Customer Reviews

หนังสือเล่มนี้เป็นหนังสือที่รวบรวมร้านเด่นร้านดังที่รายการตลาดสดสนามเป้าเค้าได้รวบรวมมาไว้ทั้งหมด 50 ร้านค่ะ อาหารที่ร้านต่างๆขายก็จะมีหลากหลายประเภททั้งของทานเล่นและก็อาหารจานหลัก ในแต่ละร้านจะมีเรื่องย่อยๆลงไปค่ะ ก็คือหนังสือจะแนะนำร้านนั้นว่าขายอะไร (ของดีประจำร้าน) ตั้งอยู่ที่ไหน(ผ่านมาแวะชิม) สูตรเด็ดเคล็ดลับของร้านคืออะไร(ลิ้มรสชวนชม) แล้วก็จะเล่าเรื่องราวที่มาที่ไปกว่าจะมาเป็นร้านอร่อย(บ่มเพาะประสบการณ์) เราว่าเสน่ห์ของหนังสือเล่มนี้นอกจากเรื่องของอาหารน่ากินแล้ว ก็คงเป็นเรื่องราวการต่อสู้ชีวิตขิงบรรดาพ่อค้าแม่ค้าทั้งหลายนี่แหละค่ะ เรื่องราวของพ่อค้าแม่ค้าเหล่านี้ให้แง่คิดและกำลังใจที่ดีกับผู้อ่านเหมือนกัน บางคนกว่าจะมามีกิจการที่เป็นที่รู้จัก สร้างรายได้เป็นกอบเป็นกำก็ต้องผ่านความยากลำบากมามากมาย ส่วนพ่อค้าแม่ค้าบางคนแม้จะไม่ได้เป็นเจ้าของกิจการใหญ่โต แต่แง่มุมชีวิตของเขาก็สะท้อนเรื่องการดิ้นรนทำมาหากิน การไม่ย่อท้อต่อความยากลำบาก สำหรับคนที่อยากมีกิจการเป็นของตัวเอง อยากทำมาค้าขายก็จะได้เรียนรู้จากประสบการณ์ของพ่อค้าแม่ค้าเหล่านี้ ส่วนคนที่ไม่ได้อยากทำมาค้าขายก็ยังสามารถเอาข้อคิดไปปรับใช้ได้ค่ะ อ่านไปอ่านมาแทนที่จะเป็นหนังสือท่องเที่ยวหาของอร่อยกินกลับกลายเป็นหนังสือสู้ชีวิตซะงั้น ^^ เป็นหนังสือแนวอาหารที่ยังไม่เคยอ่านมาก่อนค่ะ ประทับใจเลยค่ะ ขอให้คะแนน 9 เต็ม 10 อ่านแล้วอาจจะยังไม่อิ่มท้องนะคะ แต่รับรองว่าอิ่มใจแน่นอน

หนังสือเล่มนี้เป็นหนังสือที่รวบรวมร้านเด่นร้านดังที่รายการตลาดสดสนามเป้าเค้าได้รวบรวมมาไว้ทั้งหมด 50 ร้านค่ะ อาหารที่ร้านต่างๆขายก็จะมีหลากหลายประเภททั้งของทานเล่นและก็อาหารจานหลัก ในแต่ละร้านจะมีเรื่องย่อยๆลงไปค่ะ ก็คือหนังสือจะแนะนำร้านนั้นว่าขายอะไร (ของดีประจำร้าน) ตั้งอยู่ที่ไหน(ผ่านมาแวะชิม) สูตรเด็ดเคล็ดลับของร้านคืออะไร(ลิ้มรสชวนชม) แล้วก็จะเล่าเรื่องราวที่มาที่ไปกว่าจะมาเป็นร้านอร่อย(บ่มเพาะประสบการณ์) เราว่าเสน่ห์ของหนังสือเล่มนี้นอกจากเรื่องของอาหารน่ากินแล้ว ก็คงเป็นเรื่องราวการต่อสู้ชีวิตขิงบรรดาพ่อค้าแม่ค้าทั้งหลายนี่แหละค่ะ เรื่องราวของพ่อค้าแม่ค้าเหล่านี้ให้แง่คิดและกำลังใจที่ดีกับผู้อ่านเหมือนกัน บางคนกว่าจะมามีกิจการที่เป็นที่รู้จัก สร้างรายได้เป็นกอบเป็นกำก็ต้องผ่านความยากลำบากมามากมาย ส่วนพ่อค้าแม่ค้าบางคนแม้จะไม่ได้เป็นเจ้าของกิจการใหญ่โต แต่แง่มุมชีวิตของเขาก็สะท้อนเรื่องการดิ้นรนทำมาหากิน การไม่ย่อท้อต่อความยากลำบาก สำหรับคนที่อยากมีกิจการเป็นของตัวเอง อยากทำมาค้าขายก็จะได้เรียนรู้จากประสบการณ์ของพ่อค้าแม่ค้าเหล่านี้ ส่วนคนที่ไม่ได้อยากทำมาค้าขายก็ยังสามารถเอาข้อคิดไปปรับใช้ได้ค่ะ อ่านไปอ่านมาแทนที่จะเป็นหนังสือท่องเที่ยวหาของอร่อยกินกลับกลายเป็นหนังสือสู้ชีวิตซะงั้น ^^ เป็นหนังสือแนวอาหารที่ยังไม่เคยอ่านมาก่อนค่ะ ประทับใจเลยค่ะ ขอให้คะแนน 9 เต็ม 10 อ่านแล้วอาจจะยังไม่อิ่มท้องนะคะ แต่รับรองว่าอิ่มใจแน่นอน

เราอ่านหนังสือเล่มนี้เพราะกำลังจะไปเรียนทำน้ำปั่นค่ะ ก็เลยลองหาข้อมูลเล่นๆก่อน หนังสือเล่มนี้ก็จะเป็นการรวบรวมเมนูน้ำผักผลไม้ต่างๆแบบที่ทั้งปั่นแล้วก็ไม่ปั่นค่ะ แต่ทั้งหมดจะเป็นเมนูน้ำผักผลไม้ที่ดีต่อสุขภาพ สำหรับคนที่ชอบกินน้ำผักผลไม้อยู่แล้วมีเมนูน่ากินๆเพียบเลยค่ะ รับรองว่าไม่ผิดหวัง ส่วนคนที่ไม่ได้ชอบกินเป็นพิเศษรับรองว่าถ้าได้อ่านหนังสือเล่มนี้แล้วต้องเปลี่ยนใจมากินแน่ๆ ผู้เขียนเค้าจะแนะนำเมนูต่างๆว่าทำยังไงแล้วที่สำคัญคือจะบอกด้วยว่าเมนูนั้นๆกินแล้วมีประโยชน์ต่อสุขภาพร่างกายของเรายังไงด้วย ยกตัวอย่างเช่น เมนูรักษาโรคทั่วไป น้ำมะขามแก้ท้องผูก ราสเบอรี่สมูธแก้หวัด สมูธส้มกล้วยหอมช่วยเพิ่มพลังงาน น้ำหน่อไม้ฝรั่งมะเขือเทศแก้สิว เมนูสำหรับโรคของผู้หญิง ก็เช่นสมูธกล้วยหอมบำรุงครรภ์ เชกนมถั่วเหลืองรักษาอาการหมดประจำเดือน เมนูรักษาโรคมะเร็งและโรคเนื่องมาจากความเสื่อมสภาพ เช่นแอปเปิ้ลสมูธช่วยลดคอเลสเตอรอล น้ำมะเขือเทศแครอทช่วยรักษาโรคมะเร็ง น้ำแตงกวาหอมใหญ่ช่วยรักษาโรคเบาหวาน เมนูล้างพิษและเสริมภูมิคุ้มกันโรค เช่นแตงโมคูลเลอร์ช่วยล้างพิษ สมูธโยเกิร์ตแอปเปิ้ลช่วยเสริมภูมิคุ้มกันโรค เป็นต้น เป็นเมนูที่ทำไม่ยากนะคะแถมยังดีต่อสุขภาพด้วย ผู้เขียนเค้าแบ่งลักษณะเมนูต่างๆออกมาชัดเจนดี ใครอยากจะกินเมนูรักษาสุขภาพแบบไหนก็สามารถเลือกตามประเภทที่แบ่งไว้ได้เลย ส่วนกินแล้วได้ผลจริงมั้ยอันนี้เราก็การันตีไม่ได้นะคะ ^^ แต่ที่แน่ๆเราเชื่อว่าถ้ากินผักผลไม้เป็นประจำก็น่าจะช่วยให้เรามีสุขภาพที่ดีขึ้นแน่นอน

เราอ่านหนังสือเล่มนี้เพราะกำลังจะไปเรียนทำน้ำปั่นค่ะ ก็เลยลองหาข้อมูลเล่นๆก่อน หนังสือเล่มนี้ก็จะเป็นการรวบรวมเมนูน้ำผักผลไม้ต่างๆแบบที่ทั้งปั่นแล้วก็ไม่ปั่นค่ะ แต่ทั้งหมดจะเป็นเมนูน้ำผักผลไม้ที่ดีต่อสุขภาพ สำหรับคนที่ชอบกินน้ำผักผลไม้อยู่แล้วมีเมนูน่ากินๆเพียบเลยค่ะ รับรองว่าไม่ผิดหวัง ส่วนคนที่ไม่ได้ชอบกินเป็นพิเศษรับรองว่าถ้าได้อ่านหนังสือเล่มนี้แล้วต้องเปลี่ยนใจมากินแน่ๆ ผู้เขียนเค้าจะแนะนำเมนูต่างๆว่าทำยังไงแล้วที่สำคัญคือจะบอกด้วยว่าเมนูนั้นๆกินแล้วมีประโยชน์ต่อสุขภาพร่างกายของเรายังไงด้วย ยกตัวอย่างเช่น เมนูรักษาโรคทั่วไป น้ำมะขามแก้ท้องผูก ราสเบอรี่สมูธแก้หวัด สมูธส้มกล้วยหอมช่วยเพิ่มพลังงาน น้ำหน่อไม้ฝรั่งมะเขือเทศแก้สิว เมนูสำหรับโรคของผู้หญิง ก็เช่นสมูธกล้วยหอมบำรุงครรภ์ เชกนมถั่วเหลืองรักษาอาการหมดประจำเดือน เมนูรักษาโรคมะเร็งและโรคเนื่องมาจากความเสื่อมสภาพ เช่นแอปเปิ้ลสมูธช่วยลดคอเลสเตอรอล น้ำมะเขือเทศแครอทช่วยรักษาโรคมะเร็ง น้ำแตงกวาหอมใหญ่ช่วยรักษาโรคเบาหวาน เมนูล้างพิษและเสริมภูมิคุ้มกันโรค เช่นแตงโมคูลเลอร์ช่วยล้างพิษ สมูธโยเกิร์ตแอปเปิ้ลช่วยเสริมภูมิคุ้มกันโรค เป็นต้น เป็นเมนูที่ทำไม่ยากนะคะแถมยังดีต่อสุขภาพด้วย ผู้เขียนเค้าแบ่งลักษณะเมนูต่างๆออกมาชัดเจนดี ใครอยากจะกินเมนูรักษาสุขภาพแบบไหนก็สามารถเลือกตามประเภทที่แบ่งไว้ได้เลย ส่วนกินแล้วได้ผลจริงมั้ยอันนี้เราก็การันตีไม่ได้นะคะ ^^ แต่ที่แน่ๆเราเชื่อว่าถ้ากินผักผลไม้เป็นประจำก็น่าจะช่วยให้เรามีสุขภาพที่ดีขึ้นแน่นอน

แปลกดีเหมือนกันที่ทุกวันนี้เทคโนโลยีทางการแพทย์เจริญก้าวหน้ามากขึ้น แต่คนเรากลับเจ็บป่วยมากขึ้น สุขภาพก็เสื่อมถอยเร็วกว่าคนยุคก่อน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องของสมอง ถ้าลองสังเกตดูง่ายๆจะเห็นว่าคนสมัยนี้มีความจำสู้คนสมัยก่อนไม่ได้ เพราะคนยุคใหม่มีตัวช่วยในการจดจำเยอะกว่าคนสมัยก่อนมาก เมื่อพูดถึงเรื่องสมองก็ต้องนึกถึงเรื่องสมองเสื่อมค่ะ ไม่เฉพาะคนสูงอายุเท่านั้น โรคนี้จริงๆแล้วก็สามารถเกิดขึ้นได้กับทุกวัย ดังนั้นจึงจำเป็นมากๆที่จะต้องหันมาให้ความสำคัญกับการดูแลสมองกันตั้งแต่เนิ่นๆ ผู้เขียนเริ่มเล่าเรื่องโรคสมองเสื่อมจากประสบการณ์ตรงของคุณแม่ของผู้เขียน แล้วจึงเริ่มอธิบายถึงความแตกต่างระหว่างอาการขี้หลงขี้ลืมกับอาการสมองเสื่อม ซึ่งเชื่อว่าหลายคนก็คงมีความสงสัยแบบเดียวกัน บางทีหลงๆลืมๆบ่อยก็กลัวว่าจะเป็นโรคสมองเสื่อมรึเปล่า หนังสือเล่มนี้ก็จะช่วยอธิบายให้หายกังวลใจได้ นอกจากนี้ผู้เขียนยังอธิบายถึงสาเหตุที่ทำให้สมองเสื่อมและลักษณะอาการเบื้องต้นด้วย แบบทดสอบอาการสมองเสื่อมในหนังสือก็เป็นอีกเรื่องที่น่าสนใจ ผู้เขียนจะมีแบบทดสอบมาให้ทำแล้วลองให้คะแนนดูว่าตอนนี้คะแนนสมองของเราอยู่ในระดับปกติหรืออยู่ในระดับสมองเสื่อมแล้ว ปิดท้ายด้วยการพูดถึงเรื่องที่ว่าถ้ามีคนในครอบครัวเกิดเป็นโรคสมองเสื่อมขึ้นมาแล้วจะทำยังไง จะมีวิธีการดูแลรักษากันยังไง ซึ่งการดูแลรักษาผู้ป่วยโรคสมองเสื่อมนั้นมีความแตกต่างจากการดูแลผู้ป่วยด้วยโรคอื่นเป็นอย่างมาก ความรัก ความอบอุ่นในครอบครัว ความเห็นอกเห็นใจและให้กำลังใจกันถือเป็นหัวใจของการดูแลผู้ป่วยโรคนี้ เป็นหนังสือที่เหมาะกับคนที่ต้องการเตรียมความพร้อมตัวเองไม่ให้ป่วยเป็นโรคสมองเสื่อมและเหมาะกับผู้อ่านที่มีญาติพี่น้องป่วยด้วยโรคนี้เพื่อใช้เตรียมตัวในการดูแลพวกเค้า

แปลกดีเหมือนกันที่ทุกวันนี้เทคโนโลยีทางการแพทย์เจริญก้าวหน้ามากขึ้น แต่คนเรากลับเจ็บป่วยมากขึ้น สุขภาพก็เสื่อมถอยเร็วกว่าคนยุคก่อน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องของสมอง ถ้าลองสังเกตดูง่ายๆจะเห็นว่าคนสมัยนี้มีความจำสู้คนสมัยก่อนไม่ได้ เพราะคนยุคใหม่มีตัวช่วยในการจดจำเยอะกว่าคนสมัยก่อนมาก เมื่อพูดถึงเรื่องสมองก็ต้องนึกถึงเรื่องสมองเสื่อมค่ะ ไม่เฉพาะคนสูงอายุเท่านั้น โรคนี้จริงๆแล้วก็สามารถเกิดขึ้นได้กับทุกวัย ดังนั้นจึงจำเป็นมากๆที่จะต้องหันมาให้ความสำคัญกับการดูแลสมองกันตั้งแต่เนิ่นๆ ผู้เขียนเริ่มเล่าเรื่องโรคสมองเสื่อมจากประสบการณ์ตรงของคุณแม่ของผู้เขียน แล้วจึงเริ่มอธิบายถึงความแตกต่างระหว่างอาการขี้หลงขี้ลืมกับอาการสมองเสื่อม ซึ่งเชื่อว่าหลายคนก็คงมีความสงสัยแบบเดียวกัน บางทีหลงๆลืมๆบ่อยก็กลัวว่าจะเป็นโรคสมองเสื่อมรึเปล่า หนังสือเล่มนี้ก็จะช่วยอธิบายให้หายกังวลใจได้ นอกจากนี้ผู้เขียนยังอธิบายถึงสาเหตุที่ทำให้สมองเสื่อมและลักษณะอาการเบื้องต้นด้วย แบบทดสอบอาการสมองเสื่อมในหนังสือก็เป็นอีกเรื่องที่น่าสนใจ ผู้เขียนจะมีแบบทดสอบมาให้ทำแล้วลองให้คะแนนดูว่าตอนนี้คะแนนสมองของเราอยู่ในระดับปกติหรืออยู่ในระดับสมองเสื่อมแล้ว ปิดท้ายด้วยการพูดถึงเรื่องที่ว่าถ้ามีคนในครอบครัวเกิดเป็นโรคสมองเสื่อมขึ้นมาแล้วจะทำยังไง จะมีวิธีการดูแลรักษากันยังไง ซึ่งการดูแลรักษาผู้ป่วยโรคสมองเสื่อมนั้นมีความแตกต่างจากการดูแลผู้ป่วยด้วยโรคอื่นเป็นอย่างมาก ความรัก ความอบอุ่นในครอบครัว ความเห็นอกเห็นใจและให้กำลังใจกันถือเป็นหัวใจของการดูแลผู้ป่วยโรคนี้ เป็นหนังสือที่เหมาะกับคนที่ต้องการเตรียมความพร้อมตัวเองไม่ให้ป่วยเป็นโรคสมองเสื่อมและเหมาะกับผู้อ่านที่มีญาติพี่น้องป่วยด้วยโรคนี้เพื่อใช้เตรียมตัวในการดูแลพวกเค้า

เราอ่านคู่มือทำกับข้าวไทยจานปลาเล่มนี้ เพราะตอนนั้นอยู่ในช่วงที่กำลังลดน้ำหนักค่ะ ช่วงนั้นอาหารหลักที่เรากินนอกจากพวกผักผลไม้แล้ว ก็มีปลานี่ล่ะค่ะที่กินบ่อยที่สุด เพราะเนื้อปลาย่อยง่าย ไขมันน้อย แล้วก็มีประโยชน์ต่อสุขภาพเหมาะกับการลดน้ำหนักมากๆเลยค่ะ ในหนังสือเล่มนี้ผู้เขียนจะรวบรวมเอาสารพัดเมนูปลามาให้ลองทำกินกันค่ะ ไม่ว่าจะเป็นเมนูต้ม นึ่ง ทอด ผัด หรือว่ายำ น่ากินทุกเมนูค่ะ ขอยกตัวอย่างหน่อยละกัน อย่างเช่นเมนูต้มก็จะมี ต้มยำปลาบู่ ปลาแซลมอนต้มขมิ้น ต้มเต้าเจี้ยวปลากระบอก ปลากระเบนต้มเค็มกะทิใบมะขามอ่อน ปลาหมอต้มหวานกับน้ำพริกมะม่วง เมนูนึ่งก็อย่างเช่น ปลากะพงนึ่งสมุนไพร ปลาแรดนึ่งมะนาว ปลาทูนึ่งบ๊วย เมนูทอดก็อย่างเช่นปลากระบอกทอดกระเทียม ปลากะพงคั่วแห้งพริกไทยดำ เชิงปลากรายทอดกระเทียม ปลาทูทอดราดพริก เมนูผัดก็เช่นผัดฉ่าปลากระเบน เมนูยำก็อย่างเช่นยำปลาลวก ยำปลาทูฟู พล่าปลาอินทรี เป็นต้น เราลองทำกินที่บ้านกับพี่ก็อร่อยดีค่ะ ได้รสชาติแบบไทยๆตามชื่อหนังสือเลย นอกจากเรื่องของเมนูอาหารพร้อมวิธีทำแล้ว ในหนังสือก็จะให้เกร็ดความรู้เรื่องอาหารจานปลาไว้ด้วย อย่างเช่นเรื่องวิธีการเลือกซื้อปลา ผู้เขียนจะแนะนำวิธีการเลือกซื้อโดยละเอียดเพื่อให้ได้ปลาที่สดใหม่ จะทำให้อาหารที่ทำออกมามีเนื้อปลาที่นุ่ม หวาน มัน ไม่คาว โดยจะแบ่งออกเป็นการเลือกซื้อปลาทั้งตัว ปลาหั่นท่อนและเนื้อปลาแล่ ปลาแช่แข็ง แล้วก็ยังมีวิธีการเก็บรักษาปลาให้ได้นานโดยที่ยังคงความสดเอาไว้ เป็นหนังสือที่แนะนำเล่มหนึ่งเลยค่ะ

เราอ่านคู่มือทำกับข้าวไทยจานปลาเล่มนี้ เพราะตอนนั้นอยู่ในช่วงที่กำลังลดน้ำหนักค่ะ ช่วงนั้นอาหารหลักที่เรากินนอกจากพวกผักผลไม้แล้ว ก็มีปลานี่ล่ะค่ะที่กินบ่อยที่สุด เพราะเนื้อปลาย่อยง่าย ไขมันน้อย แล้วก็มีประโยชน์ต่อสุขภาพเหมาะกับการลดน้ำหนักมากๆเลยค่ะ ในหนังสือเล่มนี้ผู้เขียนจะรวบรวมเอาสารพัดเมนูปลามาให้ลองทำกินกันค่ะ ไม่ว่าจะเป็นเมนูต้ม นึ่ง ทอด ผัด หรือว่ายำ น่ากินทุกเมนูค่ะ ขอยกตัวอย่างหน่อยละกัน อย่างเช่นเมนูต้มก็จะมี ต้มยำปลาบู่ ปลาแซลมอนต้มขมิ้น ต้มเต้าเจี้ยวปลากระบอก ปลากระเบนต้มเค็มกะทิใบมะขามอ่อน ปลาหมอต้มหวานกับน้ำพริกมะม่วง เมนูนึ่งก็อย่างเช่น ปลากะพงนึ่งสมุนไพร ปลาแรดนึ่งมะนาว ปลาทูนึ่งบ๊วย เมนูทอดก็อย่างเช่นปลากระบอกทอดกระเทียม ปลากะพงคั่วแห้งพริกไทยดำ เชิงปลากรายทอดกระเทียม ปลาทูทอดราดพริก เมนูผัดก็เช่นผัดฉ่าปลากระเบน เมนูยำก็อย่างเช่นยำปลาลวก ยำปลาทูฟู พล่าปลาอินทรี เป็นต้น เราลองทำกินที่บ้านกับพี่ก็อร่อยดีค่ะ ได้รสชาติแบบไทยๆตามชื่อหนังสือเลย นอกจากเรื่องของเมนูอาหารพร้อมวิธีทำแล้ว ในหนังสือก็จะให้เกร็ดความรู้เรื่องอาหารจานปลาไว้ด้วย อย่างเช่นเรื่องวิธีการเลือกซื้อปลา ผู้เขียนจะแนะนำวิธีการเลือกซื้อโดยละเอียดเพื่อให้ได้ปลาที่สดใหม่ จะทำให้อาหารที่ทำออกมามีเนื้อปลาที่นุ่ม หวาน มัน ไม่คาว โดยจะแบ่งออกเป็นการเลือกซื้อปลาทั้งตัว ปลาหั่นท่อนและเนื้อปลาแล่ ปลาแช่แข็ง แล้วก็ยังมีวิธีการเก็บรักษาปลาให้ได้นานโดยที่ยังคงความสดเอาไว้ เป็นหนังสือที่แนะนำเล่มหนึ่งเลยค่ะ

เราอ่านหนังสือเล่มนี้เพราะต้องเรียนวิชาการสื่อสารค่ะ รายงานที่ต้องทำเป็นเรื่องเกี่ยวกับหลักการวิเคราะห์ข้อมูลข่าวสารซึ่งตรงกับหนังสือเล่มนี้เลย 6 กรอบความคิดเพื่อใช้วิเคราะห์ข้อมูล เป็นหนังสือที่พูดถึงหลักการที่ต้องใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลข่าวสารที่เราได้รับมาในรูปแบบต่างๆไม่ว่าจะเป็นสื่อชนิดใดก็ตาม ทำไมต้องวิเคราะห์? ก็เพราะว่าโลกเราทุกวันนี้เต็มไปด้วยข้อมูลมากมายที่วิ่งเข้าหาเราแทบจะตลอดเวลา จนทำให้บางทีเราก็สับสนในความน่าเชื่อถือของข้อมูลเหล่านั้น เพราะฉะนั้นเพื่อให้เราเข้าใจข้อมูลที่ได้รับมาอย่างแท้จริง จึงต้องมีหลักในการวิเคราะห์ข้อมูลเหล่านั้น ผู้เขียนเค้าจะแบ่งหลักการออกเป็น 6 หลักค่ะหรือที่เรียกว่า 6 กรอบตามชื่อหนังสือ คือ เรื่องเป้าหมาย ความถูกต้อง มุมมอง ความน่าสนใจ คุณค่า และเรื่องผลลัพธ์ในตอนสุดท้าย เรื่องเป้าหมายก็จะเป็นการพูดถึงหลักการที่ว่าเราจะหาข้อมูลอะไร หาไปทำไม แล้วจะหาได้ที่ไหน เรื่องความถูกต้อง อันนี้คงไม่ต้องอธิบายมาก เรื่องมุมมองก็หมายความว่าข้อมูลที่มีความเป็นกลางนั้นหายากมาก เพราะฉะนั้นเราจะต้องหัดมองให้ออกว่าข้อมูลที่ถูกนำเสนอนั้น ถูกนำเสนอออกมาด้วยมุมมองแบบไหน ของใคร เรื่องความน่าสนใจ หมายความว่าข้อมูลที่น่าสนใจสามารถดึงดูดให้คนติดตามได้มาก เรื่องคุณค่าเป็นการบอกให้เราหัดสรุปให้ได้ว่าข้อมูลนั้นมีคุณค่าหรือประโยชน์อะไรบ้าง และสุดท้ายคือเรื่องผลลัพธ์ในตอนสุดท้ายซึ่งหมายถึงการเอาบทสรุปที่ได้จากการวิเคราะห์ข้อมูลทั้งหมดออกมากางให้ทุกคนได้แลกเปลี่ยนความเห็นกันว่าบทสรุปนั้นมีความถูกต้องมากน้อยแค่ไหน ทั้ง 6 กรอบความคิดนี้ผู้เขียนจะใช้สัญลักษณ์รูปทรงต่างๆแทน ทำให้เข้าใจได้ง่ายมากขึ้น ถือว่าเป็นหนังสือที่ใช้อ้างอิงได้เลยค่ะ เราใช้ข้อมูลจากหนังสือเล่มนี้เขียนรายงานด้วยค่ะ

เราอ่านหนังสือเล่มนี้เพราะต้องเรียนวิชาการสื่อสารค่ะ รายงานที่ต้องทำเป็นเรื่องเกี่ยวกับหลักการวิเคราะห์ข้อมูลข่าวสารซึ่งตรงกับหนังสือเล่มนี้เลย 6 กรอบความคิดเพื่อใช้วิเคราะห์ข้อมูล เป็นหนังสือที่พูดถึงหลักการที่ต้องใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลข่าวสารที่เราได้รับมาในรูปแบบต่างๆไม่ว่าจะเป็นสื่อชนิดใดก็ตาม ทำไมต้องวิเคราะห์? ก็เพราะว่าโลกเราทุกวันนี้เต็มไปด้วยข้อมูลมากมายที่วิ่งเข้าหาเราแทบจะตลอดเวลา จนทำให้บางทีเราก็สับสนในความน่าเชื่อถือของข้อมูลเหล่านั้น เพราะฉะนั้นเพื่อให้เราเข้าใจข้อมูลที่ได้รับมาอย่างแท้จริง จึงต้องมีหลักในการวิเคราะห์ข้อมูลเหล่านั้น ผู้เขียนเค้าจะแบ่งหลักการออกเป็น 6 หลักค่ะหรือที่เรียกว่า 6 กรอบตามชื่อหนังสือ คือ เรื่องเป้าหมาย ความถูกต้อง มุมมอง ความน่าสนใจ คุณค่า และเรื่องผลลัพธ์ในตอนสุดท้าย เรื่องเป้าหมายก็จะเป็นการพูดถึงหลักการที่ว่าเราจะหาข้อมูลอะไร หาไปทำไม แล้วจะหาได้ที่ไหน เรื่องความถูกต้อง อันนี้คงไม่ต้องอธิบายมาก เรื่องมุมมองก็หมายความว่าข้อมูลที่มีความเป็นกลางนั้นหายากมาก เพราะฉะนั้นเราจะต้องหัดมองให้ออกว่าข้อมูลที่ถูกนำเสนอนั้น ถูกนำเสนอออกมาด้วยมุมมองแบบไหน ของใคร เรื่องความน่าสนใจ หมายความว่าข้อมูลที่น่าสนใจสามารถดึงดูดให้คนติดตามได้มาก เรื่องคุณค่าเป็นการบอกให้เราหัดสรุปให้ได้ว่าข้อมูลนั้นมีคุณค่าหรือประโยชน์อะไรบ้าง และสุดท้ายคือเรื่องผลลัพธ์ในตอนสุดท้ายซึ่งหมายถึงการเอาบทสรุปที่ได้จากการวิเคราะห์ข้อมูลทั้งหมดออกมากางให้ทุกคนได้แลกเปลี่ยนความเห็นกันว่าบทสรุปนั้นมีความถูกต้องมากน้อยแค่ไหน ทั้ง 6 กรอบความคิดนี้ผู้เขียนจะใช้สัญลักษณ์รูปทรงต่างๆแทน ทำให้เข้าใจได้ง่ายมากขึ้น ถือว่าเป็นหนังสือที่ใช้อ้างอิงได้เลยค่ะ เราใช้ข้อมูลจากหนังสือเล่มนี้เขียนรายงานด้วยค่ะ

หนังสือเล่มนี้เป็นหนังสือสอนวิธีเรียนเก่งค่ะ ผู้เขียนบอกว่าเป็นการเรียนเก่งด้วยการค้นหาจริตของตัวเอง เพื่อสร้างความเก่งโดยที่ตัวเองไม่ต้องทุกข์ เรายอมรับเลยว่าไม่เข้าใจสิ่งที่ผู้เขียนพยายามบอกค่ะ แต่พอได้อ่านหนังสือเล่มนี้จนจบแล้ว ก็ยังไม่เข้าใจค่ะ 555 ยกตัวอย่างเลยละกัน ผู้เขียนบอกว่าอยากเรียนเก่งต้อง
1.สร้างบรรยาการศดีๆก่อนเรียนทุกครั้ง
2.ทำให้เรื่องเรียนกลายเป็นเรื่องสนุกด้วยการลองเปิดใจ
เอาแค่ 2 ตัวอย่างก็คิดภาพตามไม่ออกจริงๆค่ะว่า เด็กๆที่เรียนไม่เก่ง ถ้ามาอ่านตามที่แนะนำแล้ว เค้าจะเริ่มต้นยังไงดี หรืออย่างคำแนะนำที่ว่า อย่าแยกเนื้อหาแต่ละวิชาออกจากกัน แต่รู้จักนำวิชาต่างๆมาใช้อย่างสัมพันธ์กัน อ่านแล้วแทนที่จะเป็นคำแนะนำที่จะช่วยหาทางออก กลับกลายเป็นคำถามที่ต้องมานั่งตีความกันอีกรอบว่าหมายความว่ายังไง เราคิดว่าหนังสือเล่มนี้ไม่เหมาะที่จะเรียกว่าเป็นคู่มือแนะนำเคล็ดลับการเรียนเก่งนะคะ เพราะแต่ละเรื่องที่ผู้เขียนพูดถึงก็เป็นเรื่องหลักการทั่วๆไปในเรื่องการเรียน ยังไม่ถึงขั้นที่จะเป็นเคล็ดลับ อย่างเช่นเวลาเรียนต้องมีอารมณ์ร่วมกับเรื่องที่เรียน รู้จักตั้งคำถาม ตั้งสมมติฐาน รวบรวมข้อมูล และสรุปผล แต่ก็มีบางเรื่องที่เราคิดว่าเป็นมุมมองที่น่าสนใจคือเรื่องการเรียนโดยคิดว่าเกรดไม่ใช่เป้าหมายสูงสุด แต่อยู่ที่การหาตัวเองให้เจอ หมายความว่าให้ค้นหาตัวเองให้เจอว่าอยากเป็นอะไรในอนาคต แล้วเรียนเพื่อจะไปให้ถึงเป้าหมายนั้น โดยไม่ต้องสนใจว่าจะต้องได้เกรดสูงๆทุกวิชา สำหรับหนังสือเล่มนี้เป็นหนังสือที่พูดถึงหลักการกว้างๆมากกว่าเทคนิคหรือเคล็ดลับค่ะ ขอให้คะแนน 5 เต็ม 10 เพราะเนื้อหากับคำโฆษณาบนปกไม่ตรงกันเลย

หนังสือเล่มนี้เป็นหนังสือสอนวิธีเรียนเก่งค่ะ ผู้เขียนบอกว่าเป็นการเรียนเก่งด้วยการค้นหาจริตของตัวเอง เพื่อสร้างความเก่งโดยที่ตัวเองไม่ต้องทุกข์ เรายอมรับเลยว่าไม่เข้าใจสิ่งที่ผู้เขียนพยายามบอกค่ะ แต่พอได้อ่านหนังสือเล่มนี้จนจบแล้ว ก็ยังไม่เข้าใจค่ะ 555 ยกตัวอย่างเลยละกัน ผู้เขียนบอกว่าอยากเรียนเก่งต้อง
1.สร้างบรรยาการศดีๆก่อนเรียนทุกครั้ง
2.ทำให้เรื่องเรียนกลายเป็นเรื่องสนุกด้วยการลองเปิดใจ
เอาแค่ 2 ตัวอย่างก็คิดภาพตามไม่ออกจริงๆค่ะว่า เด็กๆที่เรียนไม่เก่ง ถ้ามาอ่านตามที่แนะนำแล้ว เค้าจะเริ่มต้นยังไงดี หรืออย่างคำแนะนำที่ว่า อย่าแยกเนื้อหาแต่ละวิชาออกจากกัน แต่รู้จักนำวิชาต่างๆมาใช้อย่างสัมพันธ์กัน อ่านแล้วแทนที่จะเป็นคำแนะนำที่จะช่วยหาทางออก กลับกลายเป็นคำถามที่ต้องมานั่งตีความกันอีกรอบว่าหมายความว่ายังไง เราคิดว่าหนังสือเล่มนี้ไม่เหมาะที่จะเรียกว่าเป็นคู่มือแนะนำเคล็ดลับการเรียนเก่งนะคะ เพราะแต่ละเรื่องที่ผู้เขียนพูดถึงก็เป็นเรื่องหลักการทั่วๆไปในเรื่องการเรียน ยังไม่ถึงขั้นที่จะเป็นเคล็ดลับ อย่างเช่นเวลาเรียนต้องมีอารมณ์ร่วมกับเรื่องที่เรียน รู้จักตั้งคำถาม ตั้งสมมติฐาน รวบรวมข้อมูล และสรุปผล แต่ก็มีบางเรื่องที่เราคิดว่าเป็นมุมมองที่น่าสนใจคือเรื่องการเรียนโดยคิดว่าเกรดไม่ใช่เป้าหมายสูงสุด แต่อยู่ที่การหาตัวเองให้เจอ หมายความว่าให้ค้นหาตัวเองให้เจอว่าอยากเป็นอะไรในอนาคต แล้วเรียนเพื่อจะไปให้ถึงเป้าหมายนั้น โดยไม่ต้องสนใจว่าจะต้องได้เกรดสูงๆทุกวิชา สำหรับหนังสือเล่มนี้เป็นหนังสือที่พูดถึงหลักการกว้างๆมากกว่าเทคนิคหรือเคล็ดลับค่ะ ขอให้คะแนน 5 เต็ม 10 เพราะเนื้อหากับคำโฆษณาบนปกไม่ตรงกันเลย

ถ้าผู้อ่านกำลังหาแรงบันดาลใจในการมีรูปร่างที่ดีแล้วล่ะก็ หนังสือเล่มนี้จะเป็นกำลังใจที่ดีให้กับผู้อ่านเลยค่ะ เอาแค่โควตในหนังสือที่บอกว่า ความสำเร็จคือความสามารถที่ได้มาจากความล้มเหลวหนึ่งไปสู่อีกความล้มเหลวหนึ่งโดยที่คุณไม่สูญเสียความกระตือรือร้นไปเสียก่อน ก็น่าจะช่วยให้ผู้อ่านมีแรงฮึดขึ้นมาได้บ้างไม่มากก็น้อย ผู้เขียนเริ่มต้นจากการให้รู้จักเปลี่ยนทัศนคติก่อน ข้ออ้างต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น ไม่มีเวลา เจ็บป่วย เมื่อย เหนื่อย หอบ ถึงฉันอ้วนฉันก็แข็งแรงนะ ข้ออ้างเหล่านี้เป็นสิ่งที่ต้องตัดออกไปจากความคิดให้ได้แล้วหันมาเชื่อมั่นในตัวเองให้มากขึ้น ครึ่งแรกของหนังสือจะหมดไปเกี่ยวกับเรื่องของการปลุกพลังในการเปลี่ยนแปลงตัวเอง ยังไม่รู้เลยว่าที่บอกว่า 21 วัน ฟิตแอนด์เฟิร์มนี้ต้องทำยังไง เนื้อหาเกี่ยวกับวิธีการควบคุมน้ำหนักจะอยู่ครึ่งหลังของหนังสือค่ะ ผู้เขียนจะให้เราเริ่มตรวจสุภาพเพื่อดูภาพรวมของร่างกายก่อนว่าเป็นยังไง จะได้วางแผนสุขภาพถูก จากนั้นก็จะพูดถึงเรื่องของอาหารที่ควรกินและไม่ควรกิน ปริมาณพลังงานที่แต่ละคนใช้ต่อวันและอาหารประเภทต่างๆ ว่าให้พลังงานเท่าไหร่ แล้วก็จะเข้าสู่เรื่องการวางแผนการกินและการออกกำลังกาย เท่าที่อ่านดูก็ไม่ถึงขั้นแนะนำแบบละเอียดแต่ผู้เขียนเค้าจะแนะนำแบบเป็นทริปหรือว่าเกร็ดความรู้มากกว่า ส่วนการวางแผนจริงๆ คงขึ้นอยู่กับเวลาและร่างกายของแต่ละคน อย่างเรื่องการวางแผนการกินจะมีการแนะนำว่าควรกินมื้อไหนยังไง กินอะไรได้บ้าง การวางแผนการออกกำลังกายก็จะแนะนำเรื่องแอโรบิก คาร์ดิโอ การยกน้ำหนักและการเล่นโยคะ เป็นหนังสือที่ให้แรงบันดาลใจและเกร็ดความรู้ในการควบคุมน้ำหนักที่ดีเลยทีเดียว

ถ้าผู้อ่านกำลังหาแรงบันดาลใจในการมีรูปร่างที่ดีแล้วล่ะก็ หนังสือเล่มนี้จะเป็นกำลังใจที่ดีให้กับผู้อ่านเลยค่ะ เอาแค่โควตในหนังสือที่บอกว่า ความสำเร็จคือความสามารถที่ได้มาจากความล้มเหลวหนึ่งไปสู่อีกความล้มเหลวหนึ่งโดยที่คุณไม่สูญเสียความกระตือรือร้นไปเสียก่อน ก็น่าจะช่วยให้ผู้อ่านมีแรงฮึดขึ้นมาได้บ้างไม่มากก็น้อย ผู้เขียนเริ่มต้นจากการให้รู้จักเปลี่ยนทัศนคติก่อน ข้ออ้างต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น ไม่มีเวลา เจ็บป่วย เมื่อย เหนื่อย หอบ ถึงฉันอ้วนฉันก็แข็งแรงนะ ข้ออ้างเหล่านี้เป็นสิ่งที่ต้องตัดออกไปจากความคิดให้ได้แล้วหันมาเชื่อมั่นในตัวเองให้มากขึ้น ครึ่งแรกของหนังสือจะหมดไปเกี่ยวกับเรื่องของการปลุกพลังในการเปลี่ยนแปลงตัวเอง ยังไม่รู้เลยว่าที่บอกว่า 21 วัน ฟิตแอนด์เฟิร์มนี้ต้องทำยังไง เนื้อหาเกี่ยวกับวิธีการควบคุมน้ำหนักจะอยู่ครึ่งหลังของหนังสือค่ะ ผู้เขียนจะให้เราเริ่มตรวจสุภาพเพื่อดูภาพรวมของร่างกายก่อนว่าเป็นยังไง จะได้วางแผนสุขภาพถูก จากนั้นก็จะพูดถึงเรื่องของอาหารที่ควรกินและไม่ควรกิน ปริมาณพลังงานที่แต่ละคนใช้ต่อวันและอาหารประเภทต่างๆ ว่าให้พลังงานเท่าไหร่ แล้วก็จะเข้าสู่เรื่องการวางแผนการกินและการออกกำลังกาย เท่าที่อ่านดูก็ไม่ถึงขั้นแนะนำแบบละเอียดแต่ผู้เขียนเค้าจะแนะนำแบบเป็นทริปหรือว่าเกร็ดความรู้มากกว่า ส่วนการวางแผนจริงๆ คงขึ้นอยู่กับเวลาและร่างกายของแต่ละคน อย่างเรื่องการวางแผนการกินจะมีการแนะนำว่าควรกินมื้อไหนยังไง กินอะไรได้บ้าง การวางแผนการออกกำลังกายก็จะแนะนำเรื่องแอโรบิก คาร์ดิโอ การยกน้ำหนักและการเล่นโยคะ เป็นหนังสือที่ให้แรงบันดาลใจและเกร็ดความรู้ในการควบคุมน้ำหนักที่ดีเลยทีเดียว

ก่อนหน้านี้เราเคยเป็นคนอ้วนมาก่อนค่ะ ตอนที่เราลดน้ำหนักก็ใช้การออกกำลังกายกับการอดอาหาร แล้วก็กินน้ำผลไม้แทนข้าว เราทดลองมาแล้วได้ผลเลยค่ะ แต่ก็ต้องใช้ความอดทนมากพอสมควร วิธีการที่เรากินน้ำผลม้แทนข้าวอาจจะไม่ตรงกับในหนังสือค่ะและก็อาจจะไม่ดีต่อสุขภาพเท่ากับที่หนังสือแนะนำ เพราะในหนังสือจะมีข้อมูลที่เป็นหลักวิทยาศาสตร์มากกว่า เรื่องแรกที่น่าสนใจสำหรับหนังสือเล่มนี้น่าจะเป็นเรื่อง ทำไมการอดอาหารด้วยการดื่มน้ำผลไม้จึงช่วยให้ร่างกายอ่อนเยาว์และช่วยสร้างแสริมสุขภาพ ผู้เขียนอธิบายว่าระหว่างการอดอาหารร่างกายจะป้อนอาหารให้กับตัวเองด้วยเซลล์คุณภาพต่ำหรือเซลล์ที่ใกล้ตาย ซึ่งในขณะเดียวกันร่างกายก็จะกระตุ้นการสร้างเซลล์ใหม่ขึ้นมาทดแทนอย่างรวดเร็วจึงทำให้ดูอ่อนวัยขึ้น ในส่วนน้ำผลไม้ที่กินเข้าไปก็จะช่วยให้เซลล์ใหม่ได้รับสารอาหารและออกซิเจนอย่างเพียงพอ และยังช่วยปรับสมดุลในร่างกายใหม่ด้วย เรื่องที่สองที่น่าสนใจคือการเอาเรื่องราวของคนที่เคยใช้วิธีการอดอาหารแบบนี้แล้วประสบความสำเร็จมาบอกเล่าว่าทำยังไงและได้ผลดีแค่ไหน เรื่องที่สามคือเรื่องการแนะนำตารางปฏิบัติด้วยตนเองในการอดอาหารด้วยการดื่มน้ำผลไม้ และเรื่องสุดท้ายคือการแนะนำผลไม้แต่ละชนิดว่ามีสารอาหารที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกายยังไง ใช้รักษาโรคอะไรได้บ้าง เราคิดว่าหนังสือเล่มนี้ให้ความรู้ที่น่าสนใจเกี่ยวกับการอดอาหารค่ะ แม้ว่าเราจะเคยได้ยินมาบ้างว่าการลดน้ำหนักที่ดีนั้นไม่ใช่การอดอาหาร แต่การกินผลไม้ในระหว่างการลดน้ำหนักนั้นยังไงก็มีประโยชน์แน่นอน

ก่อนหน้านี้เราเคยเป็นคนอ้วนมาก่อนค่ะ ตอนที่เราลดน้ำหนักก็ใช้การออกกำลังกายกับการอดอาหาร แล้วก็กินน้ำผลไม้แทนข้าว เราทดลองมาแล้วได้ผลเลยค่ะ แต่ก็ต้องใช้ความอดทนมากพอสมควร วิธีการที่เรากินน้ำผลม้แทนข้าวอาจจะไม่ตรงกับในหนังสือค่ะและก็อาจจะไม่ดีต่อสุขภาพเท่ากับที่หนังสือแนะนำ เพราะในหนังสือจะมีข้อมูลที่เป็นหลักวิทยาศาสตร์มากกว่า เรื่องแรกที่น่าสนใจสำหรับหนังสือเล่มนี้น่าจะเป็นเรื่อง ทำไมการอดอาหารด้วยการดื่มน้ำผลไม้จึงช่วยให้ร่างกายอ่อนเยาว์และช่วยสร้างแสริมสุขภาพ ผู้เขียนอธิบายว่าระหว่างการอดอาหารร่างกายจะป้อนอาหารให้กับตัวเองด้วยเซลล์คุณภาพต่ำหรือเซลล์ที่ใกล้ตาย ซึ่งในขณะเดียวกันร่างกายก็จะกระตุ้นการสร้างเซลล์ใหม่ขึ้นมาทดแทนอย่างรวดเร็วจึงทำให้ดูอ่อนวัยขึ้น ในส่วนน้ำผลไม้ที่กินเข้าไปก็จะช่วยให้เซลล์ใหม่ได้รับสารอาหารและออกซิเจนอย่างเพียงพอ และยังช่วยปรับสมดุลในร่างกายใหม่ด้วย เรื่องที่สองที่น่าสนใจคือการเอาเรื่องราวของคนที่เคยใช้วิธีการอดอาหารแบบนี้แล้วประสบความสำเร็จมาบอกเล่าว่าทำยังไงและได้ผลดีแค่ไหน เรื่องที่สามคือเรื่องการแนะนำตารางปฏิบัติด้วยตนเองในการอดอาหารด้วยการดื่มน้ำผลไม้ และเรื่องสุดท้ายคือการแนะนำผลไม้แต่ละชนิดว่ามีสารอาหารที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกายยังไง ใช้รักษาโรคอะไรได้บ้าง เราคิดว่าหนังสือเล่มนี้ให้ความรู้ที่น่าสนใจเกี่ยวกับการอดอาหารค่ะ แม้ว่าเราจะเคยได้ยินมาบ้างว่าการลดน้ำหนักที่ดีนั้นไม่ใช่การอดอาหาร แต่การกินผลไม้ในระหว่างการลดน้ำหนักนั้นยังไงก็มีประโยชน์แน่นอน

หนังสือเล่มนี้เป็นหนังสือที่รวบรวมเมนูอาหารหลากหลายเมนูที่อ่านสนุกเท่าที่เราเคยอ่านมา สนุกตรงที่ได้เห็นเมนูน่ากินๆหลายๆเมนู แล้วก็สนุกตรงที่ผู้เขียนไม่ใช่แม่ครัวมืออาชีพ แต่อาศัยการลองผิดลองถูกคิดค้นเมนูต่างๆออกมา เราชอบความรู้สึกตอนอ่านเหมือนได้เรียนรู้การทำอาหารไปพร้อมๆกับผู้เขียนเลย สำหรับคนที่ชอบทำหาร นอกจากจะได้เมนูไปลองทำกินที่บ้านแล้ว ก็จะได้อ่านเรื่องเล่าของผู้เขียนไปด้วย แต่ไม่ใช่เรื่องเล่าไร้สาระนะคะ แต่จะเป็นเกร็ดความรู้ต่างๆเกี่ยวกับอาหาร อย่างเช่นเมนูน้ำพริกปลาทูผิดคิว ผู้เขียนก็เล่าให้ฟังว่าเป็นคนชอบกินปลาทูกับน้ำพริก ถ้าใส่ถั่วเน่าลงไปก็จะช่วยเพิ่มประโยชน์ขึ้นโดยเฉพาะกับคุณผู้หญิง เมนูที่เขียนไว้ในหนังสือเล่มนี้มีที่มาหลากหลายค่ะ ส่วนผสมและวิธีการทำต่างๆก็เป็นแบบฉบับที่ผู้เขียนดัดแปลงให้ถูกปากตัวเองเป็นหลัก เพราะฉะนั้นถึงจะทำตามสูตรที่บอกไว้ก็ไม่รับประกันนะคะว่าจะอร่อยถูกปาก เท่าที่เคยลองทำเป็นบางเมนูก็ถือว่าโอเคในระดับหนึ่ง คงแล้วแต่ว่าแต่ละคนมีรสชาติที่ชอบแบบไหน มาพูดถึงเรื่องเมนูบ้าง ถึงแม้ว่าผู้เขียนจะอาศัยอยู่ที่ปาย แต่เมนูที่นำมาเขียนก็เป็นเมนูทั่วๆไปที่ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนก็สามารถหาวัตถุดิบมาทำได้ อย่างเช่นไข่ตุ๋นเห็ดหอม แกงเขียวหวานไก่หน่อไม้ดอง ข้าวต้มปลากรอบขิงอ่อน แกงคั่วสับปะรดเต้าหู้ขาว เต้าหู้ปลาผัดกะเพรา หมูทอดลืมแดด แกงป่าไก่บ้านหน่อไม้ดอง ฯลฯ เราคิดว่าหนังสือเล่มนี้น่าจะเหมาะกับคนที่อยากได้รสชาติอาหารแบบใหม่ๆตามสไตล์ผู้เขียนมากกว่าที่จะหาเมนูแปลกๆใหม่ๆนะคะ น่าลองอ่านดูค่ะ เผื่อว่าจะเจอรสชาติที่ถูกใจก็ได้

หนังสือเล่มนี้เป็นหนังสือที่รวบรวมเมนูอาหารหลากหลายเมนูที่อ่านสนุกเท่าที่เราเคยอ่านมา สนุกตรงที่ได้เห็นเมนูน่ากินๆหลายๆเมนู แล้วก็สนุกตรงที่ผู้เขียนไม่ใช่แม่ครัวมืออาชีพ แต่อาศัยการลองผิดลองถูกคิดค้นเมนูต่างๆออกมา เราชอบความรู้สึกตอนอ่านเหมือนได้เรียนรู้การทำอาหารไปพร้อมๆกับผู้เขียนเลย สำหรับคนที่ชอบทำหาร นอกจากจะได้เมนูไปลองทำกินที่บ้านแล้ว ก็จะได้อ่านเรื่องเล่าของผู้เขียนไปด้วย แต่ไม่ใช่เรื่องเล่าไร้สาระนะคะ แต่จะเป็นเกร็ดความรู้ต่างๆเกี่ยวกับอาหาร อย่างเช่นเมนูน้ำพริกปลาทูผิดคิว ผู้เขียนก็เล่าให้ฟังว่าเป็นคนชอบกินปลาทูกับน้ำพริก ถ้าใส่ถั่วเน่าลงไปก็จะช่วยเพิ่มประโยชน์ขึ้นโดยเฉพาะกับคุณผู้หญิง เมนูที่เขียนไว้ในหนังสือเล่มนี้มีที่มาหลากหลายค่ะ ส่วนผสมและวิธีการทำต่างๆก็เป็นแบบฉบับที่ผู้เขียนดัดแปลงให้ถูกปากตัวเองเป็นหลัก เพราะฉะนั้นถึงจะทำตามสูตรที่บอกไว้ก็ไม่รับประกันนะคะว่าจะอร่อยถูกปาก เท่าที่เคยลองทำเป็นบางเมนูก็ถือว่าโอเคในระดับหนึ่ง คงแล้วแต่ว่าแต่ละคนมีรสชาติที่ชอบแบบไหน มาพูดถึงเรื่องเมนูบ้าง ถึงแม้ว่าผู้เขียนจะอาศัยอยู่ที่ปาย แต่เมนูที่นำมาเขียนก็เป็นเมนูทั่วๆไปที่ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนก็สามารถหาวัตถุดิบมาทำได้ อย่างเช่นไข่ตุ๋นเห็ดหอม แกงเขียวหวานไก่หน่อไม้ดอง ข้าวต้มปลากรอบขิงอ่อน แกงคั่วสับปะรดเต้าหู้ขาว เต้าหู้ปลาผัดกะเพรา หมูทอดลืมแดด แกงป่าไก่บ้านหน่อไม้ดอง ฯลฯ เราคิดว่าหนังสือเล่มนี้น่าจะเหมาะกับคนที่อยากได้รสชาติอาหารแบบใหม่ๆตามสไตล์ผู้เขียนมากกว่าที่จะหาเมนูแปลกๆใหม่ๆนะคะ น่าลองอ่านดูค่ะ เผื่อว่าจะเจอรสชาติที่ถูกใจก็ได้

ถ้าพูดถึงเค้กสำหรับสาวๆหลายคนคงชอบกินกันนะคะ แต่ต่อให้อร่อย หน้าตาน่ากินแค่ไหนก็คงกินเยอะไม่ได้เพราะเดี๋ยวจะอ้วนเอา เพราะเค้กชิ้นหนึ่งก็มีทั้งแป้งและน้ำตาล (ตัวอ้วนทั้งน้านน) เค้กสุขภาพเป็นหนังสือที่รวบรวมสูตรการทำเค้กเอาไว้เยอะเลยค่ะ ซึ่งทุกสูตรเป็นเค้กเมนูสุขภาพทั้งนั้นเลย รับรองว่าถ้าเอาไปทำกินจะไม่อ้วนแน่นอน เพราะทุกเมนูในหนังสือเล่มนี้จะมีส่วนผสมของธัญพืช พืช ผัก และสมุนไพรต่างๆ ซึ่งผู้เขียนเค้ายืนยันว่าจากการทดลองและงานวิจัยในการทำเค้กตามสูตรที่ให้ไว้นี้สามารถลดแคลอรี่ไปได้ถึง 50-60 % เลยค่ะ ผู้เขียนจะให้ตวามรู้เกี่ยวกับวัตถุดิบในการทำเค้กโดยทั่วไปก่อนว่ามีอะไรบ้าง มีหน้าที่อะไรบ้าง มีประโยชน์ยังไง แล้วก็จะแนะนำพืชผักสมุนไพรต่างๆที่จะนำมาใช้เป็นส่วนผสมในเค้กพร้อมทั้งสรรพคุณอย่างเช่น กล้วยหอม ดอกอัญชัน ดาหลา บีตรูท เผือก ถั่วเหลือง ใบเตย มะเขือเทศ เสาวรส แก้วมังกร ฯลฯ ต่อจากนั้นก็จะแนะนำเกี่ยวกับเทคนิคและข้อปฏิบัติต่างๆในการทำเค้กค่ะ ซึ่งก็ละเอียดดี เหมาะสำหรับคนที่ยังไม่เคยทำเค้กมาก่อน ในส่วนของเมนูก็จะแบ่งออกเป็นเค้กเนย เค้กสปันจ์ แล้วก็เค้กชิฟฟ่อนค่ะ แต่ละประเภทก็จะมีเมนูกว่า 10 เมนู (หน้าตาน่ากินมาก ^^ ) อย่างเช่นเค้กขนุน เค้กลูกเดือย เค้กมะตูม เค้กดอกคำฝอย เค้กชิฟฟ่อนหน้ามังคุด เค้กเห็ดออริจิ เค้กข้าวกล้องนิลงอก เค้กชิฟฟ่อนลูกตาล ดูจากชื่อแล้วไม่น่าเชื่อว่าจะเอามาทำเค้กได้หน้าตาน่ากินแบบนี้ แถมยังดีต่อสุขภาพด้วยค่ะ อ่านเล่มนี้แล้วเรายังคิดในใจว่าอยากจะฝึกทำให้เก่งๆ แล้วเปิดร้านขายเค้กสุขภาพซะเลย

ถ้าพูดถึงเค้กสำหรับสาวๆหลายคนคงชอบกินกันนะคะ แต่ต่อให้อร่อย หน้าตาน่ากินแค่ไหนก็คงกินเยอะไม่ได้เพราะเดี๋ยวจะอ้วนเอา เพราะเค้กชิ้นหนึ่งก็มีทั้งแป้งและน้ำตาล (ตัวอ้วนทั้งน้านน) เค้กสุขภาพเป็นหนังสือที่รวบรวมสูตรการทำเค้กเอาไว้เยอะเลยค่ะ ซึ่งทุกสูตรเป็นเค้กเมนูสุขภาพทั้งนั้นเลย รับรองว่าถ้าเอาไปทำกินจะไม่อ้วนแน่นอน เพราะทุกเมนูในหนังสือเล่มนี้จะมีส่วนผสมของธัญพืช พืช ผัก และสมุนไพรต่างๆ ซึ่งผู้เขียนเค้ายืนยันว่าจากการทดลองและงานวิจัยในการทำเค้กตามสูตรที่ให้ไว้นี้สามารถลดแคลอรี่ไปได้ถึง 50-60 % เลยค่ะ ผู้เขียนจะให้ตวามรู้เกี่ยวกับวัตถุดิบในการทำเค้กโดยทั่วไปก่อนว่ามีอะไรบ้าง มีหน้าที่อะไรบ้าง มีประโยชน์ยังไง แล้วก็จะแนะนำพืชผักสมุนไพรต่างๆที่จะนำมาใช้เป็นส่วนผสมในเค้กพร้อมทั้งสรรพคุณอย่างเช่น กล้วยหอม ดอกอัญชัน ดาหลา บีตรูท เผือก ถั่วเหลือง ใบเตย มะเขือเทศ เสาวรส แก้วมังกร ฯลฯ ต่อจากนั้นก็จะแนะนำเกี่ยวกับเทคนิคและข้อปฏิบัติต่างๆในการทำเค้กค่ะ ซึ่งก็ละเอียดดี เหมาะสำหรับคนที่ยังไม่เคยทำเค้กมาก่อน ในส่วนของเมนูก็จะแบ่งออกเป็นเค้กเนย เค้กสปันจ์ แล้วก็เค้กชิฟฟ่อนค่ะ แต่ละประเภทก็จะมีเมนูกว่า 10 เมนู (หน้าตาน่ากินมาก ^^ ) อย่างเช่นเค้กขนุน เค้กลูกเดือย เค้กมะตูม เค้กดอกคำฝอย เค้กชิฟฟ่อนหน้ามังคุด เค้กเห็ดออริจิ เค้กข้าวกล้องนิลงอก เค้กชิฟฟ่อนลูกตาล ดูจากชื่อแล้วไม่น่าเชื่อว่าจะเอามาทำเค้กได้หน้าตาน่ากินแบบนี้ แถมยังดีต่อสุขภาพด้วยค่ะ อ่านเล่มนี้แล้วเรายังคิดในใจว่าอยากจะฝึกทำให้เก่งๆ แล้วเปิดร้านขายเค้กสุขภาพซะเลย

หนังสือเล่มนี้เป็นหนังสือที่รวบรวม 100 วิธีที่แม่ท้องไม่ควรพลาด ครอบคลุมเนื้อหาตั้งแต่เริ่มตั้งครรภ์ไปจนถึงคลอดค่ะ เราอ่านหนังสือเล่มนี้เพราะมีพี่ที่รู้จักกันเคยแท้งลูกไปแล้วเค้าซื้อเล่มนี้มาอ่านหลังจากนั้น ผู้เขียนอธิบายตั้งแต่การเตรียมตัวรับมือกับความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นตลอดอายุครรภ์ 9 เดือน โภชนาการของคุณแม่ตั้งครรภ์ การใช้ยาให้ปลอดภัย การผ่อนคลายความเครียดหลายวิธีเพื่อให้การตั้งครรภ์ปลอดภัยจนถึงวันคลอด คุณแม่ที่ทราบว่าตัวเองตั้งครรภ์ควรมาฝากครรภ์ทันที เพื่อให้หมอตรวจดูความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นกับครรภ์ในแต่ละสัปดาห์ โดย 3 เดือนแรกที่ตั้งครรภ์ควรหลีกเลี่ยงสิ่งแวดล้อมที่ไม่ดี ไม่กินอาหารที่ปนเปื้อน ล้างมือบ่อยๆเพื่อป้องกันเชื้อโรค ควรนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ ถ้านอนน้อยกว่าคืนละ 5 ชั่วโมงจะเสี่ยงต่อครรภ์เป็นพิษได้ ระหว่างตั้งครรภ์ควรระมัดระวังเรื่องสัตว์เลี้ยงเพราะอาจนำโรคมาให้ ส่งผลต่อทารกได้ คุณแม่ต้องกันไม่ให้สัตว์เลี้ยงเข้ามาในห้องนอน และทำความสะอาดบ้านบ่อยๆ ดูดฝุ่นเป็นประจำ ล้างมือก่อนรับประทานอาหาร และควรรับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ในแต่ละมื้อ ถ้าคุณแม่น้ำหนักน้อยอาจต้องเพิ่มอาหารจำพวกคาร์โบไฮเดรต แต่ถ้าน้ำหนักมากอาจต้องลดปริมาณลง แต่เน้นโปรตีนและผักผลไม้แทน ห้ามขาดธาตุเหล็กเด็ดขาดเพราะช่วยสร้างเม็ดเลือดแดงซึ่งจะนำออกซิเจนมาให้ทารก แคลเซียมก็สำคัญเช่นกันเพราะช่วยเสริมสร้างโครงสร้างร่างกายของทารกด้วย ถ้าจะให้ยกตัวอย่างให้ครบ 100 วิธีคงยกมาได้ไม่หมดจริงๆค่ะ เอาเป็นว่าหนังสือเล่มนี้เป็นคู่มือให้กับคุณแม่มือใหม่ได้ดีเลยค่ะ

หนังสือเล่มนี้เป็นหนังสือที่รวบรวม 100 วิธีที่แม่ท้องไม่ควรพลาด ครอบคลุมเนื้อหาตั้งแต่เริ่มตั้งครรภ์ไปจนถึงคลอดค่ะ เราอ่านหนังสือเล่มนี้เพราะมีพี่ที่รู้จักกันเคยแท้งลูกไปแล้วเค้าซื้อเล่มนี้มาอ่านหลังจากนั้น ผู้เขียนอธิบายตั้งแต่การเตรียมตัวรับมือกับความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นตลอดอายุครรภ์ 9 เดือน โภชนาการของคุณแม่ตั้งครรภ์ การใช้ยาให้ปลอดภัย การผ่อนคลายความเครียดหลายวิธีเพื่อให้การตั้งครรภ์ปลอดภัยจนถึงวันคลอด คุณแม่ที่ทราบว่าตัวเองตั้งครรภ์ควรมาฝากครรภ์ทันที เพื่อให้หมอตรวจดูความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นกับครรภ์ในแต่ละสัปดาห์ โดย 3 เดือนแรกที่ตั้งครรภ์ควรหลีกเลี่ยงสิ่งแวดล้อมที่ไม่ดี ไม่กินอาหารที่ปนเปื้อน ล้างมือบ่อยๆเพื่อป้องกันเชื้อโรค ควรนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ ถ้านอนน้อยกว่าคืนละ 5 ชั่วโมงจะเสี่ยงต่อครรภ์เป็นพิษได้ ระหว่างตั้งครรภ์ควรระมัดระวังเรื่องสัตว์เลี้ยงเพราะอาจนำโรคมาให้ ส่งผลต่อทารกได้ คุณแม่ต้องกันไม่ให้สัตว์เลี้ยงเข้ามาในห้องนอน และทำความสะอาดบ้านบ่อยๆ ดูดฝุ่นเป็นประจำ ล้างมือก่อนรับประทานอาหาร และควรรับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ในแต่ละมื้อ ถ้าคุณแม่น้ำหนักน้อยอาจต้องเพิ่มอาหารจำพวกคาร์โบไฮเดรต แต่ถ้าน้ำหนักมากอาจต้องลดปริมาณลง แต่เน้นโปรตีนและผักผลไม้แทน ห้ามขาดธาตุเหล็กเด็ดขาดเพราะช่วยสร้างเม็ดเลือดแดงซึ่งจะนำออกซิเจนมาให้ทารก แคลเซียมก็สำคัญเช่นกันเพราะช่วยเสริมสร้างโครงสร้างร่างกายของทารกด้วย ถ้าจะให้ยกตัวอย่างให้ครบ 100 วิธีคงยกมาได้ไม่หมดจริงๆค่ะ เอาเป็นว่าหนังสือเล่มนี้เป็นคู่มือให้กับคุณแม่มือใหม่ได้ดีเลยค่ะ

ยำเป็นเมนูอาหารที่เราชอบกินค่ะ และเชื่อว่าหลายๆคนก็คงชอบไม่ต่างกัน ด้วยรสชาติที่จัดจ้านบวกกับสมุนไพรที่ใส่ลงไปก็ยิ่งทำให้น่ากิน ชวนน้ำลายไหล หนังสือเล่มนี้จะนำเสนอเมนูยำหลากหลายรูปแบบทั้งไทยและต่างประเทศ ผู้เขียนได้อธิบายความหมายของคำว่ายำว่าเป็นการนำส่วนผสมของเนื้อสัตว์และผักหลากหลายชนิดมาคลุกเคล้าเข้าด้วยกัน ปรุงรสตามใจชอบ เนื้อสัตว์ที่นิยมใช้ก็เช่น ปลาหมึก กุ้ง ปู ปลา ต้องเน้นความสดของวัตถุดิบที่ใช้เสมอ เพราะการทำยำจะไม่ทำให้สุกมาก บวกกับสมุนไพรอย่างขิง ข่า ตะไคร้ ใบมะกรูด และผัก เช่น หอมใหญ่ ต้นหอม ผักชี แครอท นอกจากนี้ผู้เขียนยังได้แบ่งประเภทของยำออกตามสีของน้ำยำ คือน้ำยำสีขาว ซึ่งมีส่วนผสมของน้ำมะนาว น้ำปลา น้ำตาล และพริกขี้หนู ยำประเภทนี้ได้แก่ ยำผลไม้ ยำทะเล เป็นต้น ส่วนน้ำยำสีดำ ก็จะคล้ายกับน้ำยำสีขาว แต่จุดเด่นจะอยู่ตรงที่การใส่น้ำพริกเผา เพิ่มความเข้มข้น ได้แก่ พล่าต่างๆ ยำถั่วพู ยำหัวปลี และลาบ เป็นต้น น้ำยำสีแดง จะมีส่วนผสมของน้ำพริกแกงคั่ว ซึ่งให้สีแดง ปรุงรสให้ออกเปรี้ยว เค็ม หวาน เนื้อหาของหนังสือเล่มนี้จะบอกถึงวิธีการทำยำ ส่วนผสม วัตถุดิบ มีรูปภาพประกอบ สวยงาม ดูน่ากินมาก เมนูยำก็มีทั้งที่เคยกินและก็ยังไม่เคยได้ยินแม้แต่ชื่อค่ะ อ่านแล้วสามารถนำไปทดลองทำตามได้ทันที วิธีการทำก็ไม่ยุ่งยากซับซ้อน ตามสไตล์อาหารประเภทยำค่ะ อ่านเข้าใจง่ายมาก และที่สำคัญคือทุกเมนูในเล่มผ่านการทดลองมาแล้วโดย American Cuisine

ยำเป็นเมนูอาหารที่เราชอบกินค่ะ และเชื่อว่าหลายๆคนก็คงชอบไม่ต่างกัน ด้วยรสชาติที่จัดจ้านบวกกับสมุนไพรที่ใส่ลงไปก็ยิ่งทำให้น่ากิน ชวนน้ำลายไหล หนังสือเล่มนี้จะนำเสนอเมนูยำหลากหลายรูปแบบทั้งไทยและต่างประเทศ ผู้เขียนได้อธิบายความหมายของคำว่ายำว่าเป็นการนำส่วนผสมของเนื้อสัตว์และผักหลากหลายชนิดมาคลุกเคล้าเข้าด้วยกัน ปรุงรสตามใจชอบ เนื้อสัตว์ที่นิยมใช้ก็เช่น ปลาหมึก กุ้ง ปู ปลา ต้องเน้นความสดของวัตถุดิบที่ใช้เสมอ เพราะการทำยำจะไม่ทำให้สุกมาก บวกกับสมุนไพรอย่างขิง ข่า ตะไคร้ ใบมะกรูด และผัก เช่น หอมใหญ่ ต้นหอม ผักชี แครอท นอกจากนี้ผู้เขียนยังได้แบ่งประเภทของยำออกตามสีของน้ำยำ คือน้ำยำสีขาว ซึ่งมีส่วนผสมของน้ำมะนาว น้ำปลา น้ำตาล และพริกขี้หนู ยำประเภทนี้ได้แก่ ยำผลไม้ ยำทะเล เป็นต้น ส่วนน้ำยำสีดำ ก็จะคล้ายกับน้ำยำสีขาว แต่จุดเด่นจะอยู่ตรงที่การใส่น้ำพริกเผา เพิ่มความเข้มข้น ได้แก่ พล่าต่างๆ ยำถั่วพู ยำหัวปลี และลาบ เป็นต้น น้ำยำสีแดง จะมีส่วนผสมของน้ำพริกแกงคั่ว ซึ่งให้สีแดง ปรุงรสให้ออกเปรี้ยว เค็ม หวาน เนื้อหาของหนังสือเล่มนี้จะบอกถึงวิธีการทำยำ ส่วนผสม วัตถุดิบ มีรูปภาพประกอบ สวยงาม ดูน่ากินมาก เมนูยำก็มีทั้งที่เคยกินและก็ยังไม่เคยได้ยินแม้แต่ชื่อค่ะ อ่านแล้วสามารถนำไปทดลองทำตามได้ทันที วิธีการทำก็ไม่ยุ่งยากซับซ้อน ตามสไตล์อาหารประเภทยำค่ะ อ่านเข้าใจง่ายมาก และที่สำคัญคือทุกเมนูในเล่มผ่านการทดลองมาแล้วโดย American Cuisine

คนเราสมัยนี้ อยากสวยอยากหล่อกันเยอะจริงๆนะคะ อย่างเพื่อนๆที่เรียนด้วยกัน 8 ใน 10 คนทำศัลยกรรมค่ะ (ไม่ได้พูดเล่นนะคะ) ศัลยกรรมดูเหมือนจะกลายเป็นเรื่องธรรมดาไปแล้ว แต่ที่น่าตกใจมากกว่าจำนวนเพื่อนๆที่ทำก็คือ ส่วนใหญ่จะไปทำแบบไม่รู้อะไรเลย เห็นคนอื่นทำแล้วสวยก็อยากทำบ้าง ฟังจากเพื่อนที่ไปทำมาก็ตัดสินใจไปทำเลย บางคนโชคดีทำครั้งเดียวก็สวยโดนใจ แต่อีกหลายคนที่ไปทำมาแล้วต้องกลับไปแก้อีกหลายรอบจนกว่าจะสวย มาคิดดูก็น่าเสียดายที่ถ้าได้อ่านหนังสือเล่มนี้ก่อนก็อาจจะเปลี่ยนใจไม่ไปทำหรืออย่างน้อยก็คงมีข้อมูลมากขึ้นก่อนตัดสินใจ รู้จริงก่อนสวยฯจะเป็นการรวบรวมประสบการณ์การผ่าตัดศัลยกรรมของหมอคนหนึ่งที่น่าสนใจ เป็นประสบการณ์ตรงจากการที่ได้สัมผัสคนไข้หลากหลายรูปแบบ ประกอบกับข้อมูลที่เป็นความรู้ที่ถูกต้องเกี่ยวกับการทำศัลยกรรม เมื่อได้อ่านแล้วก็จะช่วยให้มีข้อมูลในเรื่องนี้มากขึ้น บางเรื่องก็เป็นการแก้ไขความเข้าใจผิดๆเกี่ยวกับการศัลยกรรมด้วย คุณหมอจะแนะนำเกี่ยวกับเรื่องอายุว่าควรเริ่มทำเมื่อไหร่ การให้ข้อมูลแบบละเอียดเกี่ยวกับการศัลยกรรมจมูกและตา จมูก ตา สวยไม่สวยเป็นยังไง ต้องแก้ตรงไหน การศัลยกรรมแบบเกาหลีที่สาวๆหลายคนอยากรู้ และก็เรื่องการศัลยกรรมที่กำลังแพร่ระบาดบนโลกไซเบอร์ เป็นหนังสือที่อัดแน่นด้วยข้อมูลเรื่องศัลยกรรม ถึงแม้ว่าจะไม่ได้อธิบายโดยละเอียดถึงการศัลยกรรมทุกส่วนของร่างกายแต่ก็เพียงพอที่ผู้อ่านจะใช้ประกอบการตัดสินใจได้ หนังสือไม่ได้เชียร์หรือชวนให้แอนตี้ศัลยกรรม แต่จะให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์จากประสบการณ์ตรงของคุณหมอ ทำให้ตัดสินใจทำศัลยกรรมได้อย่างฉลาด สวย และปลอดภัย

คนเราสมัยนี้ อยากสวยอยากหล่อกันเยอะจริงๆนะคะ อย่างเพื่อนๆที่เรียนด้วยกัน 8 ใน 10 คนทำศัลยกรรมค่ะ (ไม่ได้พูดเล่นนะคะ) ศัลยกรรมดูเหมือนจะกลายเป็นเรื่องธรรมดาไปแล้ว แต่ที่น่าตกใจมากกว่าจำนวนเพื่อนๆที่ทำก็คือ ส่วนใหญ่จะไปทำแบบไม่รู้อะไรเลย เห็นคนอื่นทำแล้วสวยก็อยากทำบ้าง ฟังจากเพื่อนที่ไปทำมาก็ตัดสินใจไปทำเลย บางคนโชคดีทำครั้งเดียวก็สวยโดนใจ แต่อีกหลายคนที่ไปทำมาแล้วต้องกลับไปแก้อีกหลายรอบจนกว่าจะสวย มาคิดดูก็น่าเสียดายที่ถ้าได้อ่านหนังสือเล่มนี้ก่อนก็อาจจะเปลี่ยนใจไม่ไปทำหรืออย่างน้อยก็คงมีข้อมูลมากขึ้นก่อนตัดสินใจ รู้จริงก่อนสวยฯจะเป็นการรวบรวมประสบการณ์การผ่าตัดศัลยกรรมของหมอคนหนึ่งที่น่าสนใจ เป็นประสบการณ์ตรงจากการที่ได้สัมผัสคนไข้หลากหลายรูปแบบ ประกอบกับข้อมูลที่เป็นความรู้ที่ถูกต้องเกี่ยวกับการทำศัลยกรรม เมื่อได้อ่านแล้วก็จะช่วยให้มีข้อมูลในเรื่องนี้มากขึ้น บางเรื่องก็เป็นการแก้ไขความเข้าใจผิดๆเกี่ยวกับการศัลยกรรมด้วย คุณหมอจะแนะนำเกี่ยวกับเรื่องอายุว่าควรเริ่มทำเมื่อไหร่ การให้ข้อมูลแบบละเอียดเกี่ยวกับการศัลยกรรมจมูกและตา จมูก ตา สวยไม่สวยเป็นยังไง ต้องแก้ตรงไหน การศัลยกรรมแบบเกาหลีที่สาวๆหลายคนอยากรู้ และก็เรื่องการศัลยกรรมที่กำลังแพร่ระบาดบนโลกไซเบอร์ เป็นหนังสือที่อัดแน่นด้วยข้อมูลเรื่องศัลยกรรม ถึงแม้ว่าจะไม่ได้อธิบายโดยละเอียดถึงการศัลยกรรมทุกส่วนของร่างกายแต่ก็เพียงพอที่ผู้อ่านจะใช้ประกอบการตัดสินใจได้ หนังสือไม่ได้เชียร์หรือชวนให้แอนตี้ศัลยกรรม แต่จะให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์จากประสบการณ์ตรงของคุณหมอ ทำให้ตัดสินใจทำศัลยกรรมได้อย่างฉลาด สวย และปลอดภัย

สวยได้โดยไม่ต้องพึ่งมีดหมอ น่าจะเป็นคอนเซ็ปของหนังสือเล่มนี้นะคะ หนังสือเล่มนี้เขียนขึ้นจากความเชื่อที่ว่า การออกกำลังกายคือวิธีที่ดีที่สุดในการมีสุขภาพที่ดี เป็นวิธีการที่ไม่ต้องลงทุนอะไรมากมาย และการมีสุขภาพที่ดีนี่เองจะเป็นที่มาของความหล่อ ความสวย ความอ่อนวัย การออกกำลังใบหน้าก็เหมือนกัน ถ้าได้ทำอย่างสม่ำเสมอก็จะได้ใบหน้าที่มีสุขภาพดีไม่ต่างจากร่างกาย โยคะชะลอวัยจะแบ่งการออกกำลังใบหน้าออกเป็นคอร์สๆ
คอร์สแรกจะเป็นคอร์สยกกระชับใบหน้า ใช้เวลา 6 วันต่อสัปดาห์ วันละ 3 ครั้ง ผู้เขียนบอกว่าถ้าทำครบตามนี้จะได้หน้าใหม่ภายใน 2 สัปดาห์แน่นอน ซึ่งในคอร์สแรกนี้จะมีการแบ่งออกเป็นโปรแกรมย่อยๆอีก ในแต่ละโปรแกรมก็จะมีท่าบริหารต่างๆ อย่างเช่นโปรแกรมที่ 1 เรียกว่าชุดออกกำลังกายยกกระชับแก้มและปาก จะประกอบด้วยท่านักเป่า ท่ามาริลีนมอนโร ท่ายิ้มศัลยกรรม ท่าพาเหรดสระ แล้วก็ท่ายกช้อน โปรแกรมที่ 2 เรียกว่าชุดออกกำลังยกกระชับขากรรไกรและลำคอ ก็จะประกอบด้วยท่าต่างๆเช่นเดียวกัน ในคอร์สแรกนี้จะเป็นคอร์สที่บริหารได้ครบทุกส่วนบนใบหน้าเลยค่ะ
คอร์สที่สองผู้เขียนเรียกว่าเป็นคอร์สโยคาสนะชะลอวัย ทำให้ผิวพรรณผ่องใส ดูมีสุขภาพดีและอ่อนเยาว์ ใช้เวลาฝึกสัปดาห์ละ 3 ครั้ง จะดูเด็กลง 10 ปี ภายใน 1-3 เดือน
นอกจากนี้ก็ยังมีเรื่อง 14 เคล็ดลับหน้าใส อย่างเช่นการกินผลไม้ การกระตุ้นให้ร่างกายหลั่ง Growth Hormone การกินกลูต้าจากอาหารแทนการฉีด และการกินอาหารที่มีฤทธิ์ร้อน เย็น เป็นต้น
ถือว่าเป็นหนังสือที่สอนโยคะแบบเข้าใจง่าย มีภาพประกอบชัดเจน ถึงจะมีเวลาว่างไม่มากก็สามารถทำตามได้ เพราะใช้เวลาไม่นานเลยค่ะ ผลลัพธ์ที่ได้อาจจะยังไม่เร็วทันใจแบบที่ผู้เขียนบอกไว้ แต่อย่างน้อยสนุกภาพจะดีขึ้นแน่นอน

สวยได้โดยไม่ต้องพึ่งมีดหมอ น่าจะเป็นคอนเซ็ปของหนังสือเล่มนี้นะคะ หนังสือเล่มนี้เขียนขึ้นจากความเชื่อที่ว่า การออกกำลังกายคือวิธีที่ดีที่สุดในการมีสุขภาพที่ดี เป็นวิธีการที่ไม่ต้องลงทุนอะไรมากมาย และการมีสุขภาพที่ดีนี่เองจะเป็นที่มาของความหล่อ ความสวย ความอ่อนวัย การออกกำลังใบหน้าก็เหมือนกัน ถ้าได้ทำอย่างสม่ำเสมอก็จะได้ใบหน้าที่มีสุขภาพดีไม่ต่างจากร่างกาย โยคะชะลอวัยจะแบ่งการออกกำลังใบหน้าออกเป็นคอร์สๆ
คอร์สแรกจะเป็นคอร์สยกกระชับใบหน้า ใช้เวลา 6 วันต่อสัปดาห์ วันละ 3 ครั้ง ผู้เขียนบอกว่าถ้าทำครบตามนี้จะได้หน้าใหม่ภายใน 2 สัปดาห์แน่นอน ซึ่งในคอร์สแรกนี้จะมีการแบ่งออกเป็นโปรแกรมย่อยๆอีก ในแต่ละโปรแกรมก็จะมีท่าบริหารต่างๆ อย่างเช่นโปรแกรมที่ 1 เรียกว่าชุดออกกำลังกายยกกระชับแก้มและปาก จะประกอบด้วยท่านักเป่า ท่ามาริลีนมอนโร ท่ายิ้มศัลยกรรม ท่าพาเหรดสระ แล้วก็ท่ายกช้อน โปรแกรมที่ 2 เรียกว่าชุดออกกำลังยกกระชับขากรรไกรและลำคอ ก็จะประกอบด้วยท่าต่างๆเช่นเดียวกัน ในคอร์สแรกนี้จะเป็นคอร์สที่บริหารได้ครบทุกส่วนบนใบหน้าเลยค่ะ
คอร์สที่สองผู้เขียนเรียกว่าเป็นคอร์สโยคาสนะชะลอวัย ทำให้ผิวพรรณผ่องใส ดูมีสุขภาพดีและอ่อนเยาว์ ใช้เวลาฝึกสัปดาห์ละ 3 ครั้ง จะดูเด็กลง 10 ปี ภายใน 1-3 เดือน
นอกจากนี้ก็ยังมีเรื่อง 14 เคล็ดลับหน้าใส อย่างเช่นการกินผลไม้ การกระตุ้นให้ร่างกายหลั่ง Growth Hormone การกินกลูต้าจากอาหารแทนการฉีด และการกินอาหารที่มีฤทธิ์ร้อน เย็น เป็นต้น
ถือว่าเป็นหนังสือที่สอนโยคะแบบเข้าใจง่าย มีภาพประกอบชัดเจน ถึงจะมีเวลาว่างไม่มากก็สามารถทำตามได้ เพราะใช้เวลาไม่นานเลยค่ะ ผลลัพธ์ที่ได้อาจจะยังไม่เร็วทันใจแบบที่ผู้เขียนบอกไว้ แต่อย่างน้อยสนุกภาพจะดีขึ้นแน่นอน

หลายคนคงอยากทำธุรกิจ แต่ไม่รู้จะเริ่มต้นขายอะไรดี เรื่องสินค้าที่จะนำมาขายนี่คงเป็นปัญหาใหญ่ของใครหลายๆคนนะคะ เพราะถึงแม้จะเป็นสินค้าที่เราชอบเป็นทุนเดิม แต่ก็กลัวว่าจะขายไม่ได้ ไม่มีคนซื้อ ปัญหาใหญ่อีกปัญหาหนึ่งก็คือ สมมติเรารู้แล้วว่าจะขายอะไร แต่ก็ไม่รู้ว่าจะไปหาสินค้านั้นมาจากไหน ร้านนี้ขายถูก ร้านนี้ขายแพง แต่เป็นแบบที่เราชอบ จะเลือกร้านไหนดี ปัญหาแบบนี้เกิดกับเราเหมือนกันค่ะ ก็เลยทำให้เราต้องหาหนังสือที่จะช่วยหาร้านโดนๆที่ขายของแบบที่เราต้องการ หนังสือเล่มนี้จะรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับแหล่งขายสินค้าหลากหลายรูปแบบค่ะ เป็นการรวบรวมร้านเด่น ร้านดังตามประเภทของสินค้าไว้กว่า 100 ร้าน มีให้เลือกกันเยอะมากค่ะ เค้าจะแบ่งประเภทของสินค้าออกเป็นของโบราณน่าสะสม งานศิลปะ หนังสือ เสื้อผ้าและเครื่องประดับ สินค้าตกแต่งต่างๆ กิ๊ฟท์ช้อป งานหัตถกรรม งานสุขภาพและความงาม สินค้าที่เกี่ยวกับบ้านและสวน จิวเวลรี่ แพ็กเกจจิ้ง ของเล่นและงานอดิเรก นอกจากนี้ก็ยังได้รวบรวมแหล่งซื้อขายใหญ่ๆไว้ด้วยอย่างเช่นตลาดโรงเกลือ ไนท์บาร์ซาร์เชียงใหม่ ตลาดปีนังคลองเตย ย่านเยาวราช เสือป่า สำเพ็ง สะพานเหล็ก พาหุรัด ประตูน้ำ และรวมไปถึงเมืองกวางโจวประเทศจีน นอกจากจะรวบรวมร้านค้าและแหล่งช้อปปิ้งใหญ่ๆเอาไว้แล้ว เค้ายังบอกที่ตั้ง เจ้าของ แผนที่ร้าน ช่วงราคาสินค้า และเบอร์ติดต่อเอาไว้ด้วย เรียกได้ว่าถ้าสนใจก็สามารถโทรติดต่อได้ทันที ลืมบอกไปอีกอย่างค่ะ หนังสือจะให้ข้อมูลเกี่ยวกับเว็บต่างๆที่เราสามารถไปขายของได้ การเลือกอุปกรณ์ต่างๆในการถ่ายภาพสินค้า การสร้างร้านค้าเอง การชำระเงินออนไลน์ และการจัดส่งสินค้า เป็นข้อมูลเบื้องต้นสำหรับคนที่ยังไม่มีประสบการณ์นะคะ

หลายคนคงอยากทำธุรกิจ แต่ไม่รู้จะเริ่มต้นขายอะไรดี เรื่องสินค้าที่จะนำมาขายนี่คงเป็นปัญหาใหญ่ของใครหลายๆคนนะคะ เพราะถึงแม้จะเป็นสินค้าที่เราชอบเป็นทุนเดิม แต่ก็กลัวว่าจะขายไม่ได้ ไม่มีคนซื้อ ปัญหาใหญ่อีกปัญหาหนึ่งก็คือ สมมติเรารู้แล้วว่าจะขายอะไร แต่ก็ไม่รู้ว่าจะไปหาสินค้านั้นมาจากไหน ร้านนี้ขายถูก ร้านนี้ขายแพง แต่เป็นแบบที่เราชอบ จะเลือกร้านไหนดี ปัญหาแบบนี้เกิดกับเราเหมือนกันค่ะ ก็เลยทำให้เราต้องหาหนังสือที่จะช่วยหาร้านโดนๆที่ขายของแบบที่เราต้องการ หนังสือเล่มนี้จะรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับแหล่งขายสินค้าหลากหลายรูปแบบค่ะ เป็นการรวบรวมร้านเด่น ร้านดังตามประเภทของสินค้าไว้กว่า 100 ร้าน มีให้เลือกกันเยอะมากค่ะ เค้าจะแบ่งประเภทของสินค้าออกเป็นของโบราณน่าสะสม งานศิลปะ หนังสือ เสื้อผ้าและเครื่องประดับ สินค้าตกแต่งต่างๆ กิ๊ฟท์ช้อป งานหัตถกรรม งานสุขภาพและความงาม สินค้าที่เกี่ยวกับบ้านและสวน จิวเวลรี่ แพ็กเกจจิ้ง ของเล่นและงานอดิเรก นอกจากนี้ก็ยังได้รวบรวมแหล่งซื้อขายใหญ่ๆไว้ด้วยอย่างเช่นตลาดโรงเกลือ ไนท์บาร์ซาร์เชียงใหม่ ตลาดปีนังคลองเตย ย่านเยาวราช เสือป่า สำเพ็ง สะพานเหล็ก พาหุรัด ประตูน้ำ และรวมไปถึงเมืองกวางโจวประเทศจีน นอกจากจะรวบรวมร้านค้าและแหล่งช้อปปิ้งใหญ่ๆเอาไว้แล้ว เค้ายังบอกที่ตั้ง เจ้าของ แผนที่ร้าน ช่วงราคาสินค้า และเบอร์ติดต่อเอาไว้ด้วย เรียกได้ว่าถ้าสนใจก็สามารถโทรติดต่อได้ทันที ลืมบอกไปอีกอย่างค่ะ หนังสือจะให้ข้อมูลเกี่ยวกับเว็บต่างๆที่เราสามารถไปขายของได้ การเลือกอุปกรณ์ต่างๆในการถ่ายภาพสินค้า การสร้างร้านค้าเอง การชำระเงินออนไลน์ และการจัดส่งสินค้า เป็นข้อมูลเบื้องต้นสำหรับคนที่ยังไม่มีประสบการณ์นะคะ