รักร้อนแรงเสน่หา 2 (นางแก้ว) (EBOOK)

รักร้อนแรงเสน่หา 2 (นางแก้ว) (EBOOK)

0 รีวิว  0 รีวิว    
รหัสสินค้า: รักร้อนแรงเสน่หา2
ของหมด (ต้องการสินค้า)
ราคา: 150.00 บาท 37.50 บาท
ประหยัด: 112.50 บาท ( 75.00% )

เนื้อหาบางส่วน

ตอนที่ 1 รสกลมกล่อม

 

 

          เด็กหญิงร่างอ้วน หน้ากลมคางสองชั้น ส่งยิ้มหน้ากลมให้กับเด็กรุ่นหนุ่มหน้าคมสันแบบชายไทย เขายื่นตุ๊กตาผมทองอยู่ในกล่องหรูหราพร้อมกับเพื่อนๆอีกหลายตัวให้กับเด็กหญิงคนนั้น

            “ฮู้…ตุ๊กตาสวยจังเลย น้องหนูชอบจังเลย”เธอรับไปกอดแนบอก “อยากได้ฟุตบอลด้วย”

            “เดี๋ยวพี่อัลให้ยืม”เด็กชายร่างผอม ผมสีน้ำตาลตาสีฟ้าชะโงกหน้าจากหลังพี่ชายเข้าไปบอกเอาใจ อาร์มค้อมร่างลงไปอวยพร

            “สุขสันต์วันเกิดนะน้องหนู โตเร็วๆนะ”

            “ขอบคุณค่ะน้องหนูจะเป็นเจ้าสาวพี่อาร์มนะคะ” เธอกระพุ่มมือไหว้อย่างน่ารัก จากนั้นคุณย่าอร ดันร่างผอมโย่งของหลานชายผมสีทองดวงตาสีฟ้า ผิวขาวละเอียดตามสัญชาติลูกครึ่ง แม้จะเป็นน้องชายตามสายเลือดของอาร์ม แต่อีกเด็กชายทั้งคู่กลับไม่เหมือนกันเลย อีกคนคือเด็กไทยแท้เหมือนบิดา ส่วนอัลวาร์ ถอดแบบคุณปู่ชาวต่างชาติมาจากเบ้าเดียวกัน

อัลวาร์วัยเก้าขวบเข้าไปหาเด็กหญิง พร้อมกับยื่นถาดเล็กๆ ในถาดมีขนมครกวางเป็นวงกลมเด็กชายหน้าฝรั่ง ส่งยิ้มให้อย่างจริงใจพลางหยอกเย้าว่า

            “ไม่ต้องเอาหนมเค้ก พี่อัลเอาหนมครกมาให้แทนนะ”

            น้องหนูตัวกลมแบะปากจากนั้นทำหน้าถมึงทึง ทิ้งตุ๊กตาในมือยกถาดที่อัลวาร์ส่งมาให้ คืนกลับไปโปะหน้าอีกฝ่ายทันที

            “น้องจะเอาเค้ก”

            “น้องหนูทำไมทำอย่างนั้นนะ ไม่น่ารักเลย” สาวสวยดึงลูกสาวไปสั่งสอน แต่เด็กหญิงห่อปากกลมหน้าตูม มองเด็กชายหน้าเปื้อนแป้งแต่ยังมีแก่ใจส่งขนมครกจากใบหน้ามาให้น้องหนูกิน ซึ่งเธอก็รับไปกินต่อ ผู้ใหญ่ห้าคนจึงหัวเราะชอบใจกับการกระทำอันไร้เดียงสาของน้ำริน

            ความสนิทสนมกลมเกลียวของสองครอบครัวเริ่มมาช้านานและไม่เปลี่ยนแปลงราวกับว่าพวกเขาเป็นญาติสนิท แท้ที่จริงแล้วกำนันบูชิต เป็นเด็กกำพร้าเมื่อเรียนอยู่ชั้นมัธยมต้น คุณย่าซึ่งเป็นผู้ใหญ่ที่ครอบครัวกำนันบูชิตให้ความนับถือ ได้รับอุปการะในฐานะผู้ปกครอง โดยที่กำนันมีมรดกที่ไร่ที่นามาก แต่เด็กเกินกว่าจะดูแลได้เอง คุณย่าจึงเลี้ยงเหมือนลูกเกเรมากก็ส่งไปเรียนไกลเพื่อดัดนิสัย เมื่อกลับมาช่วงตั้งตัวมีลูกเด็กคือน้ำรินคุณย่าอรจึงเลี้ยงมาตลอด พ่อแม่ว่างก็มารับกลับไปบ้าน  แต่พวกท่านไม่กีดขวางในเรื่องความรัก หยอกล้อกันมาว่าจะให้น้ำรินเป็นเจ้าสาวคนใดคนหนึ่งในสองหนุ่ม ซึ่งเด็กหญิงเลือกพี่อาร์ม

ส่วนอัลวาร์นั้นได้รับเชื้อสายเต็มที่จากทางคุณตาซึ่งเป็นคนอเมริกันได้ภรรยาไทยอยู่ภาคอีสาน และคุณอนันต์ผู้เป็นบิดาของลูกชายทั้งสองไปรับราชการอยู่ที่โคราชและได้รู้จักชอบพอกับนางงามกาชาดของโคราชและหอบหิ้วกันลงมาอยู่ที่ลพบุรีหลังจากได้บ้ายกลับมาบ้านเกิด กำลังเริ่มจับธุรกิจเพิ่มรายได้ให้ครอบครัวให้มากยิ่งขึ้น

            “แม่แหม่มสวยจัง  ป๊ะป๋าก็สวย”น้ำรินชื่นชม ไม่รู้จักคำว่าหล่อ นอกจากเห็นใครถูกใจก็สวยหมด “พี่อาร์มสวยพี่อัลไม่สวย”

“พี่อัลหล่อต่างหาก” เด็กชายมากวัยกว่าหลายปีเถียง

“แม่แหม่มขา พี่อัลไม่สวยเนอะ” เด็กหญิงฉอเลาะ ไม่เคยแยกว่าใครคือผู้ให้กำเนิดที่แท้จริง เพราะบิดาต้องทำงานหนักไม่ต่างจากมารดาเพื่อสร้างครอบครัวให้เป็นปึกแผ่น ยิ่งงานมาก น้ำรินจึงมาอยู่บ้านของคุณย่าอร รอผู้ให้กำเนิดกลับเมื่อไหร่จึงมารับเสียที

            บ้านสวนของน้ำรินได้รับการต่อเติมจากเรือนไม้ มาเป็นบ้านก่ออิฐ ถือปูนทรงทันสมัย ขณะที่เรือนไทยหลังใหญ่ของคุณย่าอร ก็ต่อเติมเพิ่มขึ้นไปอีกหนึ่งหลัง เด็กๆไม่รู้ว่าทำไมต้องมีบ้านใหม่ หลังใหญ่ แต่ผู้ใหญ่รับรู้ดีว่า นั่นคือสิ่งก่อสร้างที่บ่งบอกฐานะที่มั่งคั่ง และเพื่อให้สังคมนับหน้าถือตามากขึ้น

            เวลาผ่านไปอีกหลายปีความสัมพันธ์ยังคงแน่นเหนียวดังเดิม

          บ้านทรงไทยราคาหลายสิบล้านบาทกลาง เรือนจะปล่อยเป็นลานโล่งสำหรับทำกิจกรรมกลางแจ้งได้ตามความนิยมของผู้ที่มีเรือนไทย ถัดเข้าไป มีตั่งไม้สักยาว เรียบกว้าง ยาว คนในบ้านนิยมนั่งพื้นสนทนากับคุณย่ามากกว่าจะให้ท่านลุกมานั่งเก้าอี้นั่งโต๊ะสนทนา เว้นแต่ว่าหากคุณย่าพักผ่อน คนในครอบครัวจะนั่งสนทนากันที่โต๊ะไม้ชุด ที่มุขรับลม

เวลานี้บนที่นั่งไม้สักแข็งแรงนั้น คุณย่าร่างใหญ่มีเค้าสวยในยามสาว ท่านมีอายุถึงเจ็ดสิบสองปีแล้ว ท่านนั่งกึ่งนอนอิงหมอนสามเหลี่ยม คุณแอนนา ลูกสะใภ้นั่งสนทนาเป็นเพื่อนอยู่พื้นนั่งใกล้ๆ คุณแอนนาเหมือนฝรั่งมากทีเดียว แต่ผิวสวยไม่ตกกระ ดวงตาสีฟ้าเปล่งประกาย

สาวน้อยวัยสิบสี่ปี พาร่างล่ำสัน น้ำหนักหกสิบห้า สูงร้อยหกสิบสาม เดินขึ้นบันไดขึ้นไปพร้อมกับถือพานพวงมาลัยดอกมะลิ ซึ่งเรียงร้อยมาเอง รูปทรงมาลัยมะลิใหญ่และบิดเบี้ยวไร้ความงาม หากเจ้าตัวพึงพอใจกับผลงานของตนเองยิ่งนัก

            สองหญิงต่างวัยมองร่างใหญ่ของสาวน้อยแก้มป่อง ถักเปียสองข้าง ประคองพานพวงมะลิร้อยเข้ามาหา พวกท่านทักทายอย่างเอื้อเอ็นดู

            “ถือพานอะไรมาน้องหนู”

            “วันแม่ค่ะคุณย่า แม่แหม่ม น้องหนูร้อยมาลัยมากราบค่ะ” บอกพลางลงเดินเข่า ความไม่เคยชินทำให้ เก้กังจะคะมำไปข้างหน้าพร้อมกับพานดอกไม้ แต่ตั้งหลักเอียงได้ทันพวงมาลัยเอนเอียงจะหล่นมิหล่นแหล่ แต่เด็กรุ่นสาวคว้าหมับด้วยมืออูม สองผู้หญิงพากันหัวเราะเสียงใสๆเตือนออกมาเป็นเสียงเดียวกัน

            “ค่อยๆน้องหนู ย่าไม่รีบ / แม่แหม่มก็ไม่รีบ”

            น้องหนูตัวใหญ่เกือบเท่าแม่หมู ยิ้มตาปิดเพราะแก้มป่องๆของเธอกินเนื้อที่ไปหมด จมูกโด่งพลอยโดนแก้มดึง ให้เหมือนคนดั้งหัก มีแต่ขนตายังยาวงอนตามปกติ ส่วนคอสองชั้นทำให้ดูสั้น

 เธอหยิบมาลัยพวงแรก ขึ้นจากพาน คลานไปที่ตรงหน้าคุณย่า ซึ่งลุกขึ้นนั่งค้อมหลัง วางมือมาให้สาวน้อยแก้มใสได้ทำพิธีกราบไหว้ ซึ่งทำเป็นประจำทุกปี โดยมีเสียงคุ้นเคยออกปากดังมาทุกปีเช่นกันว่า

            “คนแม่อุปถัมภ์เยอะก็งี้ล่ะ เวียนไหว้ครบทั้งหมู่บ้าน”

            “อ้ายพี่อัลบ้า” น้องหนู นามเรียกเล่นซึ่งผู้ใหญ่ตั้งให้ ทำปากขมุบขมิบต่อว่าเด็กหนุ่มใบหน้าถอดภาพชายชาวอเมริกัน ผู้เป็นบิดาของคุณแอนนาเป็นต้นแบบออกมาไม่ผิดเพี้ยน

อัลวาร์ เดินเข่าปราดๆเข้าไปด้วยชุดเตรียมทหารชั้นปีสามเตรียมขึ้นเหล่า ไปนั่งใกล้มารดา ส่วนพี่ชายคนโตเดินไปใกล้และค่อยทรุดตัวลงไหว้สองผู้ใหญ่ตามกิริยามารยาทที่ได้อบรมมา

“ขอให้คุณย่ามีอายุยืนนานเป็นร่มโพธิ์ร่มไทรให้น้องหนูนานๆนะคะคุณย่า”

“สมพรปากนะลูกนะ ย่าก็ขอให้น้องหนูเป็นเด็กดีไม่ดื้อไม่ซนนะลูก” อัลวาร์สอดคำยั่วเย้าน้องต่างสายเลือดจอมบู๊

“คุณย่าให้พรน้องว่า ต้องดื้อต้องซนหรือครับ อัลได้ยิน”

“เอาจักรไปแคะหูไปพี่อัล” เด็กรุ่นสาวร่างใหญ่หันไปเอาเรื่อง และรีบเปลี่ยนเป็นยิ้มสวยให้ชายหนุ่มหน้าเข้ม สมชายไทยแท้ พี่ชายคนโตซึ่งเธอหมายมั่นปั้นมือต้องเป็นเจ้าสาว

“พี่อาร์มมาแล้วหรือคะ เดี๋ยวน้องหนูกราบแม่แหม่มแล้วจะกราบพี่อาร์มด้วยนะคะ”

“วันแม่ ไม่ใช่วันรวมญาติ” อัลวาร์ขัดคำ

น้ำรินไม่ต่อว่าอะไร ถือพวงมาลัยอีกพวงเข้าไปกราบคุณแอนนา แต่ระหว่างที่คลานเข้าไป เธอกระแทกตัวเข้าไปด้านข้างของหนุ่มอัลวาร์จนอีกฝ่ายเสียหลักหงายไปทับพี่ชายซึ่งรีบประคองไว้ได้ตามสัญชาตญาณ

น้ำรินอวยพรคุณแอนนาที่เธอหลงรักมาตั้งแต่เด็กเพราะชอบความสวยเหมือนแหม่ม จึงเรียกแม่แหม่มจนติดปาก

“ขอให้แม่แหม่ม อายุยืนนานหลายร้อยปีนะคะ จะได้รักน้องหนูคุ้มครองน้องหนูนานๆ”

“ขอบใจนะน้องหนู ขอให้น้องหนูน่ารักอย่างนี้ไปตลอดนะลูกนะ”อวยพรพลางก้มลงไปหอมแก้มอูมซึ่งเอียงให้ทั้งสองข้างอย่างเอาใจ ผู้ใหญ่ถามว่า

“แล้วคุณพ่อกับคุณแม่ล่ะ”

“ยังอยู่จวนผู้ว่าค่ะแม่แหม่ม น้องหนูกลับมาก่อน”

สองผู้ใหญ่นำมาลัยขึ้นมาหอม ทำให้น้ำรินยิ้มน้อยยิ้มใหญ่เต็มไปด้วยความภูมิใจ อัลวาร์อดปากไม่อยู่จึงกระแนะกระแหนความขี้เหร่ของมาลัยมะลิร้อย

“ยังกะไม่ได้ใช้เข็มเดียวกันร้อย บิดเบี้ยวเป็นทางรถไฟเลย”

น้ำรินใช้ศอกกลับ อัลวาร์หลบไม่ทันเจ็บจุกลงไปนอนกุมท้องร้องโอย คุณย่าจึงต่อว่า

“คนปากเสีย ก็ต้องโดนอย่างนี้ คนเขามีน้ำใจอุตส่าห์ตั้งใจทำ แม้ไม่สวยงาม แต่ทำด้วยใจ ก็ดูสวยกว่านักร้อยอันดับหนึ่งเสียอีกรู้มั้ย”

“ขอบคุณค่ะคุณย่า”

“หอมมั้ยครับคุณย่า ร้อยดอกมะลิซะกลีบช้ำ” อัลวาร์ยื่นมือไปขอจากบุพการี ท่านส่งมาให้ น้ำรินเขม้นมองอัลวาร์ซึ่งดมแล้วไม่ว่าอะไรแต่เก็บใส่กระเป๋าเสื้อ เด็กรุ่นสาวจึงโผเข้าไปแย่งชิงทันที

“เอามานะพี่อัล นี่ของคุณย่านะ ไม่ใช่ของพี่อัล”

อัลวาร์ผุดลุกหนีไปที่บันได น้ำรินรีบวิ่งตึ้กๆตามไป จากนั้นต่างคนต่างเบรก เมื่อเห็นสาวสวย กำลังเดินขึ้นมาข้างบน อาร์มมองเห็นจึงทักทาย

“อิ๋ว ฝึกสอนจบแล้วหรือ”

“วันนี้วันแม่ค่ะ ทำกิจกรรมครึ่งวัน”

น้ำรินหน้างอง้ำเลิกตามอัลวาร์ แต่กลับไปนั่งขัดตะหมาดใกล้กับอาร์ม กันท่าสาวผู้มีกิริยามารยาทงาม คุณย่าสะกิดลูกสะใภ้ให้พานางทศกัณฑ์ออกไป แต่คุณแอนนากลับเห็นว่า ดีเหมือนกัน เพราะว่ารู้ใจเด็กสาวว่าชื่นชอบลูกชายคนโตอยู่แล้วจึงไม่ว่าอะไร อิ๋วเดินเข่าเข้าไปกราบคุณย่า

“สวัสดีค่ะคุณย่า สวัสดีค่ะคุณแม่”

“ไหว้พระเถอะ ขับรถมาไกลเหมือนกันนะ”

“พอดีมีเด็กเขาขอให้มาส่ง เขาบอกว่าบ้านอยู่ละแวกนี้ อิ๋วเลยแวะมากราบคุณย่ากับคุณแม่ในวันแม่ด้วยค่ะ”

“เจริญสุขเถอะนะ คุยกันตามลำพังหนุ่มๆสาวๆดีกว่ามั้ย น้องหนุไม่ไปดูของกินในครัวกับพี่อัลหรือลูก” คุณย่าเอ่ยเพื่อรักษามารยาทแทนเด็กสาว แต่อีกฝ่ายไม่ยอมรับรู้ เอ่ยว่า

“น้องหนูคิดถึงพี่อาร์มนี่หน่า อยากคุยกะพี่อาร์ม เดี๋ยวพรุ่งนี้น้องหนูต้องเข้าค่าย”

“พี่อิ๋วไปดูปลามั้ยครับ มีบ่ออนุบาลปลาทองด้วย” อัลวาร์เป็นคนชวนสาวรุ่นพี่ซึ่งเคยเป็นเพื่อนร่วมชั้นเรียนกับพี่ชายของเขา “ไปครับ อัลเคยอ่านบทความของพี่อิ๋วที่เขียนเรื่องปลาทองอัลชอบมากเลยครับ”

คุณย่าเป็นฝ่ายมองหลานชายคนเล็ก พลางส่ายหน้าที่แยกสาวรุ่นพี่ลงไปดูบ่อปลาจนได้ ฝ่ายน้ำรินถามชายหนุ่มรุ่นพี่กว่าหลายปีว่า

“พี่อาร์มไม่กลับบ้านตั้งเดือน ไม่คิดถึงคุณย่ากับแม่แหม่มหรือไง ควงสาวหรือเปล่าเนี่ย”เธอหวงซึ่งๆหน้า

“จะเข้ารับราชการแล้วต่างหากล่ะน้องหนู แล้วไม่ไปดูปลาทองหรือ”

“ไม่ไปค่ะ”

“ถ้าอย่างนั้นไปในครัว ไปดูของว่างมารับแขกกันที่โต๊ะข้างล่างดีกว่าไป”

“ไม่ต้องกินกับแขกไม่ได้หรือพี่อาร์ม กินกะน้องหนูสองคนได้หรือเปล่า”

“ไม่ดีนะ เราเป็นเจ้าของบ้านต้องรับแขก”

“ก็พี่อัลเขารับไปแล้วนี่ ให้พี่อัลทำหน้าที่เจ้าของบ้านไปเลย”

“ไม่ได้ ทำอย่างนี้ไม่น่ารักเลยรู้มั้ย”

“ถ้าอย่างนั้นน้องหนูไปช่วยพี่อาร์มดีกว่าจะได้น่ารัก เนอะ”

น้ำรินรับคำอาร์มอย่างว่าง่าย ซึ่งช่างแตกต่างจากอัลวาร์ที่เป็นไม้เบื่อไม้เมาสำหรับเธอยิ่งนัก

ในครัวใหญ่บนเรือนไทย มีเครื่องใช้ไม้สอยทันสมัย เด็กรับใช้บนเรือนกำลังทำความสะอาดตามซอกตู้ น้ำรินเข้าไปเปิดตู้เย็น ตู้กับข้าวด้วยความคุ้นเคย เพราะถ้าว่างเธอจะมาช่วยคุณแอนนาทำกับข้าวทั้งอาหารไทยและฝรั่ง ส่วนมารดาของเธอนั้นทำหน้าที่ดูแลสังคม ไปกับผู้เป็นบิดา ซึ่งเป็นคนกว้างขวางอย่างที่นักการเมืองต้องเกรงใจ

ในเวลาต่อมาหนุ่มสาวทั้งสี่ได้นั่งกันที่โต๊ะชุดรับแขกใต้ร่มไม้ชั้นล่าง น้ำรินตักขนมใส่ปากไม่ยั้งไม่นานก็อิ่ม อาร์มเอ่ยถามด้วยสีหน้าเกลื่อนยิ้มว่า

“เอาอีกมั้ยให้เด็กขึ้นไปตักให้อีกสองจานเปล”

“สงสัยไม่ทานข้าวเย็นแล้วล่ะค่ะ น้องหนูไปเดินเล่นดีกว่า” เธอลุกขึ้นแต่แอบหยิบส้อมจิ้มผลไม้ซึ่งเป็นแสตนด์เลสอย่างดีติดมือไปด้วย

ร่างใหญ่เดินไปเรื่อยๆ สายตาเหลือบมองไปโดยรอบ สังเกตดูว่ามีใครเห็นการกระทำของตนหรือไม่

เมื่อไม่มีใครแล้วเธอขยับเขยื้อนกายไปที่รถของอิ๋ว ลดกายลงนั่งยอง ขยับส้อมมาบิดให้เป็นเกลียว แต่เสียงดุเบาๆดังมาจากอัลวาร์ซึ่งแอบตามมาอย่างเงียบกริบ

“ยัยคนไม่มีสมอง คิดจะเจาะลมยางเขาหรือไง”

“ก็ใช่สิ อยากมาวุ่นวายทำไมปล่อยลมให้แบนแต๊ดแต๋จะได้เข็ดไม่ต้องมาอีก”

“พอปล่อยยางเขา พี่อาร์มก็ต้องไปส่ง ทีนี้ล่ะจะหาเรื่องอะไรติดรถเขาไปไม่ทราบ”

“ก็มันขัดใจนี่หน่า คนยิ่งมีเวลาน้อยๆอยู่ ต้องขจัดเสี้ยนหนามหัวใจโดยเร็วน้องจะได้ครองพี่อาร์มคนเดียว” ตอบแล้วหาทางคิดแกล้งศัตรูหัวใจ อัลวาร์ต่อว่าอีกฝ่าย

“ยัยยักษ์ คิดแต่เรื่องร้ายๆ”

“เอ๊ะพี่อัล เรื่องอะไรมาด่าน้อง ดูดิ” น้ำรินชี้ให้ดูภาพสองหนุ่มสาวนั่งสนทนากัน “บาดใจ๊” เธอย้ำเสียงท้ายเน้นหนัก  ซึ่งอัลวาร์เขกศีรษะอีกฝ่าย สั่งสอนไปว่า

“เขานั่งคุยกัน ไม่ได้นั่งกอดกันสักหน่อย”

“ทำไมต้องพูดคำว่ากอดด้วยอ่ะ”

“แล้วจะให้พูดว่าไงล่ะ” อัลวาร์ย้อนถามหน้าเครียด น้ำรินทำท่าครุ่นคิด พอคิดออกก็เผยยิ้มเหี้ยมทันที

“เขาจะส่งจดหมายสนเท่ให้สาวๆของพี่อาร์ม”

“คิดร้าย เหมือนนังสามนักขาน้องทศกัณฑ์”

“อ้ายพี่อัลบ้าๆๆๆๆ”

ขาดคำ น้ำรินใช้กำปั้นทุบรถของอิ๋ว ดังปัง อย่างลืมตัว อัลวาร์ต้องรีบพาอีกฝ่ายหลบ ไม่ให้คนอื่นเห็น พ้นสายตาคนอื่นแล้วจึงผลักอีกฝ่ายจนเสียหลักหงายหลังกระโปรงนักเรียนเปิดพรึ่บ  เด็กหนุ่มรีบเบือนหน้าหนีไม่มองว่ามีอะไรออกมาอวดสายตาบ้าง  แต่น้ำรินไม่ได้รู้สึกผิดปกติหรือต้องอาย เธอกระโจนเข้าไปไล่ทุบอีกฝ่าย ซึ่งรีบวิ่งหนีโดยเร็ว เสียงตะโกนแข่งกันดังปาวๆ

“จับกินได้ให้บาทนึงไอ้ยักษ์ใหญ่”

“พี่อัล แน่จริงอย่าหนีซี้”

ยิ่งวิ่งตาม เด็กสาวโมโห ซึ่งเธอเป็นนักขว้างจักร แต่เมื่อต้องวิ่งไล่ตามร่างสูงของอัลวาร์ทีไร เธอไม่เคยวิ่งทันหรือวิ่งได้ทน เท่าอีกฝ่ายซึ่งเยาะเย้ยให้วิ่งตามจนมืดค่ำหาตัวกันไม่เจอต้องกลับบ้านใครบ้านมันทุกทีไป

 

            วันนี้นักเรียนมัธยมศึกษาปีที่สี่ วิ่งมาตามเส้นทางผ่านสวนของตนเองและสวนบ้านคุณอนันต์ เธอชอบวิ่งเน้นการออกกำลัง แต่มาถึงกลางทางต้องเบรกตัวโก่ง เมื่อได้ยินเสียงพูดคุยแว่วๆมาจากคลองชลประทานหลังบ้าน จากการวิ่ง เด็กสาวร่างใหญ่เปลี่ยนเป็นย่อง เธออยากรู้ว่า เสียงพูดคุยกันนั้นมีใคร

            “จะไปขโมยปลาทูที่ไหนยักษ์ใหญ่” อัลวาร์ในชุดเสื้อยืดสีขาว กางเกงขาสั้นสีน้ำเงิน ยืนกอดอกพิงต้นไม้ใหญ่ใกล้เปลนอนผ้าร่มสองชั้น ซึ่งสามารถตลบขึ้นมากันยุงและพรางตัวได้ น้ำรินสะดุ้ง ก่อนเดินหันกลับไปเผชิญหน้า แต่มือเรียวดึงเส้นขนซึ่งขึ้นลามทั้งแขนและขา

            “พี่อัล นี่แน่ะ” เธอจับเส้นขนกระตุกดึงด้วยกำลังแรงได้มาหนึ่งกระจุก

            “อู๊ยยยย” อัลวาร์ทั้งแสบทั้งคันกับการโดนถอนขนแขนและขา กระโดดหย็องแหยง “ยัยปากห้อย ชอบทำร้ายคนอื่นอยู่เรื่อย”

            “พี่อัลทำให้น้องตกใจนี่หน่า”

            “จะไปไหนล่ะ”

            “ไม่ได้ยินเสียงคุยกันหรือไง”

            “หูดีจริงๆ ขนาดเขาคุยกันไม่ดัง ยังตะแคงฟังได้อีก”

            “พี่อาร์มอยู่กะใคร พี่อิ๋วหรือคะ”

            “พี่พับป์ เพื่อนพี่อาร์มเพิ่งกลับจากต่างจังหวัดเขามาเยี่ยมกัน”

            น้ำรินขมวดคิ้วเรียวเข้ามาหากัน เม้มริมฝีปากครุ่นคิดหนัก อัลวาร์มองกิริยาอาการไม่พอใจของอีกฝ่ายอย่างเงียบๆ สุดท้ายน้ำรินเงยขึ้นมองร่างสูงกว่าเธอทั้งที่เธอก็สูงเกินมาตรฐานเด็กรุ่นเดียวกัน

            “พี่อัลต้องช่วยน้อง”

            “ช่วยอะไรไม่ทราบ”

            “ไม่รู้ด้วยล่ะน้องคิดไม่ออก แต่พี่อัลต้องคิดออกแน่”

            “เรื่องอะไร”

            “กำจัดคู่แข่งของน้อง”

            “เฮ่ย ไม่ยุ่ง ไม่เอาบาปกรรม” อัลวาร์ทักท้วง น้ำรินกอดแขนแข็งแรงออดอ้อน

            “นะพี่อัลคนดี พี่อัลคนฉลาด พี่อัลคนน่ารัก”

            ชายหนุ่มทำหน้ายุ่งยากใจ แต่ไม่ช้าไม่นานนัก จดหมายก็ถึงมืออิ๋วพร้อมรูปถ่ายสาวสวยนามว่าพับป์ สาวพับป์คนนี้เป็นสาวละแวกบ้านเดียวกัน ซึ่งขยันมาวนเวียนหาหนุ่มอาร์ม ซึ่งทำให้น้ำรินรวบยอดจัดการในคราวเดียว ดังนั้นพับป์ ได้รับจดหมายจากอิ๋วพร้อมรูปถ่าย โดยที่ทั้งสองไม่ได้เขียนถึงกันและกัน แต่ส่งผลให้สองสาวหายไปจากเรือนไทย ไม่มาเยี่ยมเยือนอาร์มอีกเลย

วันหยุดสุดสัปดาห์

น้ำรินไปนั่งอยู่ที่บ้านของอาร์ม นั่งคั่นกลางระหว่างพี่และน้อง ได้เห็นการเชียร์กีฬาของทั้งสองคน ประเทศไทยแพ้ได้ที่สุดท้ายของการแข่งขัน แต่พวกเขายังออกปากให้กำลังใจ แม้จะเชียร์อยู่ที่บ้าน

            “รูปร่างดีนะ นักขว้างจักรของเรา ตัวเล็กกว่าเขาแต่ก็สู้ พี่ชอบจริงๆ”

            “หกสิบกว่าโล เตี้ยกว่าเขาเยอะคู่แข่งทั้งสูงทั้งใหญ่”

            “ถ้าสูงกว่านี้น้ำหนักมากกว่านี้พี่ว่าโอกาสสูสี”

            “ถ้าเป็นแฟนผม จะไปเชียร์ข้างสนามทุกนัดเลยล่ะพี่อาร์ม” อัลวาร์ชวนคุย ขณะที่น้ำรินใช้มือหยิบข้าวโพดใส่ปากไม่หยุด มีอาการอยากเป็นนักกีฬาตัวใหญ่ยักษ์อย่างชาวเยอรมันขึ้นมาทันที

            “พี่ก็ต้องไปให้กำลังใจถึงขอบสนามเลยถ้าเป็นแฟนนักกีฬา” อาร์มพูดไม่หวังอะไรเพราะเห็นภาพสามีของผู้แข่งขันเข้าไปสวมกอดปลอบใจภรรยาแม้ไม่ได้เหรียญใดๆกลับบ้าน

            คำพูดของอาร์ม โดยที่ไม่ได้คิดว่าจะส่งผลไปถึงคนข้างกายในเวลานั้น  แต่กลับเป็นแรงบันดาลใจให้กับสาวน้อยไร้เดียงสาคนหนึ่ง มีความมุ่งมั่นอยากเป็นนักกีฬาขึ้นมาเพียงข้ามวัน

 

 เวลาต่อมา

            เด็กหญิงวัยสิบสี่ปีเดินผ่านสถานที่ฝึกซ้อมทั้งในร่มและกลางแจ้ง ปากก็ชวนเพื่อนอ้วนผอมของตนคือ อ้วนและลูกไร พูดคุยโอ้อวดความสามารถของตนเองไปด้วย

“ฉันวิ่งร้อยเมตรใช้เวลาไม่ถึงสิบห้าวินาที ยิ่งวิ่งระยะ800 จิ๊บมาก ฉันต่อให้คู่แข่งไปสี่ร้อยเมตรยังได้เลย อย่าว่าแต่กระโดดสูงข้ามหลังคาโรงรถเลย ข้ามหลังคาโรงเรียนสิบชั้นก็โดดได้ ยิ่งพุ่งแหลนงี้   โน่นห้าร้อยเมตรเป็นอย่างน้อย ทุ่มน้ำหนักระดับฉันต้องสิบกิโลขึ้นไป แต่ถ้าขว้างจักร ฉันว่าน่าจะได้สักสิบห้ากิโล” เด็กสาวคาดหวังว่าต้องได้เป็นนักกีฬาอย่างใดอย่างหนึ่งจึงโอ้อวดแบบเหวี่ยงแหไปก่อน

            การโม้ระดับแชมป์โลกไม่กล้าคุยของน้ำรินเข้าหูโค้ชจนได้ และเขาเรียกเด็กหญิงไปทดสอบความสามารถ ทั้งทุ่มน้ำหนัก ขว้างแหลน และขว้างจักร สุดท้ายเธอผ่านกีฬาขว้างจักร และได้รับเรียกตัวเข้าฝึกซ้อมเพื่อการคัดตัวอีกครั้ง พี่ชายคนสนิทต่างสายเลือดมาให้กำลังใจทั้งสองคน น้ำรินรู้สึกว่าเธอก้าวบันไดความรักไปหาอาร์มได้แล้วขั้นที่หนึ่ง

            “ยักษ์ใหญ่ทำได้แล้วแจ๋วจริง” พี่อัลเท่านั้นที่ชอบเรียกสรรพนามที่ขัดใจน้ำรินนัก

            “น้องหนูพยายามนะพี่เป็นกำลังใจให้” อาร์มยังคงใจดีกับน้องสาวเสมอ

            “ขอบคุณค่ะพี่อาร์ม น้องหนูจะพยายามเพื่อพี่อาร์มให้ได้”

            ทุกนัดที่มีการแข่งขันและตรงกับวันหยุด สองครอบครัวมาให้กำลังใจทุกครั้งไปและสาวน้อยมหัศจรรย์คนนี้ก็สามารถเป็นที่หนึ่ง มีชื่อเสียงโด่งดังขึ้นมาอย่างรวดเร็ว


รีวิว (0)


สินค้าที่ใกล้เคียง (74 รายการ)

www.batorastore.com © 2024