เจ้าสาวอัจฉริยะ (ชลาลัย)

เจ้าสาวอัจฉริยะ (ชลาลัย)

0 รีวิว  0 รีวิว    
รหัสสินค้า: เจ้าสาวอัจฉริยะ
ของหมด (ต้องการสินค้า)
ราคา: 320.00 บาท 80.00 บาท
ประหยัด: 240.00 บาท ( 75.00% )

เนื้อหาบางส่วน

เจ้าสาวอัจฉริยะ โดย ชลาลัย

…1

 

“นั่นคุณจะออกไปไหนอีกน่ะกีรนา  คุณเพิ่งจะเข้ามาเองนะ   แล้วลูกก็ตัวร้อน”

“กี ให้เด็กเอาลดไข้ให้ทานแล้ว   ไม่ได้เป็นอะไรมากมายนี่คะ   แค่ตัวร้อนนิดเดียวเท่านั้น   กีไม่ใช่หมอ...จะมานั่งเฝ้าก็เท่านั้น  พอดีกีมีนัดกับเพื่อนไว้  ไม่ไปก็เสียแย่...”

                คมศรมองภรรยาแสนสวยที่เขาเคยรักและเคยหลงใหลเสียเหลือเกิน   เขาเคยคิดว่าหล่อนเป็นแม่เทพธิดาน้อยๆ   ที่เขาจะทะนุถนอมไปทั้งชีวิต   ไม่ให้มีแม้แต่ริ้วรอยข่วนและหล่อนคงจะนำพามาซึ่งความชื่นฉ่ำหัวใจให้แก่เขาได้เสมอไม่ว่ายามทุกข์หรือสุข

เขาจำได้ถึงพิธีแต่งงานอันยิ่งใหญ่เมื่อหลายปีก่อนที่เขาทุ่มเทจัดมันขึ้นมาอย่างโอฬาร  แม้ว่าจะเสียเงินเสียทองไปมากมายมหาศาลเขาก็ไม่ได้เสียดายสักนิด  เขามีเงิน...ธุรกิจกำลังรุ่งเรืองคิดวินาทีเป็นเงิน  คิดชั่วโมงเป็นทอง  ไม่ว่าจะหยิบจับอะไรก็ฟู่ฟ่าไปหมด

เขาเป็นนักธุรกิจหนุ่มเนื้อหอมที่สาวๆ รุมตอมแต่เขารักกีรนา  สาวสวยไฮโซฯ ครอบครัวของหล่อนเด่นดังในเรื่องงานสังคมหล่อนเป็นลูกสาวไฮโซๆ คนดังที่แต่งงานหลายครั้งหลังหย่าก็จะได้เงินก้อนใหญ่สะสมมาแม่หล่อนดังกว่าหล่อนเสียอีกแต่เขาไม่ได้สนใจอะไรในเรื่องเหล่านั้น  นอกเสียจากว่าเขารักหล่อนและหลงใหลในความสวยงามอ่อนหวานที่หล่อนมีและหล่อนเป็น

หากหลังแต่งงานไม่นานมากนักเขาก็รู้ซึ้งถึงคำว่าสวยแต่รูปและจูบไม่หอมนั้นกีรนาเอาแต่ใช่เงินฟุ่มเฟือยไปกับความฟู่ฟ่า

ก่อนหน้านี้เขาอาจจะร่ำรวยเพราะธุรกิจทุกอย่างไปได้ดีเขามั่งมีเหลือล้นหล่อนอยากจะใช้เงินเท่าไหร่เขาก็ไม่เคยว่าเคยบ่นขอเพียงแต่ให้กีรนามีความสุขเท่านั้นแต่หากยามนี้  ธุรกิจเขากำลังย่ำแย่...เขากำลังวิ่งเข้าหาทางตันและมืดมนเขากับกีรนาทะเลาะกันบ่อยครั้งเพราะดูเหมือนหล่อนจะไม่ใส่ใจกับทุกข์หรือสุขของเขาสักนิด   เขาจะเป็นอย่างไรหล่อนไม่เคยมองกีรนาเปลี่ยนไป!

                เปล่า...เขาต่างหากที่เปลี่ยนไป....เขาหวังว่าหล่อนจะเข้าใจในภาวะที่เขากำลังเผชิญและหันมามองหาทางช่วยเหลือกันมากกว่าที่จะยังเที่ยวและใช้เงินสุรุ่ยสุร่ายเช่นเดิมหรืออาจมากกว่าเดิม   ที่สำคัญหล่อนมีลูกสาวอายุห้าขวบ   กำลังน่ารักน่าชัง   ขณะที่เขาไม่มีเวลาให้กับลูกกีรนาควรจะให้เวลาที่มากที่สุด  ให้ความรักและความอบอุ่นกับลูกมากกว่าที่จะทอดทิ้งไปเที่ยวเตร่ไร้สาระแบบนี้

                หรือเพราะวันนี้เขาไม่เหลือความรักให้แก่หล่อนหรือเพราะว่าแท้จริงแล้วเขาไม่ได้รักหล่อนหากเขาหลงหล่อนต่างหาก!

                เขาเคยชวนหล่อนมาช่วยงานเขาคิดว่าจะเปิดธุรกิจให้หล่อนทำในสิ่งที่หล่อนถนัด  หากกีรนาไม่สนใจ  หล่อนไม่ชอบทำงาน  หล่อนรักสบายและเคยอยู่สบายมาจนเคยตัวแล้วหล่อนว่าแค่ที่หล่อนเรียนจบนี่ก็เรียกว่าดีที่สุดแล้วหล่อนแต่งงานมาเพื่อให้เขาเลี้ยงดูหล่อนหล่อนไม่ชอบทำงาน... มันเหนื่อยเกินไปแม้แต่เลี้ยงลูกเอง  กีรนาก็ไม่เคยทำ  หล่อนส่งลูกให้พี่เลี้ยงเด็กตั้งแต่ออกจากโรงพยาบาลด้วยซ้ำ

คมศรหงุดหงิดและทะเลาะกับภรรยาระหองระแหงหมดความสุขในหลายปีหลังๆ  ดูเหมือนว่าเขาไม่อาจเปลี่ยนแปลง กีรนาได้   เขาไม่มีเวลาพาหล่อนไปเที่ยวหล่อนก็ไปเสียเอง  ไปกับเพื่อนๆ ของหล่อนที่เขาไม่ค่อยได้ใส่ใจกับใครมากนัก

                “คมศร...นี่คุณอย่าเป็นคนซีเรียสให้มากนักเลย  เมื่อก่อนไม่เห็นจะเป็นอย่างนี้เลย”

                “ผมงานยุ่งแค่ไหนคุณก็รู้   ผมสงสารยายกิ๊บนะ...วันนี้แกไม่สบาย  หากคุณไม่อยู่กับลูก  ผมก็ต้องอยู่”

                “ก็อยู่ไปสิคะ  ยายกิ๊บน่ะติดคุณมากกว่าฉันเสียอีก”

                “กีรนา นี่คุณพูดอะไรออกมารู้ตัวรึเปล่า”  เขาถามเสียงเข้ม  “คุณเป็นแม่นะ   คนเป็นแม่ควรจะดูแลลูกสิ  อีกอย่างงานที่คุณจะไปมันก็ไม่สำคัญอะไรสักหน่อยนี่นา  ทำไมจะต้องไปให้ความสำคัญกับเรื่องแบบนี้มากกว่าลูก”

                “ยายกิ๊บไม่ได้เป็นอะไรมาก  แล้วฉันก็นัดเพื่อนไว้แล้ว”

“บอกเลิกนัดได้”

“คมศร...”

“บอกเลิกนัดเถอะกี...วันนี้ผมเหนื่อยเหมือนกัน  เราจะได้อยู่ด้วยกัน  ทานข้าวที่บ้านกันบ้างก็ยังดีนะ”

“ไม่ค่ะ  กีไม่ชอบ..ที่จะเลิกนัด   นี่กีก็แต่งตัวเรียบร้อยแล้วด้วย  ที่คุณไม่ไปกับกีก็แย่แล้วนะคะ”

กีรนาคว้ากระเป๋าถือ  “ยังจะมาชวนให้กีผิดนัดอีกนะคะ”

“กีรนา...”

“อย่าเอาเรื่องลูกมาอ้างเลยคมศร   นั่นน่ะคุณบ้างานจนลืมกี...กียังไม่ว่าคุณเลยนะคะ”

“ผมบ้างานเพราะตอนนี้ธุรกิจของเรากำลังมีปัญหานะ”

กีรนาชะงัก!

“อะไรนะคะ?”

“ผมบอกคุณแล้วนี่   ผมกำลังเจอปัญหา  เราไม่เหมือนเดิมนะกีรนา  เราก็ควรจะปรับตัวบ้างนะ  คุณควรจะเข้าใจสิ  ผมไม่อยากจะให้คุณตื่นตกใจอะไรหรอกนะ   แต่ว่า...มันเป็นเซ้นส์ง่ายๆ ของครอบครัว  เราต้องรัดเข็มขัดไม่ใช่ว่าซื้อเพชรครั้งละเป็นล้านแบบนั้น”

“แต่เพชรนั่นก็สั่งเขาเอาไว้ตั้งแต่งานโชว์เพชรครั้งที่แล้ว   เราสั่งก็ต้องรักษาเครดิตหน่อยสิคะ”

กีรนาโกรธ  “เรื่องแค่นี้เมื่อก่อนไม่เห็นว่าคุณจะสนใจอะไรเลยนะคะ   เกิดเป็นอะไรขึ้นมาชอบเอาเรื่องเล็กเรื่องน้อยแบบนี้มาพูดอยู่เรื่อย  กีไม่ชอบเลยนะคะ”

“แล้วคุณคิดว่าผมชอบหรือ กีรนา”

“ไม่ชอบก็ไม่ต้องพูดสิคะ”กีรนาโวยวาย  “พูดแล้วเสียอารมณ์...เงินแค่หลักล้านนิดๆ  เท่านั้น  ทีเมื่อก่อนไม่เห็นคุณบ่นเลย  กลับซื้อเพิ่มให้เสียอีก  กีออกงานแต่ละครั้งก็เป็นหน้าเป็นตาให้คุณนะคะ”  กีรนาว่า  “ไปล่ะค่ะ กีไม่อยากจะเสียอารมณ์...”

“กี...นี่ตกลงคุณจะทิ้งลูกไปจริงๆ”

กีรนาไม่พูดแต่เดินออกไปเลย...

คมศรยืนอึ้งไป  เหมือนเขาจะพูดอะไรไม่ออกมากกว่าที่จะไม่อยากพูดอีก  เขาเดินกลับไปที่ห้องลูก  มองเห็นพี่เลี้ยงของลูกนั่งอยู่ข้างเตียง  ยายหนูกิ๊บหลับปุ๋ยคงจะเพราะฤทธิ์ยา

ชายหนุ่มวางมือลงบนหน้าผากลูกสาว   “ตัวยังร้อนอยู่เลย   ถ้าเย็นนี้ไม่ดีขึ้นต้องพาไปหาหมอแล้ว   ดูแลคุณกิ๊บให้ดีนะแสงจันทร์...”

“ค่ะคุณคม”

“เดี๋ยวฉันไปออฟฟิศสั่งงานเสร็จแล้วจะกลับ...มีอะไรด่วนก็โทรเข้าหามือถือนะเข้าใจไหม?”

“ค่ะคุณคม”

ชายหนุ่มถอนหายใจ   แสงจันทร์เป็นพี่เลี้ยงกึ่งผู้ช่วยพยาบาล  ดูแลลูกสาวเขาตั้งแต่แรก   เงินเดือนของแสงจันทร์ค่อนข้างมากกว่าพี่เลี้ยงทั่วไป  แต่หากคมศรต้องการความไว้วางใจได้   เขาอ่านข่าวหนังสือพิมพ์เรื่องพี่เลี้ยงเนิร์สเซอรี่บางแห่งทำร้ายเด็กแล้วช่างน่ากลัว  เพื่อนๆ เขาเองก็เคยเล่าให้ฟังว่าจ้างพี่เลี้ยงมากจากสถานเลี้ยงเด็กชั้นดี   แต่ลูกเขาถูกให้ยานอนหลับเพื่อให้หลับได้ทั้งวัน  โชคดีว่าจับได้เร็วเพราะเห็นอาการไม่ปกติของลูก  บางสิ่งในโลกนี้โหดร้ายเกินกว่าที่ใครจะคาดคิด  เขารักลูกมาก...เขาคิดว่า...หากจะต้องแลกกีรนากับลูก  เขาคงจะไม่เลือกกีรนาแน่ๆ  เขาหอมหน้าผากลูกเบาๆ  ก่อนจะรีบออกไป

“ฉันไม่สบายใจจริงๆ เอก...ไม่เคยคิดว่าชีวิตมันจะวิ่งเข้ามาเจอทางตันแบบนี้  ยอมรับว่าตื้อไปหมด..”

เอกรัฐ   พยักหน้าและมองอีกฝ่ายหนึ่งอย่างเห็นใจ

“ฉันอยากจะช่วยนายนะ   แต่...ปัญหาของฉันเพิ่งจะเริ่มแก้ไขได้  ฉันคิดว่าสักระยะหากทุกอย่างดีขึ้นฉันคงจะช่วยนายได้แน่ๆ”

“จะมาพากันตานหรือ...เตี้ยแล้วมาอุ้มค่อมหรือไง...ไม่มีประโยชน์หรอกน่าหากทำแบบนั้น”  ชายหนุ่มถอนใจ  “เรื่องอะไรก็ไม่สำคัญเท่าครอบครัวหรอก  ฉันไม่เคยคิดว่าครอบครัวจะแตกแยก  แต่ถ้าหากเป็นแบบนี้ต่อไป  มันก็คงจะต้องแตกแยกเข้าวันหนึ่งแน่ๆ”  คมศรกล่าว  “เหมือนฉันจะไม่เหลืออะไรเลยนะ”

“ฉันอยากจะแนะนำนายนะ  ยังไงน่ะ  ลองดูมันก็ไม่เสียหาย  ที่ฉันบอกว่าบริษัทที่เขารับเป็นที่ปรึกษาแก้ไขปัญหาธุรกิจน่ะ...”

คมศรสายหน้า  “ที่นายบอกว่าเป็นผู้หญิงน่ะเหรอ...หากเขาช่วยคนอื่นได้จริงๆ ล่ะก็...ป่านนี้เขาเปิดธุรกิจของตัวเองร่ำรวยไปแล้ว”

“บางทีคนเราอาจจะทำอะไรของตัวเองไม่ได้หรืออาจจะไม่อยากจะทำ  แต่บางทีอาจจะช่วยคนอื่นก็ได้นะ  ใช่ไหมล่ะ?”

“งั้น...”

“แค่นายอธิษฐาน...แค่นายลองทำดู  หากนายมีดวงพอที่จะได้พบนายก็...”

“ไอ้บริษัทบ้านี่มันอยู่ที่ไหน?”

เอกรัฐส่ายหน้า   “ฉันไม่รู้”

“แล้วนายติดต่อหล่อนยังไง?”

“หล่อน”

เอกรัฐพึมพำ  “ฉันไม่รู้หรอกนะว่าติดต่อยังไง...รู้แต่ว่าตอนที่ฉันแย่อย่างที่สุด  ฉันแค่ไปขอกับพระจันทร์...”

คมศรหัวเราะหึๆ  “ขอพรจากพระจันทร์แล้วเทพธิดาก็เหาะลงมาช่วยนายงั้นสิ”

“แต่ฉันก็ดีขึ้นอย่างที่นายเห็น...” เอกรัฐบอก  “นายก็เห็นก่อนหน้านี้ฉันจะฆ่าตัวตายอยู่แล้ว  ฉันไม่อยากจะมีชีวิตอยู่เลย  ฉันรู้สึกเหมือนรูที่จะออกมันไม่มีแล้ว  เมียก็หนี  บ้านก็แตก  โชคดีว่าฉันไม่มีลูก...แต่นายมีลูก  นายเป็นผู้ยิ่งใหญ่มาก่อน  จะยอมล้มฟุบยังไง...”

ในทรวงอกเขาเหมือนเต้นระริกไปด้วยความวิตกกังวล  เขายอมรับว่ากินไม่ได้นอนไม่หลับมานานหลายเดือนหรืออาจเป็นปีก็ได้  เหมือนเคราะห์กระหน่ำซ้ำร้าย  ทุกอย่างดูกลายเป็นสีดำที่แสนจะมืดมนไปทั้งหมดเลยทีเดียว

“คนเราเมื่อเจอทางตัน  แม้แต่ช่องเล็กๆ  เราก็ต้องออกนะ  นายจะยอมตายหรือ”

“ฉันไม่ยอมฝากชีวิตเอาไว้กับโชคชะตา”

“ทั้งที่...ก็อยู่กับโชคชะตาหรือ  “เอกรัฐถาม “ใช่ไหม...ทั้งที่นายก็ไม่ได้ต่างจากมนุษย์คนไหน...ตกอยู่ในชะตากรรมเดียวกันทั้งนั้น  ตกอยู่ในโชคชะตาเดียวกัน”

“เอก...แต่ฉันไม่อยากจะไปงมงายกับเรื่องแบบนี้”

“มันไม่ชาเรื่องงมงาย  คุณเก็จกุดั่นเธอเอาเรื่องของปรัชญาทางเศรษฐกิจและจิตวิทยามาช่วย”

“จิตวิทยา”

“ใช่...จิตวิทยา”

“ช่วยยังไง”

“นายต้องลอง  เธอช่วยคนมาเยอะแล้ว  แต่ว่า..เธอจะเลือกที่จะช่วยเธอไม่ได้ช่วยคนทุกคน”

“เก่งจริงก็ต้องช่วยคนทุกคนสิ  ทำงานแบบนี้ก็ต้องการเงินทั้งนั้นใช่ไหมล่ะ”  คมศรกล่าวพร้อมถอนหายใจ  “ไม่มีใครทำอะไรโดยไม่หวังสิ่งตอบแทนหรอกนะเชื่อฉัน  ไม่มีหรอกอย่างที่นายว่า...ไม่มีใครวิเศษไปกว่าใครมันก็ไอ้มนุษย์ธรรมดา  เดินดินแต่ไม่ได้กินข้าวแกง...เฮ้อ...”

“นายต้องมีสตินะคมศร  นายต้องพยายามที่จะวางทิฐิลง...ต้องวางลง วางมันลงซะ”  เอกรัฐกล่าว  “กลับไปบ้านแล้วลองคิดดีๆ  ลองไหม..มันไม่ได้เสียหาย  แล้วคุณเก็จเธอก็ไม่ได้เรียกร้องเป็นเงิน  กรณีของฉันเธอให้ฉันบริจาคช่วยเด็กยากจนโดยไม่ได้ผ่านเธอ”

“พวกทำบุญเอาหน้าน่ะสิ”  เขากล่าว  “พวกนี้จะต้องมีอะไรแอบแฝงเพื่อที่จะหาผลประโยชน์อะไรสักอย่าง  ถ้านายแน่จริงนายก็ต้องโทรไปเลยบอกให้เธอมาพบฉัน  หากว่าเธอสามารถช่วยฉันได้จริงล่ะก็  จะเอาเท่าไหร่ก็ว่ามา...ว่ามาเลย  ฉันยินดีจะจ่ายให้”  ชายหนุ่มกล่าว  “เท่าไหร่ก็ได้”

“งั้นนายก็ล้มเหลวแต่แรกแล้วละ”  เอกรัฐพูดพร้อมกับถอนหายใจหนักๆ  “ปัญหาทุกอย่างมันต้องมีทางแก้โว๊ยไอ้เสือ  แกเป็นเสือแกไม่มีวันจะตายลงโดยไร้ศักดิ์ศรีหรอกเชื่อเถอะวะ”

คมศรขับรถออกจากบ้านเพื่อนเพื่อที่จะกลับบ้าน  เขารู้ว่าในอกของเขามันหนักหนาแค่ไหน  เขาขับรถขึ้นสะพานแขวนในช่วงดึกที่รถราเบาบาง  มองเห็นพระจันทร์ดวงใหญ่สวยงามลอยเด่นอยู่  เหมือนเขาจะไม่ได้มองเห็นพระจันทร์ที่ทอแสงนวลใยงดงามขนาดนี้มานานแล้ว  นายแล้วจริงๆ

นานจนแทบจะลืมไปเสียด้วยว่า  นอกจากโลกแล้ว...โลกยังมีพระจันทร์หมุนเคียงคู่อยู่ตลอด

ชีวิตคนเราเปลี่ยนไปมากมายแต่อย่างเดียวเมื่อไหร่กัน  แม้แต่ดวงดาวในระบบสุริยะบางดวงยังถูกปลดออกจากการเป็นดาวเคราะห์  กลายเป็นดาวเคราะห์แคระได้เลย...จะเอาอะไรกับชีวิตนักหนาเล่า

เขารู้สึกเหมือนมีกระแสลมเย็นๆ มาปะทะหน้า...ทั้งที่กระจกรถปิดสนิท

ไม่ใช่ลมจากแอร์คอนดิชั่นมรรถที่ส่องทาทางด้านหน้า  แต่เหมือนมีกระแสลมผ่านเข้ามาทางช่องกระจกด้านข้างที่ปิดอยู่  บ้าแล้ว...เขาคิดไปเอง  ชายหนุ่มจอดรถและลงไปที่สะพาน  มองพระจันทร์ดวงกลมใหญ่ดวงนั้น...แล้วเขาก็ขยี้ตา...เฮ่ย..ตาเขาพร่าไปนั่นเอง  แต่ภาพที่เขาเห็นแว่บนั้น  อะไรสักอย่างที่ลอยเด่นอยู่ด้านหน้า  เขาขยี้ตาอีกครั้งและยังเห็นเช่นเดิม!


รีวิว (0)


สินค้าที่ใกล้เคียง (75 รายการ)

www.batorastore.com © 2024