Customer Reviews

ตอนแรกก็งงเหมือนกันว่าไทยปราณคืออะไร เกี่ยวอะไรกับการฝึกลมปราณแบบจีนรึเปล่า อ่านไปอ่านมาก็ประมาณว่าเป็นการฝึกการสร้างพลังภายในนั่นแหละ เพียงแต่จะอาศัยการประยุกต์ใช้วิธีการต่างๆบวกกับความรู้และภูมิปัญญาแบบไทย จะเรียกว่าเป็นศาสตร์ที่พัฒนามาจากศาสตร์หลายๆศาสตร์ก็ได้ อย่างเช่น โยคะ ฤาษีดัดตน การนวดแผนไทย การกดจุด ฯลฯ เป็นศาสตร์ที่ไม่ได้มั่วนะคะ ตรงกันข้ามกลับมีหลักการและคำอธิบายที่ดีเลย เพียงแค่อาจจะยังใหม่อยู่เท่านั้นเอง สำหรับใครที่อยากจะรู้ว่าไทยปราณคืออะไร มีที่มายังไง ในหนังสือมีคำอธิบายไว้โดยละเอียดเลย สำหรับเล่มนี้คิดว่าสมบูรณ์ทั้งภาคทฤษฎีแล้วก็ภาคปฏิบัติ ท่าฝึกให้ความรู้สึกสบาย ผ่อนคลายดีมากๆเลย อาการปวดเมื่อย ตึง ตามแขน ขา ส่วนต่างๆหายเป็นปลิดทิ้ง ไม่ได้จะอวยแต่ว่าตัวเองทดลองแล้วได้ผลจริงๆ รู้สึกว่าร่างกายเคลื่อนไหวดีขึ้น จะเรียกว่าร่างกายยืดหยุ่นกว่าเมื่อก่อนก็ได้ ทำให้เวลาต้องนั่งทำงานนานๆ ก็จะไม่รู้สึกเมื่อยหรือว่าปวดเลย สำหรับคนที่อยากฝึกก็มีคำอธิบายพร้อมรูปภาพประกอบชัดเจน เราจะรู้ว่าแต่ละท่ามีเทคนิค มีข้อควรระวังและที่สำคัญมีความรู้สึกในขณะฝึกยังไง อันนี้สำคัญเพราะว่าเราจะได้รู้ว่า เราฝึกได้ถูกต้องมั้ย บางทีท่าทางถูก แต่ความรู้สึกไม่ได้อันนี้ก็คงเป็นการฝึกที่ไม่ได้ผลแล้วก็ยังมีเรื่องประโยชน์ที่จะได้รับจากการฝึกท่านั้นๆตามหลักกายวิภาคศาสตร์ด้วย ผู้เขียนเป็นนักกายภาพบำบัดตัวเองก็เลยค่อนข้างมั่นใจว่าฝึกแล้วจะไม่ได้รับบาดเจ็บแน่นอน ต้องลองดู รับรองว่าร่างกายคุณจะสดชื่น กะปรี้กะเปร่ามากขึ้นอย่างแน่นอน

ตอนแรกก็งงเหมือนกันว่าไทยปราณคืออะไร เกี่ยวอะไรกับการฝึกลมปราณแบบจีนรึเปล่า อ่านไปอ่านมาก็ประมาณว่าเป็นการฝึกการสร้างพลังภายในนั่นแหละ เพียงแต่จะอาศัยการประยุกต์ใช้วิธีการต่างๆบวกกับความรู้และภูมิปัญญาแบบไทย จะเรียกว่าเป็นศาสตร์ที่พัฒนามาจากศาสตร์หลายๆศาสตร์ก็ได้ อย่างเช่น โยคะ ฤาษีดัดตน การนวดแผนไทย การกดจุด ฯลฯ เป็นศาสตร์ที่ไม่ได้มั่วนะคะ ตรงกันข้ามกลับมีหลักการและคำอธิบายที่ดีเลย เพียงแค่อาจจะยังใหม่อยู่เท่านั้นเอง สำหรับใครที่อยากจะรู้ว่าไทยปราณคืออะไร มีที่มายังไง ในหนังสือมีคำอธิบายไว้โดยละเอียดเลย สำหรับเล่มนี้คิดว่าสมบูรณ์ทั้งภาคทฤษฎีแล้วก็ภาคปฏิบัติ ท่าฝึกให้ความรู้สึกสบาย ผ่อนคลายดีมากๆเลย อาการปวดเมื่อย ตึง ตามแขน ขา ส่วนต่างๆหายเป็นปลิดทิ้ง ไม่ได้จะอวยแต่ว่าตัวเองทดลองแล้วได้ผลจริงๆ รู้สึกว่าร่างกายเคลื่อนไหวดีขึ้น จะเรียกว่าร่างกายยืดหยุ่นกว่าเมื่อก่อนก็ได้ ทำให้เวลาต้องนั่งทำงานนานๆ ก็จะไม่รู้สึกเมื่อยหรือว่าปวดเลย สำหรับคนที่อยากฝึกก็มีคำอธิบายพร้อมรูปภาพประกอบชัดเจน เราจะรู้ว่าแต่ละท่ามีเทคนิค มีข้อควรระวังและที่สำคัญมีความรู้สึกในขณะฝึกยังไง อันนี้สำคัญเพราะว่าเราจะได้รู้ว่า เราฝึกได้ถูกต้องมั้ย บางทีท่าทางถูก แต่ความรู้สึกไม่ได้อันนี้ก็คงเป็นการฝึกที่ไม่ได้ผลแล้วก็ยังมีเรื่องประโยชน์ที่จะได้รับจากการฝึกท่านั้นๆตามหลักกายวิภาคศาสตร์ด้วย ผู้เขียนเป็นนักกายภาพบำบัดตัวเองก็เลยค่อนข้างมั่นใจว่าฝึกแล้วจะไม่ได้รับบาดเจ็บแน่นอน ต้องลองดู รับรองว่าร่างกายคุณจะสดชื่น กะปรี้กะเปร่ามากขึ้นอย่างแน่นอน

หนังสือเล่มนี้เหมาะกับคนทำงานที่ไม่ค่อยมีเวลาในการดูแลสุขภาพตัวเองเพราะพูดถึงเทคนิคในการใช้เวลาอันแสนน้อยนิดในการเพิ่มพลังชีวิตให้กับตัวเองตั้งแต่ตื่นยังเข้านอน บางเรื่องเป็นหลักการง่ายๆ บางเรื่องเป็นวิธีการ บางเรื่องเป็นเทคนิค ซึ่งต้องบอกตามตรงว่าบางเรื่องก็ต้องใช้เวลามากอาจจะไม่เหมาะกับการใช้จริง แต่ว่าหนังสือก็ไม่ได้บอกให้ใช้ทุกวิธีอยู่แล้ว แต่ให้เลือกเฉพาะวิธีที่เหมาะกับเวลาและข้อจำกัดของแต่ละคน ตัวเองชอบหนังสือเล่มนี้ตรงที่ใส่ใจรายละเอียดในชีวิตประจำวันแทบทุกเรื่องทำให้เวลาอ่านสามารถหยิบเรื่องนู้นเรื่องนี้มาใช้ได้เพราะมีหลายเรื่องที่ตรงกับชีวิตประจำวันของตัวเอง อย่างเช่นเรื่องชัยชนะในที่ทำงาน ก็จะพูดถึงเรื่องการขจัดอาการเซ็งในที่ทำงาน การจัดการกับโต๊ะทำงาน เรื่องการปฏิบัติตัวหลังเลิกงาน และเรื่องการนอน เพราะส่วนตัวก็เป็นคนนอนไม่ค่อยหลับอยู่แล้ว ก็ได้เทคนิคดีๆไปใช้เยอะเหมือนกัน เหตุผลอีกอย่างที่ชอบก็คือเทคนิคที่แนะนำไม่ค่อยยาก ไม่ต้องลงทุนเยอะ ใช้เวลาแป๊บเดียว หลายๆเทคนิคก็จะมีรูปภาพพร้อมคำอธิบายเป็นขั้นตอน สามารถทำตามได้ง่าย เป็นอีกเล่มที่คิดว่าซื้อมาอ่านแล้วคุ้มค่ากับเงินที่เสียไป สำหรับคนที่ไม่ได้อยู่ในวัยทำงานและมีชีวิตที่เร่งรีบ ก็อ่านได้เหมือนกัน และน่าจะดีกว่าด้วยตรงที่เป็นการสร้างวินัย กำหนดตารางชีวิตของตัวเองใหม่ตั้งแต่แรกอย่างมีแบบแผน เมื่อถึงเวลาที่ต้องเข้าสู่โหมดเครียดๆก็จะได้รับมือกับปัญหาที่เข้ามาได้

หนังสือเล่มนี้เหมาะกับคนทำงานที่ไม่ค่อยมีเวลาในการดูแลสุขภาพตัวเองเพราะพูดถึงเทคนิคในการใช้เวลาอันแสนน้อยนิดในการเพิ่มพลังชีวิตให้กับตัวเองตั้งแต่ตื่นยังเข้านอน บางเรื่องเป็นหลักการง่ายๆ บางเรื่องเป็นวิธีการ บางเรื่องเป็นเทคนิค ซึ่งต้องบอกตามตรงว่าบางเรื่องก็ต้องใช้เวลามากอาจจะไม่เหมาะกับการใช้จริง แต่ว่าหนังสือก็ไม่ได้บอกให้ใช้ทุกวิธีอยู่แล้ว แต่ให้เลือกเฉพาะวิธีที่เหมาะกับเวลาและข้อจำกัดของแต่ละคน ตัวเองชอบหนังสือเล่มนี้ตรงที่ใส่ใจรายละเอียดในชีวิตประจำวันแทบทุกเรื่องทำให้เวลาอ่านสามารถหยิบเรื่องนู้นเรื่องนี้มาใช้ได้เพราะมีหลายเรื่องที่ตรงกับชีวิตประจำวันของตัวเอง อย่างเช่นเรื่องชัยชนะในที่ทำงาน ก็จะพูดถึงเรื่องการขจัดอาการเซ็งในที่ทำงาน การจัดการกับโต๊ะทำงาน เรื่องการปฏิบัติตัวหลังเลิกงาน และเรื่องการนอน เพราะส่วนตัวก็เป็นคนนอนไม่ค่อยหลับอยู่แล้ว ก็ได้เทคนิคดีๆไปใช้เยอะเหมือนกัน เหตุผลอีกอย่างที่ชอบก็คือเทคนิคที่แนะนำไม่ค่อยยาก ไม่ต้องลงทุนเยอะ ใช้เวลาแป๊บเดียว หลายๆเทคนิคก็จะมีรูปภาพพร้อมคำอธิบายเป็นขั้นตอน สามารถทำตามได้ง่าย เป็นอีกเล่มที่คิดว่าซื้อมาอ่านแล้วคุ้มค่ากับเงินที่เสียไป สำหรับคนที่ไม่ได้อยู่ในวัยทำงานและมีชีวิตที่เร่งรีบ ก็อ่านได้เหมือนกัน และน่าจะดีกว่าด้วยตรงที่เป็นการสร้างวินัย กำหนดตารางชีวิตของตัวเองใหม่ตั้งแต่แรกอย่างมีแบบแผน เมื่อถึงเวลาที่ต้องเข้าสู่โหมดเครียดๆก็จะได้รับมือกับปัญหาที่เข้ามาได้

สำหรับแท้จริงแล้วมนุษย์เป็นสัตว์กินพืชเล่มนี้ เป็นหนังสือชวนกินมังสวิรัติที่ตัวเองอ่านแล้วรู้สึกแปลกๆ เพราะเค้านำเสนอในมุมของการเชิญชวนที่ให้เหตุผลแบบแปลกๆ อธิบายไม่ถูกเหมือนกันว่าแปลกยังไง คือถ้าเราอ่านหนังสือมังสวิรัติซักเล่ม เราก็คงนึกถึงการบอกเล่าถึงประโยชน์ของการกินมังสวิรัติในเชิงสุขภาพเป็นหลัก กินแล้วมีประโยชน์ต่อสุขภาพยังไง มีข้อดีข้อเสียหรือไม่ยังไง เพราะคนที่ไม่ได้กินมังสวิรัติมาก่อน หากต้องการจะกินมังสวิรัติก็คงเป็นห่วงเรื่องสุขภาพ เรื่องสารอาหารที่จะได้รับว่าจะเพียงพอมั้ย ในหนังสือพูดถึงเรื่องประโยชน์ของการกินมังสวิรัติต่อสุขภาพร่างกายเหมือนกัน แต่ว่าจะพูดถึงเรื่องอื่นๆเพื่อโน้มน้าวให้หันมากินด้วย ซึ่งเหตุผลพวกนี้แหละที่คิดว่าอ่านดูแล้วแปลกๆ อย่างเช่นมีการอ้างการศึกษาด้านวิวัฒนาการของมนุษย์แล้วบอกว่าบรรพบุรุษของมนุษย์เป็นสัตว์กินพืช โครงสร้างร่างกายของมนุษย์ไม่เหมาะกับการกินเนื้อเลย ฯลฯ แต่ก็ไม่ชัดเจนว่าแล้วทำไมปัจจุบันมนุษย์จึงหันมากินเนื้อด้วย อีกเหตุผลหนึ่งคือการอ้างเรื่องบุคคลสำคัญของโ,ลกว่าล้วนเป็นผู้กินมังสวิรัติ ซึ่งอันนี้ไม่เมคเซนท์เลย ตัวเองคิดว่าไม่น่าจะเกี่ยว เพราะแม้ว่าจะมีบุคคลสำคัญของโลกที่กินมังสวิรัติจริง แต่ก็มีบุคคลสำคัญอีกนับไม่ถ้วนที่ไม่ได้กินมังสวิรัติ เหมือนกับว่าหนังสือจะเลือกหยิบเอามาพูดเข้าข้างตัวเองมากไปหน่อย จริงๆน่าจะเน้นไปที่เรื่องที่ว่าทำไมถึงบอกว่ามนุษย์เป็นสัตว์กินพืชมากกว่า การเอาดารา คนมีชื่อเสียงมาช่วยก็ดูตลก กลายเป็นว่าเหมือนเป็นหนังสือขายตรงมังสวิรัติไปเลย เล่มนี้ไม่ค่อยชอบค่ะ

สำหรับแท้จริงแล้วมนุษย์เป็นสัตว์กินพืชเล่มนี้ เป็นหนังสือชวนกินมังสวิรัติที่ตัวเองอ่านแล้วรู้สึกแปลกๆ เพราะเค้านำเสนอในมุมของการเชิญชวนที่ให้เหตุผลแบบแปลกๆ อธิบายไม่ถูกเหมือนกันว่าแปลกยังไง คือถ้าเราอ่านหนังสือมังสวิรัติซักเล่ม เราก็คงนึกถึงการบอกเล่าถึงประโยชน์ของการกินมังสวิรัติในเชิงสุขภาพเป็นหลัก กินแล้วมีประโยชน์ต่อสุขภาพยังไง มีข้อดีข้อเสียหรือไม่ยังไง เพราะคนที่ไม่ได้กินมังสวิรัติมาก่อน หากต้องการจะกินมังสวิรัติก็คงเป็นห่วงเรื่องสุขภาพ เรื่องสารอาหารที่จะได้รับว่าจะเพียงพอมั้ย ในหนังสือพูดถึงเรื่องประโยชน์ของการกินมังสวิรัติต่อสุขภาพร่างกายเหมือนกัน แต่ว่าจะพูดถึงเรื่องอื่นๆเพื่อโน้มน้าวให้หันมากินด้วย ซึ่งเหตุผลพวกนี้แหละที่คิดว่าอ่านดูแล้วแปลกๆ อย่างเช่นมีการอ้างการศึกษาด้านวิวัฒนาการของมนุษย์แล้วบอกว่าบรรพบุรุษของมนุษย์เป็นสัตว์กินพืช โครงสร้างร่างกายของมนุษย์ไม่เหมาะกับการกินเนื้อเลย ฯลฯ แต่ก็ไม่ชัดเจนว่าแล้วทำไมปัจจุบันมนุษย์จึงหันมากินเนื้อด้วย อีกเหตุผลหนึ่งคือการอ้างเรื่องบุคคลสำคัญของโ,ลกว่าล้วนเป็นผู้กินมังสวิรัติ ซึ่งอันนี้ไม่เมคเซนท์เลย ตัวเองคิดว่าไม่น่าจะเกี่ยว เพราะแม้ว่าจะมีบุคคลสำคัญของโลกที่กินมังสวิรัติจริง แต่ก็มีบุคคลสำคัญอีกนับไม่ถ้วนที่ไม่ได้กินมังสวิรัติ เหมือนกับว่าหนังสือจะเลือกหยิบเอามาพูดเข้าข้างตัวเองมากไปหน่อย จริงๆน่าจะเน้นไปที่เรื่องที่ว่าทำไมถึงบอกว่ามนุษย์เป็นสัตว์กินพืชมากกว่า การเอาดารา คนมีชื่อเสียงมาช่วยก็ดูตลก กลายเป็นว่าเหมือนเป็นหนังสือขายตรงมังสวิรัติไปเลย เล่มนี้ไม่ค่อยชอบค่ะ

สำหรับโยคะกระชับรูปร่างเล่มนี้ ถ้าใครอยากจะหาหนังสือเอาไว้ใช้ในการลดน้ำหนักแล้วละก็ สำหรับเราคิดว่าเป็นอีกเล่มหนึ่งที่แนะนำให้อ่านเลยค่ะ แต่ว่าจุดประสงค์ของผู้เขียนหนังสือเล่มนี้ ไม่ได้เอาไว้ใช้ลดน้ำหนักนะคะ เล่มนี้เป็นการเล่นโยคะเพื่อกระชับรูปร่าง ก็คือคนที่มีส่วนเกินตามส่วนต่างๆของร่างกาย ไม่กระชับ หย่อนคล้อย หรือมีริ้วรอยต่างๆ ก็จะช่วยได้ในเรื่องนี้ แต่ว่าสำหรับตัวเองใช้เล่มนี้ในการลดน้ำหนักในตอนแรกก่อน เพราะว่าตอนเริ่มออกกำลังกายใหม่ๆ ถ้าจะให้ออกหนักๆเลยก็คงไม่ไหว ก็เลยใช้วิธีดัดแปลงการเล่นโยคะตามหนังสือเล่มนี้แทนเพราะว่าไม่ยากแล้วก็ไม่เหนื่อยมาก แล้วก็ได้ออกกำลังทุกส่วนของร่างกายจริงๆตั้งแต่หัวจรดเท้าเลย สำหรับใครที่ไม่มีพื้นฐานเรื่องการเล่นโยคะ ลองอ่านเล่มนี้ดูคิดว่าน่าจะเหมาะ เพราะว่าตัวเองก็ใช้เล่มนี้เป็นเล่มแรกในการเล่นโยคะเหมือนกัน ในหนังสือจะเริ่มจากการปูพื้นฐานเกี่ยวกับโยคะเลย เริ่มตั้งแต่ประโยชน์ของโยคะ ขั้นตอนการเตรียมตัว การเตรียมอุปกรณ์ พื้นที่ในการเล่น เคล็ดลับต่างซึ่งน่าสนใจมาก อย่างเรื่องเคล็ดลับการกินที่ตัวเองทดลองทำแล้ว รู้สึกว่าสุขภาพโอเคขึ้น อีกเรื่องที่ไม่เคยรู้มาก่อนก็คือ การควบคุมลมหายใจก็มีส่วนช่วยในการเผาผลาญด้วย ในส่วนของการเล่นโยคะท่าต่างๆ สอนเข้าใจง่ายดีมาก เพราะมีทั้งคำอธิบาย รูปภาพประกอบเป็นขั้นตอน มีเรื่องประโยชน์ที่จะได้รับ และทิป ในทุกท่าการฝึก ก็เป็นเล่มหนึ่งที่อยากแนะนำสำหรับคนที่อยากกระชับรูปร่างให้ดูดีขึ้น

สำหรับโยคะกระชับรูปร่างเล่มนี้ ถ้าใครอยากจะหาหนังสือเอาไว้ใช้ในการลดน้ำหนักแล้วละก็ สำหรับเราคิดว่าเป็นอีกเล่มหนึ่งที่แนะนำให้อ่านเลยค่ะ แต่ว่าจุดประสงค์ของผู้เขียนหนังสือเล่มนี้ ไม่ได้เอาไว้ใช้ลดน้ำหนักนะคะ เล่มนี้เป็นการเล่นโยคะเพื่อกระชับรูปร่าง ก็คือคนที่มีส่วนเกินตามส่วนต่างๆของร่างกาย ไม่กระชับ หย่อนคล้อย หรือมีริ้วรอยต่างๆ ก็จะช่วยได้ในเรื่องนี้ แต่ว่าสำหรับตัวเองใช้เล่มนี้ในการลดน้ำหนักในตอนแรกก่อน เพราะว่าตอนเริ่มออกกำลังกายใหม่ๆ ถ้าจะให้ออกหนักๆเลยก็คงไม่ไหว ก็เลยใช้วิธีดัดแปลงการเล่นโยคะตามหนังสือเล่มนี้แทนเพราะว่าไม่ยากแล้วก็ไม่เหนื่อยมาก แล้วก็ได้ออกกำลังทุกส่วนของร่างกายจริงๆตั้งแต่หัวจรดเท้าเลย สำหรับใครที่ไม่มีพื้นฐานเรื่องการเล่นโยคะ ลองอ่านเล่มนี้ดูคิดว่าน่าจะเหมาะ เพราะว่าตัวเองก็ใช้เล่มนี้เป็นเล่มแรกในการเล่นโยคะเหมือนกัน ในหนังสือจะเริ่มจากการปูพื้นฐานเกี่ยวกับโยคะเลย เริ่มตั้งแต่ประโยชน์ของโยคะ ขั้นตอนการเตรียมตัว การเตรียมอุปกรณ์ พื้นที่ในการเล่น เคล็ดลับต่างซึ่งน่าสนใจมาก อย่างเรื่องเคล็ดลับการกินที่ตัวเองทดลองทำแล้ว รู้สึกว่าสุขภาพโอเคขึ้น อีกเรื่องที่ไม่เคยรู้มาก่อนก็คือ การควบคุมลมหายใจก็มีส่วนช่วยในการเผาผลาญด้วย ในส่วนของการเล่นโยคะท่าต่างๆ สอนเข้าใจง่ายดีมาก เพราะมีทั้งคำอธิบาย รูปภาพประกอบเป็นขั้นตอน มีเรื่องประโยชน์ที่จะได้รับ และทิป ในทุกท่าการฝึก ก็เป็นเล่มหนึ่งที่อยากแนะนำสำหรับคนที่อยากกระชับรูปร่างให้ดูดีขึ้น

หนังสือ “5 วิธีสู้ชีวิตไม่ป่วย” เป็นหนังสือกิจกรรมสำหรับคนรักสุขภาพหรือต้องการดูแลตัวเอง เนื้อหาภายในเล่มพูดถึงสาระสำคัญของการปรับเปลี่ยนวิถีชีวิตอย่างสิ้นเชิง สืบเนื่องจากการผู้เขียนเจอปัญหาสุขภาพกับตัวเองจากการทำงานหนัก ทำให้เป็นโรคอ้วน คอเลสเตอรอลในเลือดสูง แต่ไม่อยากรักษาอาการเจ็บป่วยด้วยการกินยา เลยหันมาเปลี่ยนแปลงตัวเองด้วยการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ ควบคุมอาหารการกิน โดยในหนังสือจะแบ่งเนื้อหาออกเป็นแต่ละบท รวมทั้งสิ้น 12 บท หากว่าผู้อ่านต้องการคู่มือซักเล่มเกี่ยวกับวิธีการ เทคนิคต่างๆเกี่ยวกับการออกกำลังกายและการควบคุมอาหาร หนังสือเล่มนี้ตอบโจทย์ได้ดีมากค่ะ มีทั้งการออกกำลังกายแบบฝึกความแข็งแรง แบบต่อเนื่องหรือแอโรบิค แบบยืดหยุ่น รวมไปถึงการออกกำลังกายให้ปลอดภัยและเคล็ดลับการออกกำลังกายให้สำเร็จ นอกจากนั้นสิ่งที่ต้องทำควบคู่กับการออกกำลังกายนั่นก็คือการควบคุมอาหาร โดยจะเริ่มจากการแนะนำอาหาร การกินอาหารให้ถูกหลักโภชนาการ รวมถึงการกินผักผลไม้ด้วยค่ะ สำหรับผู้อ่านที่ป่วยเป็นโรคต่างๆเช่น ความดันโลหิตสูง หรือโรคที่เกี่ยวกับอวัยวะเช่น ตับ ไตก็สามารถเปลี่ยนวิถีชีวิตตามคำแนะนำของหนังสือเล่มนี้ได้เช่นกันค่ะ หลังจากอ่านแล้วก็รู้สึกชอบหนังสือเล่มนี้ เพราะตัวเองเป็นคนที่มีปัญหาสุขภาพอยู่บ่อยๆ พอลองปรับเปลี่ยนตัวเองใส่ใจการกินอาหารและการออกกำลังกายทำให้สุขภาพแข็งแรงขึ้นอย่างเห็นได้ชัด เป็นหนังสือที่ให้คำแนะนำง่ายๆที่ไม่ยุ่งยากซับซ้อน เหมาะสำหรับคนที่ต้องการเริ่มต้นในการดูแลสุขภาพของตัวเองอย่างจริงจัง ด้วยวิธีการที่ถูกต้องปลอดภัย

หนังสือ “5 วิธีสู้ชีวิตไม่ป่วย” เป็นหนังสือกิจกรรมสำหรับคนรักสุขภาพหรือต้องการดูแลตัวเอง เนื้อหาภายในเล่มพูดถึงสาระสำคัญของการปรับเปลี่ยนวิถีชีวิตอย่างสิ้นเชิง สืบเนื่องจากการผู้เขียนเจอปัญหาสุขภาพกับตัวเองจากการทำงานหนัก ทำให้เป็นโรคอ้วน คอเลสเตอรอลในเลือดสูง แต่ไม่อยากรักษาอาการเจ็บป่วยด้วยการกินยา เลยหันมาเปลี่ยนแปลงตัวเองด้วยการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ ควบคุมอาหารการกิน โดยในหนังสือจะแบ่งเนื้อหาออกเป็นแต่ละบท รวมทั้งสิ้น 12 บท หากว่าผู้อ่านต้องการคู่มือซักเล่มเกี่ยวกับวิธีการ เทคนิคต่างๆเกี่ยวกับการออกกำลังกายและการควบคุมอาหาร หนังสือเล่มนี้ตอบโจทย์ได้ดีมากค่ะ มีทั้งการออกกำลังกายแบบฝึกความแข็งแรง แบบต่อเนื่องหรือแอโรบิค แบบยืดหยุ่น รวมไปถึงการออกกำลังกายให้ปลอดภัยและเคล็ดลับการออกกำลังกายให้สำเร็จ นอกจากนั้นสิ่งที่ต้องทำควบคู่กับการออกกำลังกายนั่นก็คือการควบคุมอาหาร โดยจะเริ่มจากการแนะนำอาหาร การกินอาหารให้ถูกหลักโภชนาการ รวมถึงการกินผักผลไม้ด้วยค่ะ สำหรับผู้อ่านที่ป่วยเป็นโรคต่างๆเช่น ความดันโลหิตสูง หรือโรคที่เกี่ยวกับอวัยวะเช่น ตับ ไตก็สามารถเปลี่ยนวิถีชีวิตตามคำแนะนำของหนังสือเล่มนี้ได้เช่นกันค่ะ หลังจากอ่านแล้วก็รู้สึกชอบหนังสือเล่มนี้ เพราะตัวเองเป็นคนที่มีปัญหาสุขภาพอยู่บ่อยๆ พอลองปรับเปลี่ยนตัวเองใส่ใจการกินอาหารและการออกกำลังกายทำให้สุขภาพแข็งแรงขึ้นอย่างเห็นได้ชัด เป็นหนังสือที่ให้คำแนะนำง่ายๆที่ไม่ยุ่งยากซับซ้อน เหมาะสำหรับคนที่ต้องการเริ่มต้นในการดูแลสุขภาพของตัวเองอย่างจริงจัง ด้วยวิธีการที่ถูกต้องปลอดภัย

ด้วยความที่เป็นคนขี้เกียจแต่อยากผอมก็เลยตัดสินใจซื้อหนังสือเล่มนี้มาอ่าน เป็นการหาเพื่อนและสร้างแรงบันดาลใจให้กับตัวเองในการออกกำลังกาย ซึ่งก็ได้ผลดีอยู่เหมือนกันสำหรับคนที่ไม่ค่อยอยากออกจากบ้านไปออกกำลังกายที่อื่นแบบเรา นอกจากจะได้เพื่อนในจอแล้ว (DVD) แล้วก็ยังได้วิธีการที่ถูกต้องในการออกกำลังกายด้วย (ผู้เขียนเป็นอาจารย์ประจำคณะวิทยาศาสตร์การกีฬา มหาวิทยาลัยเกสรศาสตร์) ท่ากายบริหารจะแบ่งออกเป็นสองส่วนคือ ส่วนที่ว่าด้วยการช่วยพัฒนาระบบหัวใจและระบบหายใจ กับส่วนที่ว่าด้วยการพัฒนาระบบกล้ามเนื้อ อุปกรณ์ที่ใช้ก็หาได้ง่ายราคาไม่แพง สามารถทำได้ที่บ้านเลย เริ่มต้นด้วยการอบอุ่นร่างกายก่อนเป็นอันดับแรก จากนั้นก็จะเข้าสู่ขั้นตอนการออกกำลังกาย ซึ่งจะแบ่งออกเป็นยกๆ (Round) มีทั้งหมด 3 ยก และปิดท้ายด้วยการผ่อนคลายกล้ามเนื้อหลังออกกำลังกายเสร็จ เป็นอันจบพิธี ในส่วนของการออกกำลังกาย 3 ยก ส่วนตัวเท่าที่ลองทำดูก็เล่นเอาหอบอยู่เหมือนกัน ตอนแรกคิดว่าจะเป็นท่าออกกำลังแบบเบาๆ ไม่น่าจะเหนื่อยอะไร แต่ปรากฏว่าคิดผิดซะงั้น เหงื่อออกท่วมกันเลยทีเดียว เป็นท่าที่ได้บริหารทุกส่วนจริงๆ เหมาะกับคุณผู้หญิงที่ต้องการออกกำลังกายเพื่อเพิ่มความกระชับของรูปร่าง สามารถทำได้เองที่บ้าน รูปภาพและดีวีดีประกอบช่วยให้ออกกำลังได้สนุกมากขึ้น 199 บาทแลกกับหนังสือและดีวีดีที่ให้มาถือว่าคุ้มค่ามาก เพื่อนๆผู้อ่านคนไหนอยากจะได้ตัวช่วยดีๆในการกระชับรูปร่างให้ดูเฟิร์ม ดูแข็งแรงแล้วละก็ลองจัดเล่มนี้ไปรับรองไม่ผิดหวัง

ด้วยความที่เป็นคนขี้เกียจแต่อยากผอมก็เลยตัดสินใจซื้อหนังสือเล่มนี้มาอ่าน เป็นการหาเพื่อนและสร้างแรงบันดาลใจให้กับตัวเองในการออกกำลังกาย ซึ่งก็ได้ผลดีอยู่เหมือนกันสำหรับคนที่ไม่ค่อยอยากออกจากบ้านไปออกกำลังกายที่อื่นแบบเรา นอกจากจะได้เพื่อนในจอแล้ว (DVD) แล้วก็ยังได้วิธีการที่ถูกต้องในการออกกำลังกายด้วย (ผู้เขียนเป็นอาจารย์ประจำคณะวิทยาศาสตร์การกีฬา มหาวิทยาลัยเกสรศาสตร์) ท่ากายบริหารจะแบ่งออกเป็นสองส่วนคือ ส่วนที่ว่าด้วยการช่วยพัฒนาระบบหัวใจและระบบหายใจ กับส่วนที่ว่าด้วยการพัฒนาระบบกล้ามเนื้อ อุปกรณ์ที่ใช้ก็หาได้ง่ายราคาไม่แพง สามารถทำได้ที่บ้านเลย เริ่มต้นด้วยการอบอุ่นร่างกายก่อนเป็นอันดับแรก จากนั้นก็จะเข้าสู่ขั้นตอนการออกกำลังกาย ซึ่งจะแบ่งออกเป็นยกๆ (Round) มีทั้งหมด 3 ยก และปิดท้ายด้วยการผ่อนคลายกล้ามเนื้อหลังออกกำลังกายเสร็จ เป็นอันจบพิธี ในส่วนของการออกกำลังกาย 3 ยก ส่วนตัวเท่าที่ลองทำดูก็เล่นเอาหอบอยู่เหมือนกัน ตอนแรกคิดว่าจะเป็นท่าออกกำลังแบบเบาๆ ไม่น่าจะเหนื่อยอะไร แต่ปรากฏว่าคิดผิดซะงั้น เหงื่อออกท่วมกันเลยทีเดียว เป็นท่าที่ได้บริหารทุกส่วนจริงๆ เหมาะกับคุณผู้หญิงที่ต้องการออกกำลังกายเพื่อเพิ่มความกระชับของรูปร่าง สามารถทำได้เองที่บ้าน รูปภาพและดีวีดีประกอบช่วยให้ออกกำลังได้สนุกมากขึ้น 199 บาทแลกกับหนังสือและดีวีดีที่ให้มาถือว่าคุ้มค่ามาก เพื่อนๆผู้อ่านคนไหนอยากจะได้ตัวช่วยดีๆในการกระชับรูปร่างให้ดูเฟิร์ม ดูแข็งแรงแล้วละก็ลองจัดเล่มนี้ไปรับรองไม่ผิดหวัง

ผู้เขียนบอกว่าผอมสวยด้วยชาเขียวไม่ใช่การลดน้ำหนักด้วยการกินแต่ชาเขียว แต่คือการใช้การกินชาเขียวที่มีคาเทชินเข้มข้นวันละ 3-4 แก้ว เพื่อช่วยในการลดน้ำหนัก โดยที่เรายังสามารถสนุกกับการกินได้เหมือนเดิม คาเทชินคืออะไร ผู้เขียนได้อธิบายไว้แบบละเอียดตั้งแต่บทที่ 1 เลย อ่านดูแล้วได้ความรู้ใหม่ๆเกี่ยวกับสารอาหารตัวนี้ที่เค้าบอกว่าจะทำให้เราสามารถลดน้ำหนักได้โดยที่ไม่ต้องพยายาม ประมาณว่าไม่ต้องหักโหมกับการออกกำลังกายหรือว่าการควบคุมอาหาร หลังจากอ่านบทที่ 1 จบก็ทำให้เคลิ้มเชื่อตามที่หนังสือบอกอยู่เหมือนกันเพราะว่าข้อมูลแน่นมาก เขียนเหมือนเป็นหนังสือเสนอขายคาเทชินยังไงยังงั้น พอเข้าใจเรื่องประโยชน์ของคาเทชินแล้ว หลายคนอาจงงว่าแล้วจะไปหาคาเทชินจากไหนยังไง อันนี้ไม่ต้องห่วงเพราะในบทที่ 2 ซึ่งเป็นเรื่องคาเทชินภาคปฏิบัติได้อธิบายไว้หมดว่าต้องกินคาเทชินเท่าไหร่ยังไง จากอาหารที่มีส่วนผสมของชาเขียวเท่าไหร่ ใครที่เป็นสาวกชาเขียวน่าจะชอบกัน แต่หลังจากนั้นในบทที่ 3 กับ 4 ไม่ค่อยจะเกี่ยวกับชาเขียวละ เพราะพูดถึงว่าถ้าอยากผอมก็ต้องออกกำลังกายเพิ่มด้วย ซึ่งเค้าจะสอนท่ากายบริหารแบบหน่อมแน้มๆนิดๆหน่อยๆ และในบทสุดท้ายจะพูดถึงเรื่องศาสตร์แห้งการลดน้ำหนักทั่วๆไป สรุปแล้วก็เลยไม่รู้ว่าที่น้ำหนักลดได้เพราะชาเขียวหรือเพราะการออกกำลังกาย เพราะว่าตอนแรกโม้ไว้เยอะเกี่ยวกับสรรพคุณของคาเทชิน แต่พอเอาเข้าจริงก็ต้องเน้นการออกกำลังกายอยู่ดี

ผู้เขียนบอกว่าผอมสวยด้วยชาเขียวไม่ใช่การลดน้ำหนักด้วยการกินแต่ชาเขียว แต่คือการใช้การกินชาเขียวที่มีคาเทชินเข้มข้นวันละ 3-4 แก้ว เพื่อช่วยในการลดน้ำหนัก โดยที่เรายังสามารถสนุกกับการกินได้เหมือนเดิม คาเทชินคืออะไร ผู้เขียนได้อธิบายไว้แบบละเอียดตั้งแต่บทที่ 1 เลย อ่านดูแล้วได้ความรู้ใหม่ๆเกี่ยวกับสารอาหารตัวนี้ที่เค้าบอกว่าจะทำให้เราสามารถลดน้ำหนักได้โดยที่ไม่ต้องพยายาม ประมาณว่าไม่ต้องหักโหมกับการออกกำลังกายหรือว่าการควบคุมอาหาร หลังจากอ่านบทที่ 1 จบก็ทำให้เคลิ้มเชื่อตามที่หนังสือบอกอยู่เหมือนกันเพราะว่าข้อมูลแน่นมาก เขียนเหมือนเป็นหนังสือเสนอขายคาเทชินยังไงยังงั้น พอเข้าใจเรื่องประโยชน์ของคาเทชินแล้ว หลายคนอาจงงว่าแล้วจะไปหาคาเทชินจากไหนยังไง อันนี้ไม่ต้องห่วงเพราะในบทที่ 2 ซึ่งเป็นเรื่องคาเทชินภาคปฏิบัติได้อธิบายไว้หมดว่าต้องกินคาเทชินเท่าไหร่ยังไง จากอาหารที่มีส่วนผสมของชาเขียวเท่าไหร่ ใครที่เป็นสาวกชาเขียวน่าจะชอบกัน แต่หลังจากนั้นในบทที่ 3 กับ 4 ไม่ค่อยจะเกี่ยวกับชาเขียวละ เพราะพูดถึงว่าถ้าอยากผอมก็ต้องออกกำลังกายเพิ่มด้วย ซึ่งเค้าจะสอนท่ากายบริหารแบบหน่อมแน้มๆนิดๆหน่อยๆ และในบทสุดท้ายจะพูดถึงเรื่องศาสตร์แห้งการลดน้ำหนักทั่วๆไป สรุปแล้วก็เลยไม่รู้ว่าที่น้ำหนักลดได้เพราะชาเขียวหรือเพราะการออกกำลังกาย เพราะว่าตอนแรกโม้ไว้เยอะเกี่ยวกับสรรพคุณของคาเทชิน แต่พอเอาเข้าจริงก็ต้องเน้นการออกกำลังกายอยู่ดี

สำหรับสาวๆเรื่องหน้าตาเป็นเรื่องที่ต้องใส่ใจเป็นอันดับหนึ่งอยู่แล้ว ต่อให้หุ่นไม่ดียังไงก็ต้องให้หน้าดูดีไว้ก่อน แต่ว่าหน้าตาดีสำหรับบางคนอาจจะนึกถึงเรื่องความสวย ความหล่อ แบบที่ต้องไปทำศัลยกรรมอะไรแบบนั้น หน้าตาดีในความหมายของเราก็คือหน้าตาดูสดใสมีสุขภาพดีนั่นเอง ในหนังสือไม่ได้พูดถึงวิธีการฝึกโยคะเพื่อการบริหารหน้าแต่เพียงอย่างเดียว แต่จะพูดถึงแนวคิด หลักการ และทฤษฎีต่างๆเกี่ยวกับการมีสุขภาพดีด้วย ซึ่งก็ถือว่าโอเคเลย อ่านเพลินดี ไม่ได้เป็นความรู้ที่หนักจนเกินไป เพราะเดี๋ยวจะเครียดจนหน้าตาหมองคล้ำไปซะก่อน มีเรื่องหนึ่งที่อยากเล่าให้ฟังก็คือเรื่องอัตราส่วนทองคำ ซึ่งเป็นอัตราส่วนที่ถูกคิดค้นขึ้นมาเพื่อบอกว่าความสวยงามที่สมดุลนั้นควรเป็นยังไง น่าสนใจดีนะ ใครอยากรู้ว่าต้องคำนวณยังไง อัตราส่วนใบหน้าของตัวเองเป็นอัตราส่วนที่สมดุลตามอัตราส่วนทองคำรึเปล่า อันนี้คงต้องลองอ่านกันดู การฝึกโยคะใบหน้าจะช่วยในเรื่องการกระชับความหย่อนคล้อยของใบหน้าเป็นหลัก นอกจากนั้นรองลงมาก็จะช่วยในเรื่องการลดความหมองคล้ำ ช่วยให้ดูสดใสมากขึ้น ตัวเองชอบตรงที่เป็นการเล่นโยคะที่ทำได้ง่าย ทำได้ทุกที่ทุกเวลา ตั้งแต่ตื่นยังนอน มีขั้นตอนการฝึกและรูปภาพประกอบ ทิป และประโยชน์ที่จะได้รับในแต่ละท่า การ์ตูนในหนังสือช่วยให้อ่านสนุกดี ทำให้หนังสือดูน่ารักขึ้น ตัวเองก็พึ่งเริ่มฝึกเริ่มทำ เลยยังไม่กล้าการันตีว่าได้ผลดีแค่ไหน แต่ที่แน่ๆคือรู้สึกสนุกดี แล้วก็ติดการขยับหน้าตาไปซะแล้ว จนเพื่อนแอบขำเวลาที่ทำหน้าตาแปลกๆ

สำหรับสาวๆเรื่องหน้าตาเป็นเรื่องที่ต้องใส่ใจเป็นอันดับหนึ่งอยู่แล้ว ต่อให้หุ่นไม่ดียังไงก็ต้องให้หน้าดูดีไว้ก่อน แต่ว่าหน้าตาดีสำหรับบางคนอาจจะนึกถึงเรื่องความสวย ความหล่อ แบบที่ต้องไปทำศัลยกรรมอะไรแบบนั้น หน้าตาดีในความหมายของเราก็คือหน้าตาดูสดใสมีสุขภาพดีนั่นเอง ในหนังสือไม่ได้พูดถึงวิธีการฝึกโยคะเพื่อการบริหารหน้าแต่เพียงอย่างเดียว แต่จะพูดถึงแนวคิด หลักการ และทฤษฎีต่างๆเกี่ยวกับการมีสุขภาพดีด้วย ซึ่งก็ถือว่าโอเคเลย อ่านเพลินดี ไม่ได้เป็นความรู้ที่หนักจนเกินไป เพราะเดี๋ยวจะเครียดจนหน้าตาหมองคล้ำไปซะก่อน มีเรื่องหนึ่งที่อยากเล่าให้ฟังก็คือเรื่องอัตราส่วนทองคำ ซึ่งเป็นอัตราส่วนที่ถูกคิดค้นขึ้นมาเพื่อบอกว่าความสวยงามที่สมดุลนั้นควรเป็นยังไง น่าสนใจดีนะ ใครอยากรู้ว่าต้องคำนวณยังไง อัตราส่วนใบหน้าของตัวเองเป็นอัตราส่วนที่สมดุลตามอัตราส่วนทองคำรึเปล่า อันนี้คงต้องลองอ่านกันดู การฝึกโยคะใบหน้าจะช่วยในเรื่องการกระชับความหย่อนคล้อยของใบหน้าเป็นหลัก นอกจากนั้นรองลงมาก็จะช่วยในเรื่องการลดความหมองคล้ำ ช่วยให้ดูสดใสมากขึ้น ตัวเองชอบตรงที่เป็นการเล่นโยคะที่ทำได้ง่าย ทำได้ทุกที่ทุกเวลา ตั้งแต่ตื่นยังนอน มีขั้นตอนการฝึกและรูปภาพประกอบ ทิป และประโยชน์ที่จะได้รับในแต่ละท่า การ์ตูนในหนังสือช่วยให้อ่านสนุกดี ทำให้หนังสือดูน่ารักขึ้น ตัวเองก็พึ่งเริ่มฝึกเริ่มทำ เลยยังไม่กล้าการันตีว่าได้ผลดีแค่ไหน แต่ที่แน่ๆคือรู้สึกสนุกดี แล้วก็ติดการขยับหน้าตาไปซะแล้ว จนเพื่อนแอบขำเวลาที่ทำหน้าตาแปลกๆ

อย่างที่เรามักได้ยินกันอยู่เสมอว่าจินตนาการและความคิดสร้างสรรค์สำคัญกว่าความรู้ เทคโนโลยีต่างๆนานาที่เราใช้กันอยู่ทุกวันนี้ก็เป็นผลผลิตที่เกิดจากการใช้ความคิดสร้างสรรค์ทั้งนั้น เพราะฉะนั้นก็คงจะไม่ผิดอะไรที่จะบอกว่าความคิดสร้างสรรค์นั้นเป็นพลังสำคัญในการขับเคลื่อนโลกให้หมุนไปข้างหน้า ถ้าเราลองมองสังคมตะวันตกกับสังคมไทย สิ่งหนึ่งที่แตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัดก็คือ ฝรั่งจะสอนให้เด็กๆเป็นคนรู้จักคิด เป็นนักประดิษฐ์มากกว่าสังคมไทย ถ้าเด็กไทยคิดจะสร้างสรรค์อะไรใหม่ๆออกมา มักจะถูกมองเป็นเรื่องแปลกมากกว่าเป็นเรื่องที่ดี เขียนมาซะยืดยาว เข้าเรื่องกันเลยดีกว่า หนังสือเล่มนี้เหมาะกับใคร คิดว่าเหมาะกับคุณพ่อ คุณแม่ ที่จะอ่านแล้วก็สนุกไปกับการสร้างสิ่งประดิษฐ์ไปพร้อมกับลูกๆค่ะ สิ่งประดิษฐ์พลิกโฉมโลก ชุดสิ่งประดิษฐ์ล้ำยุคเล่มนี้ เป็นเล่มที่จะเน้นสิ่งประดิษฐ์เหนือจินตนาการ คิดว่าเด็กๆน่าจะสนุกที่จะลองทำอะไรแบบนี้ อย่างเช่นพวกยานอวกาศ เรือดำน้ำ อาวุธต่างๆ เป็นเล่มที่อ่านแล้วได้ทั้งความรู้ทางวิทยาศาสตร์แล้วก็ได้ลงมือทำด้วย อ่านง่ายแล้วก็ทำง่ายด้วยค่ะ เพราะว่าอุปกรณ์ที่ใช้ก็หาได้ทั่วไป ราคาไม่แพง หรืออาจจะไม่ต้องซื้อด้วยซ้ำ เพราะเอาของเหลือใช้มาประดิษฐ์ได้เลย รูปประกอบการสอนอาจจะไม่ค่อยดีเท่าไหร่ แต่ว่าก็ไม่เป็นปัญหา เพราะว่าวิธีประดิษฐ์ง่าย ไม่ซับซ้อน ขั้นตอนการทำไม่เกิน 4-5ขั้นตอนก็เสร็จแล้ว ยิ่งมีคุณพ่อ คุณแม่ช่วยด้วยแล้วยิ่งง่ายเข้าไปใหญ่ รับรองความสนุกเวลาทำค่ะ เพราะลองทำมาแล้ว

อย่างที่เรามักได้ยินกันอยู่เสมอว่าจินตนาการและความคิดสร้างสรรค์สำคัญกว่าความรู้ เทคโนโลยีต่างๆนานาที่เราใช้กันอยู่ทุกวันนี้ก็เป็นผลผลิตที่เกิดจากการใช้ความคิดสร้างสรรค์ทั้งนั้น เพราะฉะนั้นก็คงจะไม่ผิดอะไรที่จะบอกว่าความคิดสร้างสรรค์นั้นเป็นพลังสำคัญในการขับเคลื่อนโลกให้หมุนไปข้างหน้า ถ้าเราลองมองสังคมตะวันตกกับสังคมไทย สิ่งหนึ่งที่แตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัดก็คือ ฝรั่งจะสอนให้เด็กๆเป็นคนรู้จักคิด เป็นนักประดิษฐ์มากกว่าสังคมไทย ถ้าเด็กไทยคิดจะสร้างสรรค์อะไรใหม่ๆออกมา มักจะถูกมองเป็นเรื่องแปลกมากกว่าเป็นเรื่องที่ดี เขียนมาซะยืดยาว เข้าเรื่องกันเลยดีกว่า หนังสือเล่มนี้เหมาะกับใคร คิดว่าเหมาะกับคุณพ่อ คุณแม่ ที่จะอ่านแล้วก็สนุกไปกับการสร้างสิ่งประดิษฐ์ไปพร้อมกับลูกๆค่ะ สิ่งประดิษฐ์พลิกโฉมโลก ชุดสิ่งประดิษฐ์ล้ำยุคเล่มนี้ เป็นเล่มที่จะเน้นสิ่งประดิษฐ์เหนือจินตนาการ คิดว่าเด็กๆน่าจะสนุกที่จะลองทำอะไรแบบนี้ อย่างเช่นพวกยานอวกาศ เรือดำน้ำ อาวุธต่างๆ เป็นเล่มที่อ่านแล้วได้ทั้งความรู้ทางวิทยาศาสตร์แล้วก็ได้ลงมือทำด้วย อ่านง่ายแล้วก็ทำง่ายด้วยค่ะ เพราะว่าอุปกรณ์ที่ใช้ก็หาได้ทั่วไป ราคาไม่แพง หรืออาจจะไม่ต้องซื้อด้วยซ้ำ เพราะเอาของเหลือใช้มาประดิษฐ์ได้เลย รูปประกอบการสอนอาจจะไม่ค่อยดีเท่าไหร่ แต่ว่าก็ไม่เป็นปัญหา เพราะว่าวิธีประดิษฐ์ง่าย ไม่ซับซ้อน ขั้นตอนการทำไม่เกิน 4-5ขั้นตอนก็เสร็จแล้ว ยิ่งมีคุณพ่อ คุณแม่ช่วยด้วยแล้วยิ่งง่ายเข้าไปใหญ่ รับรองความสนุกเวลาทำค่ะ เพราะลองทำมาแล้ว

หนังสือเล่มนี้น่ารักดีเหมือนการ์ตูน แต่อ่านแล้วได้ความรู้เหมือนอ่านตำราเรียน อ่านแล้วรู้สึกว่าเรื่องผอม เรื่องสวย เป็นเรื่องกล้วยๆจริงๆ การันตีด้วยยอดขายในญี่ปุ่นกว่า 1 ล้านเล่ม อย่างที่ผู้เขียนบอกไว้เลยว่าการไดเอทด้วยกล้วยมื้อเช้าดีตรงที่ประหยัด ไม่เปลืองเงิน ไม่เปลืองเวลา และอิ่มกว่าที่คิด ในส่วนบทที่ 1 ที่น่าสนใจที่สุดน่าจะเป็นเรื่องทำไมการกินกล้วยมื้อเช้าถึงทำให้ผอมได้ อ่านแล้วสรุปได้สั้นๆคือ ง่าย ถูก ให้พลังงานสูง ช่วยลดปริมาณการเสพน้ำตาลซึ่งเป็นสาเหตุของความอ้วนตลอดทั้งวัน จะบอกว่าหนังสือเล่มนี้ให้สาระความรู้ในแบบที่ย่อยง่ายเหมือนกินกล้วยเลยจริงๆ ส่วนตัวแล้วรู้สึกว่าหนังสือสุขภาพส่วนใหญ่ถ้าไม่เน้นแบบความรู้เยอะๆก็จะออกแนวโฆษณาชวนเชื่อไปเลย แต่สำหรับหนังสือเล่มนี้รู้สึกว่าลงตัวดีระหว่างเรื่องความรู้กับเรื่องของการจูงใจคนอ่าน หมายความว่าเป็นการจูงใจในแบบที่ทำให้ผู้อ่านเข้าใจจริงๆ อีกเรื่องที่ชอบก็คือ เรื่องวิธีปฏิบัติตัวในการกินกล้วยมื้อเช้า หนังสือมีตัวอย่างขั้นตอนการปฏิบัติตัวมาให้แบบละเอียดมาก ตัวเองใช้หนังสือเล่มนี้เป็นคู่มือในการใช้ชีวิตประจำวันไปเลยโดยไม่รู้ตัว คืออ่านสนุกแล้วก็ใช้งานได้จริง มันตอบโจทย์ตัวเองได้ดีทั้งในเรื่องของความง่ายไม่ยุ่งยาก แล้วก็คิดว่าเป็นเรื่องที่ดีต่อสุขภาพในระยะยาว หมายความว่าใช้วิธีนี้ลดน้ำหนักก็ไม่ต้องกลัวว่าจะมีอาการโยโย่กลับมาอ้วนเหมือนเดิมอีก อ่านง่าย อ่านสนุก อ่านเพลิน ได้ความรู้ ใช้ได้จริง ลดได้จริง

หนังสือเล่มนี้น่ารักดีเหมือนการ์ตูน แต่อ่านแล้วได้ความรู้เหมือนอ่านตำราเรียน อ่านแล้วรู้สึกว่าเรื่องผอม เรื่องสวย เป็นเรื่องกล้วยๆจริงๆ การันตีด้วยยอดขายในญี่ปุ่นกว่า 1 ล้านเล่ม อย่างที่ผู้เขียนบอกไว้เลยว่าการไดเอทด้วยกล้วยมื้อเช้าดีตรงที่ประหยัด ไม่เปลืองเงิน ไม่เปลืองเวลา และอิ่มกว่าที่คิด ในส่วนบทที่ 1 ที่น่าสนใจที่สุดน่าจะเป็นเรื่องทำไมการกินกล้วยมื้อเช้าถึงทำให้ผอมได้ อ่านแล้วสรุปได้สั้นๆคือ ง่าย ถูก ให้พลังงานสูง ช่วยลดปริมาณการเสพน้ำตาลซึ่งเป็นสาเหตุของความอ้วนตลอดทั้งวัน จะบอกว่าหนังสือเล่มนี้ให้สาระความรู้ในแบบที่ย่อยง่ายเหมือนกินกล้วยเลยจริงๆ ส่วนตัวแล้วรู้สึกว่าหนังสือสุขภาพส่วนใหญ่ถ้าไม่เน้นแบบความรู้เยอะๆก็จะออกแนวโฆษณาชวนเชื่อไปเลย แต่สำหรับหนังสือเล่มนี้รู้สึกว่าลงตัวดีระหว่างเรื่องความรู้กับเรื่องของการจูงใจคนอ่าน หมายความว่าเป็นการจูงใจในแบบที่ทำให้ผู้อ่านเข้าใจจริงๆ อีกเรื่องที่ชอบก็คือ เรื่องวิธีปฏิบัติตัวในการกินกล้วยมื้อเช้า หนังสือมีตัวอย่างขั้นตอนการปฏิบัติตัวมาให้แบบละเอียดมาก ตัวเองใช้หนังสือเล่มนี้เป็นคู่มือในการใช้ชีวิตประจำวันไปเลยโดยไม่รู้ตัว คืออ่านสนุกแล้วก็ใช้งานได้จริง มันตอบโจทย์ตัวเองได้ดีทั้งในเรื่องของความง่ายไม่ยุ่งยาก แล้วก็คิดว่าเป็นเรื่องที่ดีต่อสุขภาพในระยะยาว หมายความว่าใช้วิธีนี้ลดน้ำหนักก็ไม่ต้องกลัวว่าจะมีอาการโยโย่กลับมาอ้วนเหมือนเดิมอีก อ่านง่าย อ่านสนุก อ่านเพลิน ได้ความรู้ ใช้ได้จริง ลดได้จริง

ประสบการณ์ในการสอนโยคะมานานกว่า 20 ปีของครูหนู ชมชื่น สิทธิเวช ได้พิสูจน์ให้เห็นถึงประโยชน์จากการฝึกโยคะเป็นประจำมาอย่างสม่ำเสมอ ผลที่เห็นได้ชัดคือร่างกายและจิตใจที่แจ่มใสดูอ่อนกว่าวัย ทำให้ตัวเองตัดสินใจซื้อหนังสือเล่มนี้มาอ่าน แม้ว่าจะทราบดีว่าโยคะตามหนังสือเล่มนี้เป็นระดับ advance แต่ก็คิดว่าน่าจะนำมาประยุกต์ใช้ได้ ซึ่งก็คิดไม่ผิดจริงๆ 30 ท่าในหนังสือสำหรับมือใหม่เรื่องโยคะอย่างเรา หากใช้การประยุกต์ดัดแปลงเล็กๆน้อยๆก็ไม่ใช่เรื่องยาก เราทำได้ คุณผู้อ่านก็ต้องทำได้ แน่นอนว่าสำหรับคนที่เป็นมือใหม่ หนังสืออธิบายไว้ด้วยว่าโยคะคืออะไร มีประโยชน์อย่างไร ข้อควรปฏิบัติ ขั้นตอนการเตรียมตัว และอุปกรณ์ที่ต้องใช้มีอะไรบ้าง ท่าหรืออาสนะต่างๆมีคำอธิบายการฝึกเป็นขั้นเป็นตอนโดยละเอียดพร้อมรูปภาพของครูหนูประกอบชัดเจน หลายคนที่ไม่เคยฝึกอย่าพึ่งคิดว่ายากเพราะจริงๆแล้วง่ายกว่าที่คิดเยอะ (เว้นแต่ท่ายืนด้วยศีรษะ อันนี้ยากจริงๆ) นอกจากนี้อาจจะมีบางคนคิดว่าการเรียนโยคะจากหนังสือจะได้ผลดีเท่ากับการเรียนจากอาจารย์โดยตรงรึเปล่า สถิติการพิมพ์ซ้ำถึง 12 ครั้งน่าจะช่วยการันตีคำตอบนี้ได้เป็นอย่างดี เพราะถ้าไม้ได้ผลจริงคงไม่ใช่หนังสือโยคะเพื่อสุขภาพที่ได้รับความนิยมมากขนาดนี้ เหมาะสำหรับคนรักสุขภาพที่อาจจะเล่นโยคะด้วยจุดประสงค์แตกต่างกัน ไม่ว่าจะเพื่อฝึกจิตใจ เพื่อฝึกร่างกาย หรือเพื่อความสวยงามก็ตาม นอกจากเรื่องของการฝึกร่างกายแล้วก็ยังมีเรื่องของการฝึกการควบคุมลมหายใจด้วย การควบคุมลมหายใจจะช่วยให้ร่างกายมีความยืดหยุ่นตามธรรมชาติ ส่งผลดีต่อการฝึกร่างกายไปด้วยในตัว

ประสบการณ์ในการสอนโยคะมานานกว่า 20 ปีของครูหนู ชมชื่น สิทธิเวช ได้พิสูจน์ให้เห็นถึงประโยชน์จากการฝึกโยคะเป็นประจำมาอย่างสม่ำเสมอ ผลที่เห็นได้ชัดคือร่างกายและจิตใจที่แจ่มใสดูอ่อนกว่าวัย ทำให้ตัวเองตัดสินใจซื้อหนังสือเล่มนี้มาอ่าน แม้ว่าจะทราบดีว่าโยคะตามหนังสือเล่มนี้เป็นระดับ advance แต่ก็คิดว่าน่าจะนำมาประยุกต์ใช้ได้ ซึ่งก็คิดไม่ผิดจริงๆ 30 ท่าในหนังสือสำหรับมือใหม่เรื่องโยคะอย่างเรา หากใช้การประยุกต์ดัดแปลงเล็กๆน้อยๆก็ไม่ใช่เรื่องยาก เราทำได้ คุณผู้อ่านก็ต้องทำได้ แน่นอนว่าสำหรับคนที่เป็นมือใหม่ หนังสืออธิบายไว้ด้วยว่าโยคะคืออะไร มีประโยชน์อย่างไร ข้อควรปฏิบัติ ขั้นตอนการเตรียมตัว และอุปกรณ์ที่ต้องใช้มีอะไรบ้าง ท่าหรืออาสนะต่างๆมีคำอธิบายการฝึกเป็นขั้นเป็นตอนโดยละเอียดพร้อมรูปภาพของครูหนูประกอบชัดเจน หลายคนที่ไม่เคยฝึกอย่าพึ่งคิดว่ายากเพราะจริงๆแล้วง่ายกว่าที่คิดเยอะ (เว้นแต่ท่ายืนด้วยศีรษะ อันนี้ยากจริงๆ) นอกจากนี้อาจจะมีบางคนคิดว่าการเรียนโยคะจากหนังสือจะได้ผลดีเท่ากับการเรียนจากอาจารย์โดยตรงรึเปล่า สถิติการพิมพ์ซ้ำถึง 12 ครั้งน่าจะช่วยการันตีคำตอบนี้ได้เป็นอย่างดี เพราะถ้าไม้ได้ผลจริงคงไม่ใช่หนังสือโยคะเพื่อสุขภาพที่ได้รับความนิยมมากขนาดนี้ เหมาะสำหรับคนรักสุขภาพที่อาจจะเล่นโยคะด้วยจุดประสงค์แตกต่างกัน ไม่ว่าจะเพื่อฝึกจิตใจ เพื่อฝึกร่างกาย หรือเพื่อความสวยงามก็ตาม นอกจากเรื่องของการฝึกร่างกายแล้วก็ยังมีเรื่องของการฝึกการควบคุมลมหายใจด้วย การควบคุมลมหายใจจะช่วยให้ร่างกายมีความยืดหยุ่นตามธรรมชาติ ส่งผลดีต่อการฝึกร่างกายไปด้วยในตัว

ใครๆก็ไม่อยากเป็นหนี้ เพราะแม้เราจะก่อหนี้เพื่อสร้างความสุข แต่เราก็เป็นทุกข์จากการมีหนี้ในเวลาเดียวกัน แทบทุกคนล้วนเคยเป็นหนี้ทั้งแบบที่เต็มใจและก็ไม่เต็มใจ ตัวเองก็เป็นหนึ่งในนั้นค่ะ แต่ถามว่ามีคนที่เป็นหนี้แล้วไม่เป็นทุกข์บ้างรึเปล่า ก็น่าจะมี คนเหล่านั้นทำได้ยังไง ผู้อ่านสามารถหาคำตอบได้จาการอ่านหนังสือเล่มนี้ สบายใจแม้มีหนี้คือหนังสือที่ต้องการเปลี่ยนมุมมองเรื่องการเป็นหนี้เสียใหม่ด้วยการบอกว่าถึงแม้จะเป็นหนี้ก็มีความสุขได้ถ้าบริหารจัดการหนี้เป็น เพราะฉะนั้นผู้เขียนก็จะเน้นไปที่การพูดถึงเรื่องการบริหารจัดการหนี้เป็นหลัก โดยเริ่มตั้งแต่ก่อนเป็นหนี้ไปจนถึงการปฏิบัติตัวในระหว่างที่เป็นหนี้แล้ว ผู้เขียนจะไล่เรียงไปเป็นขั้นตอนเริ่มจากสัญญาณเตือนของการเป็นหนี้ บ่อเกิดของหนี้แบบต่างๆซึ่งก็จะย้ำว่าเราควรเป็นหนี้ด้วยความจำเป็นมากกว่าเป็นหนี้เพราะความอยาก เนื้อหาในช่วงแรกๆของหนังสืออาจจะยังไม่ค่อยน่าสนใจเท่าไหร่ค่ะเพราะพูดถึงเรื่องหลักการพื้นฐาน แต่ส่วนหลังจะเริ่มน่าสนใจมากขึ้นเพราะจะพูดถึงหลักการบริหารจัดการหนี้อย่างเป็นระบบ ยกตัวอย่างง่ายๆอย่างเช่น การแนะนำให้ทำตารางวัดคะแนนข้อดี ข้อเสีย ระหว่างการกู้เงินและการไม่กู้เงินมาทำอะไรซักอย่าง แล้วเปรียบเทียบออกมาว่าได้คะแนนมากน้อยต่างกันยังไง เพื่อนำมาคำนวณภาระค่าใช้จ่ายต่อเดือน ซึ่งดูแล้วเป็นวิธีที่ง่ายมากแต่ก็ช่วยให้สามารถวางแผนการกู้เงินได้อย่างเป็นระบบ อีกตัวอย่างหนึ่งคือการเลือกแหล่งเงินกู้ ผู้เขียนจะเปรียบเทียบให้เห็นเลยว่าแหล่งเงินกู้แต่ละแบบนั้นมีข้อดี ข้อเสีย แตกต่างกันยังไง
สบายใจแม้มีหนี้ เป็นหนังสือที่พูดถึงเรื่องเครียดๆ ด้วยภาษาง่ายๆ สบายๆ เป็นคู่มือการบริหารหนี้แบบครบวงจร ใครอยากรู้เรื่องอะไรเกี่ยวกับการกู้เงิน ก็สามารถหาข้อมูลได้จากเล่มนี้ค่ะ สำหรับคนที่เป็นหนี้คิดว่าอ่านแล้วจะได้วิธีคิดแล้วก็วิธีการในการจัดการกับหนี้ใหม่ค่ะ ตามชื่อหนังสือเลยคือจะทำให้ผู้อ่านสบายใจขึ้นแม้ว่าต้องอยู่กับหนี้ไม่ว่าจะมากหรือน้อยก็ตาม

ใครๆก็ไม่อยากเป็นหนี้ เพราะแม้เราจะก่อหนี้เพื่อสร้างความสุข แต่เราก็เป็นทุกข์จากการมีหนี้ในเวลาเดียวกัน แทบทุกคนล้วนเคยเป็นหนี้ทั้งแบบที่เต็มใจและก็ไม่เต็มใจ ตัวเองก็เป็นหนึ่งในนั้นค่ะ แต่ถามว่ามีคนที่เป็นหนี้แล้วไม่เป็นทุกข์บ้างรึเปล่า ก็น่าจะมี คนเหล่านั้นทำได้ยังไง ผู้อ่านสามารถหาคำตอบได้จาการอ่านหนังสือเล่มนี้ สบายใจแม้มีหนี้คือหนังสือที่ต้องการเปลี่ยนมุมมองเรื่องการเป็นหนี้เสียใหม่ด้วยการบอกว่าถึงแม้จะเป็นหนี้ก็มีความสุขได้ถ้าบริหารจัดการหนี้เป็น เพราะฉะนั้นผู้เขียนก็จะเน้นไปที่การพูดถึงเรื่องการบริหารจัดการหนี้เป็นหลัก โดยเริ่มตั้งแต่ก่อนเป็นหนี้ไปจนถึงการปฏิบัติตัวในระหว่างที่เป็นหนี้แล้ว ผู้เขียนจะไล่เรียงไปเป็นขั้นตอนเริ่มจากสัญญาณเตือนของการเป็นหนี้ บ่อเกิดของหนี้แบบต่างๆซึ่งก็จะย้ำว่าเราควรเป็นหนี้ด้วยความจำเป็นมากกว่าเป็นหนี้เพราะความอยาก เนื้อหาในช่วงแรกๆของหนังสืออาจจะยังไม่ค่อยน่าสนใจเท่าไหร่ค่ะเพราะพูดถึงเรื่องหลักการพื้นฐาน แต่ส่วนหลังจะเริ่มน่าสนใจมากขึ้นเพราะจะพูดถึงหลักการบริหารจัดการหนี้อย่างเป็นระบบ ยกตัวอย่างง่ายๆอย่างเช่น การแนะนำให้ทำตารางวัดคะแนนข้อดี ข้อเสีย ระหว่างการกู้เงินและการไม่กู้เงินมาทำอะไรซักอย่าง แล้วเปรียบเทียบออกมาว่าได้คะแนนมากน้อยต่างกันยังไง เพื่อนำมาคำนวณภาระค่าใช้จ่ายต่อเดือน ซึ่งดูแล้วเป็นวิธีที่ง่ายมากแต่ก็ช่วยให้สามารถวางแผนการกู้เงินได้อย่างเป็นระบบ อีกตัวอย่างหนึ่งคือการเลือกแหล่งเงินกู้ ผู้เขียนจะเปรียบเทียบให้เห็นเลยว่าแหล่งเงินกู้แต่ละแบบนั้นมีข้อดี ข้อเสีย แตกต่างกันยังไง
สบายใจแม้มีหนี้ เป็นหนังสือที่พูดถึงเรื่องเครียดๆ ด้วยภาษาง่ายๆ สบายๆ เป็นคู่มือการบริหารหนี้แบบครบวงจร ใครอยากรู้เรื่องอะไรเกี่ยวกับการกู้เงิน ก็สามารถหาข้อมูลได้จากเล่มนี้ค่ะ สำหรับคนที่เป็นหนี้คิดว่าอ่านแล้วจะได้วิธีคิดแล้วก็วิธีการในการจัดการกับหนี้ใหม่ค่ะ ตามชื่อหนังสือเลยคือจะทำให้ผู้อ่านสบายใจขึ้นแม้ว่าต้องอยู่กับหนี้ไม่ว่าจะมากหรือน้อยก็ตาม

หนังสือเล่มนี้เหมาะกับผู้ที่สนใจ หรือ ผู้พัฒนาแอพพลิเคชันเบื้องต้น โดยรวบรวมเนื้อหาที่ต้องใช้ในการสร้างแอพพลิเคชัน สำหรับคนที่ไม่มีความรู้เลย อ่านแล้วสามารถทำให้มีพื้นฐานในการพัฒนาแอพเบื้องต้นได้ เพราะหนังสือรวบรวมสิ่งที่จำเป็นต้องใช้ในการพัฒนาแอพจริงๆ เป็นหนังสิอที่เน้นการปูพื้นฐานให้ผู้อ่านนำไปต่อยอดความรู้ในระดับที่สูงกว่านี้ หนังสือที่เกี่ยวกับการเขียนแอพไอโฟนมีคนแปลน้อยมากค่ะ ตัวเองอ่านเล่มนี้ครั้งแรกตอนที่กำลังจะทำโปรเจคจบค่ะ ซึ่งช่วยให้มีความเข้าใจเรื่องทฤษฎีพื้นฐานมากขึ้น แต่ถ้าจะอ่านในระดับที่ลึกกว่านี้ต้องหาอ่านจากหนังสือภาษาอังกฤษจะดีกว่า ความง่ายของเล่มนี้ก็คือการอธิบายด้วยรูปค่ะ การอธิบายเรื่องการเขียนแอพพลิเคชันด้วยรูปจะทำให้เข้าใจง่ายกว่าอธิบายด้วยตัวหนังสือมาก
ในส่วนของเนื้อหาก็จะมีทั้งส่วนของภาคทฤษฏีกับภาคการทดลองเขียน ในเรื่องทฤษฎีก็เช่น นิยามการเขียนโปรแกรมเชิงวัตถุ โดยมีการแยกส่วนการทำงานอย่างชัดเจน MVC คุณสมบัติในการพัฒนาแอพพลิเคชันที่ผู้พัฒนาควรทราบ เช่น การสืบทอด การห่อหุ้ม การอธิบายขั้นตอนการทำงานของโปรแกรม รวมไปถึงการอธิบายถึงชนิดของตัวแปรแต่ละตัว เช่นถ้าเราจะใช้งานในลักษณะของสตริง จะต้องประกาศตัวแปรแบบไหน syntax ที่ใช้เป็นอย่างไร การแสดงแผนที่โดยใช้ Core Location และ Mapkit ซึ่งเป็น framework ของทาง apple การพัฒนาแอพพลิเคชันโดยใช้ tab bar controller ซึ่งเป็น view ที่สามารถแสดงได้หลายๆ หน้า ในส่วนของการสอนการเขียนก็เช่น การเริ่มต้นเขียน/พัฒนาแอพพลิเคชันโดยการสร้างโปรเจ็คใหม่ การ build และ run แอพพลิเคชันลงบน simulator หรือ ลงบนเครื่องจริง การใส่ค่า ประกาศค่า หรือ การ outlet interface กับส่วนตัวแปร การจัดเก็บข้อมูลเป็นระบบฐานข้อมูลลงใน project ไม่ว่าจะเป็นการใช้ฐานข้อมูลแบบ SQLite หรือระบบการการจัดการข้อมูลแบบ CoreData เช่นการสร้างฐานข้อมูล การจัดเก็บ หรือการเปลี่ยนแปลงข้อมูล การดึงข้อมูลมาใช้ และที่สำคัญคือการจัดการกับกรณีที่ยากแก่การป้องกัน หรือ กรณีที่อาจจะทำให้แอพพลิเคชันของเราทำงานไม่ได้ การใช้ tool ในการแก้ปัญหา ดักจับความผิดพลาดที่อาจจะเกิดขึ้นได้ (memory leak, zombie) สุดท้ายคือการส่งแอพพลิเคชันขึ้นบน Appstore มีขั้นตอนอย่างไรบ้าง

หนังสือเล่มนี้เหมาะกับผู้ที่สนใจ หรือ ผู้พัฒนาแอพพลิเคชันเบื้องต้น โดยรวบรวมเนื้อหาที่ต้องใช้ในการสร้างแอพพลิเคชัน สำหรับคนที่ไม่มีความรู้เลย อ่านแล้วสามารถทำให้มีพื้นฐานในการพัฒนาแอพเบื้องต้นได้ เพราะหนังสือรวบรวมสิ่งที่จำเป็นต้องใช้ในการพัฒนาแอพจริงๆ เป็นหนังสิอที่เน้นการปูพื้นฐานให้ผู้อ่านนำไปต่อยอดความรู้ในระดับที่สูงกว่านี้ หนังสือที่เกี่ยวกับการเขียนแอพไอโฟนมีคนแปลน้อยมากค่ะ ตัวเองอ่านเล่มนี้ครั้งแรกตอนที่กำลังจะทำโปรเจคจบค่ะ ซึ่งช่วยให้มีความเข้าใจเรื่องทฤษฎีพื้นฐานมากขึ้น แต่ถ้าจะอ่านในระดับที่ลึกกว่านี้ต้องหาอ่านจากหนังสือภาษาอังกฤษจะดีกว่า ความง่ายของเล่มนี้ก็คือการอธิบายด้วยรูปค่ะ การอธิบายเรื่องการเขียนแอพพลิเคชันด้วยรูปจะทำให้เข้าใจง่ายกว่าอธิบายด้วยตัวหนังสือมาก
ในส่วนของเนื้อหาก็จะมีทั้งส่วนของภาคทฤษฏีกับภาคการทดลองเขียน ในเรื่องทฤษฎีก็เช่น นิยามการเขียนโปรแกรมเชิงวัตถุ โดยมีการแยกส่วนการทำงานอย่างชัดเจน MVC คุณสมบัติในการพัฒนาแอพพลิเคชันที่ผู้พัฒนาควรทราบ เช่น การสืบทอด การห่อหุ้ม การอธิบายขั้นตอนการทำงานของโปรแกรม รวมไปถึงการอธิบายถึงชนิดของตัวแปรแต่ละตัว เช่นถ้าเราจะใช้งานในลักษณะของสตริง จะต้องประกาศตัวแปรแบบไหน syntax ที่ใช้เป็นอย่างไร การแสดงแผนที่โดยใช้ Core Location และ Mapkit ซึ่งเป็น framework ของทาง apple การพัฒนาแอพพลิเคชันโดยใช้ tab bar controller ซึ่งเป็น view ที่สามารถแสดงได้หลายๆ หน้า ในส่วนของการสอนการเขียนก็เช่น การเริ่มต้นเขียน/พัฒนาแอพพลิเคชันโดยการสร้างโปรเจ็คใหม่ การ build และ run แอพพลิเคชันลงบน simulator หรือ ลงบนเครื่องจริง การใส่ค่า ประกาศค่า หรือ การ outlet interface กับส่วนตัวแปร การจัดเก็บข้อมูลเป็นระบบฐานข้อมูลลงใน project ไม่ว่าจะเป็นการใช้ฐานข้อมูลแบบ SQLite หรือระบบการการจัดการข้อมูลแบบ CoreData เช่นการสร้างฐานข้อมูล การจัดเก็บ หรือการเปลี่ยนแปลงข้อมูล การดึงข้อมูลมาใช้ และที่สำคัญคือการจัดการกับกรณีที่ยากแก่การป้องกัน หรือ กรณีที่อาจจะทำให้แอพพลิเคชันของเราทำงานไม่ได้ การใช้ tool ในการแก้ปัญหา ดักจับความผิดพลาดที่อาจจะเกิดขึ้นได้ (memory leak, zombie) สุดท้ายคือการส่งแอพพลิเคชันขึ้นบน Appstore มีขั้นตอนอย่างไรบ้าง

หลังจากติดตามงานของนักเขียน ภาคินัย มาหลายเล่ม ก็มีหนังสืออีกเล่มนึงที่จะแนะนำให้อ่านโดยเฉพาะกลุ่มนักศึกษา เพราะมันเป็นเรื่องเกี่ยวกับ เพื่อนร่วมห้อง หรือ รูมเมท ที่เราจะใช้ชีวิตอยู่กับเค้ามากกว่า ครอบครัว ซะอีก จากประสบการณ์ของตัวเองที่ต้องใช้ชีวิตกับรูมเมทมาตอนช่วงที่เรียนอยู่ ถ้าได้อ่านหนังสือเล่มนี้ตอนนั้นคงแทบอยากจะย้ายออกเลยทีเดียว เรียกว่าอ่านแล้วเก็บมาคิดต่อเลยล่ะค่ะ แต่ไม่ได้หมายถึงรูมเมทที่อยู่ด้วยเป็นเหมือนพเยีย ตัวละครในเรื่องนะคะ เพื่อนแบบพเยียเป็นเพื่อนในแบบที่ไม่มีใครอยากคบหรืออยากอยู่ใกล้แน่ๆถ้าได้รู้ตัวตนที่แท้จริงของเธอ ใครจะคิดได้ว่า คนที่เราคิดว่าเค้าคนนี้แหละเป็นเพื่อนที่แสนดี น่าสงสาร และไว้ใจ กลับทำให้เราต้องมาเผชิญกับเหตุการณ์ร้ายๆ ที่เราคิดว่ามันอาจจะเป็นความบังเอิญก็ได้ แต่เปล่าเลย มันกลับเป็นแผนของรูมเมท คนที่เราเลือกที่จะไว้ใจเค้า คนที่จ้องจะเอาชนะเรา อยากมีสิ่งที่เรามี อยากได้ อยากเป็นในสิ่งที่เราเป็นอยู่ แม้จะต้องแย่งมา เธอก็จะทำมัน เพื่อให้เด่นกว่าเรา คอยชักใยให้เกิดเหตุการณ์แย่ๆ ขนาดทำให้คนอื่นต้องตาย เธอก็ยังทำได้ อ่านไปก็แค้นไป 555 รู้สึกไปตามตัวละครที่เป็นเพื่อนของพเยียค่ะ เรื่องราวที่เธอต้องเจอมันเป็นเรื่องที่ทำให้เธอและผู้อ่านต้องตัดสินใจไปพร้อมๆกันว่าจะจัดการกับปัญหายังไง จะหนี หรือ จะสู้ ถ้าหนี เราจะแน่ใจได้อย่างไรว่า ยังมีคนอื่นที่ร่วมด้วยกับเธอ แต่ถ้าจะสู้ ยังมีคนอื่นอีกมั๊ยที่พร้อมจะหักหลังเรา ในมุมของเราคิดว่าผู้เขียนแต่งเรื่องได้อย่างมีที่มาที่ไป มีการปูเรื่องมาดีทำให้เราเข้าใจพฤติกรรมของตัวละครที่แสดงออกมา เป็นอีกเล่มที่แนะนำค่ะ

หลังจากติดตามงานของนักเขียน ภาคินัย มาหลายเล่ม ก็มีหนังสืออีกเล่มนึงที่จะแนะนำให้อ่านโดยเฉพาะกลุ่มนักศึกษา เพราะมันเป็นเรื่องเกี่ยวกับ เพื่อนร่วมห้อง หรือ รูมเมท ที่เราจะใช้ชีวิตอยู่กับเค้ามากกว่า ครอบครัว ซะอีก จากประสบการณ์ของตัวเองที่ต้องใช้ชีวิตกับรูมเมทมาตอนช่วงที่เรียนอยู่ ถ้าได้อ่านหนังสือเล่มนี้ตอนนั้นคงแทบอยากจะย้ายออกเลยทีเดียว เรียกว่าอ่านแล้วเก็บมาคิดต่อเลยล่ะค่ะ แต่ไม่ได้หมายถึงรูมเมทที่อยู่ด้วยเป็นเหมือนพเยีย ตัวละครในเรื่องนะคะ เพื่อนแบบพเยียเป็นเพื่อนในแบบที่ไม่มีใครอยากคบหรืออยากอยู่ใกล้แน่ๆถ้าได้รู้ตัวตนที่แท้จริงของเธอ ใครจะคิดได้ว่า คนที่เราคิดว่าเค้าคนนี้แหละเป็นเพื่อนที่แสนดี น่าสงสาร และไว้ใจ กลับทำให้เราต้องมาเผชิญกับเหตุการณ์ร้ายๆ ที่เราคิดว่ามันอาจจะเป็นความบังเอิญก็ได้ แต่เปล่าเลย มันกลับเป็นแผนของรูมเมท คนที่เราเลือกที่จะไว้ใจเค้า คนที่จ้องจะเอาชนะเรา อยากมีสิ่งที่เรามี อยากได้ อยากเป็นในสิ่งที่เราเป็นอยู่ แม้จะต้องแย่งมา เธอก็จะทำมัน เพื่อให้เด่นกว่าเรา คอยชักใยให้เกิดเหตุการณ์แย่ๆ ขนาดทำให้คนอื่นต้องตาย เธอก็ยังทำได้ อ่านไปก็แค้นไป 555 รู้สึกไปตามตัวละครที่เป็นเพื่อนของพเยียค่ะ เรื่องราวที่เธอต้องเจอมันเป็นเรื่องที่ทำให้เธอและผู้อ่านต้องตัดสินใจไปพร้อมๆกันว่าจะจัดการกับปัญหายังไง จะหนี หรือ จะสู้ ถ้าหนี เราจะแน่ใจได้อย่างไรว่า ยังมีคนอื่นที่ร่วมด้วยกับเธอ แต่ถ้าจะสู้ ยังมีคนอื่นอีกมั๊ยที่พร้อมจะหักหลังเรา ในมุมของเราคิดว่าผู้เขียนแต่งเรื่องได้อย่างมีที่มาที่ไป มีการปูเรื่องมาดีทำให้เราเข้าใจพฤติกรรมของตัวละครที่แสดงออกมา เป็นอีกเล่มที่แนะนำค่ะ

สำหรับบ้านพญาสัตบรรณเป็นหนังสือที่จะเรียกว่าเป็นนิยายแนวสยองขวัญก็ไม่เชิงค่ะ ถึงแม้ว่าจะเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับผี หรือวิญญาณ อะไรทำนองนั้น แต่เท่าที่อ่านจะไม่ใช่เรื่องราวแบบผีสยองขวัญ น่ากลัว แต่จะให้อารมณ์แบบลึกลับ น่าค้นหา น่าติดตาม อยากจะให้คำจำกัดความว่าเป็นนิยายสืบสวนลึกลับที่มีวิญญาณเข้ามาเกี่ยวข้องน่าจะเหมาะที่สุด เสน่ห์ของเรื่องนี้จึงน่าจะเป็นการวางเรื่องราวที่ชวนให้ติดตามหาความจริงมากกว่าที่จะเป็นเรื่องความหลอนค่ะ ถ้าใครชอบแนวสยองขวัญไม่แนะนำสำหรับเล่มนี้ แต่ถ้าใครชอบแนวลึกลับหรือการตามหาความจริง ต้องอ่านเลยค่ะ เป็นเรื่องที่อ่านสนุก จบแบบหักมุม ภาพรวมให้ผ่านค่ะแต่มีข้อเสียนิดนึงตรงที่เวลาที่ผู้เขียนจะเล่าเรื่องย้อนหลังซ้ำอีกครั้ง ผู้เขียนก็จะยกเอาประโยคที่เล่ามาแล้วแบบคำต่อคำมาเล่าซ้ำ ทำให้เสียเวลามาอ่านซ้ำอีกรอบ อ่านไปหงุดหงิดไปเพราะอยากรู้บทสรุปเร็วๆ 555 ก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมต้องเล่าซ้ำ
ส่วนเรื่องย่อของบ้านพญาสัตบรรณ ก็จะเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับมัณฑนากรคนหนึ่งชื่อพสุธา ซึ่งเขามีสัมผัสพิเศษที่สามารถเห็นและรับรู้เรื่องราวของสิ่งที่ลึกลับที่มองไม่เห็น เขาได้เข้ามามีส่วนพัวพันกับบ้านหลังนี้เพราะต้องเข้ามาตกแต่งออกแบบบ้านใหม่ เป็นเหตุให้พสุธาได้พบเจอเข้ากับวิญญาณของหญิงสาวคนหนึ่งชื่อรัชลิน พสุธาเข้ามาค้นพบเรื่องราวเบื้องลึกเบื้องหลังที่เกิดขึ้น และได้ตามหาความจริงไปพร้อมกับเธอ รับรู้ถึงความน่าสงสาร ความทรมานที่เธอต้องได้พบเจอ เหตุใดรัชลินจึงได้มาปรากฏตัวและยังวนเวียนอยู่ที่ใต้ต้นพญาสัตตบรรณแห่งนี้ ชายคนรักของเธอไปอยู่ที่ไหน เขารู้หรือไม่ว่า ความจริงมันเป็นยังไงกันแน่ วิญญาณที่เต็มไปด้วยความโศกเศร้าเสียใจ ผิดหวัง และอาฆาตแค้นถึงคนที่เคยทำกับเธอไว้ตอนยังมีชีวิตอยู่ พสุธาและรัชลินจะพบกับจุดจบแบบไหนกัน จะหาคนที่เป็นต้นเหตุเจอไหม เพราะดูเหมือนยิ่งค้นหา กลับไปอีกทาง คนที่คิดว่าใช่กลับไม่ใช่ คนที่ไม่คาดฝันกลับเป็นคนที่น่าสงสัยที่สุด

สำหรับบ้านพญาสัตบรรณเป็นหนังสือที่จะเรียกว่าเป็นนิยายแนวสยองขวัญก็ไม่เชิงค่ะ ถึงแม้ว่าจะเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับผี หรือวิญญาณ อะไรทำนองนั้น แต่เท่าที่อ่านจะไม่ใช่เรื่องราวแบบผีสยองขวัญ น่ากลัว แต่จะให้อารมณ์แบบลึกลับ น่าค้นหา น่าติดตาม อยากจะให้คำจำกัดความว่าเป็นนิยายสืบสวนลึกลับที่มีวิญญาณเข้ามาเกี่ยวข้องน่าจะเหมาะที่สุด เสน่ห์ของเรื่องนี้จึงน่าจะเป็นการวางเรื่องราวที่ชวนให้ติดตามหาความจริงมากกว่าที่จะเป็นเรื่องความหลอนค่ะ ถ้าใครชอบแนวสยองขวัญไม่แนะนำสำหรับเล่มนี้ แต่ถ้าใครชอบแนวลึกลับหรือการตามหาความจริง ต้องอ่านเลยค่ะ เป็นเรื่องที่อ่านสนุก จบแบบหักมุม ภาพรวมให้ผ่านค่ะแต่มีข้อเสียนิดนึงตรงที่เวลาที่ผู้เขียนจะเล่าเรื่องย้อนหลังซ้ำอีกครั้ง ผู้เขียนก็จะยกเอาประโยคที่เล่ามาแล้วแบบคำต่อคำมาเล่าซ้ำ ทำให้เสียเวลามาอ่านซ้ำอีกรอบ อ่านไปหงุดหงิดไปเพราะอยากรู้บทสรุปเร็วๆ 555 ก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมต้องเล่าซ้ำ
ส่วนเรื่องย่อของบ้านพญาสัตบรรณ ก็จะเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับมัณฑนากรคนหนึ่งชื่อพสุธา ซึ่งเขามีสัมผัสพิเศษที่สามารถเห็นและรับรู้เรื่องราวของสิ่งที่ลึกลับที่มองไม่เห็น เขาได้เข้ามามีส่วนพัวพันกับบ้านหลังนี้เพราะต้องเข้ามาตกแต่งออกแบบบ้านใหม่ เป็นเหตุให้พสุธาได้พบเจอเข้ากับวิญญาณของหญิงสาวคนหนึ่งชื่อรัชลิน พสุธาเข้ามาค้นพบเรื่องราวเบื้องลึกเบื้องหลังที่เกิดขึ้น และได้ตามหาความจริงไปพร้อมกับเธอ รับรู้ถึงความน่าสงสาร ความทรมานที่เธอต้องได้พบเจอ เหตุใดรัชลินจึงได้มาปรากฏตัวและยังวนเวียนอยู่ที่ใต้ต้นพญาสัตตบรรณแห่งนี้ ชายคนรักของเธอไปอยู่ที่ไหน เขารู้หรือไม่ว่า ความจริงมันเป็นยังไงกันแน่ วิญญาณที่เต็มไปด้วยความโศกเศร้าเสียใจ ผิดหวัง และอาฆาตแค้นถึงคนที่เคยทำกับเธอไว้ตอนยังมีชีวิตอยู่ พสุธาและรัชลินจะพบกับจุดจบแบบไหนกัน จะหาคนที่เป็นต้นเหตุเจอไหม เพราะดูเหมือนยิ่งค้นหา กลับไปอีกทาง คนที่คิดว่าใช่กลับไม่ใช่ คนที่ไม่คาดฝันกลับเป็นคนที่น่าสงสัยที่สุด