
ดวงไฟในมือมาร (อักษรา) (EBOOK)
ประหยัด: 87.50 บาท ( 35.00% )
เนื้อหาบางส่วน
1
เสียงเพลงดังกระหึ่มไปทั้งบริเวณสร้างความสนุกสนานครื้นเครงให้กับบรรดานักท่องราตรี ในขณะเหยี่ยวราตรีทั้งหลายต่างส่งเสียงร้องรำทำเพลงพร้อมกับยักย้ายส่ายสะโพกไปตามจังหวะดนตรีที่เร้าอารมณ์
ยามดีเจพูดหยอกล้อมักมีเสียงหวีดร้องของผู้คนดังระงม จนแทบกลบเสียงเพลงที่กำลังดังกระหึ่มจนแยกไม่ออกว่าเสียงโห่ร้องเป็นของเพศใดบ้าง ในมุมสลัวเล็กๆ ข้างห้องน้ำมีหญิงชายอยู่คู่หนึ่งกำลังยืนนัวเนียแลกจูบกันอย่างเร่าร้อน
“วิกกี้พี่จันทร์กับพี่กิตหายไปไหนแกรู้มั้ย”
เสียงใสๆ ของหญิงสาวตะเบ็งถามเพื่อนที่กำลังนั่งแกว่งนิ้วอย่างสบายอารมณ์อยู่ข้างๆ แข่งกับเสียงอึกทึกของจังหวะดนตรีกำลังดังกระหึ่ม
“เห็นบอกว่าจะไปเข้าห้องน้ำ”
หญิงสาวผมหยิกสลวยแต่งหน้าจัดจ้านหยุดแกว่งนิ้วเอียงตัวเข้าไปใกล้ๆ แล้วตะเบ็งเสียงตอบกลับไป
“เอ...เห็นไปตั้งนานแล้วนี่...อะไรกันแค่เข้าห้องน้ำมันใช้เวลานานขนาดนี้เลยเหรอ...มัวไปทำอย่างอื่นอยู่ล่ะสิ...เดี๋ยวฉันไปตามดีกว่าอยากกลับบ้านแล้ว”
พอพูดจบหญิงสาวร่างระเหิดระหงก็ผุดลุกขึ้นทันที ด้วยความรีบร้อนและรอบด้านแออัดไปด้วยผู้คนจำนวนมากมาย จึงทำให้เจ้าของร่างสูงประมาณ หนึ่งร้อยเจ็ดสิบเซนติเมตร ชนเข้ากับร่างสูงโปร่งของใครคนหนึ่งเข้าอย่างจังขณะกำลังเดินเลียบผ่านโต๊ะด้านข้าง
“อุ๊ย!”
หญิงสาวอุทานพร้อมกับเซไปด้านหลังเล็กน้อยจนทำให้ส้นรองเท้าเล็กแหลมกดลงบนปลายเท้าของชายหนุ่มแปลกหน้าอย่างช่วยไม่ได้
ดวงหน้าสวยหวานหากดวงตามีแววร้ายกาจตวัดสายตาขึ้นมอง ชายหนุ่มแปลกหน้ากำลังยืนหน้าตึงเฉียงหัวไหล่ไปไม่ถึงคืบด้วยสายตาแสดงออกถึงความไม่พอใจ จนคนเพิ่งได้รับบาดเจ็บเริ่มเคืองกับแววตำหนิในดวงตาคู่สวยที่มองราวกับตัวเขาเป็นคนผิด
พอเห็นคนยืนอยู่ตรงหน้าเป็นผู้ชายรูปร่างสูงโปร่งแต่งตัวเลิศหรูตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้าเธอจึงยักไหล่น้อยๆ อย่างไม่ใส่ใจนัก
“ขอโทษนะน้องชนพี่จังๆ แบบนี้ ถามจริงเถอะใจคอไม่คิดจะขอโทษ เลยหรือไง”
ชายหนุ่มแปลกหน้าคว้าแขนกลมกลึงแล้วดึงเข้าหาตัว เมื่อหญิงสาวหันเผชิญหน้ามือที่กำลังบีบอยู่เบาๆ ก็คลายออกก่อนจะพิศดวงหน้าสวยหวานคล้ายกำลังประเมินมูลค่าของสิ่งของ
“ขอโทษ... ”
เพอเห็นประกายตาของอีกฝ่ายมองมาอย่างจาบจ้วง หญิงสาวจึงเอ่ยเพียงสั้นๆ แล้วสะบัดหน้ามองไปทางหลังร้านก่อนจะเบ้ปากพร้อมกับยักไหล่โดยไม่คิดใส่ใจหันกลับไปมองคู่กรณีแต่อย่างใด
“เฮ้ย! น้องพ่อแม่ไม่ได้สั่งสอนมาเหรอว่า เวลาขอโทษใครมันต้องแสดงความจริงใจออกมาด้วยไม่ใช่แค่พูดออกมาห้วนๆ แบบนั้น”
ชายหนุ่มตะเบ็งเสียงอย่างเอาเรื่องเมื่อเห็นหญิงสาวหน้าตาสวยหวานราวกับตุ๊กตากำลังแสดงท่าทางอวดดีใส่ตน
“อ้าวพี่โย่งคนเขาก็ขอโทษไปแล้วพี่จะเอายังไงอีก”
ดวงหน้ากระจ่างใสแต่งแต้มสีสันอ่อนๆ หันขวับไปจิกตาใส่คู่กรณีอีกครั้ง และประกายตาวาวโรจน์ที่ฉายชัดออกมานั้น ก็ทำให้หลายคนเริ่มเป็นห่วงว่าพ่อหนุ่มร่างโย่งจะมีชะตาชีวิตเป็นปกติไปได้อีกสักกี่นาที
“ถ้าจะหาเรื่องกับ พี่ว่าน้องกลับบ้านไปหานมกินดีกว่ามั้ง...น้องรู้ไหมว่าพี่...ลูกใคร”
“บอกตัวเองดีกว่าไหม ว่าแต่ไอ้ที่ถามน่ะ...ทำพ่อแม่หายเรอะ...ขนาดตัวเองยังไม่รู้เลยว่าเป็นลูกใครแล้วคนอื่นจะรู้ไหม”
หญิงสาวถามกลับน้ำเสียงยียวนก่อนจะยักไหล่ทำท่าเหมือนไม่สนใจสักนิดกับท่าทางวางกล้ามของคนตรงหน้า แม้รู้ความหมายดีว่าสิ่งที่เจ้าหนุ่มจอมกร่างกำลังแสดงอำนาจกรายๆ นั่นแท้จริงคืออะไร
“คือ...ง่ายๆ เลยน้อง พี่ไม่ชอบให้ใครมาเหยียบตีน โอเคไหม”
น้ำเสียงทุ้มตะเบ็งขึ้นนั้นกำลังแสดงออกได้เป็นอย่างดีว่า คนพูดไม่มีความเป็นสุภาพบุรุษแต่อย่างใด
“ก็คนไม่ได้ตั้งใจให้ขอโทษก็ขอโทษไปแล้วจะเอายังไง อีกอย่างในนี้ทั้งแคบทั้งมืดจะมีชนกันบ้างเหยียบเท้ากันบ้างมันก็หยวนๆ น่า”
“น้องหยวนแต่พี่ไม่หยวนมีอะไรไหม”
“แล้วจะเอาไง…”
เมื่อเห็นว่าเจ้าโย่งหน้าหล่อไม่ยอมปล่อยให้เรื่องจบลงง่ายๆ หญิงสาวจึงยืนจ้องหน้าอีกฝ่ายด้วยประกายตาแสดงออกชัดเจนว่า ‘เอาวะวันนี้ตายเป็นตายพริบพันดาวซะอย่างมีเหรอจะกลัวบาทา...ใคร’
“ก็ไม่เอาไงแต่จะบอกให้ว่าเวลาคนอย่างพี่เจ็บมันก็ต้องมีการปลอบใจ”
ชายหนุ่มจ้องดวงหน้าหวานละมุนก่อนจะไล่มองสำรวจเรือนร่างระหงตรงหน้าด้วยประกายตาที่หญิงสาวรู้สึกอยากตั้นหน้าหล่อๆ สักหมัดสองหมัด
“อ้อต้องการคนโอ๋งั้นเรอะ...เฮอะอ่อนชะมัดเลยคนอะไร” พริบพันดาวแขวะพร้อมกับเบะปากดูแคลนฝ่ายตรงข้าม
“ปลอบในความหมายของพี่มีแต่เรื่องบนเตียงเท่านั้นรู้ไว้ซะ”
ชายหนุ่มแปลกหน้าหรี่ตามองร่างระเหิดระหงด้วยแววตาหื่นกระหาย จนเส้นเอ็นบนขาของหญิงสาวเริ่มกระตุก
“อ้าว...พูดแบบนี้มันแกว่งปากหาตีนนี่หว่า...”
พูดไม่ทันขาดคำเท้าเรียวก็ยันโครมเข้าไปหน้าท้องของเจ้าโย่งชะตาขาด จนเป้าหมายหงายหลังเซไปชนกับคนกำลังยืนยักย้ายส่ายสะโพกอยู่โต๊ะข้างๆ จนล้มระเนระนาดไปคนละทิศคนละทาง
โครม ! เพล้ง ! กรี๊ด!
เสียงโครมครามและเสียงหวีดร้องของผู้หญิงที่ดังขึ้น หยุดทุกความเคลื่อนไหวของคนในบริเวณนั้นไปชั่วขณะ พร้อมกับเสียงเพลงดังกระหึ่มก็พลันหยุดลงโดยอัตโนมัติ เพราะดีเจเห็นผู้คนแตกฮือหลบฉากตีวงออกไป จนเหลือพื้นที่ว่างเป็นวงกว้างขนาดพอเหมาะให้มวยคู่ใหม่คลุกวงในได้ตามสะดวก
“เฮ้ย! ไอ้ดาว!”
หญิงสาวผมหยิกกระโดดพรวดเข้าไปหาเพื่อนสาวที่กำลังยืนตาขวางเป็นผีเข้า แล้วยึดแขนเจ้าหล่อนไว้เมื่อเห็นว่าแม่สาวฝ่าเท้ามรณะกำลังทำท่าจะถลาเข้าไปกระทืบคู่กรณีอีกสักตุ้บให้หายโมโห
“ทำแบบนี้ได้ไงวะ!”
พ่อหนุ่มหน้าหล่อลุกขึ้นชี้หน้าตวาดน้ำเสียงกราดเกรี้ยวจะเอาเรื่องให้ได้โดยไม่สนใจเลยสักนิดว่าคนที่ตนกำลังชี้หน้าอยู่ในสถานะของเพศใด
“ฉันไม่เตะผ่าหมากแกก็นับว่าเป็นบุญแล้วไอ้หื่น...”
พริบพันดาวชี้นิ้วพร้อมกับตะเบ็งเสียงเกรี้ยวกราดอย่างเอาเรื่องไม่ต่างกัน
“อย่าตีกันคร้าบ...อย่าตีกัน...”
ดีเจตะโกนห้ามเมื่อเห็นว่ามีสุภาพบุรุษนายหนึ่งกำลังยืนแยกเขี้ยวเตรียมงับหัวสุภาพสตรีอีกนางหนึ่งอยู่กลางวงซึ่งนักเต้นคนอื่นๆ ตีกรอบเอาไว้ให้
“หุบปากไปเลยไอ้ดีเจ! ใครไม่เกี่ยวถอยไป!”
สุภาพบุรุษนิรนามตะโกนโหวกเหวกพร้อมกับดึงปืนออกจากเอวเพื่ออวดความมีอิทธิพล จนไม่มีใครกล้าเข้าไปแทรกแซงเพื่อคลี่คลายสถานการณ์
“ดาวกลับเหอะ อย่างมีเรื่องกันเลย เพราะถ้าแกมีเรื่องอีกเตี่ยแกจับฉันกระทืบแน่”
วิกานดาเห็นท่าไม่ดีรีบเข้าไปดึงแขนเพื่อนและรั้งไว้ ก่อนจะกระซิบชวนให้ลี้ภัย เมื่อเห็นมัจจุราชสีดำทะมึนในมือของอีกฝ่ายส่ายไปมาจนน่าหวาดเสียว
“จะให้กลับยังไงแกลองแหกตาดูสิว่าไอ้โย่งนั่นมันเอาเรื่องขนาดไหน”
“แกนี่มันยังไงพาออกมาเที่ยวทีไร ไม่โดนไล่กระทืบก็โดนไล่ปล้ำ คราวหน้าฉันว่าเราเข้าวัดเข้าวาเถอะเพื่อนเจอแบบนี้บ่อยๆ บอกตรงๆ ฉันเหนื่อย” วิกานดาส่ายหน้าที่มีแววกังวลและเบื่อหน่ายไปมา
“อ้าวเห็นฉันเป็นคนยังไงไอ้วิกกี้ แกก็เห็นว่าฉันอยู่ของฉันดีๆ” คนถูกว่าหันหลังกลับไปถลึงตาพร้อมกับแก้ต่างให้ตัวเอง
“ไอ้ดาว ก็ถ้าแกรู้จักยอมคนสักนิดมันก็ไม่คุกรุ่นขนาดนี้หรอก...ไปๆ กลับบ้าน” วิกานดาคว้าหมับไปที่แขนของเพื่อนแล้วออกแรงดึงให้ล่าถอย
“แกลองไปถามไอ้โย่งสิว่ามันจะยอมปล่อยฉันไปดีๆ ไหม”
พริบพันดาวโบ้ยปากไปทางชายหนุ่มหน้าหล่อที่กำลังเท้าสะเอวอยู่เบื้องหน้าอย่างเซ็งๆ...
“เฮ้อ!...ฉันล่ะเชื่อแกเลยไอ้ดาวคราวนี้ไปเหยียบตีนลูกใครเขาเข้าอีกล่ะ”
คนถูกชี้ชวนถึงกับพ่นลมหายใจออกมาอย่างเบื่อหน่าย
“พวกมึงจะมายืนหาเตี่ยเรอะไปลากผู้หญิงคนนั้นมา...”
ก่อนที่หญิงสาวทั้งสองจะทันแก้ปัญหาเฉพาะหน้าเสียงห้วนๆ ของคู่กรณีก็ตะเบ็งขึ้น
“ครับ...คุณดนุ”
ชายหนุ่มร่างใหญ่ในชุดสีดำสามคนโค้งตัวอย่างนอบน้อม ก่อนจะเปลี่ยนเป็นองอาจเมื่อตรงเข้าไปหาหญิงสาวทั้งสอง
เพล้ง!
ชายร่างใหญ่เดินไปยังไม่ถึงสามก้าวก็ต้องชะงักเท้าเมื่อได้ยินเสียงแก้วกระทบกับวัตถุที่แข็งกว่า
“ถ้าพวกแกก้าวเข้ามาอีกแค่ก้าวเดียว ฉันสาบานว่าไอ้นี่จะเข้าไปประดับอยู่บนร่างกายของพวกแก”
พริบพันดาวหยิบขวดฟาดกับโต๊ะและชูอาวุธคมวาวขึ้นข่มขู่
เสียงเพลงเงียบฉับโดยฉับพลัน ช่วยปลุกหญิงสาวอีกคนที่กำลังเคลิบเคลิ้มอยู่กับรสจูบอันวาบหวามในมุมสลัว จนเธอต้องยุติช่วงเวลาอันแสนรัญจวนไว้เพียงแค่นั้น ดวงตาหลับพริ้มปรือขึ้นก่อนจะเหลือบไปทางฟลอร์ แล้วเบิกกว้างอย่างตระหนกเมื่อเห็นเรือนร่างปราดเปรียวคุ้นตา ยืนในท่าเตรียมพร้อมประกาศศึกอยู่ไม่ห่าง
“ว้าย!... พี่กิต...ยัยดาวเอาอีกแล้ว”
“อืม...ช่างก่อนไม่ได้หรือทูนหัว”
แม้น้ำเสียงของอีกฝ่ายจะตระหนกสุดขีด แต่ชายหนุ่มที่กำลังอิ่มเอมกับห้วงเวลาของความหฤหรรษ์ กลับแนบริมฝีปากเข้าชิดกับริมฝีปากอิ่มอันฉ่ำชื้นอย่างเสน่หาไม่รู้เบื่อ
“อื้อ...พอก่อนค่ะ...รีบไปห้ามทัพก่อนดีกว่าเกิดมีเรื่อง เดี๋ยวเตี่ยเอาตายเราไปกันเถอะค่ะ”
หนึ่งจันทร์ขยับตัวอย่างเสียดาย ในขณะขยับเสื้อผ้าให้เข้าที่เพราะบทหวามหวานเมื่อครู่กำลังเข้าด้ายเข้าเข็ม ชนิดต่างคนต่างปรนเปรอจนแทบจะรวมร่างกันเลยทีเดียว
“เฮ้อ! คราวหน้าพี่ว่าเราหาเวลาไปเที่ยวกันสองคนดีกว่าไหม...พาน้องดาวมาด้วยทีไรบรรลัยตลอด อุตส่าห์พาน้องจันทร์มาเปลี่ยนบรรยากาศสร้างความตื่นเต้น...อารมณ์กำลังได้เลย” ชายหนุ่มพ่นลมหายใจออกมาอย่างเบื่อหน่าย
“ก็เพราะพี่นั่นแหละคิดพิเรนทร์อยากจะมาเปลี่ยนบรรยากาศที่นี่แล้วเป็นไงกรุ่นดีไหมล่ะ”
หนึ่งจันทร์หันไปค้อนแฟนหนุ่มรูปหล่อพ่อรวยที่คิดอยากมาเปลี่ยนบรรยากาศให้กับตัวเอง เพราะเริ่มเบื่อหน่ายกับบทรักในกรอบของความถูกต้อง
“เอาน่าไม่ใช่ครั้งแรกเสียเมื่อไร...จันทร์ก็ชอบไม่ใช่เหรอกับความรู้สึกตื่นเต้นแบบนี้” คนพูดหรี่ตามองอย่างรู้เท่าทัน
“ตื่นเต้นก็ตอนน้องจะโดนกระทืบนี่แหละไปกันเถอะ...คราวหน้าต่อให้อ้อนยังไงก็ไม่พามาด้วยหรอก...ถ้าคืนนี้ขึ้นโรงพัก เห็นทีจันทร์คงโดนเตี่ยด่าจน หูชาอีกแน่ๆ”
หญิงสาวพูดด้วยน้ำเสียงที่แสดงชัดว่าทั้งเซ็งทั้งหวั่นเมื่อมองเห็นปัญหาใหญ่กำลังคืบคลานเข้ามา ก่อนจะผละออกจากมุมสลัวแล้วเดินเนิบนาบไปตามทางเดินแคบๆ ซึ่งผู้คนเริ่มเบียดกันเป็นกระจุกตามจุดที่คิดว่าตนจะปลอดภัย
กิตติทัตเดินตามแฟนสาวไปด้วยท่าทีไม่ได้เร่งรีบสักเท่าไร ชายหนุ่มยิ้มน้อยๆ เพราะนึกขบขันกับความเจ้าอารมณ์และไม่ยอมคนของว่าที่น้องภรรยา แม้จะเห็นอาวุธในมือของชายหนุ่มร่างโย่งแต่เขาก็ไม่ได้ตื่นตระหนกหรือรู้สึกกังวลแต่อย่างใดเพราะเหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นบ่อยเสียจนเขาชินชา
ด้วยรู้ดีว่า...ผู้หญิงอย่างร้อยเอกหญิงพริบพันดาวมีหรือจะหวั่นเกรงกับอาวุธในมือของอีกฝ่าย และความที่เป็นบุตรสาวคนเล็กของเจ้าสัวใหญ่เจ้าของห้างสรรพสินค้าอันมั่งคั่งไหนเลยจะเกรงกลัวกับอิทธิพลของใคร หรือแม้กระทั่งความเสียหายที่จะตามมา