Cool Case คดีร้ายคลายปมรัก

Cool Case คดีร้ายคลายปมรัก

0 รีวิว  0 รีวิว    
รหัสสินค้า: 9789749984895
ของหมด (ต้องการสินค้า)
ราคา: 269.00 บาท 67.25 บาท
ประหยัด: 201.75 บาท ( 75.00% )

เนื้อหาบางส่วน

บทที่ 1

กลับมาหาหัวใจ

 

ผู้โดยสารที่เดินทางมากับเครื่องบินของการบินไทยเที่ยวบินที่ TG677 โตเกียว-กรุงเทพฯ ทยอยกันเดินออกจากตัวเครื่องหลังจากสัญญาณรัดเข็มขัดดับลง สิ้นสุดกันทีกับการเดินทางหกชั่วโมงจากเมืองหลวงของญี่ปุ่น...ประเทศมหาอำนาจทางเศรษฐกิจที่ร่ำรวยเทคโนโลยีที่สุดแห่งหนึ่งของโลก สู่กรุงเทพมหานคร...เมืองหลวงของประเทศที่เป็นแผ่นดินแม่

เจ้าของร่างสูงร้อยหกสิบเซนติเมตรในชุดกางเกงยีนกับเสื้อแขนยาวคอตลบสีชมพูทับด้วยแจ็คเก็ตยีนลุกขึ้นยืดเส้นยืดสาย ก่อนจะสะพายเป้หนังสีดำใบเขื่องเดินตามทางไปเรื่อยๆ จนกระทั่งถึงจุดที่ต้องเข้าแถวเพื่อผ่านกระบวนการตรวจคนเข้าเมืองซึ่งใช้เวลาไม่นาน

ผู้โดยสารชาวไทยซึ่งส่วนใหญ่กลับจากเที่ยวญี่ปุ่นบ่นอุบเรื่องการเปลี่ยนจุดรับกระเป๋า ตอนแรกได้รับแจ้งว่าให้รอที่สายพานหมายเลขหนึ่ง แต่สิบนาทีต่อมาเปลี่ยนใหม่เป็นสี่ เจ้าหน้าที่ให้เหตุผลว่าเนื่องจากช่วงเวลานี้เที่ยวบินขาเข้าหนาแน่นมาก จำเป็นต้องกระจายผู้โดยสารในแต่ละจุดรับกระเป๋าให้บางลง

หญิงสาวยืนมองกระเป๋าเดินทางของหลายคนถูกยกออกจากสายพานทีละใบสองใบ จนกระทั่งเห็นกระเป๋าเดินทางใบใหญ่แปะสติกเกอร์รูปพระอาทิตย์ยิ้มแฉ่งสีแดงสดกำลังเคลื่อนเข้ามาใกล้ เธอจึงเอื้อมมือไปยกมันขึ้นมาอย่างยากเย็น ก่อนจะลากเจ้าใบยักษ์ออกไปอย่างทุลักทุเลพร้อมน้ำหนักกว่าสิบห้ากิโลกรัม

หลังจากที่ลากกระเป๋าพร้อมสะพายเป้เดินฝ่าฝูงชนออกมายืนเก้ๆ กังๆ เจ้าหล่อนมองดูผู้คนมากมายที่โผเข้าสวมกอดกันด้วยความยินดี มองแล้วก็นึกถึงตัวเอง...ใจคอจะไม่มีใครมารับเราเลยหรือนี่...หญิงสาวกัดริมฝีปาก นึกน้อยใจว่าจากไปแค่ปีเดียวเดี๋ยวนี้เธอกลายเป็นคนที่ไม่มีความหมายไปเสียแล้ว

“แม่แก้วจ๋า”

หญิงสาวซึ่งมีชื่อจริงตามบัตรประชาชนว่า ‘ตะวันแก้ว’ หันขวับเมื่อมองไปตามทิศทางที่มาของเสียงก็พบเด็กหญิงตัวน้อยแก้มยุ้ยยืนเกาะแขนชายหนุ่มร่างสูงสง่าอยู่ห่างจากจุดที่เธอยืนอยู่ไม่เกินสิบเมตร

รอยยิ้มสดใสของคนซึ่งเป็นที่รักทั้งสองทำให้ ‘แม่แก้ว’ ยิ้มออกมาได้ หญิงสาวลากกระเป๋าเดินตรงไปหาคนที่ยืนรออยู่

“หนูหยก...คนดีของแม่แก้ว หนูโตขึ้นมากเลยนะคะลูก” หญิงสาวละมือจากกระเป๋าย่อตัวลงกอดเด็กหญิงอย่างรักใคร่ ก่อนจะจูบแก้มยุ้ยของหนูน้อยวัยสี่ขวบเศษ “ชื่นใจจังเลย”

“แม่แก้วคิดถึงหนูหยกมั้ยค้า” เสียงแจ๋วที่พูดออกมาด้วยความไร้เดียงสาทำให้หญิงสาวแทบน้ำตาร่วง

หนึ่งปีอาจไม่นานในความรู้สึกของใครหลายคน แต่สำหรับเธอแล้ว...หนึ่งปีกับการอบรมที่ญี่ปุ่นช่างเนิ่นนานราวชั่วกัปชั่วกัลป์

หากตะวันแก้วไม่คิดถึงรายได้งามและความก้าวหน้าในหน้าที่การงาน เธอคงไม่ยอมทิ้งครอบครัวข้ามน้ำข้ามทะเลไปร่วมโครงการแลกเปลี่ยนระหว่างบริษัทแม่ที่โตเกียวกับบริษัทร่วมทุนในไทย ซึ่งคัดเลือกพนักงานเพียงสี่คนไปเป็นตัวแทนรับการอบรม ทั้งด้านภาษา คอมพิวเตอร์ รวมทั้งวัฒนธรรมความเป็นอยู่ของคนที่นั่น

การอบรมในช่วงหนึ่งปีนี้นอกจากเบี้ยเลี้ยงที่ได้รับอย่างเป็นกอบเป็นกำแล้ว เมื่อกลับเมืองไทยยังจะได้รับการเลื่อนตำแหน่งงานในระดับที่สูงขึ้นด้วย สาเหตุสำคัญที่ทำให้เธอลังเลอยู่หลายวันก่อนจะตัดสินใจก็คือเด็กหญิงตัวน้อยที่ยืนยิ้มแฉ่งอยู่ตรงหน้าคนนี้

ตั้งแต่หนูหยกลืมตาดูโลก ตะวันแก้วไม่เคยห่างจากเด็กหญิงไปไกลๆ เลย การกลับมาของหญิงสาวในวันนี้จึงยิ่งกว่าได้กลับมาหาหัวใจของตัวเองเสียอีก

มือเล็กๆ ที่แตะลงบนแก้มของตะวันแก้วช่างนุ่มนวลราวกับแพรไหม เสียงเด็กหญิงร้องบอก “คิดถึงแม่แก้วที่ซู้ดดด”

“แม่แก้วก็คิดถึงหนูที่ซู้ดดดด” หญิงสาวลากเสียงยาวบ้าง เด็กหญิงยิ้มเห็นฟันซี่เล็กน่ารัก

“เอาล่ะ คิดถึงกันพอหรือยังคะทั้งแม่ทั้งลูก จะได้กลับบ้านกันเสียที”

เสียงชายหนุ่มที่นิ่งเงียบมานานขัดจังหวะ ทำให้ตะวันแก้วนึกขึ้นได้ว่ามีอีกคนยืนอยู่ด้วย หญิงสาวลุกขึ้นยืนจูบเบาๆ ที่ปลายคางสากระคายก่อนจะโผเข้าสู่อ้อมกอดของเขา สองแขนที่รัดแน่นรอบกายซึ่งกันและกันส่งผ่านความอบอุ่นอย่างที่เคยเป็น

“ยินดีต้อนรับกลับบ้านจ้ะแก้ว”

 

รถยนต์นิสสัน ซันนี่ นีโอสีดำสนิทเคลื่อนตัวออกจากลานจอดรถเพียงครู่เดียวก็แล่นพ้นตัวอาคารมาต่อแถวรอคิวออกถนนใหญ่สายวิภาวดีรังสิต แม้จะเป็นเวลาใกล้สี่ทุ่มแล้ว ทว่าถนนหนทางยังคลาคล่ำไปด้วยรถรามากมาย

“ไม่เปลี่ยนไปเลยนะคะพี่เพชร” คนที่เพิ่งกลับถึงเมืองไทยพูดพลางมองรถที่แล่นไปมาปรูดปราด

“หืม” คนที่กำลังขับรถเลิกคิ้ว

“แก้วหมายถึงบ้านเมืองของเราน่ะค่ะ ทั้งรถทั้งตึกยังเยอะเหมือนเดิม”

อีกฝ่ายยิ้มก่อนจะตอบ “ยิ่งกว่าเดิมสิไม่ว่า นี่ขนาดแก้วไปแค่ปีเดียวนะ ถ้าไปนานกว่านี้กลับมาอาจจำทางกลับบ้านไม่ถูกเลยก็ได้”

“นานกว่านี้แก้วคงไม่ยอมไปหรอก ห่วงหนูหยก” ตะวันแก้วค้าน

“พี่บอกแล้วไงว่าไม่ต้องห่วง” เขาบอกอย่างอ่อนโยน “ลูกพี่ทั้งคน”

“พี่เพชรเป็นผู้ชาย ยังไงก็ไม่เหมือนผู้หญิงหรอกน่า”

“ใครว่า พี่น่ะเลี้ยงเด็กเก่งขึ้นเยอะเลยนะขอบอก” เขาเถียงก่อนจะหันไปขอความเห็นจากเด็กหญิงซึ่งนั่งอยู่เบาะหลัง “จริงไหมคะหนูหยก”

“ไม่จริงค่า” เสียงแจ๋วที่ดังมาจากปากน้อยๆ ทำให้หญิงสาวกลั้นหัวเราะเอาไว้ไม่อยู่

“เห็นมั้ยพี่เพชร หนูหยกยังรู้เลย”

ทำให้คุณพ่อหน้าแตกแบบนี้ แม่ตัวเล็กจึงได้รับการคาดโทษด้วยน้ำเสียงขึงขัง “พรุ่งนี้โดนตัดค่าขนมเหลือครึ่งเดียว”

“ม่ายกัว หนูหยกขอแม่แก้วก็ได้ แม่แก้วกลับมาแล้ว” เด็กหญิงลอยหน้าลอยตาตอบ

พชรซึ่งเห็นกิริยาของแม่หนูน้อยผ่านกระจกมองหลังถึงกับหัวเราะเสียงดัง “ดูซิว่าลูกสาวเราน่ะแสบขนาดไหน”

“แสบยังไงแก้วก็รักของแก้วล่ะน่า” หญิงสาวยืนยัน “แก้วเลี้ยงของแก้วมาได้จนโตป่านนี้ เลี้ยงต่อจนเป็นสาวจะเป็นไรไป”

“จ้า...คุณแม่คนเก่ง เก่งให้ตลอดเถอะ”

“ของมันแน่อยู่แล้ว” เจ้าหล่อนลากเสียงพร้อมประสานมือขึ้นกอดอกอย่างภาคภูมิใจ ยังผลให้คนที่ขับรถอยู่ยิ้มอารมณ์ดี

 

บ้านเดี่ยวสองชั้นของพชรตั้งอยู่บนเนื้อที่เจ็ดสิบตารางวาในหมู่บ้านใหญ่ย่านชานเมือง ตัวบ้านทาสีครีมทั้งด้านนอกและด้านใน เฟอร์นิเจอร์ทุกชิ้นถูกเลือกสรรอย่างคนมีรสนิยม หน้าบ้านเป็นลานซีเมนต์กว้างพอสำหรับจอดรถได้สองคน พื้นที่ว่างทั้งด้านซ้ายและด้านขวาปูด้วยหญ้ามาเลย์ มีต้นไม้ทั้งใหญ่เล็กปลูกบริเวณริมรั้วทำให้ดูร่มรื่นเขียวขจี

บ้านจัดสรรในหมู่บ้านแห่งนี้ราคาค่อนข้างสูง ผู้อยู่อาศัยส่วนใหญ่จึงเป็นคนที่มีฐานะดีพอสมควร ด้วยระบบการรักษาความปลอดภัยที่เข้มงวดอย่างที่สุด ผู้อยู่อาศัยจึงมั่นใจว่าจะไม่มีโจรผู้ร้ายเข้ามายกเค้าเหมือนกับหมู่บ้านอื่นที่มีข่าวอยู่บ่อยๆ แต่ข้อเสียของสังคมเมืองในปัจจุบันก็คือต่างคนต่างอยู่ บ้านรั้วติดกันแต่ไม่รู้จักกันกลายเป็นเรื่องธรรมดา โชคดีที่เพื่อนบ้านของพชรเป็นคนมนุษยสัมพันธ์ดี กทำให้การใช้ชีวิตในหมู่บ้านแห่งนี้ของเขาไม่แห้งแล้งจนเกินไป

พชรเป็นเจ้าของกิจการร้านอาหาร เขาออกจากบ้านแต่เช้า กลับเย็นบ้าง ค่ำบ้าง บางครั้งดึก ไม่มีเวลาไปสังสรรค์เสวนากับบ้านใกล้เรือนเคียง หรือแม้แต่กับลูกสาวก็มีเวลาไม่มากนัก ทว่าเขาก็พยายามจะเติมเต็มสิ่งที่ขาดหายไปในชีวิตของหนูหยกให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้

ในช่วงหนึ่งปีที่ตะวันแก้วไม่อยู่ทำให้บ้านหลังนี้ค่อนข้างเงียบเหงา แต่วันนี้คนที่เป็นเหมือนแสงตะวันของบ้านกลับมาแล้ว ชายหนุ่มยิ้มกว้างอย่างสบายใจ อย่างน้อยเขาก็ไม่ต้องคอยตอบคำถามหนูหยกแทบทุกคืนว่าแม่แก้วจะกลับมาเมื่อไร

เมื่อตะวันแก้วเปิดประตูเข้าไปในห้องนอน หญิงสาวแทบจะกระโดดลงบนเตียงใหญ่ที่เธอไม่ได้สัมผัสมาหนึ่งปีเต็ม ทุกอย่างยังคงอยู่ในสภาพเดิม ไม่ว่าจะเป็นรูปถ่ายตรงหัวเตียง หมอนข้างใบโปรด รวมทั้งชั้นหนังสือการ์ตูนญี่ปุ่นซึ่งเป็นของสะสม

“ป้าพิมพ์จัดการทำความสะอาดครั้งใหญ่ให้เมื่อสองวันก่อน” พชรบอกเมื่อเห็นคนที่เพิ่งกลับมามีทีท่าตื่นเต้น ป้าพิมพ์เป็นพี่เลี้ยงของหนูหยกและทำหน้าที่แม่บ้านดูแลความเป็นอยู่ของทุกคน “ทุกอย่างเหมือนเดิม ชอบไหม”

“มากๆ” หญิงสาวตอบก่อนจะกระโดดกอดคนตัวโต “พี่เพชรน่ารักที่สุดในโลก”

“ไม่ต้องมาทำประจบเลย ดึกมากแล้ว...แก้วอาบน้ำแล้วพักผ่อนเถอะ พี่จะพาหนูหยกไปนอน”

“ไม่อาวววว” น้ำเสียงของเด็กหญิงที่ลากยาว นอกจากจะอ้อนแล้วยังแฝงอาการเอาแต่ใจมาด้วยเล็กน้อย “หนูจานอนกับแม่แก้ว”

“แม่แก้วเดินทางมาเหนื่อยๆ ให้แม่แก้วพักผ่อนนะคะ แล้วตั้งแต่พรุ่งนี้เป็นต้นไป พ่อเพชรอนุญาตให้หนูนอนห้องนี้ ตกลงไหมคะเด็กดี”

เด็กหญิงส่ายหน้าแทนคำตอบ

“งั้นคืนนี้ถ้ามีเด็กกวนใจ แม่แก้วจะหายไปไม่กลับมาอีกเลย” พชรหรือพ่อเพชรขู่ น้ำเสียงเอาจริง

เจอเข้าไม้นี้ เด็กหญิงที่ทำท่าจะเบะปากอยู่แล้วก็เลยพานน้ำตาร่วง

“แง้...” เสียงร้องไห้ดังขึ้นมาทันใด น้ำตาไม่รู้ว่ามาจากไหนไหลทะลักราวทำนบแตก เด็กหญิงแผดเสียงลั่นห้อง “หนูจานอนกับแม่แก้วววว”

“หนูหยก ดื้อใหญ่แล้วนะคะ” เมื่อคนเป็นพ่อเริ่มจะเสียงแข็ง เด็กหญิงซึ่งทั้งง่วงทั้งถูกขัดใจก็ยิ่งร้องดังกว่าเดิม

ตะวันแก้วย่อตัวลงนั่งยองๆ ตรงหน้า ยกมือขึ้นปาดน้ำตาให้ “ไม่ร้องนะลูก นอนกับแม่แก้วก็ได้นะค้า โอ๋ๆ คนดี หนูหยกต้องหยุดร้องก่อนนะคะ โอมมะลุกกุ๊กกุ๋ย น้ำตาจงหยุดไหล เพี้ยง”

สิ้นเสียง ‘เพี้ยง’ ของตะวันแก้ว เสียงร้องไห้งอแงของเด็กหญิงก็หายเป็นปลิดทิ้ง เหลือแต่เสียงสะอื้นฮั่กตามมาอีกหน่อย

“เก่งจังเลย” ตะวันแก้วยกนิ้วโป้งให้เป็นการชมเชย “ไปอาบน้ำกันดีกว่า ใครอยากอาบน้ำกับแม่แก้วบ้างค้า”

“หนูหยกค่า” แขนเล็กๆ ถูกยกขึ้นสูงทั้งสองข้าง พอน้ำตาแห้งแม่หนูก็ยิ้มได้หน้าตาเฉย

“งั้นเดี๋ยวพ่อเพชรไปเอาชุดนอนมาให้ก็แล้วกันนะคะ”

คนตัวใหญ่ที่สุดในห้องบอกอย่างเอาใจ เมื่อรู้ตัวว่าไม้แข็งของเขาที่เคยใช้ได้ผลมาตลอดกลับไม่สามารถใช้ได้เสียแล้วในวันนี้

เด็กหญิงแกล้งทำเมินแถมด้วยปากยื่นนิดๆ พชรกับตะวันแก้วสบตากัน...อมยิ้ม

 

เลยเวลาเที่ยงคืนไปแล้วเด็กหญิงตัวน้อยนอนกอดหมอนข้างหลับปุ๋ย ตะวันแก้วในชุดยูกาตะสีน้ำเงินเข้มออกมารับลมริมระเบียงเพราะตาค้างนอนไม่หลับ

หญิงสาวขมวดคิ้ว...เมื่อมองจากระเบียงไปแล้วพบว่าหน้าประตูรั้วบ้านข้างๆ ดูเหมือนจะมีรถจอดอยู่

หญิงสาวขมวดคิ้ว...เมื่อมองจากระเบียงไปแล้วพบว่าหน้าประตูรั้วบ้านข้างๆ ดูเหมือนจะมีรถจอดอยู่

ก่อนที่เราจะไปบ้านนี้กำลังสร้างนี่นา ไหนตอนนั้นคุณสถาปนิกบอกว่าเจ้าของไปราชการต่างประเทศ ให้เพื่อนกับน้องสาวมาคุมงานก่อนสร้าง...เอ หรือว่าจะกลับมาแล้ว

ตะวันแก้วเพ่งมองเข้าไปในตัวบ้านเห็นปิดไฟมืด...เฮ้ย อะไรน่ะ เงาตะคุ่มๆ ของใครโผล่ออกมาจากระเบียงบ้านหลังนั้น!!

“กรี๊ดดดด” หญิงสาวกรีดร้องเสียงลั่น “ขโมย! ใครก็ได้ช่วยด้วยขโมยขึ้นบ้าน”

แสงไฟจากบ้านในย่านนั้นเปิดสว่างขึ้นมาพึ่บพั่บ พชรวิ่งออกมาจากห้องนอนซึ่งอยู่ติดกันพร้อมปืนพกในมือวิ่งลงไปที่หน้าบ้าน

“ไหน...แก้ว ขโมยที่ไหน” เขาเงยหน้าขึ้นมาร้องถาม

“บ้านข้างๆ พี่เพชร บ้านข้างๆ มันเข้าไปในบ้านนั้นแล้ว!!!”

 

พชรเล็งปืนพกในมือขึ้นไปตามทิศทางที่หญิงสาวชี้ สายตาเขาจับไปที่ประตูห้องตรงระเบียงบ้านรั้วติดกัน แต่ก็ไม่พบว่ามีอะไรผิดปกติ

“ไม่เห็นมีอะไรเลยยัยแก้ว” เขาว่า

เจ้าของเสียงกรี๊ดแปดหลอดทำหน้าเจี๋ยมเจี้ยม ยอมรับโดยดุษณีว่า

 

(ติดตามอ่านต่อได้ในฉบับเต็ม)


รีวิว (0)


สินค้าที่ใกล้เคียง (69 รายการ)

www.batorastore.com © 2024