกว่า แต่นั่นมันไม่เท่เลย และผมอยากให้เธอมองว่าผมเท่

ผมเดินไปยืนรอเครื่องดื่ม ขณะที่ก็ยังแอบหันไปมองเธอเป็นระยะๆ ผมไม่รู้หรอกว่าเธอชื่ออะไร ผมไม่รู้ว่าเธออายุเท่าไหร่ เรียนที่ไหน หรือทำอะไรอยู่ เราเจอกันที่คาเฟ่แห่งนี้ ผมมักจะโดดซ้อม (หรือโดดเรียน) มานั่งที่นี่บ่อยๆ เพราะมันเงียบ ไม่จ้อกแจ้กจอแจเหมือนร้านกาแฟดังๆ แต่เธอไม่เคยจำผมได้เลย ทุกครั้งที่เราเจอกันผมรู้สึกเหมือนเป็นครั้งแรกเสมอ

ผมเลือกนั่งโต๊ะตัวเดิมที่อยู่ใกล้เคาน์เตอร์มากที่สุด ผมสามารถมองเห็นเธอได้เกือบตลอดเวลาโดยที่ไม่ดูจงใจมากไปนัก...หรืออย่างน้อยผมก็คิดว่าผมทำได้อย่างแนบเนียนนะ

เรื่องนี้เป็นความลับ ผมไม่บอกใครเลยเกี่ยวกับคาเฟ่และผู้หญิงคนนี้ เธอคือความลับที่ผมไม่พร้อมจะแบ่งปันให้ใครรู้ ไม่ว่าจะกับครอบครัว พี่ชาย หรือแม้แต่เพื่อนที่สนิท ถ้าคนอื่นๆ ได้ยินเรื่องเธอคงจะคิดว่าผมแอบชอบเธอเพราะหน้าตา...ซึ่งผมก็ไม่ปฏิเสธหรอกนะ เธอเป็นผู้หญิงสวยจริงๆ เหมือนกับนางเอกเท่ๆ ที่หลุดออกมาจากการ์ตูน ผมสีดำ ตาสีดำ ตัวสูง ท่าทางเย็นชา บางอย่างเกี่ยวกับผู้หญิงคนนี้ดูไม่เป็นมิตรเอาซะเลย แต่ยังไงก็ตาม...ผมก็ยังหยุดมองเธอไม่ได้สักที

น่าสมเพช...

ผมบ่นตัวเองในใจพร้อมกับจิบอเมริกาโน่ร้อนแล้วก็กือบจะสำลักออกมา ขมจะตายชัก คนอื่นๆ ดื่มมันเข้าไปได้ยังไงกัน นาฬิกาบอกเวลาหกโมงสี่สิบแล้ว อีกไม่นานเธอก็จะเลิกงาน เธอทำงานพิเศษที่นี่ถึงวันจันทร์ถึงวันศุกร์ตั้งแต่บ่ายสามถึงหนึ่งทุ่ม บางทีเธอก็ทำงานยาวไปถึงสี่ทุ่ม ผู้หญิงอย่างเธอไม่ควรจะเดินกลับบ้านคนเดียวตอนดึกๆ แบบนั้น

โทรศัพท์มือถือผมที่วางอยู่บนโต๊ะดังขึ้น ผมก้มมองและพบว่ามันคือข้อความจากหนึ่งในคนที่ผมเหม็นขี้หน้ามากที่สุด

 

‘แกหายไปไหนวะ – จีนส์’

 

ผมมองข้อความอย่างเย็นชา ไม่ได้คิดจะตอบ มันไม่ใช่ธุระกงการอะไรของไอ้บ้านั่นอยู่แล้ว

 

‘โดดซ้อมเหรอ ฉันจะฟ้องคนอื่นแน่ - จีนส์’

 

ผมไม่ได้เกลียดจีนส์หรอกนะ แต่หมอนี่น่ารำคาญ...และก็น่ารำคาญ...และก็น่ารำคาญ บางทีผมอาจจะเกลียดมันแบบไม่รู้ตัวก็ได้ ผมคว่ำหน้าจอโทรศัพท์ลงก่อนจะเงยหน้าขึ้นไปมองเธออีกครั้ง แต่เธอหายไปแล้ว หายไปจากเคาน์เตอร์เนี่ยนะ เมื่อกี้ยังอยู่ตรงนั้นแท้ๆ ผมลุกขึ้นยืนแล้วชะเง้อหน้ามองหา แต่กลับมองเห็นแค่คนอื่น เธอหายไปแล้วจริงๆ มันเป็นไปได้ยังไง...

“มองหาอะไรอยู่เหรอ” ผมสะดุ้งและหันไปมองเจ้าของเสียง ซึ่งผมจำได้ดีว่าเป็นเสียงของเธอ เธอมายืนอยู่ข้างๆ โต๊ะและกำลังมองหน้าผมนิ่งๆ

“ปละ...เปล่า” ผมโกหกก่อนจะรีบนั่งลง

“ฉันอดสังเกตไม่ได้ว่าคุณกำลังมีปัญหากับกาแฟถ้วยนั้น” เธอบอกพร้อมกับวางถุงคุกกี้ชิ้นใหญ่หนึ่งชิ้นลงบนโต๊ะ “ถ้าดื่มอเมริกาโน่พร้อมกินคุกกี้นี่จะช่วยให้รสชาติดีขึ้น” นี่มันน่าขายหน้าชะมัด ผมคงดูไม่เท่อีกต่อไปแล้วในสายตาเธอ

“ทานให้อร่อย” เธอไม่ได้ยิ้ม แต่เสียงนั่นฟังดูเป็นมิตร ผมพูดอะไรไม่ออก ได้แต่มองเธอจากไปโดยไม่มีคำพูดอะไรหลุดออกจากปากเลย ผมคิดว่าตัวเองเป็นคนพิเศษอยู่ได้แค่เสี้ยววินาทีก่อนจะได้ยินเสียงเธอถามโต๊ะข้างๆ

“คุกกี้มั้ยคะ”

หัวใจผมดิ่งลงกับพื้นทันทีตอนที่เห็นว่าเธอยื่นคุกกี้แบบเดียวกันให้โต๊ะถัดไป เธอคุยอะไรต่อกับผู้หญิงโต๊ะนั้น ส่วนผมทำได้แค่เอามือตบหน้าผากตัวเองเบาๆ เป็นการไว้อาลัยความคิดโคตรเพ้อเจ้อ คุกกี้ที่วางอยู่บนโต๊ะไม่ได้มีคุณค่าอะไรสำหรับเธอ แต่กับคนรับอย่างผมนี่สิ...ผมคว้ามันขึ้นมาหย่อนลงในกระเป๋าเป้ บางทีผมอาจจะเก็บมันไว้จนเสียไปเลยก็ได้ ตอนนี้ผมดูน่าสมเพชมากพอที่จะทำแบบนั้นแล้วนี่

 

ผมชอบเวลาเธอใส่ชุดธรรมดามากกว่าชุดยูนิฟอร์ม ผ้ากันเปื้อนสีน้ำตาลตุ่นๆ แบบนั้นไม่เหมาะกับเธอเลย

“แล้วเจอกันพรุ่งนี้นะ” เธอหันไปบอกลาเพื่อนร่วมงานที่อยู่หลังเคาน์เตอร์ ผมสะพายกระเป๋าเป้ขึ้นมา เตรียมตัวจะกลับเหมือนกัน ตอนนี้มันเกือบจะสองทุ่มแล้ว เป็นเพราะพนักงานคนหนึ่งมาสายทำให้เธอต้องอยู่ช่วยงานที่ร้านมาจนถึงเวลานี้

เธอปล่อยผมลงไม่ได้มัดไว้เหมือนตอนทำงาน เธอไม่ใช่คนแต่งตัวจัดแต่เป็นคนแต่งตัวดี ผมสงสัยทุกวันว่าเธอเรียนเกี่ยวกับอะไร แต่ดูจากลักษณะแล้วน่าจะเป็นอะไรที่เกี่ยวกับศิลปะ ผู้หญิงเรียนบัญชีไม่มีทางมีบุคลิกแบบเธอหรอก

ผมปล่อยให้เธอเดินออกจากร้านไปก่อนราวๆ ห้านาทีแล้วจึงเดินตามออกมา อากาศด้านนอกเย็นพอสมควรเพราะฝนเพิ่งหยุดตก ไฟสีส้มส่องเป็นทางไปจนถึงสุดปลายถนน ผมเดินไปตามทางที่คุ้นเคยเพราะทำแบบนี้อยู่เกือบทุกวัน เธอเดินนำอยู่ข้างหน้า เวลาที่เธอเดินคนเดียวมักจะใส่หูฟังตลอด มันไม่ปลอดภัยสำหรับผู้หญิงที่เดินตามลำพังบนถนนตอนกลางคืน ผมเคยแอบมองเพลงบนหน้าจอโทรศัพท์ของเธอ มันคือเพลงของ The Goo Goo Dolls อีกเหตุผลที่ทำให้ผมชอบเธอก็เพราะรสนิยมการฟังเพลงของเธอเนี่ยล่ะ

ผมเดินตามเธอไปเงียบๆ ผู้คนเริ่มพลุกพล่านเพราะเป็นเวลาเลิกงาน แต่ผมก็มองหาเธอเจอง่ายๆ โดยไม่ได้พยายามด้วยซ้ำ มันเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นเองและผมก็ไม่รู้ว่าเพราะอะไร ผมเดินไล่ตามเงาเธอไปเรื่อยๆ และพยายามวิ่งตามเหยียบเงาของเธอให้ทัน มันเป็นเกมเด็กๆ ที่ผมเล่นทุกครั้งเวลาที่เดินตามเธอแบบนี้ คนอื่นๆ คงมองว่าผมดูงี่เง่ามาก และก็ใช่ ผมมันงี่เง่าจริงๆ นี่นา

เธอเดินไปที่สถานีรถไฟฟ้า ผมมองจนเธอขึ้นบันไดไปสุดสายตา ทุกครั้งที่ผมเห็นแผ่นหลังของเธอห่างออกไปเรื่อยๆ ผมบอกกับตัวเองว่าพรุ่งนี้จะต้องหาโอกาสคุยกับเธอให้ได้ ผมใช้คำว่า ‘พรุ่งนี้’ ไปมากกว่าสิบครั้ง แต่ไม่เคยมีครั้งไหนที่ผมทำได้เลย

พรุ่งนี้ก็แล้วกัน...

พรุ่งนี้ผมจะคุยกับเธอ

 

1

Hi

 

“ไฮ”

ฉันเงยหน้าขึ้นมาจากนิตยสารที่กำลังอ่านอยู่ และสบตาเข้ากับเขา...ผู้ชายคนนี้เป็นลูกค้าประจำของที่ร้าน เขาสวมเสื้อฮู้ดสีดำและมีหูฟังอันใหญ่คล้องรอบคอ เขาหน้าตาดีเลยเป็นลูกค้าคนโปรดของเพื่อนร่วมงานฉันหลายคน โดยเฉพาะเอมี่ เธอบ่นอิจฉาตลอดว่าฉันโชคดีได้เจอเขาบ่อยๆ เวลาเธอทำงานไม่เห็นเขาแวะมาบ่อยแบบนี้ ฉันมองหน้าเขาและเลิกคิ้วใส่

“ต้องการอะไรรึเปล่าคะ” ฉันปิดหน้านิตยสารแล้วเดินไปยืนติดกับเคาน์เตอร์ ก่อนหน้านี้เขาเพิ่งมาสั่งน้ำเปล่าไป กาแฟแก้วเก่าก็ยังไม่หมด

“คือ...” เขามองหน้าฉันแล้วอึกอักไป “ผม...ขอยืมปากกาหน่อยได้มั้ย”

“ปากกา?”

“ใช่ ผมหาปากกาตัวเองไม่เจอ” เขาอธิบายพร้อมกับเอามือล้วงเข้าล้วงออกที่กระเป๋าเสื้อกับกระเป๋ากางเกง...

แกร๊ก!

จนปากกาสีขาวด้ามหนึ่งร่วงลงมาจากกระเป๋ากางเกง...

“อะ...อ้อ อยู่นี่เอง” เขาพึมพำพร้อมกับก้มลงไปเก็บมันขึ้นมา “ผมก็หาตั้งนาน”

“ดีใจด้วยค่ะที่หาเจอแล้ว” ฉันพยักหน้า เขาเองก็พยักหน้าแล้วรีบหมุนตัวเดินหนี แต่ยังไม่ทันที่ฉันจะได้ก้าวไปไหนเขาก็หันมาอีกรอบ เราสบตากันอยู่สักพักก่อนที่เขาจะพูดออกมาในที่สุด

“ผมขอน้ำเปล่าแก้วนึงได้มั้ย”

“ได้สิคะ” ฉันตอบ จริงๆ แล้วเขาสามารถเดินไปรินน้ำเปล่าใส่แก้วกระดาษได้เองนะ เพราะร้านเรามีเคาน์เตอร์พร้อมเหยือกไว้ให้รินน้ำดื่มเองอยู่แล้ว ฉันหยิบเอาแก้วกระดาษใบใหญ่เป็นพิเศษมาให้เขาเพราะเห็นว่าเขาเป็นลูกค้าประจำของร้าน เขารับน้ำดื่มไป พึมพำขอบคุณก่อนจะเดินกลับไปที่โต๊ะ ส่วนฉันก็ยืนมองตามเขาอย่างงงๆ

 

‘ผู้ชนะโครงการ In New York จะมีโอกาสได้ร่วมทำงานกับ Thakoon ดีไซเนอร์เชื้อสายไทยที่ประสบความสำเร็จในวงการแฟชั่นระดับโลก มันคือประสบการณ์ครั้งหนึ่งในชีวิตที่จะได้ใช้ชีวิตที่นิวยอร์กในฐานะดีไซเนอร์รุ่นใหม่...’

ฉันอ่านมาถึงตรงนี้ กระดาษสีขาวก็ถูกวางแปะลงทับหน้ากระดาษที่กำลังอ่าน

“เซ็น” แพทพูดสั้นๆ ฉันสบตาเขาแล้วหัวเราะขืนๆ

“อะไรของนาย”

“ใบสมัครไง ฉันกรอกให้หมดแล้ว เหลือแค่ลายเซ็นเธอเท่านั้น”

“ใบสมัคร?” ฉันทวนคำแล้วถอนหายใจ “ฉันบอกแล้วไงว่าฉันจะไม่สมัคร”

“และพลาดโอกาสครั้งเดียวในชีวิตของเธอน่ะนะ” แพทสบตาฉัน แววตาจริงจังของเขาทำให้ฉันเบือนหน้าหนี “ไม่ต้องหลบตาเลยไคลี่ ฉันรู้นะว่าเธออยากสมัครโครงการนี้”

“แม่ฉันจะต้องเป็นบ้า” ฉันหมายความว่าแบบนั้นจริงๆ แม่ฉันไม่สนับสนุนอาชีพดีไซเนอร์ของฉันเลย เพราะแบบนั้นฉันถึงได้เรียนคณะบริหารแบบที่แม่ต้องการ ฉันทนเรียนมาได้สามปีแล้ว อีกแค่ปีเดียวก็จะจบปริญญาตรี ไม่มีเหตุผลอะไรที่ฉันจะต้องไปสมัครเข้าโครงการนี้

In New York เป็นโครงการสำหรับคนที่อยากจะไปต่อในสายงานแฟชั่นเท่านั้นล่ะ

“ฉันรู้ว่าเธอทำได้ไคลี่”

“ฉันไม่รู้ว่านายไปเอาความคิดแบบนั้นมาจากไหน”

“ฉันเป็นเพื่อนสนิทเธอนะ”

“แปลว่านายรู้จักฉันดีกว่าตัวฉันเองงั้นเหรอ” พอเจอฉันสวนกลับแบบนั้น เขาก็เงียบ แพทเป็นผู้ชายตัวสูง ตาชั้นเดียว หน้าตาของเขาดูน่าสงสาร ฉันเลยรู้สึกผิดที่ทำให้เขาเงียบไปแบบนั้น “ฉันเข้าใจในความหวังดีของนายนะแพท แต่...”

“เธอไม่อยากสมัคร” แพทสรุปกับตัวเองก่อนจะพยักหน้าอย่างหงอยๆ

“ใช่” ฉันโกหก

มันไม่ใช่ว่าฉันไม่อยากสมัคร แต่ฉัน...คิดว่าฉันไม่ควรจะสมัครมากกว่า ถ้าฉันทำแบบนั้นจริงๆ มันจะต้องวุ่นวายมากแน่ๆ แม่ไม่ชอบให้ฉันทำงานสายนี้ พวกงานสร้างสรรค์แบบนี้เหมาะกับบิลลี่น้องชายฉัน

(ติดตามอ่านต่อได้ในฉบับเต็ม)


รีวิว (1)

เขียนรีวิว

phattaraporn | 1 รีวิว
08/03/2015

K's Zero Hour เส้นทางฝันของฉันกับเธอ นิยายเรื่องนี้เป็นผลงานเขียนของพี่ลูกชุบแนวแจ่มใสเลิฟซีรี่ เคยอ่านนิยายเรื่องนี้นานแล้ว รู้สึกชอบค่ะ ปกติก็อ่านนิยายของพี่ลูกชุบอยู่แล้วด้วย อยากจะบอกว่าอ่านเรื่องนี้ปุบรู้เลยว่าใครเป็นคนแต่ง เนื้อหาแล้วก็เอกลักษณ์การเขียนบ่งบอกมากๆ แล้วก็รู้สึกชอบเรื่องนี้มากๆค่ะ อ่านเรื่องย่อยังไม่ฟินเท่าได้มาอ่านเนื้อเรื่องจริงๆ สำหรับนิยายเรื่องนี้ที่ชอบที่สุดนอกจากพล็อตเรื่องน่าจะเป็นคาแร็กเตอร์ของพระนางค่ะ พล็อตเรื่องนี่เราเฉยๆมากเพราะเคยอ่านแนวนี้มาแล้ว แต่ชอบในส่วนของการดำเนินเรื่องแล้วก็การบอกเล่าความรู้สึกของตัวละครที่ตามหาความฝันของตัวเองค่ะ นิยายเรื่องนี้น่าปกสวยมากๆ ยิ่งอ่านเนื้อเรื่องด้วยยิ่งฟินบอกเลย มีแอบเศร้าหลายฉากเลย อ่านจบแล้วร็สึกว่ายังไม่จบ เอาเป็นว่ามันยังไม่แฮ็ปปี้อ่ะค่ะ อ่านมาทั้งเรื่องรู้สึกรักแล้วก็สงสารพระเอกสุดๆ เป็นผู้ชายที่มีบุคลิกเป็นเอกลักษณ์แล้วก็มีเสน่ห์สุดๆ แถมเนื้อเรื่องก็ยังไม่โอเวอร์จนเกินไปด้วยค่ะ พี่ลูกชุบเขียนนิยายเรื่องนี้บรรยายแบบว่ารู้สึกเข้าถึงอารมณ์ของตัวละครมากๆ ค่ะ อ่านแล้วอินตามมากๆค่ะบอกเลย ถ้าจำไม่ผิดเรื่องนี้จะมาเป็นเซตมั้งแบบว่าเหมือนเป็นโปรเจคคือเคยอ่านมาสักพักแล้วแต่เหมือนยังอ่านไม่ครบฮ่าๆๆๆๆ ใครที่ยังไม่เคยอ่านเรื่องนี้ต้องลองอ่านค่ะเป็นนิยายที่ให้แง่คิดดี เนื้อเรื่องสมจริงด้วยอ่านแล้วมีอะไรให้คิดตามเยอะเลยแถมเนื้อหายังดราม่าด้วย

สินค้าที่ใกล้เคียง (68 รายการ)

www.batorastore.com © 2024