เพลิงพิศวาสจอมเถื่อน (เพลงมีนา) (EBOOK)

เพลิงพิศวาสจอมเถื่อน (เพลงมีนา) (EBOOK)

0 รีวิว  0 รีวิว    
รหัสสินค้า: เพลิงพิศวาสจอมเถื่อน
ของหมด (ต้องการสินค้า)
ราคา: 139.00 บาท 34.75 บาท
ประหยัด: 104.25 บาท ( 75.00% )

เนื้อหาบางส่วน

บทนำ

 

            เสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้นตอนตีสองครึ่ง มือเรียวควานหาโทรศัพท์มือถือที่วางไว้ข้างเตียงนอน เสียงดังนานราวกับจะบอกว่าปลายสายต้องการความช่วยเหลือด่วน

            “สวัสดีค่ะ”

            “ทำอะไรอยู่ รับสายช้าจริงๆ”

            “รินหลับค่ะพี่มาร์กี้”

            “หลับเร็วจริงนะ”

            “เอ่อ...ตีสองกว่าแล้วค่ะพี่มาร์กี้”

            “เออๆ มารับหน่อยซิ ฉันขับรถกลับไม่ไหว”

            “พี่มาร์กี้อยู่ที่ไหนคะ”

            “ผับแถวสุขุมวิท”

            “ขอครึ่งชั่วโมงค่ะ พี่มาร์กี้อย่าไปกับใครนะคะ แล้วก็อย่าปิดมือถือด้วย”

            “เร็วๆ ให้ไว!”

            ยังไม่ทันที่อีกฝ่ายจะพูดอะไรต่อ ปลายสายก็กดตัดสายทิ้งทันที หญิงสาวลุกขึ้นจากที่นอนแสนอุ่นสบายแล้วเปิดไฟห้องนอนของตน เสยผมยาวสลวยลวกๆ แล้วใช้ยางรัดผมรัดไว้อย่างรีบเร่ง เดินเข้าไปล้างหน้าพอให้ตาสว่างแล้วรีบเปลี่ยนชุดนอนเป็นเสื้อยืดกับกางเกงยีนคว้ากุญแจรถเก๋งคันเล็กออกจากบ้านหลังงามอย่างรวดเร็ว

            รินรดา เพชรประกาย หญิงสาววัยยี่สิบสี่รีบขับรถเก๋งญี่ปุ่นไปจุดหมายอย่างรวดเร็ว ถนนที่ค่อนข้างโล่งผิดกับตอนกลางวันทำให้เธอใช้เวลาขับรถจากบ้านในหมู่บ้านหรูกลางกรุงมาถึงผับชื่อดั่งย่านสุขุมวิทในเวลาที่แจ้งพี่สาวไว้ เมื่อมาถึงเธอกวาดสายตามองที่ประตูด้านหน้าผับ  นักท่องราตรีทยอยออกจากผับมายืนอยู่ด้านนอก  รินรดาหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาโทรหาพี่สาวแต่ยังไม่ทันทีอีกฝ่ายจะรับสาย เธอก็สังเกตเห็นหญิงสาวในชุดเดรสรัดรูปสีดำหัวเราะคิกคักอยู่ใกล้รถสปอร์ตสีแดง รินรดารีบก้าวลงจากรถแล้วเข้าไปประคองพี่สาวที่อยู่ท่ามกลางหนุ่มๆ

            “อ้าว! มาเสียทีนะยะ”

            “พี่มาร์กี้เรากลับบ้านกันเถอะค่ะ”

            “ผมขับรถไปส่งให้ก็ได้นะครับ” ชายหนุ่มคนหนึ่งเอ่ยขึ้นท่าทางเมาอยู่พอตัว

            รินรดาฉีกยิ้มที่มุมปากแล้วส่ายหน้าเร็วๆ “ไม่เป็นไรค่ะ ฉันจะพาพี่สาวกลับบ้านเอง”

            “น่า...ให้พวกเราไปส่งเถอะ”

            “ไม่เป็นไรจริงๆ ค่ะ”

              รินรดาดึงกุญแจรถจากมือพี่สาวแล้วประคองเธอไว้แต่ผู้ชายตัวโตหลายคนเดินล้อมไม่ให้เธอกับพี่สาวได้ก้าวออกไป

            “มาน่า...ไปสนุกกันต่อดีกว่านะ”

            “ไม่ค่ะ ช่วยหลบด้วย” รินรดาปฏิเสธเสียงแข็งพยายามจะหาทางแทรกตัวออกมา แต่ผู้ชายเหล่านี้ก็ไม่มีท่าทีจะหลบทางให้

“ถ้าพวกคุณไม่หลบฉันจะร้องให้คนช่วยนะ!”

            “โธ่! จะร้องแบบไหนหรือจ๊ะคนสวย” อีกฝ่ายทำท่าจะลวนลามหญิงสาว

            รินรดาทำหน้ารังเกียจอีกฝ่าย แต่เธอประคองพี่สาวที่เกือบจะหมดสติทำให้เธอขยับเคลื่อนไหวตัวไม่ถนัด สายตามองหาใครสักคนที่จะมาช่วย สายตาของเธอก็มองเห็นชายหนุ่มร่างใหญ่ที่กำลังเดินเข้ามา

            “เฮ้ๆ ผู้หญิงเขาไม่ยอมก็อย่าไปฝืนใจดีกว่านะ”

            ชายหนุ่มแปลกหน้าเอ่ยขึ้น แสงสลัวที่บริเวณลานจอดรถทำให้เห็นหน้าไม่ชัดแต่เขาดูกำยำและใบหน้ามีเคราขึ้นหนา เขาเดินมาใกล้ทำให้เธอรู้ว่าเขาตัวสูงใหญ่ผิดกับหนุ่มนักเที่ยวคนอื่น

            “เออ! แล้วมึงมายุ่งอะไรด้วยวะ!”

            “ก็ไม่มีอะไรแค่ชอบยุ่งเรื่องของชาวบ้าน”

            อีกฝ่ายตอบด้วยการเหวี่ยงหมัดใส่แต่ชายหนุ่มกำยำหลบได้อย่างว่องไว  ทำให้อีกฝ่ายเสียหลังล้มคะมำอย่างน่าอายเรียกเสียงหัวเราะให้คนที่มองอยู่  รินรดาเกือบจะหวีดร้องออกมาเมื่อเห็นอีกคงพุ่งเข้าใส่แต่เขาก็หลบได้รวดเร็วราวกับมีตาหลัง  ชายหนุ่มไม่ได้โต้ตอบอะไรเลยสักนิดแต่ก็ทำให้อีกฝ่ายยอมถอยไปง่ายดาย

            “ให้ไปส่งที่รถไหม?”

            “ไม่เป็นไรค่ะ” รินรดาส่ายหน้าไปมา “ขอบคุณที่ช่วยเหลือค่ะ ขอตัวนะคะ” หญิงสาวก้มศีรษะลงเล็กน้อยอยากจะยกมือไหว้ขอบคุณแต่ไม่ถนัดเพราะประคองร่างพี่สาวอยู่           มาติกาเงยหน้าขึ้นแล้วส่งจูบให้ชายหนุ่มแต่รินรดารีบพามานั่งที่รถของตน

“พี่มาร์กี้รอรินเดี๋ยวนะคะ”

            รินรดาคาดเข็มขัดนิรภัยให้มาติกาแล้วรีบไปเช็ครถของพี่สาวที่ล็อกเรียบร้อยดี เธอหันไปคุยกับรปภ. ที่ยืนดูเหตุการณ์อยู่แล้วยื่นธนบัตรสีม่วงส่งให้

            “รบกวนหน่อยนะคะ ตอนเช้าจะให้คนมารับรถค่ะ”

            “ได้ครับคุณหนู ลูกค้าประจำเจ้านายบอกให้ผมดูแลให้อย่างดีอยู่แล้วครับ”

            รินรดายกมือไหว้ขอบคุณแล้วรีบกลับมาที่รถเพื่อพาพี่สาวกลับบ้าน เธอเหลียวมองหาคนที่เข้ามาช่วยแต่ก็ไม่เห็นร่างสูงใหญ่ เธอกลัวคนกลุ่มเดิมจะกลับมาหาเรื่องจึงรีบเดินกลับมาที่รถและสตาร์ทรถออกไป กลิ่นเหล้าจากพี่สาวทำให้รินรดาต้องเปิดกระจกรถลงครึ่งหนึ่ง มาร์กี้เมามากแต่ยังร้องเพลงฮึมฮัมในลำคอและหลับไปในไม่กี่นาที  รินรดาได้แต่เหลือบมองไม่อยากละสายตาจากถนนแม้ว่าจะโล่งแต่รถก็มักแล่นเร็วเสมอ ครึ่งชั่วโมงต่อมาเธอก็มาถึงบ้านหลังงามเธอต้องลงมาเปิดประตูรั้ว ขับรถเข้าบ้านแล้ววิ่งมาปิดประตูก่อนจะประคองมาติกาที่เมาจนแทบไม่ได้สติเข้าบ้าน

            บ้านสวยกลางกรุงพื้นที่ ใช้สอย 288 ตร.ม. 4 ห้องนอน 4 ห้องน้ำ ห้องรับแขก ห้องพระ ห้องรับประทานอาหาร ครัวไทย ส่วนซักรีด ห้องแม่บ้านพร้อมห้องน้ำ ที่จอดรถในร่ม 2 คัน ส่วนรถเก่าๆ ของเธอจอดตากแดดตากฝนด้านนอกห้องพักผ่อนส่วนตัวพร้อมระเบียงกว้างชั้นบน มันแสนจะกวางขวางและลำบากในการทำความสะอาดบ้านทั้งหลังและคนในบ้านที่อยู่กับเพียงสี่คน         

            หญิงสาวจัดแจงให้พี่สาวเธอนอนสบายบนที่นอนหนานุ่ม  ห้องนอนของมาติกาต่างจากห้องนอนของเธอลิบลับนอกจากฟอร์นิเจอร์ที่มีครบครันทันสมัยแล้วยังมีขนาดใหญ่กว่าด้วย แต่รินรดาก็ไม่รู้สึกน้อยใจอะไรเธอพอใจกับห้องนอนขนาดเล็กของตัวเองมากกว่า หลายปีแล้วที่บ้านหลังนี้ไม่มีแม่บ้านอยู่ประจำด้วยฐานะการเงินที่เริ่มถดถอยค่าใช้จ่ายมากกว่ารายรับจึงเป็นการจ้างรายวัน สามหรือสี่วันจะมีแม่บ้านมาช่วยทำความสะอาด ส่วนสวนสวยนักเดือนละครั้ง ที่เหลือเธอต้องเป็นคนรับผิดชอบทั้งหมดตั้งแต่ทำอาหารเช้าไปถึงซักเสื้อผ้าและดูแลความเรียบร้อยของบ้าน

            หลายครั้งที่เธอตั้งคำถาม นี่ใช่ชีวิตที่เธอต้องการจริงหรือ? เธอเคยได้เรียนพยาบาลอยู่ปีเดียวก็จำเป็นต้องลาออกมาเรียนด้านบัญชีเพื่อช่วยทำงานในบริษัทของพ่อ ส่วนมาติกาเป็นลูกรักของแม่ที่วันๆ เอาแต่เที่ยวเตร่โดยไม่ต้องรับผิดชอบอะไรแม้ว่าอายุจะยี่สิบห้าแล้วก็ตาม  รินรดาตรวจดูความเรียบร้อยของบ้านอีกครั้ง นาฬิกาบอกเวลาเกือบตีสี่แล้ว เธอจะมีเวลานอนอีกแค่ไม่กี่ชั่วโมงก็จะต้องตื่นมาทำอาหารเช้า และเผื่อมื้อกลางวันให้คุณแม่และมาติกาด้วย เธอเดินกลับมาทิ้งตัวลงบนที่นอนแล้วปิดไฟที่หัวเตียง  น้ำตารื้นขึ้นมาอย่างไม่รู้ตัว ทำไมเธอต้องทนอยู่ในสภาพนี้นะ หรือเพราะเธอเป็นแค่ลูกบุญธรรมของตระกูลเพชรประกาย!.

 

 

 

บทที่ 1

 

            หญิงสาวตื่นแต่เช้าตรู่แม้ว่าจะได้หลับไปไม่กี่ชั่วโมง หลังจากใส่บาตรเสร็จเธอจะกลับมาจัดโต๊ะเตรียมมื้อเช้าให้คนที่บ้านซึ่งปกติจะมีเพียงคุณวิทยา ส่วนคุณแพรวามักจะตื่นหลังจากเธอกับพ่อออกไปทำงานแล้ว เธอจึงเตรียมแค่ข้าวต้มไว้ถ้าแม่กับพี่สาวจะทานก็อุ่นได้ไม่ยุ่งยากนัก

            “เมื่อคืนมาร์กี้เมาอีกละซิ”

            “ค่ะ” รินรดาเสิร์ฟข้าวต้มกุ้งและกาแฟดำให้บิดา 

            “เอกสารที่เตรียมให้ลูกค้าเรียบร้อยแล้วนะ”

            “ทุกอย่างเรียบร้อยค่ะ”

            “ถ้าลูกค้ารายนี้โอเคพ่ออาจจะต้องไปดูโรงงานที่จีน”

            “เท่าที่คุยงานกันมาก็ดูว่าลูกค้าสนใจเรากว่าแปดสิบเปอร์เซ็นต์นะคะ” รินรดายิ้มบางๆ

            “ถ้าเขาตกลงทำสัญญากับเรา...เราก็ได้กำไรหลายแสนอยู่เหมือนกัน”

            “ไม่น่าจะมีปัญหาอะไรนะคะ”

 

บริษัทที่วิทยาทำอยู่นั้นเป็นบริษัท อิมพอสต์ แอนด์ เอ็กซ์พอสต์ เริ่มก่อร่างสร้างตัวจากบริษัทเล็กๆ กันในครอบครัวโดยมีคุณบรรจงและคุณเอมอรเป็นคนเริ่มต้นก่อน คุณเอมอรเป็นพี่สาวของแพรวา-ภรรยาของเขา เมื่อเก้าปีที่แล้วคุณบรรจงและเอมอรประสบอุบัติเหตุเสียชีวิตพร้อมกันทั้งคู่  แพรวาสงสารรินรดาลูกสาวคนเดียวจึงได้พามาอยู่ด้วยกันให้เป็นน้องของมาติกาลูกสาวคนเดียวของเขาซึ่งอายุห่างกันเพียงสองปี ตอนนี้บริษัทขยายกิจการใหญ่ขึ้นทำให้เขามีบ้านหลังนี้ซึ่งราคาเฉียดสิบล้านและมีรถคันหรูให้ลูกสาวที่ไม่ทำงานการอะไรใช้สบายๆ แต่เพราะสองสามปีหลังมานี่มีการแข่งขันสูงทำให้ลูกค้าลดน้อยลงไปบ้าง ซ้ำภรรยาและลูกก็ใช้เงินกันเป็นว่าเล่น  เขาจำเป็นต้องประหยัดหลายทางเพื่อให้ครอบครัวอยู่รอด รินรดาจึงรับบทหนักต้องทำงานทั้งในบ้านและนอกบ้าน

            “พ่อออกไปก่อนนะ”

            “เดี๋ยวรินจะตามไปค่ะ”

            รินรดาเก็บโต๊ะอาหารเรียบร้อยแล้วก็เตรียมทำแซนด์วิชใส่กล่องสำหรับตัวเอง เธอมักจะหิวก็ตอนสายๆ และไม่มีเวลาไปนั่งกินมื้อเที่ยงข้างนอก ส่วนใหญ่เธอจะนั่งกินข้าวหน้าจอคอมพิวเตอร์นั่งทำงานไปด้วยกินไปด้วยนั้นแหละ หลังจากทำอะไรๆ ในครัวเสร็จเธอก็รีบอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเร่งรีบเข้าบริษัทเร็วกว่าปกติเพราะต้องให้ลุงยามช่วยไปรับรถของมาติกามาจอดไว้ที่บ้านเผื่อพี่สาวเธอจะออกไปธุระนอกบ้าน หญิงสาวรับหน้าที่เลขาให้กับผู้เป็นพ่อแต่งานที่เธอต้องดูแลมีมากถึงมากที่สุด จะเรียกว่าเกินหน้าที่ก็ว่าได้ แต่มันคือบริษัทที่พ่อของเธอสร้างเธอจึงต้องดูแลทุกอย่างอย่างดีที่สุด หลายคนรู้ว่ารินรดาคือลูกสาวคนเล็กของวิทยาแต่ไม่มีใครรู้ว่าเธอเป็นลูกบุญธรรม หลายคนมองว่าวิทยากับแพรวารักลูกไม่เท่ากันเพราะมาติกาไม่ต้องทำงานอะไรเลย ส่วนรินรดาต้องรับศึกหนักทุกอย่างแม้กระทั่งต้องลาออกจากวิทยาลัยพยาบาลมาเรียนบริหารเพื่อช่วยแบ่งเบากิจการของที่บ้าน   แต่รินรดาเองก็เจียมตัวอย่างจำยอม แม้ในใจลึกๆ เธอจะหวังว่าตัวเองจะหลุดพ้นจากการทดแทนบุญคุณเช่นนี้

            หญิงสาวจัดการเรื่องรถของมาติกาแล้วก็เดินตรงไปที่โต๊ะทำงานของตนเอง วางเอกสารที่หอบจากบ้านมาแล้วเดินไปชงกาแฟร้อนแล้วยกมานั่งดื่มที่โต๊ะทำงานแล้วเปิดจอคอมพิวเตอร์   เรียกโปรแกรมงานออกมาดูมือหนึ่งก็กดปุ่มเรียกเอกสารขึ้นมาตรวจสอบ  อีกมือก็หยิบแซนด์วิชที่ทำใส่กล่องมาส่งเข้าปาก

            “โธ่! ทำไมไม่กินให้เรียบร้อยก่อนละจ๊ะหนูริน” เสียงคุณปานชีวาเลขารุ่นใหญ่เอ่ยทักปนหัวเราะอย่างเข้าใจกัน เธอทำงานที่บริษัทนี้ตั้งแต่รุ่นคุณพ่อของเธอจนกระทั่งพ่อแท้ๆ ของเธอเสียไปจนถึงตอนนี้เป็นคุณแม่ลูกสองแล้วก็ยังทำงานที่นี่อยู่

            “เดี๋ยวลูกค้าจะมาประชุมตอนสิบโมงค่ะ รินเลยมาเตรียมเอกสารก่อน”

            “มันก็เรียบร้อยตั้งแต่เมื่อวานแล้วไม่ใช่เหรอ” ปานชีวาทำหน้างุนงง

            “ตรวจสอบไม่ให้ผิดพลาดค่ะ” รินรดายิ้มกว้าง “ถ้าลูกค้าทำสัญญากับเรา งานนี้ได้กำไรเยอะเลยค่ะ”

            “ทำแต่งานอย่าลืมดูแลตัวเองบ้างละ”

            หญิงสาวมองหน้าคนพูดอย่างงงๆ ก่อนจะเอ่ยถามออกมา “ทำไมคะ รินก็สบายดี แข็งแรงดีค่ะ”

            “มันไม่ใช่อย่างนั้นหรอก” ปานชีวาถอนหายใจ “เป็นสาวเป็นนางแต่งเนื้อแต่งตัวบ้างก็ดี ดูซิหน้าตาก็ออกสะสวยทำไมปล่อยตัวเองดูแก่กว่าวัยแบบนี้ล่ะ”

            “รินไม่มีเวลามาใส่ใจเรื่องนั้นหรอกค่ะ”

 รินรดาหัวเราะเหงาๆ ใครว่าละ เธอก็อยากแต่งเนื้อแต่งตัวเหมือนกัน  แต่โดนคุณแพรวาค่อนบ่นค่อนว่าทุกครั้งที่เห็นเธอแต่งตัวหรือซื้อเสื้อผ้าใหม่ แต่ถ้าเป็นมาติกาคุณแพรวาจะเห็นดีเห็นงามด้วยทุกอย่าง  เธอไม่มีเวลาให้คิดเรื่องอื่นอีกแล้ว งานการตรงหน้ามากมายเหลือเกิน หลังจากประชุมกับลูกค้าที่มาจากจีนเสร็จลงด้วยดี เธอก็ต้องรีบขับรถมาเจรจาเรื่องเช่าโกดังใกล้ท่าเรือคลองเตย  

“คุณรินมาดูเองเลยหรือครับเนี้ย” พนักงานเอ่ยทักอย่างคุ้นเคยที่เห็นร่างบอบบางเดินฝ่าเปลวแดดเข้ามาในออฟฟิศขนาดเล็ก

“รินเบื่อออฟฟิศค่ะเลยหาเรื่องออกมาข้างนอก” หญิงสาวหัวเราะระรื่น “รินต้องขอถ่ายรูปโกดังเอาไปประกอบการเสนองานให้ลูกค้าดูด้วยนะคะ”

“ไม่มีปัญหาครับ”  อีกฝ่ายยิ้มให้อย่างเป็นกันเอง “อยากได้กาแฟหรือเครื่องดื่มเย็นๆ ไหมครับ”

“ถ้างั้นขอความกรุณาเป็นกาแฟเย็นได้ไหมคะ” เสียงหวานพูดปนหัวเราะ

“ได้ครับแต่รอหน่อยละกัน ผมจะให้เด็กไปซื้อให้ คุณรินไม่รีบไปไหนต่อใช่ไหมครับ”

หญิงสาวส่ายหน้าไปมา “รินไม่กลับออฟฟิศแล้วค่ะ เสร็จจากนี้ก็แวะตลาดซื้อของไปทำกับข้าวให้คนที่บ้านกินกัน”

“หายากนะครับ ผู้หญิงที่เก่งทั้งนอกบ้านและในบ้านแบบนี้”

“สมัยนี้แล้วหาไม่ยากหรอกค่ะ” รินรดาหัวเราะร่วน

“โอเค งั้นคุณรินนั่งทำหน้าสวยๆ ในออฟฟิศสักเดี๋ยวนะครับ ผมจะไปสั่งให้เด็กซื้อกาแฟโบราณมาให้ครับ”

“ขอบคุณค่ะ” 

รินรดาหยิบแท็ปเล็ตออกมาแล้วนั่งทำงานของตนไปพลางๆ ไม่กี่นาทีต่อมาเธอได้ยินเสียงประตูเปิดและตามมาด้วยชายร่างสูงใหญ่ในชุดเสื้อยืดสีขาวขุ่นกับกางเกงยีนสีซีดจาง ใบหน้ามีแต่หนวดเครารุงรังแถมสวมแว่นกันแดดสีดำอันใหญ่ ชายหนุ่มกวาดสายตามองไปรอบๆ ห้องแล้วหยุดที่เธอ แม้จะสวมแว่นตาสีดำอยู่แต่รินรดาก็รู้สึกได้ว่าเขาจ้องเธอเขม็ง

“ยุทธอยู่ไหน”

“เอ่อ...คุณยุทธไปซื้อกาแฟค่ะ”

“นานหรือยัง”

“ไม่นานค่ะ เพิ่งออกไปไม่ได้สวนกันเหรอคะ”

“ถ้าเห็นแล้วจะถามเหรอ”

รินรดาอ้าปากค้าง   เขาช่างไร้มารยาทเสียจริง พูดกับคนที่เพิ่งเจอกันครั้งแรกแบบนี้ได้อย่างไรกัน เธอก็ไม่คิดจะต่อปากต่อคำกับคนแบบนี้แต่ถ้าจะให้ลุกออกมาก็เกรงว่าจะดูเหมือนเธอร้อนตัวเกินไป ชายร่างใหญ่เหลียวซ้ายแลขวาอย่างหงุดหงิดเพราะไม่มีใครอื่นนอกจากผู้หญิงผอมกะหร่องคนนี้ เขามองมาทางเธอแล้วถอนหายใจหนักๆ เสยผมยาวปรกบ่าของตน

“นั่งรอก่อนดีกว่าค่ะ คุณยุทธออกไปเดี๋ยวเดียวก็เข้ามาแล้ว ไม่อย่างนั้นคงไม่ทิ้งออฟฟิศไปทั้งที่ไม่มีใครอยู่หรอกค่ะ”

คำพูดของเธอมีเหตุผลและฟังขึ้น เขายักไหล่เหมือนไม่สนใจคำพูดของหญิงสาวแปลกหน้าแต่ก็นั่งลงที่เก้าอี้ว่างใกล้ๆ เธอ รินรดาแอบมองคนตัวใหญ่ที่นั่งใกล้ๆ ยากจะคาดเดาว่าเขามีธุระอะไรเพราะดูๆ ไปคงไม่ใช่ชิปปิ้ง หรือถ้าจะมาติดต่องานก็ควรจะแต่งตัวให้สุภาพกว่านี้ แต่พอพินิจเสี้ยวหน้าด้านข้างที่เธอลอบมองก็รู้สึกคุ้นตาแต่นึกไม่ออกว่าเคยเจอที่ไหน

“คุณรินครับ กาแฟเย็นแสนอร่อยมาแล้วครับ” ยุทธก้าวเข้ามาพร้อมกาแฟเย็นในถุงกระดาษแบบโบราณ แล้วเขาก็ชักสีหน้าเล็กน้อยเมื่อเห็นคนที่นั่งอยู่ใกล้ๆ รินรดา

“ขอบคุณมากค่ะ” รินรดายื่นมือไปรับแล้วยิ้มให้เช่นทุกครั้ง

แต่ชายหนุ่มที่นั่งใกล้ทำเสียงไม่ค่อยพอใจในลำคอ รินรดาขมวดคิ้วแต่ก็แสร้งทำไม่รู้ไม่ชี้แล้วลุกขึ้นยืน

“รินขอตัวก่อนนะคะ”

“ให้ผมไปช่วยไหมครับ” ยุทธเสนอตัวแบบไม่เกรงใจคนที่นั่งรอ

“ไม่เป็นไรค่ะ คุณยุทธดูแลแขกของคุณดีกว่า รินเสร็จธุระแล้วก็จะกลับเลยค่ะ”

“โอเคครับ”

ชายหนุ่มหัวเราะหึๆ ในลำคอ ร่างบางเดินออกไปแล้วเขาจึงถอนแว่นกันแดดออก

“หัวเราะแบบนี้หมายความว่าไงวะ”

“น่าเบื่อผู้หญิงแบบนี้” เขาทำหน้าเบื่อหน่าย

“หมายความว่าไง แกไม่เคยเจอคุณรินแล้วจะรู้ได้ไงว่าเธอเป็นคนยังไง”

“ดูก็รู้แล้ว นี่คงหลอกแกออกไปซื้อกาแฟให้กินละซิ”

“โธ่ไอ้คุณเพลิงครับ กระผมทำให้คุณรินด้วยความเต็มใจขอรับ”  ยุทธส่ายหน้าไปมา “เอาล่ะ ว่าแค่คุณเพื่อนมาหากระผมถึงที่ทำงานแต่หัววันแบบนี้มีอะไรให้รับใช้”

ชายหนุ่มแหงนหน้าหัวเราะ “หาคนกินเบียร์”

“กูว่าแล้ว” ยุทธหัวเราะ “ทำไมซื้อหวยไม่ถูกวะ”

“พูดมากจริงจะกินไหม?”

“เพิ่งบ่ายสองเองนะขอรับ”

“ก็กูอยากกิน คุณมึงจะมีปัญหาไหม?”

 ยุทธโคลงศีรษะไปมาแล้วเอื้อมมือไปหยิบโทรศัพท์มากดหมายเลขโทรตามพนักงานอีกคน “ช่วยเข้าออฟฟิศหน่อย พี่มีธุระสำคัญมาก”

“ว่าง่ายๆ ค่อยน่ารักหน่อย”

“อย่ามาพูดแบบนี้กับกูเชียว ขนลุกวะ” ยุทธทำหน้าขยะแขยงแล้วเดินไปเก็บกระเป๋าสะพายแบบผู้ชายของตน “ไปๆ จะไปกินที่ไหนก็แล้วแต่เจ้ามือเลยขอรับ”

“ดีมากเพื่อน” ชายหนุ่มหัวเราะอารมณ์ดีกว่าตอนเข้ามามาก ทั้งสองก้าวออกมาจากออฟฟิศ ชายหนุ่มหนวดเครารุงรังมองไปยังร่างบางที่กำลังถ่ายรูปโกดังเก็บสินค้า “เขาทำอะไรของเขา”

“ถ่ายรูปโกดังเอาไปให้ลูกค้าดู ประมาณว่าบริษัทของเขามีที่จัดเก็บสินค้านำเข้าส่งออกนั้นแหละ”

“เดี๋ยวนี้ต้องทำแบบนี้แล้วเหรอ”

“เออ” ยุทธพูดแบบตัดบทเพราะไม่รู้จะอธิบายยังไง

“น้ำเสียงไม่ค่อยพอใจ นี่ถ้ากูไม่มาขัดคอ เอ็งก็คงจิ๊จ๊ะกับหล่อนไปแล้วซิ”

“ขอเถอะ ผู้หญิงคนนี้ไม่เหมือนผู้หญิงที่คุณมึงรู้จักหรอก”

“ขนาดนั้นเชียว” ชายหนุ่มหัวเราะน้ำเสียงเยอะเย้ย “ผู้หญิงรายไหนก็รายนั้น ขอให้มีเงินไว้ก่อน อย่างอื่นค่อยว่ากันทีหลัง”

“เปลี่ยนเรื่องเถอะวะ คุยกับคนมีเงินแล้วป่วยจิต”

ชายหนุ่มผมยาวมองร่างบางอีกครั้งแล้วกระตุกยิ้มมุมปาก เขาเจอผู้หญิงมาเยอะ ยอมสยบแทบเท้าเขาทั้งนั้น แน่นอนว่าเพราะเขาปรนเปรอพวกหล่อนด้วยข้าวของเงินทอง แต่เมื่อเขาเบื่อก็ดีดพวกหล่อนทิ้งได้ง่ายดายเช่นกัน ผู้หญิงคนนั้นก็เหมือนกัน เขาแต่งตัวซอมซ่ออย่างนี้ก็เลยทำเป็นเมินใส่ ลองเขาใส่สูทผูกไทคงต้องรีบใช้มารยาหญิงตะครุบเขาแน่

ผู้หญิงนะ...รายไหนก็รายนั้น เงินเท่านั้นแหละที่จะมัดใจได้ เรื่องความรักมันมีแค่ในนิยายเท่านั้นแหละ!.


รีวิว (0)


สินค้าที่ใกล้เคียง (22 รายการ)

www.batorastore.com © 2024