หนี้สวาททาสรัก (นางแก้ว) (EBOOK)

หนี้สวาททาสรัก (นางแก้ว) (EBOOK)

0 รีวิว  0 รีวิว    
รหัสสินค้า: หนี้สวาททาสรัก
ของหมด (ต้องการสินค้า)
ราคา: 150.00 บาท 37.50 บาท
ประหยัด: 112.50 บาท ( 75.00% )

เนื้อหาบางส่วน

ตอนที่1  หนี้สินเก่า

                            

            บ้านหลังใหญ่บนเนื้อที่สองร้อยตารางวา ในหมู่บ้านใหญ่แห่งหนึ่ง กำลังมีการขนย้ายสิ่งของในบ้าน ไปขึ้นรถบรรทุกขนาดใหญ่ ชายฉกรรจ์ พูดไทยไม่ชัด บ่งบอกว่าเป็นคนต่างด้าวที่เข้ามาทำกินในเมืองไทยระยะแรก ส่วนมากจะพูดไทยได้พอประมาณ ขณะนี้แรงงานต่างด้าวกระจายไปทุกเขตทุกภาค ตามสถิติของทางการมีไม่มากนัก แต่ถ้าพวกเขายืนรวมตัวกันทั้งหมด คาดว่าประชากรของเขาจะมีมากกว่าประชากรชาวไทยในจังหวัดใหญ่เสียอีกซ้ำ

            การที่โดนขนย้ายสิ่งของโดยไม่พูดหรือถามเจ้าของสักคำทำให้แม่บ้านคือนางบุญมีลากเสียงยาว ฟ้องเจ้านายดังมาจากในบ้าน

“คุณนายขา มันจะเอาโทรทัศน์ของคุณพัดไปแล้วค่า”

ภาพที่เห็นคือแม่บ้านร่างใหญ่ กำลังเอาตัวเข้าคลุมโทรทัศน์ยี่สิบนิ้วในห้องนอน ขนาดหกเมตร นางฟ้องไปคุ้มกันสิ่งของอย่างหวงแหนแทนนายสาว

ชาวต่างด้าวไม่กล้าเข้าใกล้ แต่แล้ว ชายวัยห้าสิบสัญชาติไทย เชื้อชาติไทย แต่ใบหน้าและผิวขาวเหลือง เหมือนชาวจีนแผ่นดินใหญ่ เดินกร่างเข้ามาชี้นิ้วสั่ง

“ขงปายเอาปายให้หมก อยากไม่ส่งลอก นี่แค่งวกแรกนะ งวกสองมีตามรวด”
            บุญมีมองนายผู้หญิง ซึ่งเดินคอตกเข้ามาพยักหน้าให้บริวารยินยอมเพราะคนไทยซึ่งพูดไทยไม่ชัดขู่เอาตำรวจมาจับในงวดสองถ้าไม่มีเงินไปจ่ายให้

“ให้ไปเถอะ เดี๋ยวค่อยหาเอาใหม่”

“ใจคอคุณผู้หญิงจะให้ไอ้เจ๊กงกนี่ขนหมดเลยหรือคะ”

“ลื้อหล่าคายอีขี้ข้า”

“ด่ามึงนั่นแหละ เดี่ยวๆเดี๋ยวกูได้แลกตายไปข้างเสือกมาด่าว่ากูเป็นขี้ข้า เดี๊ยะมึง” บุญมีชี้หน้าไม่เกรงกลัวต่ออีกฝ่าย แต่นายของเธอกลัวมาก เพราะติดหนี้นอกระบบรุงรัง ยิ่งแก้ไขยิ่งยุ่ง

“ไป ไปบุญมี อย่าไปเอาเรื่องเลย นี่เฮีย ค่าดอกแค่นี้ ยกเค้าฉันหมดบ้านเลยหรือ”

“ลื้อมีปังยาเอาค่าหลอกมาห้าย อั๊วก็อาวมาคืง อีกเจ่กวังไม่จ่ายหลอก อั๊วจะขายเลหลังให้หมก”

“ไอ้หน้าเลือด”

“ไม่หน้าเลือด อั๊วก็ไม่เป็นเจ้าหนี้นายลื้อซี่” มือขวา เถ้าแก่เงินกู้รายวัน ตะคอกสวนกลับไปที่บุญมี ซึ่งได้แต่เจ็บใจแทนนาย นางออกไปยืนมองรถบรรทุกซึ่งขนของออกจากบ้านไป ท่ามกลางชาวต่างด้าว ซึ่งเป็นลูกจ้างในบ้านจัดสรรพากันมองด้วยความสนใจ

เมื่อรถลับตาไปแล้ว บุญมีจึงเดือนเข้ามาในบ้าน ได้เห็นยศสินีนั่งบนเก้าอี้ไม้บุผ้าลายดอก สาวใช้อดปากไวไม่ได้

“มันเหลือไว้ให้สามตัวพอดี ไม่งั้นคืนนี้นั่งล้อมวงกินกับพื้นแน่ๆ”

“ถ้าไม่เชื่ออ้ายพวกตาน้ำข้าวนั่น ฉันก็ไม่ต้องตกสภาพนี้หรอก”

“ใช่ค่ะ ความโลภมากอยากได้เงินปันผลร้อยละห้าสิบ พอมันหลอกให้เป็นประธานบริษัทคุณนายก็รีบคว้าไว้กลัวหลุดมือ”

“เอ๊ะก็มันเอามาให้ฉันเป็นล้านๆ เงินสดนะนังบุญ”

“ค่ะ พอเราทำธุรกิจขายตรงอย่างที่มันบอก คนแห่มาลงทุน พอครบยี่สิบล้าน มันเปิดหนีไปพร้อมเงิน ท่านประธานใหญ่เลยโดนแจ้งความฉ้อโกงประชาชน”

“ลองใครมาเป็นฉันดูสิ สี่เดือนเงินหมุนคล่องมือขนาดนั้นไม่เชื่อน้ำหน้าพวกมันให้รู้กันไป”

“บุญยังโดนหางเลขไปสองแสน แหมอุตส่าห์เก็บเงินมาตั้งนานนะคะ” บุญมีนับนิ้ว “หนึ่งสอง ตั้งแต่คุณพัดอายุแปดขวบ เก็บมานานเหมือนกันนะคะคุณนาย เงินเดือนของบุญล้วนๆเลย”

“เออขอบใจที่ขยันตอกย้ำความผิดของฉันจริงๆ”

“บอกให้หนีไปไม่ต้องรับผิดชอบก็หมดเรื่อง”สาวใช้คู่เวรคู่กรรมบ่นอุบ

“หนีคนหนีได้ หนีคุกมันหนีได้เสียที่ไหนกัน ร้อยกระทงก็สองร้อยปี พวกนั้นทยอยกันแจ้งความจนฉันต้องชดใช้ ไม่งั้นแย่แน่ ตอนนั้นยัยพัดก็กำลังเรียนจะเอาแรงที่ไหนหนีล่ะ”

“แต่คุณพัดออกมาช่วยทำงานใช้หนี้แล้วก็ยังไม่เลิกแย่ค่ะคุณนาย”บุญมีเถียงคำไม่ตกฟาก

 “เอาหนี้ธนาคารที่จำนองบ้านไปใช้หนี้หมดไม่ถึงครึ่ง กู้หนี้นอกระบบมาทำทุน โดนพวกตาดีไปแจ้งอายัดทรัพย์อีก ซวยซ้ำซวยซาก”

“นี่แกจะให้กำลังใจฉันบ้างได้มั้ยนังบุญ”

“คุณนายก็จ่ายเงินให้บุญสักห้าร้อยสิคะ ได้ค่าผ้าอนามัยกับขนมไม่ยาไส้สามเดือนแล้วค่ะ”

“แล้วทำไมแกไม่ไปแจ้งความจับฉันอีกคนล่ะนังบุญ” นายวัยห้าสิบตวาดแว้ด ใบหน้าสวยขึ้นรอยเขี้ยวยักษ์ด้วยความอับจนหนทาง “ไม่ห่วงยัยพัดล่ะก็ฉันผูกคอตายหนีหนี้ไปแล้ว”

“แล้วก็ต้องไปชดใช้กรรมในนรกอีก เผลอๆเดินวนเวียนผูกคอตายซ้ำซากอีกหลายร้อยปี”

“แล้วแกจะอยู่ตีฝีปากใส่ฉันทำไมนังบุ้ญญญญญญ” ยศสินีตวาดเสียงสูง ความดันขึ้นจนเวียนศีรษะ บุญมีรีบเข้าไปนวดเนื้อตัวเอาใจกล่าวแก้ตัวไปพลาง

“สงสารคุณพัดค่ะ ทำงานตัวเป็นเกลียว ขายทุกอย่างที่ขวางหน้า ยังไม่ขายก็แค่ตัวเท่านั้น”

บริวารยังไม่วายรำพันให้ความดันของเจ้านายสูงขึ้นไปอีก

 

รถโค้ชรับส่งผู้โดยสารในหมู่บ้านฟรี ได้มาจอดยังหน้าบ้านหลังใหญ่ ร่างหญิงสาว พร้อมหอบแฟ้มพะรุงพะรังก้าวลงจากรถ เธอเป็นหญิงรูปร่างสูงโปร่ง เสื้อเข้ารูปทำให้เห็นรูปร่างสมส่วนของอีกฝ่ายว่าพอเหมาะพอดี

ใบหน้าสวยใส ผิวขาวนวลลออ ผมยาวสลวย สวยตามธรรมชาติ มิได้โกรกย้อมให้มมีสีผิดเชื้อชาติเดิม ร่างระหงพอขยับจะก้าวเดิน ของในมือก็ร่วงหล่น เมื่อร่วงมาแฟ้มหนึ่งเธอขยับจะคว้าไว้จึงทำให้ของในมือพานร่วงลงมาซ้ำ บุญมีตะโกนออกมาจากในบ้าน พร้อมวิ่งลืมรูปร่างอ้วนออกมาที่อีกฝ่าย

“คุณพัดขา คุณพัด พี่บุญเก็บเองค่ะ”

“ขอบใจจ้ะพี่บุญ เธอเงยขึ้นเอ่ยปากบอกอีกฝ่าย นั่งยองเก็บของ บุญมีปราดเข้าไปช่วยเก็บจนหมด จากนั้นจึงได้ยิ้มเอาใจ

“คุณพัดกลับแต่วันเลยค่ะ”

“เดือนนี้ยอดขายตกทุกตัวเลย พัดว่าจะไปหางานทำกลางคืนอีกอย่าง”

“โอ๊ย เดี๋ยวได้เอวขาดพอดี เก็บเอวไว้ร่อนเถอะค่ะ”

 “ตายจริงพี่นี่ปากร้ายนักเชียว”หญิงสาวต่อว่า พวงแก้มสีชมพูระเรื่อแดงขึ้นด้วยเลือดฝาด

“จริงนะคะ ทำแบบในนิยายไงคะ ไปหาพระเอกหล่อๆแล้วก็ยื่นข้อเสนอ แต่งงานจากนั้นก็ปอกลอกให้หมดตัว บ้านเราจะได้หมดหนี้เสียที”

ปรียภัทรหัวเราะเบาๆไม่ถือสากับความปากจัดของพี่เลี้ยง ซึ่งอยู่ด้วยกันมาตั้งแต่เธอแปดขวบกระทั่งเดี๋ยวนี้อายุยี่สิบเจ็ดแล้ว อยู่เหมือนครอบครัวเดียวกัน จนบุญมีแทบลืมภาษาถิ่นเกิดคือภาษาอีสานเพราะไม่เคยกลับบ้านไปอีกเลย ปรียภัทรเคยถามอีกฝ่ายซึ่งตอบว่า

“พ่อแม่ตายหมดแล้ว พี่ชายพี่สะใภ้ฮุบสมบัติหมด ไม่รู้จะไปใครช่วย ได้แต่คิดแค้นว่า รวยเมื่อไหร่จะเอาเงินใส่ครกไปทุ่มหัวมันค่ะ”

            “งั้นอยู่กับพัดเถอะอย่าไปเลยค่ะพี่บุญ”

            “นั่นสิคะ ถึงจะใส่เงินให้ แต่คงตายเพราะครกแน่ๆ”

ครานี้สองสาวจึงพากันหัวเราะ และเดินเข้าบ้านหลังใหญ่ไปอย่างไม่รีบร้อน บ้านหลังนี้มีราคาหลายล้าน เพราะดูโอ่โถง หากเครื่องประดับบ้านโหรงเหลงแทบไม่มี หญิงสาวนึกรู้ว่า เจ้าหนี้คงเข้ามาเรียกค่าดอกแพงลิบไปเกือบหมด บุญมีเอ่ยแสนเศร้าเสียงดังมาว่า

“อ้ายเจ๊กนั่นเอาโทรทัศน์ของคุณพัดไปด้วยค่ะ”

“ช่างเถอะ ยังเหลือชีวิตอยู่เดี๋ยวก็หาใหม่ได้” หญิงสาวยิ้มเนือยๆในสีหน้าเธอต่อสู้ร่วมกันกับมารดา และสาวใช้ตัวเอ้ที่ไม่ยอมหนีไปไหน

สายตาคู่สวยมองไปยังตัวตึกสองชั้น พลางคิดว่า ในเวลาไม่นาน บ้านหลังใหญ่นี้จะถูกธนาคารยึดขายทอดตลาด เพราะปรับโครงสร้างหนี้หลายครั้งหลายหนสภาพบ้านยังดีอยู่มากใครก็อยากได้

หญิงสาวช่วยมารดาผ่อนชำระหนี้เพื่อมิให้ต้องเดินเข้าตะราง แต่ยังอดคิดไม่ได้ว่า ในที่สุดมารดาก็ต้องเป็นบุคคลล้มละลายจนได้ เพราะเธอไม่สามารถหาเงินได้มากไปกว่าที่เคยเป็น แต่ดอกเบี้ย กับบานไม่รู้จักโรยรา

“บุญทำผัดผักไว้ค่ะ ทำได้อย่างเดียวนะคะ วันนี้คุณนายโดนละลายทรัพย์ เงินที่คุณพัดให้ไว้ก็หมดเกลี้ยง”

“ของพี่บุญได้พรุ่งนี้นะคะครึ่งเดียวก่อน เงินโอนมาเท่านั้นเอง ให้คุณแม่ไว้ใช้ก่อนสามพัน”

“ค่ะได้เท่าไหร่เอาเท่านั้น พรุ่งนี้หยุดหรือเปล่าคะ เดือนนี้ไม่เห็นคุณพัดหยุดงานเลยค่ะ”

หยุดไม่ได้ ถ้าหยุดจะเอารายได้เสริมมาเป็นเกราะให้มารดาห่างจากคุกตะรางได้ที่ไหนกัน

“พรุ่งนี้ไปเทสต์หน้ากล้อง ส่งรูปไปแล้วเขาเพิ่งโทรติดต่อมา”

“ต๊าย นี่คุณพัดจะเป็นดาราแล้วหรือคะ อย่างนั้นก็รวยสิ”

“เปล่าจ้าเปล่าพี่บุญ”หญิงสาวปฏิเสธอย่างคนอารมณ์ดีและเป็นนักสู้เต็มหัวใจ “แค่เป็นตัวประกอบเท่านั้นเองจ้ะ”

“ตัวประกอบให้ใครคะ คุณพัดสวยกว่าดาราตั้งหลายคน”

“แต่อายุมันเริ่มต้นไม่ได้แล้วนี่จ๊ะ ในวงการถ้ายี่สิบเจ็ดถือว่าแก่แล้วล่ะ”

“แหมแล้วนางเอกหลายคนที่อายุตะกายสามสิบไปแล้วล่ะคะ”

“นั่นเขาเกิดในวงการมานาน เป็นดาวค้างฟ้าแล้ว เขาเปิดรับนักแสดงประกอบอายุไม่เกินยี่สิบปี แต่พัดอายุเกินไปเยอะ แต่พัดลองส่งรูปไปเล่นๆอย่างนั้นล่ะ ไม่คิดว่าได้ ยังกลัวๆว่าเขาจะด่ากลับมาด้วยซ้ำ”

“ถ้าใครด่าคุณพัดล่ะก็ จำหน้า จำชื่อ จำเบอร์ไว้ค่ะ บุญจะตามเช็ดให้เรียบเลย”

หญิงสาวได้แต่รับคำไปแกนๆไม่มีจุดประสงค์จะล้างแค้นใครทั้งสิ้น การโดนปฏิเสธสำหรับเซลล์ขายของเป็นเรื่องปกติ อาชีพนี้สอนให้อดทน มีรอยยิ้มในสีหน้า แม้ในใจจะร้องไห้เพราะความผิดหวังก็ตามที

 ยศสินีมองลูกสาวแล้วให้รู้สึกสงสารอีกฝ่ายยิ่งนัก ลูกสาวคนนี้เป็นกุลธิดาโดยแท้จริง ไม่เคยดื้อด้าน ไม่เคยแสดงกิริยาหยาบกระด้าง และยังมีน้ำใจเมื่อแม่ผิดพลาดในชีวิตให้กับฝรั่งลวงโลก

“ไม่เป็นไรนะคะแม่ สู้กันใหม่ได้ ขอให้แม่อยู่กับพัด พัดจะช่วยแม่เองค่ะ”

“หนูยังเรียนอยู่นะลูก”

“ตอนนี้ดรอปไว้ ยังไงให้ผ่านเรื่องร้ายๆไปก่อนยังไงพัดก็ไม่ทิ้งการเรียนค่ะแม่อีกปีเดียวก็จบแล้ว”

เจ็ดปีแล้วที่ลูกสาวทำงานตัวเป็นเกลียว เป็นตัวแทนขายตรง รายได้ดีแต่ไม่มีวันหยุด สินค้าบางชิ้นเปลี่ยนชื่อเปลี่ยนบริษัท แต่คนภายในรู้ผู้บริหารคนเดิมแต่เปลี่ยนชื่อใหม่ ปรียภัทรทำงานหลายชิ้น แม้บางงานมีรายได้ผ่านมือเข้ามาเยอะ แต่ก็มาใช้หนี้จนหมด ยิ่งนานวันดูเหมือนรายรับยิ่งน้อยลง

“ใครๆก็ขายตรง จะใช้ระบบหาคนมาลงทุนก็เหมือนกับที่เราโดนหลอก พัดทำไม่ได้ค่ะ”ลูกสาวเป็นคนแสนดี เอ่ยออกมาด้วยความคิดท้ออยู่บ้าง เพราะบริษัทขายตรงผุดขึ้นเหมือนเห็ดพิษในฤดูฝน และเมื่อไม่มีความระวังในการตรวจสอบ ผู้ที่หวังผลตอบแทนก็ไม่ผิดอะไรกับคนที่กินเห็ดแสนสวยแล้วโดนพิษร้ายของมันเล่นงาน

 เจ็ดปีแล้วที่ยศสินีรับรู้การฉ้อฉลหลอกลวงด้วยการเป็นหุ่นเชิดให้บริษัทมิจฉาชีพ

ลูกสาวไม่ชอบการเอาเปรียบใคร ปรียภัทรเป็นคนน่ารักและนิสัยดี แต่ทำไมต้องมาเหน็ดเหนื่อยมากมายขนาดนี้ หรือพระเจ้ารักคนขี้โกงมากกว่า ยศสินีคิดอย่างห่างเหินจากความศรัทธาเต็มที!!

เวลาต่อมา สามคนในครอบครัวนั่งร่วมทานข้าวกันอย่างไม่ถือใครเป็นบ่าวเป็นนาย เพราะผ่านความทุกข์ยากมาด้วยกัน บุญมีจึงได้นับญาติไปด้วย

ผัดผักรสชาติดีตั้งอยู่กลางโต๊ะอาหารขนาดเล็ก มีเก้าอี้ ซึ่งต้องยกมาจากห้องโถงเพื่อได้นั่งทานข้าวกันในห้องอาหาร ยศสินีเอ่ยว่า

“ต่อไปไม่ต้องยกเข้ายกออกแล้ว พากันไปนั่งทานที่ห้องโถงเลย”

“บุญว่าจะหาที่ซ่อนโต๊ะเก้าอี้อยู่นะคะ เพราะอ้ายเจ๊กกบฏมันบอกว่าจะมาทวงดอกทวงต้นอีกเจ็ดวันข้างหน้า”

ยศสินีใช้สายตาปรามลูกน้อง แต่ว่าบุญมีก็พูดออกไปให้ปรียภัทรได้รู้จนหมดแล้ว หญิงสาวพยักหน้ารับรู้ เธอตักข้าวเข้าปากช้าๆ ใช้ความคิดไปพลาง ก่อนจะเอ่ยว่า

“หนี้รายนี้ขูดเลือดเรามาก คงต้องหาเงินมาใช้ให้หมด”

“สามล้านนะคะคุณพัด นี่ถ้ารวมธนาคารไปด้วยก็สิบสามล้านกว่า”

บุญมีแจกแจงให้หญิงสาวได้รับรู้โดยที่ไม่มีใครเชิญให้พูด และปรียภัทรยังไม่ทันได้ออกความคิดอะไรออกมา เธอและทุกคนต่างได้ยินเสียงโทรศัพท์ดังมาจากกระเป๋าถือ ซึ่งหญิงสาวตั้งค่าเสียงไว้ดังต่อเนื่อง และโทรศัพท์ของเธอมักไม่ว่างเสียงเรียกเข้าทั้งวัน

บุญมีลุกจากเก้าอี้ไปหาโทรศัพท์ของเจ้านาย ซึ่งอยู่ในกระเป๋าแขวนไว้ตรงหัวบันไดขึ้นชั้นบน สาวใช้เอ่ยออกมาด้วยความปากไว

“บ้านมันว่างเสียจนจิ้งจกหายใจยังได้ยินเลยนะเนี่ย” เสียงสาวใช้ดังสะท้อนกลับไปที่นาย ยศสินีถอนหายใจออกมาเบาๆ

ปรียภัทรเอื้อมมือมาจับมือมารดาบีบเบาอย่างให้กำลังใจ

“พี่บุญปากไวอย่างนี้เองค่ะคุณแม่ แต่ใจจริงพี่บุญรักพวกเรานะคะ”

“แม่ก็รู้ แต่อดรำคาญมันไม่ได้ พูดพล่อยออกมาทีไรเจ็บใจทุกที นี่แม่อยากฟ้องล้มละลายตัวเองจริงๆ”

“ถ้าไม่ติดเรื่องคดีความจากคนที่คอยจ้องเล่นงาน พัดก็ยอมให้ทำแล้วล่ะค่ะ แต่นี่แม้จะล้มไปแล้ว ยึดทรัพย์จนหมดตัว แต่คนพวกนั้นก็ไม่เว้นให้เรา”

“ทั้งที่เราก็ชดใช้ให้เขาบางส่วนไปแล้ว น่าจะเห็นใจบ้างว่าเราไม่ใช่คนขี้โกง”

“เราคงทำกรรมไว้กับเขามากค่ะ”หญิงสาวเป็นฝ่ายให้กำลังใจมารดาเสมอ ขณะนั้นบุญมีรับสายโทรศัพท์แทนนาย ได้ยินเสียงปลายสายเป็นผู้ชายนางทำระริกทีเดียว

“ต๊ายเสียงหล่อยิ่งกว่าทีมพากย์พันธมิตรอีกค่ะคุณพัด”

ปรียภัทรรับมือถือมากรอกเสียงรับสายแล้วทักทาย

“คุณเอกหรือคะ”

“ใช่ คืนนี้ว่างมั้ย ผมอยากคุยกับคุณพัดเรื่องธุรกิจที่ผมทำอยู่รายได้งามมาก คุณเห็นแล้วใช่มั้ยว่าผมได้ขึ้นระดับมงกุฎเพชรแล้ว”

“พัดต้องขอโทษนะคะ ช่วงนี้พัดไม่ว่างเลยค่ะ”

“ได้ข่าวมาว่าบริษัทที่คุณพัดทำงานอยู่เริ่มจ่ายไม่ตรงนัดแล้วใช่มั้ย”

หญิงสาวไม่อยากตอบรับกับผู้ชายปลายสายเท่าไหร่ เพราะรู้ไส้รู้พุงกันดีในแวดวงคนเคยทำงานด้วยกันมา เอกรัตน์ดึงตัวเองออกไปก่อน เพราะรู้ดีว่าภายในนั้นเริ่มดึงเงินจากหางเข้าไปให้หัว ซึ่งหมายถึงว่าอัตราส่วนแบ่งของการขาย ซึ่งได้มาจากผู้สมัครหาผู้สมัครมาเพิ่ม และลงทุนด้วยเงินของตัวเองก่อนคนละหมื่น หรือสองหมื่น จากนั้นก็จะเริ่มมีการทำงานที่รักษาระบบของตัวเองด้วยการแบ่งรายได้ จากเงินลงทุนนั้น และเมื่อบางคนสามารถขายสินค้าได้ก็จะได้ผลตอบแทนกลับมาในทันที แต่บางคนลงทุนไปแล้วมุ่งแต่หาสมาชิกเพิ่มโดยไม่ขายของ ทุนตอบแทนก็น้อย และเริ่มมีหลายคนขาดทุน

 หลายคนหลงทางเพราะส่วนแบ่งรายเดือนซึ่งคิดว่าได้มากโดยไม่คำนึงว่าตัวเองเป็นฝ่ายหมุนเงินเข้าไป และแม่ทีมบางคนมีลูกเล่นลูกชนที่เหนือชั้น ลูกทีมผู้รู้ไม่ทัน หรือไว้ใจก็จะโดนกินหาง นี่เองที่เรียกว่า ได้หางไปเลี้ยงหัว หรือเรียกอีกอย่างว่า เส้นเลือดฝอยไปหล่อเลี้ยงเส้นเลือดใหญ่

เอกรัตน์เป็นแม่ทีมเหนือชั้นเขาจึงโตในธุรกิจขายตรงโดยไม่ล้ม เพราะเมื่อภายในจะล้ม เขาชิงออกก่อนทุกครั้งไป ครั้งนี้เขาไปทำงานขายชุดวิเศษ ชิ้นล่ะหมื่น ถึงสองหมื่นบาท โฆษณาที่บอกต่อกันว่า เราไม่โฆษณา เพราะต้องการแค่คนสนใจจริงเท่านั้น

หากว่าใครที่เข้าร่วมรับฟังจะได้รู้ คำพูดของแม่ทีมทั้งหลายเกินจริง ชุดวิเศษรักษาทุกโรคได้โดยไม่ต้องกินยา ธุรกิจตัวนี้ระดับบนกินสบาย ระดับล่างลงทุนไปแล้ว ก็ต้องหาคนเข้าไปเพื่อให้ตัวเองได้รับส่วนแบ่งรายได้ออกมา

“ไงล่ะคุณพัด เราทำงานมานาน เป็นอย่างนี้เราก็รู้แล้วว่าต้องไม่รอด คุณออกมาทำงานกับผมดีกว่า”

“พัดยังไม่ว่างจริงๆค่ะ แล้วถ้าว่างพัดจะติดต่อกลับไปนะคะ เดี๋ยวพัดไปทำบัญชีก่อน” หญิงสาวตัดบทเพราะไม่อยากให้เสียเวลา เพราะไม่คิดทำงานกับคนอย่างนั้น แต่เอกรัตน์กลับชื่นชอบหญิงสาวเป็นพิเศษ จึงเทียวเข้ามาชวนทำงานเพื่อให้ได้ไปไหนมาไหนด้วยกัน

“พรุ่งนี้ผมว่าง ผมไปรับคุณพัดไปทำงานได้นะ”

“ไม่เป็นไรค่ะ พอดีพัดต้องไปหลายที่”

“ผมส่งได้ทุกที่ และรอได้ครับ”

“ขอบคุณค่ะ พัดจะพาคุณแม่ไปหาหมอ พี่บุญก็ไปด้วย” หญิงสาวดึงพวกร่วมทาง “คงไม่สะดวกแน่ เอาไว้พัดว่างก่อนนะคะ”

ชายหนุ่มรู้สึกหมดหวังแน่ในวันนี้ ดังนั้นจึงล่าถอยออกไป ปรียภัทรปิดสาย เมื่อปิดแล้วบุญมีตัดพ้อหญิงสาวออกมาทันทีว่า

“คุณพัดนะคุณพัด ผู้ชายกี่คนๆที่เข้ามาจีบ คุณพัดบอกปัดหมดทุกคน เดี๋ยวได้กลายเป็นบ้านสามม่ายกันพอดี”

“พัดไม่แต่งงานจะม่ายได้ยังไงล่ะพี่บุญ”

“ก็ม่าย ม่ายมีใครรอไงคะ” บุญมีแถออกไปจนได้ หญิงสาวหัวเราะเบาๆ จากนั้นจึงขอตัวมารดา ขึ้นไปพักผ่อนในห้องส่วนตัว เสียงบุญมีตามมาข้างหลังว่า

“คุณพัดอย่าตกใจนะคะที่ห้องโล่งเหมือนว่างเปล่า”

หญิงสาวสะท้านใจไปบ้าง และพร้อมทำใจกับสิ่งที่จะได้เห็นในเวลาต่อมา

ห้องที่เคยมีตู้ผ้าชั้นดี บัดนี้ผ้าถูกเก็บพับวางไว้ในตะกร้าผ้า เสื้อผ้าบางส่วนแขวนไว้กับราวเหล็ก ซึ่งเธอจำได้ว่าเป็นราวตากผ้าข้างล่าง

ชั้นวางทีวีหายไป ห้องของเธอในตอนนี้มีเพียงที่นอนปูไว้กับพื้นห้องเท่านั้นเอง หญิงสาวร้อนขอบตาผ่าวเพราะหยาดน้ำตาเอ่อท้น ความอ่อนแอที่ไม่สามารถให้มารดาได้เห็น แต่เธอโกหกตัวเองไม่ได้ว่า บัดนี้ความเข้มแข็งถดถอยลงไปกว่าครึ่ง

หญิงสาวนั่งกอดเข่าร้องไห้ กับสิ่งที่เธอต้องเผชิญมาตลอดระยะเวลายาวนาน หนทางสำหรับการหาเงินมาเติมเต็มและช่วยเหลือมารดาจะทำได้อีกนานเท่าไหร่กัน !!

                 

บนถนนที่มีการจราจรจอแจ คับคั่ง ยิ่งมีกลยุทธ์ในการชวนให้หลงเชื่อเรื่องราคาและภาษี ยิ่งทำให้ผู้คนพากันออกรถคันแรก ขับออกมาเบียดเสียดให้การจราจรย่ำแย่ไปกว่าเดิม ถึงแม้วันนี้จะเป็นวันหยุดราชการ แต่บนท้องถนนยังมียวดยานพาหนะสัญจรได้ยากลำบากไม่น้อยเลย

เสียงบีบแตรรถไล่ให้คันหน้าวิ่งแข่งกับไฟบอกเวลา เสียงแตรกระชั้นถี่เป็นการระบายเสียงด่าจากรถบางคันซึ่งโดนปาดหน้า ยิ่งนับวัน คนยิ่งใจร้อน ใจแคบกันไปตามๆกัน

ช่วงเวลาการเดินข้ามถนนสัญญาณไฟแดงปรากฏ หญิงสาวร่างอรชรรีบวิ่งแข่งกับเวลา เธอสาวเท้าได้เร็ว และนำหน้าคนทั้งกลุ่มออกไป พร้อมกับเสียงเบรกห้ามล้อดังลั่น รถสีดำคันหรูปาดหน้ารถอีกคันพุ่งเข้าไปหาร่างของปรียภัทร

หญิงสาวเหลียวขวับกลับไปมองด้วยความตกตะลึง ยืนขาตายทำอะไรไม่ถูก

ตายแล้ว………เสียงผู้หญิงกรีดร้องด้วยความตกใจสุดขีด

เอี๊ยดดดดดดดด ชายหนุ่มแตะเบรก หักพวงมาลัย เพื่อให้พ้นจากร่างของหญิงสาวให้มากที่สุด แต่

โครม

 ร่างปรียภัทรลอยคว้างเมื่อรถเจ้ากรรมคันนั้นเฉี่ยวเข้าที่ด้านข้างของเธอ

“แย่แล้ว”

ไทยมุงปรากฏ บางคนรีบจดทะเบียนรถที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุ คนขับรถตกใจเป็นอันมาก เพราะเสี้ยววินาทีที่ผ่านมา เขาขับรถชนคน

 ลิวิซส์ตั้งสติ ก่อนดับเครื่องยนต์ รีบลงไปดูผู้หญิงเคราะห์ร้ายด้วยความรับผิดชอบ ท่ามกลางเสียงตำหนิและด่าทอชายผู้สวมแว่นราคาหลายหมื่น

“ขับรถภาษาบ้าอะไรวะ เห็นอยู่ว่าไฟแดงแม่งยังพุ่งเข้ามาได้”

“ผมไม่ตั้งใจ” ลิวิซส์เอ่ยเสียงอ่อนพูดภาษาไม่ชัด แต่ห่วงใยคนที่ตนทำให้บาดเจ็บเขาพาร่างสูงสง่าเข้าไปช้อนร่างของหญิงสาว ซึ่งนอนหมดสติ ผมยาวรุ่ยร่าย

“คุณ เป็นอะไรมากมั้ย”

“เลือดออกจากหัว ตายแล้วมั้ง” เสียงไทยมุงพูดโพล่งออกมาให้ชายหนุ่มได้ใจหาย ในไม่ช้า เสียงไซเรนตำรวจ และรถมูลนิธิได้เข้ามาช่วยเหลือผู้บาดเจ็บ ตำรวจสอบสวนชายร่างสูง รูปงาม ผิวสะอ้าน ท่อนแขนที่พ้นเสื้อเผยให้เห็นขนอ่อนเรียงเป็นระเบียบ เด็กสาวหลายคนนึกเสียดายที่อีกฝ่ายไม่น่าซุ่มซ่ามจนเสียหล่อขนาดนี้

 “ผมรับผิดชอบทุกอย่าง พาเธอไปที่โรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุดเลยครับ ผมห่วงเธอ” ลิวิซส์พูดออกมาจากหัวใจจริงแท้ เจ้าหน้าตำรวจมองอีกฝ่าย ส่วนเจ้าหน้าที่มูลนิธิรีบทำการช่วยเหลือหญิงสาวอย่างถูกวิธี อีกคนเดินไปเก็บกระเป๋าถือซึ่งกระเด็นหลุดไปจากบ่าที่สะพาย ของในกระเป๋า ซึ่งมีมือถือ รุ่นสัมผัส และกระเป๋าเครื่องสำอางหลุดออกมาจากรอยฉีกขาด ซึ่งบอกให้รู้ว่า กระเป๋าสะพายเป็นด่านแรกที่โดนรถเฉี่ยวก่อนโดนเจ้าของ

“แขนซ้ายเป็นแผลลึกเลยครับ เนื้อฉีกขาดล่องแล่งเลย”

“มายก็อด” ชายหนุ่มยกสองมือแตะปากอย่างตกใจ นึกโทษตัวเองที่ประมาทจนทำให้ผู้หญิงคนหนึ่งอาจจะต้องพิการ

“คุณตำรวจครับ ผมขอไปดูเธอที่โรงพยาบาล”

“คุณต้องไปให้ปากคำที่สถานีตำรวจก่อน”

“โอเค” ลิวิซส์ยอมรับทุกอย่างไม่ได้เกี่ยงใดๆ จากนั้นตำรวจและลิวิซส์แยกไปทาง ส่วนเจ้าหน้าที่แยกไปอีกทาง ก่อนจะมีเสียงร้องทักลิวิซส์ออกมาว่า

“ไฮโซ แฟนนางเอกลูกครึ่งนี่หว่า ใช่แล้ว ลิวิซส์ แทม ทายาทเจ้าของธุรกิจคอนโด และโรงแรมหรูทั่วโลก” คนที่จำได้ช่างจำละเอียดยิ่งนัก

เมื่อมีคนจำได้คนหนึ่ง อีกหลายคนต่างพากันมอง และปาปารัสซี่ก็ทำหน้าที่ทันทีเช่นกัน เพราะเรื่องคนที่เกี่ยวข้องกับดาราย่อมเป็นเรื่องที่คนบันเทิงชื่นชอบอยู่แล้ว ลิวิซส์รีบเร่งฝีเท้าตัวเองเพื่อกลับเข้าไปในรถ ซึ่งเขาจะขับ แต่ไม่อาจทำได้ หากแล้วมือของใครคนหนึ่งมาคว้าแขนชายหนุ่มเอาไว้แล้วฉุดให้ตามไปยังรถอีกคัน ซึ่งลิวิซส์คุ้นเคย

“คุณพล”

“คุณพ่อคุณให้ตามมา”

ลิวิซส์ไม่ตอบว่าอะไร แต่ตามร่างสันทัดของชายชื่อพลไปยังรถเบนซ์สีเคลือบฟ้าอ่อน ตามรถตำรวจไปทันที

ภายในรถ พลเอ่ยกับหนุ่มลูกครึ่ง ซึ่งแม้จะสวมแว่นกันแดดแล้ว แต่ยังมีคนจำเขาได้ เขานั่งกอดอกด้วยมือข้างหนึ่ง อีกข้างแตะปลายคาง สีหน้าไม่ได้แสดงอะไรออกมา แต่หัวใจเป็นห่วงหญิงสาวเกรงว่าอีกฝ่ายจะเป็นอันตรายถึงแก่ชีวิต

“คุณพ่อของคุณให้ตามคุณกลับภูเก็ตวันนี้”

“ฉันไม่ใช่เด็กสามขวบ”

“แต่คุณก็ก่อเรื่องอีกแล้ว” ชายชื่อพลตำหนิ “ผมอยากให้คุณฟังคุณพ่อคุณบ้าง คุณเชื่อผู้จัดการส่วนตัวของคุณมากไป”

“ฉันมีความคิดของฉันไม่เกี่ยวกับคุณวาลิด” ชายหนุ่มแก้ตัวให้ทนายความผู้เป็นผู้จัดการทั่วไปของเขา

“คุณพ่อคุณมีเรื่องสำคัญ”

“เรื่องบ้าน่ะหรือ” ลิวิซส์ย้อนไม่ชอบใจต่อการก้าวก่ายเรื่องส่วนตัวของเขา

“การแต่งงานกับคนที่มีฐานะเหมาะสมกันไม่ใช่เรื่องบ้าบอหรอกครับ อย่าลืมสิครับว่าคุณไม่ใช่คนธรรมดา”

“ฉันไม่ใช่เทวดา” ลิวิซส์โต้ตอบออกมาด้วยความไม่ชอบใจ

“แต่”

“หยุดเสียทีพล หากไม่หยุดพูด ฉันจะลงจากรถคุณเดี๋ยวนี้”

นั่นคือบัญชาที่ทำให้พลต้องเงียบ และเป็นฝ่ายทำตามคำสั่ง ตั้งแต่ไปโรงพัก ยอมรับความผิด พลโทรติดต่อประกันเพื่อให้มาจัดการดูแลเรื่องค่ารักษาพยาบาล แต่นายของเขาสั่งว่าให้เขาพาไปโรงพยาบาลที่ปรียภัทรรักษาตัว

เมื่อพลรู้ว่าหญิงสาวถูกพามารักษาตัวที่โรงพยาบาลเอกชนชั้นหนึ่งของประเทศ ทำให้เขาโวยวายออกมาอีกว่า

“ประกันไม่ยอมชดใช้ให้แน่ครับคุณลิวิซส์ แค่คืนสองคืนเงินทดแทนก็หมดแล้ว”

“ชีวิตคนทั้งคน จะเอาเงินมาตีราคาได้ยังไง” ชายหนุ่มตะคอกใส่พลอย่างไม่ยอมออมปากไว้ได้อีก เพราะไม่ชอบใจที่พลเห็นแก่เงิน

ลิวิซส์คิดว่าเขามีเงินมากพอที่จะรักษาหญิงสาว จะอยู่รักษาเป็นปีก็ตามที เขายินดีถ้านั่นจะเป็นสิ่งที่เขาชดใช้ให้กับความโชคร้ายของเธอได้

“คุณไม่ควรไปหรอกครับ ผมรับหน้าเองดีกว่าครับ”

“ฉันทำฉันต้องรับผิดชอบเอง”

“คุณยังไม่รู้จักความเห็นแก่ได้ของคน นี่ถ้าฝ่ายนั้นรู้ว่าคุณเป็นคนรวย คุณจะโดนขูดรีดจนโมโหได้เลยครับ”

“เขาต้องได้รับการดูแล”

“ปล่อยให้ผมจัดการเอง”

“ฉันจะไปดูอาการของเธอ เลือดของเธอออกมาก ฉันจะหนีไม่ได้ อยากเรียกร้องก็เรียกไปฉันมีให้อยู่แล้ว”

พลนิ่ง ไม่โต้เถียงคนหัวดื้ออีก แต่เขาคิดว่าเขาจะทำหน้าที่พิทักษ์ทรัพย์สินของชายหนุ่ม ไม่ยอมโดนข่มขู่ทั้งสิ้น เพราะนายของเขายอมชดใช้ตามกฎหมายแล้ว และให้ประกันเข้ามาดูแลเต็มที่

ชายหนุ่มสอบถามหมายเลขโรงพยาบาลจากศูนย์บริการสอบถามหมายเลขบริษัทห้างร้านหรือสถานที่ที่ปรากฏว่าลงทะเบียนให้ทราบได้ตามกฎหมายทุกแห่งในประเทศ ไม่นานนักชายหนุ่มได้จดจำเบอร์โทรเข้าโรงพยาบาลที่ได้ชื่อว่าสะดวกสบายเหมือนอยู่ในรีสอร์ตเลิศหรู

“ผมลิวิซส์ แทม เป็นคนรับผิดชอบค่าใช้จ่ายทั้งหมดของผู้หญิงที่รถมูลนิธินำเข้าไปส่ง”

“คุณจะมาลงชื่อให้ความยินยอมการรักษาเมื่อไหร่คะ เอ่อ ทางเราต้องการผู้เซ็นยินยอมให้การรักษาค่ะ” เจ้าหน้าที่พยายามสุภาพ และหลีกเลี่ยงคำว่า ขอค่ารักษาล่วงหน้าก่อนป้องกันการโดนโกง หรือบอกว่าไม่มีปัญญาจ่ายในภายหลัง

ชายหนุ่มรู้ถึงกฎระเบียบของโรงพยาบาลเอกชนได้ดีว่าต้องมีหลักทรัพย์การใช้จ่ายล่วงหน้าก่อนอื่น ดังนั้นเขาจึงยืนยันซ้ำไปอีกครั้ง

“ผมรับผิดชอบทั้งหมด และกำลังไปถึง พวกคุณทำหน้าที่ให้ดี รักษาเธอให้ดีที่สุด ตอนนี้อาการเธอเป็นยังไงบ้าง”

“อยู่ในห้องฉุกเฉินกำลังให้ความช่วยเหลืออย่างเต็มที่ค่ะ” เธอรับปากกับคนปลายสาย ส่วนท่าทางที่แสดงออกนั้นพยักหน้าให้กับเจ้าหน้าที่ห้องฉุกเฉิน เป็นการบอกใบ้ว่าดำเนินการได้ มีคนจ่ายแล้ว!!


รีวิว (0)


สินค้าที่ใกล้เคียง (70 รายการ)

www.batorastore.com © 2024